:: งูปาเสอ ::
天青色等烟雨而我在等你
สีครามรอไอฝน ส่วนข้ารอเพียงเจ้า*
หยาดโลหิตสีแดงฉานไหลรินตามแนวโครงของชุดเกราะสีเงิน สะท้อนเป็นประกายเงางามยามต้องแสงตะวันที่สาดส่องผ่านพ้นชั้นม่านหมอกซึ่งกำลังคลี่คลายอย่างช้าๆ คราบเลือดเก่าใหม่ผสมผสานเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำแห้งเกรอะกรัง มวลอากาศคละคคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายเยียบเย็น เสียดแทงลึกถึงกระดูก
รอบข้างกึกก้องไปด้วยเสียงโห่ร้องอื้ออึงดังระงม เสียงของความยินดีและสรรเสริญในชัยขนะของเผ่าสวรรค์
ทว่าอวี้เหวินโจวกลับไม่ได้ยินเสียงเหล่านั้น ริมฝีปางบางสั่นระริกถูกขบกัด สองมือเปื้อนไปด้วยเลือด กระทั้งในโพรงปากยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวหอมหวานของโลหิต
เขาจำได้เพียงเสี้ยววินาทีที่ความเจ็บปวดพุ่งตรงเข้าสลายแก่นวิญญาณ ตั้งแต่หน้าผากลามเลียไปจนถึงปลายเท้า พลันสิ้นไร้เรี่ยวแรง พลังงานที่คอยขับเคลื่อนถูกตัดขาด รวมทั้งพลังฝึกปรือเกือบเจ็ดหมื่นปีของเขาค่อยๆ เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว ดวงวิญญาณค่อยๆ ดำดึง ตกลงสู่ความมืดมิดไร้ก้นบึ้ง ลมหายใจรวยรินเปราะบางดุจเปลวเทียนวูบไหวในสายลม
ความทรงจำแรกที่ระลึกได้คือสีแดงฉาน
คนผู้หนึ่งบาดเจ็บ... เลือดไหลซึมกระจ่างชัดยิ่งบนเกราะอ่อนสีเงินเจิดจ้า
ข้า.. ลืมตาขึ้นมาบนโลกใบนี้อีกครั้งบนเลือดเนื้อของ ...
ร่างในชุดเกราะสีเงินทิ้งน้ำหนักตัวลงเบื้องหน้าเขา ปลายนิ้วอบอุ่นค่อยๆ เย็นชืดลงทีละน้อย ใบหน้าที่มักยิ้มแย้มสดใสครานี้กลับเป็นรอยยิ้มปลอดโปร่งโล่งใจ ประหนึ่งหมดห่วงอาลัยในทุกสิ่ง
"อย่าร้องไห้ ... ไม่สมเป็นเจ้าเลย"
ในถ้อยคำหยอกเย้ายังคงมีความห่วงใย อวี้เหวินโจวไม่แน่ใจว่าสิ่งที่หยาดหยดจากดวงตาตนเป็นน้ำตาเช่นที่คนตรงหน้าพูดหรือไม่ เขาเพียงรั้งร่างที่ทรุดลงมากอดไว้ ขณะที่ศีรษะคนผู้นั้นซวนซบลงไหล่เขา กลุ่มผมสีทองราวแสงอาทิตย์หมองหม่นคล้ายสูญเสียประกายไปพร้อมกับลมหายใจของผู้เป็นเจ้าของที่ใกล้มอดดับ
ทว่าเลือดอุ่นๆ จากอกคนตรงหน้ายังคงไหลไม่หยุด ไหลซึมออกมานอกเกราะจนเปรอะเปื้อนมือเขาที่พยายามกดห้ามไม่ให้มันหลั่งริน
“ข้าอยู่ เจ้าอยู่ ...
