คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Secrecy -5-
-5-
ในสวนหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ปกติผู้คนที่นานทีจะสัญจรผ่านมามักจะมองว่าคฤหาสน์แห่งนี้ช่างแสนสวยราวกับบ้านในฝันแต่กลับไร้ชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด ตอนนี้กลับดูสดชื่นขึ้นเหล่าดอกไม้เริ่มผลิบานราวกับต้อนรับใครบางคนที่จะเป็นว่าที่เจ้าของผืนดินแห่งนี้ในอนาคต
ร่างบางที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเปลใต้ต้นไม้ใหญ่ของคฤหาสน์อดรู้สึกสดชื่นไม่ได้ หลายสัปดาห์เลยทีเดียวที่ต้องทนอยู่แต่ภายในคฤหาสน์เพราะขาที่บาดเจ็บแต่ตอนนี้หายเป็นปกติแล้วและจากเหตุการณ์นั้นทำให้อูฮยอนต้องระวังตัวมากขึ้นเพื่อไม่ให้ตัวเองบาดเจ็บ
ดวงตาหวานมองไปยังวิวโดยรอบของคฤหาสน์ที่มีต้นไม้ใหญ่มากมายล้อมรอบที่นี่เงียบสงบเกินไปเพราะไม่เพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ที่นี่คือนัมอูฮยอนและเจ้าบ้านคิมซองกยู เท่าที่สังเกตุนอกนั้นก็จะมีแม่บ้านหรือคนงานมาทำงานให้เป็นบางวันแล้วแต่เจ้าบ้านจะเรียกใช้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าแล้วก่อนหน้าที่ตนโดนจับมาอยู่ที่นี่คิมซองกยูอยู่คนเดียวงั้นเหรอ? นี่เป็นคำถามที่ร่างบางไม่กล้าถามอีกฝ่ายเพราะจากความฝันที่เป็นเสมือนกล่องความทรงจำ คิมซองกยูคนนั้นโดดเดี่ยวมานาน…
ใช่แล้วล่ะ นัมอูฮยอนจำคิมซองกยูได้แล้วจากความฝันที่ดูเหมือนภาพนั้นจะชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พี่กิวเด็กอุปการะของตระกูลนัมคนนั้นต้องเผชิญกับความโหดร้ายของโลกที่บิดเบี้ยวทำให้จิตใจเหมือนจะแข็งกระด้าง แต่นัมอูฮยอนเห็นบางอย่างในจิตใจของพี่ชายกิวคนนั้นความอ่อนโยนที่มีให้กันในวันวานทำให้รู้ว่าพี่กิวไม่ใช่คนไม่ดีแต่เป็นคนดีที่สุดต่างหาก
แต่ถึงแม้จะจำซองกยูได้แล้วก็ใช่ว่าความทรงจำทุกอย่างจะกลับคืนมาทั้งหมด อูฮยอนจำได้เพียงแค่บางส่วนจากความฝันเท่านั้น และแน่นอนว่าร่างบางจะยังไม่บอกความจริงเรื่องนี้ให้ร่างหนารับรู้จนกว่าซองกยูจะเอ่ยคำที่เขาอยากได้ยินในตอนนี้ คำที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีให้กับร่างบางเพราะตั้งแต่เด็กอูฮยอนเป็นคนบอกรักอีกฝ่ายมาตลอดแต่ก็ไม่เคยได้ยินอีกฝ่ายบอกกลับเลยซักครั้ง เพียงแค่เขาเอ่ยคำนั้นนัมอูฮยอนจะบอกทุกอย่างที่เขาอยากรู้และให้ทุกอย่างแม้กระทั่งหัวใจ
“อ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ” เสียงทุ้มของร่างหนาทำให้อูฮยอนต้องหันหลังไปมองต้นเสียง
“อืม”
น้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ของร่างบางทำให้คิมซองกยูต้องถอนหายใจ ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาพยายามทุกอย่างในการทำให้ร่างบางจำเขาให้ได้ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าีคนจะจำเขาได้ซักนิด หรือว่าเขาควรถอดใจ เพราะเวลาที่จะได้ใกล้ชิดกันแบบนี้เหลือน้อยลงทุกทีเขามีงานภาระหน้าที่มากมายที่รอเขาอยู่
“อ่านให้ฟังหน่อยสิ” ร่างหนานั่งลงบนเปลก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก
“นายก็อ่านออกนี่ อ่านไปสิฉันง่วงแล้วจะไปนอน”
ร่างบางที่ดูเหมือนจะพยายามเลี่ยงร่างหนาวางหนังสือและทำท่าจะลุกหนีอีกฝ่าย ก็แน่ล่ะสิขืนอยู่ใกล้ซองกยูไปนานๆเขาอาจจะจับได้ว่าอูฮยอนหวั่นไหวแค่ไหนและก็กลัวว่าตนเองจะเผลอบอกทุกอย่างกับอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ทันแขนแกร่งที่เหนี่ยวรั้งร่างบางให้อยู่บนตักตามเดิม
“อูฮยอน...หลายวันที่ผ่านมานายเป็นอะไร หนีหน้าฉันตลอด” สิ้นเสียงนั้นทำเอาร่างบางตกใจไม่ได้แต่โชคดีที่หันหลังพิงอีกฝ่ายจึงไม่เห็นสีหน้าของตน
“ป่าวซักหน่อย เราไม่ได้ตัวติดกันนี่ฉันก็แค่อยากทำอะไรก็ทำไง”
“นายปิดบังอะไรอยู่รึเปล่า” ประโยคที่เหมือนจี้ใจร่างบางทำให้ต้องหันกลับมามองดวงตาคม
“ฉันไม่มีอะไรปิดบังนาย หรือการที่ฉันยืนยันว่าจะอยู่ที่นี่เพื่อให้นายพิสูจน์ความจริงนั่นยังไม่พอให้นายเชื่อ?”
ทั้งสองสบตากันเป็นเวลานานราวกับร่างหนาต้องการค้นความจริงผ่านดวงตาใสทำเอาร่างบางใจเต้นแรง ก่อนร่างหนาจะอดไม่ได้เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายเพื่อชิมความหวานจากริมฝีปากอิ่ม จากวันนั้นด^เหมือนซองกยูจะเป็นคนเอาแต่ใจมากขึ้นเขารู้สึกว่าอยากจะสัมผัสคนตรงหน้าให้มากขึ้นทุกครั้งที่มีโอกาสได้เข้าใกล้นัมอูฮยอนอันตรายกับใจมากกว่าที่เขาคิดไว้ เนิ่นนานกว่าทั้งสองจะผละออกจากกันทำให้ร่างบางบนตักหอบหายใจก่อนจะชนหน้ผากอีกฝ่ายผสานสายตาเมือนกับต้องการสื่อให้อีกฝ่ายรู้
‘พูดคำนั้นออกมาซะทีสิ ซองกยู’
ติ๊ดด ติ๊ดด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้ร่างสูงหงุดหงิดแต่เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทนเข้าร่างหนาก็รีบรับสายทันที
“สวัสดีครับ...หืม เย็นนี้เลย เข้าใจแล้วครับ สวัสดีครับ” น้ำเสียงที่ร่างหนาพูดกับคนปลายสายราวกับเป็นคนที่เคารพนับถือ สีหน้าร่างหนาเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“มานี่กับฉันหน่อยสิ อูฮยอน”
อูฮยอนงงงวยกับสิ่งที่ร่างหนาพูดแต่ก็ทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไขร่างบางเดินตามมายังห้องนอนก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าห้องน้ำและให้อูฮยอนคัดเลือกสูทให้กับเขาก่อนที่เขาจะใส่มันและให้ร่างบางจัดสูทสีดำขลับผิวขาวซีดของร่างหนาให้เข้าที่ เขาดูดีมากในชุดนี้ทำให้อูฮยอนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าใครที่โทรมาปกติร่างหนาแทบไม่ออกไปไหนเลย คนๆนั้นเป็นใครถึงสามารถสั่งให้คนตรงหน้าออกไปจากที่นี่ได้
“เดี๋ยวฉันจะไม่อยู่ที่นี่สองสามวันนะ”
“อือ”
“ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันจะไปไหน” ไม่เคยคิดถึงหรือห่วงกันเลยหรือไง
“ถึงถามไปนายก็ไม่ตอบฉันหรอก จริงมั้ย” ร่างเล็กที่กำลังผูกเน็กไทให้ช้อนตาขึ้นมามองอีกคนเชิงคำถาม
“เฮ้อ เอาเป็นว่าระหว่างที่ฉันไม่อยู่ที่นี่จะให้แม่บ้านมาอยู่กับนายนะ”
“แล้วนายไม่กลัวฉันหนีเหรอ” ความหงุดหงิดที่อีกฝ่ายอยู่ดีๆก็จะหายหน้าไปสองสามวันทำให้อดกวนอารมณ์ร่างหนาไม่ได้
……..
“ตอนนายพ้นจากประตูนี้ไป ฉันอาจจะหนีไปเลยก็ได้ อื้อ”
ร่างหนาทาบริมฝีปากลงไปอีกก่อนจะดันอีกฝ่ายให้ลงไปที่เตียงโดนไร้การต่อต้านจากอีกฝ่ายมือเล็กโอบรอบคอร่างหนากลิ่นน้ำหอมที่เพิ่งฉีดให้ยิ่งทำให้นัมอูฮยอนถูกควบคุมสติโดยคิมซองกยูอย่างสมบูรณ์ อยู่ดีๆความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อนึกว่าจะไม่ได้เจอหน้าร่างหนาอีกหลายวัน คิมซองกยูไล้ริมฝีปากลงมาที่ต้นคอก่อนจะขบเม้มอย่างแผ่วเบาจนผิวบางขึ้นสี ร่างหนาเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาใสที่มีน้ำตาเอ่อคลออย่างหวามไหวทำให้ร่างหนาเผลอยิ้มมุมปาก
“หึ ฉันเชื่อว่านายไม่มีทางคิดหนีฉันแน่นอนอูฮยอน”
…….
“ไว้ฉันกลับมาเมื่อไหร่เรามาต่อกันนะ”
ร่างสูงจูบขมับของอีกฝ่ายที่ชื้นเหงื่อก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทำเอาร่างบางอึ้งใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อ
คนบ้า!
ณ งานเปิดตัวห้างสรรพสินค้าสาขาใหม่ของเอ็มทีกรุ๊ป เหล่าบรรดาเซเลปนักข่าวและนักธุรกิจมากมายต่างพากันมาแสดงความยินดีกับเจ้าของงาน ประธานเคทีกรุ๊ป คิมซงวาน นักธุรกิจแนวหน้าของประเทศในวัยเจ็ดสิบปี แต่ถึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตแค่ไหนแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถกำหนดมันได้คือการมีบุตรสืบสกุลธุรกิจของเขาจนเกือบถอดใจ
“ยินดีกับคุณคิมด้วยครับ”
“อ้าว อูมิน ฮงคยู ช่วงนี้เป็นไงบ้างล่ะ” ชายชราถามสองหนุ่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้มต่างจากทั้งสองคนที่ยิ้มอ่างกระอักกระอ่วนเพราะปัญหาสุมหัวพวกเขาอยุ่ตอนนี้
“อ่อ...ก็ดีครับ”
“ฮงคยูไหนบอกจะมาเปิดตัวคู่หมั้นไง ป่านนี้ลุงยังไม่เห็นหน้าเลย” ซงวานถามฮงคยูซึ่งเป็นลูกของเพื่อนสนิททำให้คุยกันได้อย่างเป็นกันเอง
“คือ..ตอนนี้ยังไม่กลับจากต่างประเทศเลยครับ ไว้ถ้ากลับมาเมื่อไหร่จะรีบพาาหาลุงคิมคนแรกเลยครับ” ฮงคยูตอบกลับด้วยวาจาสุภาพต่างจากแววตาที่จ้องไปยังนัมอูมินอย่างคาดโทษ
“เอาล่ะ ฉันไม่อยากรบกวนแล้วเข้าไปนั่งในงานเถอะนะยืนนานเดี๋ยวจะเมื่อย ฮ่าๆ” ทั้งสองคนเข้าไปในงานและพยายามปั้นสีหน้าให้แนบเนียนจากความเครียดที่สะสม
เมื่อเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงผู้คนต่างเข้ามายังงานครบทุกคนแล้ว ดนตรีที่บรรเลงก็หยุดลงพิธีกรดำเนินงานก็มากล่าวเปิดงาน สื่อมวลชนทั้งหลายรวมถึงแขกภายในงานต่างจับจ้องไปยังเวทีของงาน
“ตอนนี้ก็ได้เวลาอันเป็นสมควรแล้ว ขอเชิญคุณคิมซงวานค่ะ”
เสียงปรบมือดังก่อนคิมซงวานจะขึ้นมากล่าว บ้างก็คุยไม่สนใจบ้าง บ้างก็มาในงานนี้เพื่อกิน ฮงคยูเองก็กลับไปแล้วเหลือแต่เพียงอูมินที่นั่งดื่มแอลกอฮอลเพื่อดับความเครียดในใจเรื่องน้องชายเขาที่เปรียบดั่งสมบัติชิ้นสุดท้ายของตระกูลนัม กลับหายไปเป็นเวลาเกือบเดือนแล้วโดยไร้วี่แววของคนลักพาตัว
แผนทุกอย่างที่เขาคิดไว้ตั้งแต่จัดฉากให้น้องไปเจอกับฮงคยูที่แสนดีทำนิสัยให้เหมือนกับไอ้กยูพี่ชายในเศษความทรงจำของน้อง เพื่อให้อูฮยอนหลงรักและแต่งงานส่วนเขาก็จะได้เงินรวมถึงเอาเงินไปใช้หนี้ให้บริษัทได้ แต่แผนกลับล้มไม่เป็นท่าเมื่อมีมือมืดมาพาน้องเขาไปแล้วเขาจะทำยังไงกับหนี้สินก้อนโตนี่ล่ะ
“….ทุกคนคงจะทราบนะครับว่าธุรกิจทุกอย่างจะยังมีลมหายใจได้ตราบเท่าที่คนทำยังอยู่ แต่ ณ วันนี้ผมคิมซงวานเป็นดั่งไม้ใกล้ฝั่ง การจะฝากธุรกิจไว้กับใครซักคนเป็นเรื่องยากแต่ตอนนี้ผมมีคนที่สามารถฝากฝังเอ็มทีกรุ๊ปเอาไว้ให้สองมือของเขาบริหารต่อได้แล้ว คนๆนั้นคือลูกชายผม คิมซองกยู ครับ”
หืม หรือฟังผิด อูมินคิดในใจ ไอ้กยูหมาหัวเน่าตัวนั้นจะมาเป็นทายาทนักธุรกิจได้ยังไง…
“สวัสดีครับ ผม คิมซองกยูรองประธานบริษัทเอ็ทเคกรุ๊ปนับแต่นี้เป็นต้นไปครับ”
!!!!!!
อูมินที่เริ่มเมากลับตาสว่างขึ้นทันตา อะไรนะ? หรือตอนนี้เขาจะเมาจนไม่ได้สติ? ไอ้กยูมันโดนกำจัดไปตั้งแต่แปดปีที่แล้วทำไมมันยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้ และยังมีสิทธิสถานะเท่าเทียมกับเขาอูมินกำหมัดแน่นก่อนจะเดินออกมาข้างนอกงานโดยไม่สนว่าจะเดินชนใครบาง เมื่ออกมายังที่เงียบไร้ผู้คนมือหนาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสูทเพื่อกดโทรหาลูกน้องของเขา
“ฮัลโหล แกรีบไปตามสืบไอ้ซองกยูเดี๋ยวนี้ ฉันต้องการข้อมูลมันอย่างละเอียดที่สุด”
อูมินไม่ชอบคนที่ขัดขวางทางของเขารวมถึงใครก็แล้วแต่ที่ทำให้เขาหงุดหงิด และการปรากฎตัวของซองกยูทำให้เขาคิดอะไรบางอย่างไม่แน่น้องชายฉันอาจอยู่ที่แกก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงทุกอย่างจะง่ายขึ้นและเขาจะจบเกมป่วนประสาทนี่ให้เร็วที่สุด
#ficsecrecy <<< พูดคุยหรือทวงฟิคกันได้ที่นี่เลยนะคะ
to be continue...
Talk : งื้อออ เรารู้ว่ามันสั้นมาก(._.) แต่เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้วมีใครอยากรู้มั้ยว่าแปดปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้นต้องติดตามต่อนะคะ
เราหายหน้าหายตาไปนานเลยต้องขอโทษคนอ่านด้วย ที่เราหายไปเพราะสอบและตอนนี้ก็ยังสอบไม่เสร็จ #อ่าว แต่หยุดหลายวันเลยอยากแต่งต่อ แต่พอไม่ได้แต่งมาซักพักเหมือนอารมณ์มันไม่ต่อเนื่อง
อาจมีเขียนผิดพลาดหรืออารมณ์สะดุดอย่าถือสาเราเนอะ ตอนหน้าก็เหมือนเดิมคือจะมาเมื่อว่างและพร้อมเราเห็นคอมเม้นแล้วมีแรงฮึดมาก ขอบคุณมากจริงๆค่ะ
ความคิดเห็น