เจ้ายังไม่ตาย ข้าจะตายได้อย่างไร”
... เหวินโจว
เผ่างูปาเสอ ทุกตัวเมื่อบำเพ็ญเพียรจนสามารถจำแลงกายได้นั้น ล้วนมีรูปลักษณ์งดงามเย้ายวนเป็นอย่างยิ่ง แม้เป็นบุรุษก็ยังคงความยวนเย้าหมดจด
อวี้เหวินโจวนับแต่บำเพ็ญเพียรจนสามารถจำแลงร่างได้ ตัดสินใจออกเดินทางฝึกฝนตัวเองเพื่อเลื่อนขั้นไปทั่วทั้งสี่ทะเลแปดทิศ อาศัยรูปโฉมและพลังฝีมือไม่มากไม่น้อยนี้ ขึ้นเหนือล่องใต้ กราบเรียนกับเหล่าเทพเซียนผู้เร้นกายจากโลกหล้า เมื่ออายุได้สี่หมื่นปี เผชิญอสนีบาตสวรรค์ที่เทพเซียนต้องผจญเสียที ซึ่งสายฟ้านี้หาได้มีอานุภาพธรรมดาทั่วไป สายฟ้าแต่ละเส้นแต่ละสายที่กรีดฟาดลงมานั้น พุ่งผลาญทำลายขุนเขาในพริบตา
ผ่านได้... สำเร็จเลื่อนขึ้นเป็นซ่างเซียนได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ผ่านไม่ได้ก็สิ้นสลายเป็นเถ้าธุลีจบชีวิตลง
นานเท่าใดไม่อาจทราบ จวบจนเสียงฟ้าร้องครืนครั่นเงียบหาย ร่างทั้งร่างชุ่มโชกด้วยเลือด ราวกับอ่างโลหิตก็ไม่ปาน เขาฝืนกายเดินโซซัดโซเซไปตามป่าเขา
เพียงผ่านด่านเลื่อนขั้นเป็นซ่างเซียนก็บาดเจ็บอ่อนแอลงเช่นนี้ พาลให้รู้สึกถอดถอนต่อความอ่อนด้อยในพลังฝีมือตนไม่ได้
ซ้ำอย่างไรร่างเดิมของตนนั้นก็คืองูปาเสอตัวหนึ่งอยู่ดี เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบสิ้นสติ จึงเผยร่างออกมาอย่างช่วยไม่ได้
งูปาเสอนั้นถึงจะไม่ได้มีรูปร่างโดดเด่นน่าเกรงขามเช่นมังกรแห่งเผ่าสวรรค์ หากเทียบกับงูทั่วไปแล้วนับว่าใหญ่โตน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เขาจึงได้ย่อขนาดร่างกายลงเป็นงูขนาดเล็ก เลื้อยหาถ้ำที่ไม่สะดุดตาสักแห่ง หลบพักผ่อน
มิไยว่าร่างกายนี้เสียเลือดเนื้อมากเกินไป ไม่ทันไรก็สิ้นเรี่ยวแรง จำต้องหลับตาลงข้างบ่อน้ำเก่าร้างกลางป่าอย่างไม่อาจฝืนทน
การนอนหลับครั้งนั้น หลับลึกเป็นอย่างยิ่ง ยามลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครากลับพบว่าที่ที่อยู่นั้นไม่ใช่ข้างบ่อน้ำบ่อเดิมเสียแล้ว
แต่เป็นสถานที่คล้ายกระท่อมมุงหลังคาไม้ไผ่และหญ้าที่มนุษย์สร้างขึ้น ขื่อคานและเสาในบ้านแข็งแรงทนทานมากอยู่ เขาผงกศีรษะกวาดสายตาไปรอบๆ พิจารณาแล้วว่าแม้จะไม่กว้างขวางนัก แต่ก็กันแดดกันฝน สะดวกสบายดียิ่ง
ลมป่าเขาพัดพาย นำพาเสียงแสกสากของฝีเท้าคู่หนึ่งเข้ามาใกล้ บานประตูไม้บานนั้นถูกผลักเปิด ตามด้วยอาภรณ์สีฟ้าอ่อนบางพลิ้วเคลื่อนตัวเข้ามา
ใบหน้าหนึ่งเยี่ยมหน้า โน้มลงมาชิดใกล้
เขาเกิดและเติบโตในเผ่างูปาเสอ คุ้นชินกับรูปโฉมงดงามชวนฝันของผู้คนเป็นยิ่ง อีกทั้งยังท่องเที่ยวในสี่ทะเลแปดทิศมาเนิ่นนาน มิเคยถูกมิใบหน้าดวงใดทำให้สั่นคลอนหวั่นไหวได้สักครั้ง
ใบหน้าดวงนี้กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ความสงบนิ่งเยือกเย็นสั่นสะท้านอย่างรุนแรงด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย
มิได้ทันรู้ตัวเลยว่าด่านสวรรค์ขั้นต่อไปนั้น ได้ถูกกำหนดขึ้นแล้ว
ช่วงเวลานับพันนับหมื่นปีต่อจากนี้จะเป็นเพียงด่านสวรรค์ด่านหนึ่งเท่านั้นเอง
*********
天青色等烟雨而我在等你
สีครามรอไอฝน ส่วนข้ารอเพียงเจ้า*
มาจากท่อนหนึ่งในเพลง 青花瓷 | Qing Hua Ci - ชิงฮวาสือ | เครื่องลายคราม ของ Jay Chou
สีครามรอไอฝน - มาจากสมัยหนึ่งการผลิตเครื่องปั้นดินเผาสีครามทำได้ยากมาก เพราะไม่ใช่สีที่เผาออกมาได้ตามปกติ แต่ต้องใช้กรรมวิธีเฉพาะคือนำออกจากเตาเผาในวันฟ้าครึ้ม ไอฝนพรำ จึงจะได้สีตามต้องการ เพราะสีที่จะปรากฏออกมาเกี่ยวกับสภาพความชื้นในอากาศค่ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย