ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB FanFiction]..Until now..[AkaKuroC]

    ลำดับตอนที่ #3 : Night -2.2-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 461
      5
      27 ก.พ. 60

     

    ติดตามข่าวสารและการอัพเดทได้ที่

    : FB Page : 
    LinaAndHitorijanai




     


    -2.2-

     

     

     

     

    ปัง!

     

    "ห๊ะ? เลิกกัน?!"

     

    อาโอมิเนะ ไดกิ

    อดีตเอสของเทย์โควผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ทุบโต๊ะดังปังพาแก้วลอยแล้วตกลงมาน้ำกระเพื่อม

     

    คิเสะที่นั่งหัวโต๊ะเหงื่อตก... ขณะที่สาวร่างเล็กที่นั่งตรงข้ามพ่อเสือดำ เอ๊ย อาโอมิเนจจินั่งดูดวานิลลาเชคในมือหน้าตาเฉย

     

    "จริงๆ คุณพูดว่าเลิกกันไม่ถูกนะคะอาโอมิเนะคุง  ฉันกับอาคาชิคุงไม่เคยคบกันสักหน่อยค่ะ"

     

    ปลายนิ้วเขี่ยก้านหลอดเล่นระหว่างพูด ก่อนจะยกเครื่องดื่มรสหวานนุ่มขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง

     

    เรียวลิ้นสีอ่อนแลบเลียคราบขุ่นขาวอย่างเสียดายยามผละจากด้วยท่าทีกึ่งยั่วยวนกึ่งไร้เดียงราวเด็กน้อย ปฏิกิริยาเพียงเสี้ยวนาทีไม่อาจเล็ดลอดสายตานายแบบหนุ่มที่จับจ้องตลอดเวลาไปได้ ตาค้าง ทำท่าราวกับจะกุมจมูกเพราะความฟินเกินพิกัด

     

    อาโอมิเนะ ไดกิ อดหมั่นไส้ความหื่นอย่างออกนอกหน้าไม่ได้จนลุแก่โทสะ ตบกบาลคนที่นั่งหัวโต๊ะโดยแรงไปหนึ่งที

     

    จ้องเท็ตสึจนน้ำลายจะหกแล้วโว้ย! คิเสะ!!

     

    โอ๊ย! นี่มันเจ็บนะ อาโอมิเนจจิ!!

     

    นายแบบหนุ่มลูบหัวป้อยๆ พลางมองค้อนร่างสูงกว่าที่นั่งข้างขวามือ และด้วยความที่โต๊ะนี้เป็นวงกลม ยามเลื่อนสายตาจากอีกคนไปทางซ้ายเล็กน้อยก็ยังเป็ยใบหน้าเนียนของเด็กสาวเพียงหนึ่งเดียวในโต๊ะเช่นเดิม

     

    คราวนี้ต่างไปจากเมื่อครู่นิดหน่อยที่สติเริ่มเข้าทีแล้ว สมองจึงแล่นประมวลผลได้ดีตามปกติ

     

    ถึงเขาจะไม่ค่อยฉลาด….

    อย่างน้อยก็ช่างสังเกตกว่าอีกคน และยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับเสื้อผ้าแฟชั่น ยิ่งสะดุดตาเขาได้ง่ายดายเป็นพิเศษ

     

    เอ่อวันนี้คุโรโกจจิดูแต่งตัวไม่เหมือนที่เคยนะ

     

    ชายหนุ่มผมทองเกริ่นถามด้วยน้ำเสียงคล้ายจะไม่ลังเลไม่แน่ใจ ดวงตาสีน้ำผึ้งทองสบตรงกับดวงตากลมโตสีฟ้าอ่อนที่เงยขึ้นประสาน หญิงสาวมีท่าทีนิ่งเฉยเช่นที่เห็นเป้นประจำ

     

    แต่….

    จริงๆ ด้วยแหละ

     

    วันนี้คนตรงหน้าแต่งตัวแปลกไปจากเดิม

     

    ปกติ...จะว่าไงดีล่ะ? คุโรโกจจิจะเป็นพวกไม่พิถีพิถันกับการแต่งตัวเท่าไหร่ ใส่เสื้อผ้าง่ายๆ สบายๆ ไม่ถึงกับแต่งตัวไม่เป็น แต่ไม่ได้ใส่ใจตกแต่งให้ตัวเองดูดีอะไรมากมายนัก กระโปรงหรือเดรสก็จะเป็นแบบธรรมดาที่ใช้ได้หลายโอกาส

     

    อย่างชุดที่ใส่วันที่นัดกินข้าวด้วยกันวันก่อนก็เป็นเสื้อเชิ้ตตัวยาวเรียบๆ สีขาวกับบูทครึ่งน่องแบบเดิมกับที่ใส่เมื่อก่อนหน้านั้น แค่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีครีม

     

    แต่ก็นั่นแหละ.. คนน่ารักใส่อะไรก็น่ารัก คุโรโกจจิดูดีในสายตาเขาเสมออยู่แล้ว

     

    และที่สำคัญซ่อนรูปด้วยอีกตั้งหาก

    คนส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยรู้ว่าเห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ 'ตรงนั้น' คุโรโกจจิน่ะ... มีไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ!!

     

    แต่วันนี้

    ร่างเพรียวบางตรงหน้าสวมใส่เดรสผ้าชีฟองเนื้อละเอียด ดูนุ่มลื่น เป็นแบบแขนแขนสั้นสีตองอ่อนนวลตาขับผิวขาวค่อนข้างเผือดของคนตรงหน้าให้ดูมีน้ำมีนวลมากขึ้น ช่วงเอวลงไปเป็นผ้าเนื้อดีลายดอกไม้สีแดงเข้มเน้นช่วงเอวให้ดูเข้ารูปเอวกิ่ว มีส่วนเว้าส่วนโค้ง ร่วมกับเส้นผมบ๊อบสั้นประบ่าน้อยๆ ของเจ้าตัวแล้วดูน่ารักน่าถนอมเหมือนตุ๊กตาเลยทีเดียว

     

    คิดอะไรออกมาทางสีหน้าหมดแล้วค่ะ คิเสะคุง

     

    เจ้าตัววางแก้ววานิลลาเชคในมือลง ขณะปรามด้วยสีหน้าไม่ยินดียินร้ายหรือเขินอายแม้สักนิด

     

    "นี่ของอาคาชิคุงน่ะค่ะ"

     

    คุโรโกะไม่ได้ขยายความมากไปกว่านั้น เพราะชื่อของคนที่ถูกอ้างอิงถึงทรงอิทธิพลพอที่จะยุติบทสนทนาลงได้ในทันที

     

    ริมฝีปากเล็มเลียปลายหลอดดูด ดวงตาสีฟ้าอ่อนเหม่อมองออกไปนอกร้าน บานกระจกใสทรงสูง ทำให้สามารถเห็นผู้คนที่สัญจรไปมาบนท้องถนนอันพลุกพล่าน

     

    หากภาพในหัวเธอกลับไม่มีใครสักคนสะท้อนในแววตาเลยแม้แต่น้อย

     

     

     

     

     

    วันนั้นเธอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

    หรือถ้าจะกล่าวให้ถูกต้องตามความเป็นจริงคือ 'สลบ' ไปคาอกใครอีกคนซะมากกว่า

     

    ตื่นมาอีกครั้งก็เป็นตอนเย็น พร้อมกับผนังเพดานในห้องที่ไม่คุ้นตา

    กลิ่นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ผ้าห่ม หรือหมอนที่หนุนนอนอยู่ถึงเมื่อครู่ก็ไม่คุ้นเคย

     

    ร่างกายเมื่อยขบจนอยากเอนกายลงกับฟูกหนานุ่มให้สาแก่ใจ แต่ความสงสัยต่อสถานที่มีมากกว่า

     

    เมื่อก้าวลงจากเตียง ช่วงล่างก็ส่งความรวดร้าวเคลื่อนผ่านตั้งแต่สะโพกจรดไขสันหลังให้แล่นตรงสู่สมองอย่างเฉียบพลัน ขาที่วางบนพื้นพรมหนานุ่มจึงสั่นระริกโดยไม่อาจห้าม มือบางขย้ำกุมผ้าปูที่นอนตึงแน่นจนยับยู่

     

    ตอนนี้เพิ่งได้สังเกตตัวเองชัดเจน เธอยังคงอยู่ในชุดเดิมที่จำได้ หากแต่เป็นเสื้อที่ถูกซักรีดมาแล้วเรียบร้อย กลิ่นน้ำยาปรับนุ่มอ่อนๆ เจือจางแทบไม่รู้จัก เนื้อตัวสะอาดสะอ้านดี ไม่มีคราบคาวอะไรทั้งนั้น

     

    อาจจะน่าแปลกใจหรือกระทั่งน่าตื่นตระหนกสำหรับคนอื่น แต่คุโรโกะค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าเป็นฝีมือของใครและความเชื่อมั่นนั่นยิ่งตอกย้ำชัดเจนมากขึ้นด้วยร่างสูงโปร่งที่เดินเข้ามา

     

    รอยยิ้มอ่อนโยนทาบทับบนใบหน้าคมดูอบอุ่นและนุ่มนวล หยาดน้ำเกาะพราวบนเส้นผมสีแดงจนเข้มจัด

     

    "สวัสดีตอนเย็น เท็ตสึยะ"

     

    "ตั้งแต่ฟ้าสว่างโร่....ยันค่ำ ไปตายอดตายอยากที่ไหนมาคะ?"

     

    หญิงสาวตอบกลับถ้อยคำทักทายด้วยประโยคประชดประชัน ทั้งสีหน้าเรียบเฉย โดยที่น้ำเสียงนิ่งสงบเย็นชาชัดเจน

     

    อาคาชิหัวเราะเบาๆ ในลำคอ พลางทรุดลงนั่งตรงหน้า

     

    "ผมไม่มีคนอื่นนอกจากเท็ตสึยะอยู่แล้ว"

     

    ศีรษะพิงซบหน้าขาเปล่าเปลือย ดวงตาต่างสีบัดนี้เป็นสีแดงสดทั้งสองข้าง ขณะที่เงยขึ้นสบดวงตากลมโตที่สั่นไหวจากคำพูดของเขา และถูกเกลื่อนให้เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

     

    ห้องทั้งห้องปกคลุมด้วยความเงียบ

    มีเพียงเสียงของผ้าขนหนูที่เช็ดซับเส้นผมของชายหนุ่มที่หลับตาซบกับหน้าตักของใครอีกคนเท่านั้นเอง

     

     

    ......................

    .......

    ...

    .

     

     

    เข็มนาฬิกาหมุนผ่านไปอย่างเชื่องช้า เสียงของกลไกดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่งในห้อง

     

    อ้อมแขนของคนที่ดึงเธอลงมากอดไว้ยิ่งกระชับแน่นกว่าเดิม

     

    ไม่มีคำพูดใดเลยระหว่างเราทั้งสองคน นอกจากความเงียบและเสียงของลมหายใจที่ระรดกันอยู่

     

    แม้แต่เสียงของเข็มนาฬิกาหรือหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะในอกก็อาจจะดังกว่าด้วยซ้ำ

     

    กอดราวกับกลัวจะหนีหาย

    กอดราวกับว่าจะไม่มีวันปล่อยมือ

     

    กอดราวกับว่า....

    .....จะเป็นครั้งสุดท้าย

     

    "ผมน่ะ... จะไม่ยอมให้เธออยู่ต่อในห้องที่มีผู้ชายคนอื่นเหยียบเข้าไปหรอกนะ"

     

    แขนเรียวยาวโอบรัดรอบเอวเข้าหาแผ่นอกกว้าง ใบหน้าของชายหนุ่มซบลงบนลาดไหล่ รู้สึกได้ถึงปอยผมสีแดงที่ยังชื้นอยู่เล็กน้อย

     

    คุโรโกะยังคงเงียบ... ริมฝีปากบางปิดสนิทไม่เอ่ยคัดค้านหรือตอบรับสักครึ่งคำ และคงเป็นไปอีกพักใหญ่ ถ้าไม่มีเสียงสั่นของโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเธอดังครืดคราดจากการมี Voice Message เข้ามาซะก่อน

     

    เครื่องมืออิเล็กโทรนิคสั่นกลิ้งไปมาจนตกลงจากโต๊ะข้างเตียงลงเบื้องหน้าเจ้าของมันพอดิบพอดี ปลายนิ้วเรียวเอื้อมไปหวังสัมผัสมัน แต่ทว่า...

     

    "เรียวตะ... สินะ นัดกันไว้เหรอ?"

     

    เอ่ยถาม ทั้งที่คุโรโกะแน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้ดีแก่ใจ ความเคลื่อนไหวของสิ่งรอบตัวเธออยู่ในสายตาอีกฝ่ายเสมอ

     

    หน้าจอโทรศัพท์ถูกเรียกเปิด และเมื่อกดรับฟังสิ่งที่ฝากไว้ น้ำเสียงสดใสร่าเริงของนายแบบหนุ่มก็ดังขึ้นทันที

     

    'คุโรโกจจิยยยยย์ วันนี้ที่นัดไปร้านขนมเปิดใหม่ที่ตรงหัวมุมถนนอะ ลืมยังงง ฉันกำลังจะไปแล้วน้าาาา'

     

    'เอ๋? คุโรโกจจินัดอาโอมิเนจจิไว้ด้วยเหรอ? ง่ะ... ตอนนี้หน้าอาโอมิเนจจิน่ากลัวมากเลยง่า คุโรโกจจิรีบๆ มานะ!'

     

    'ปิดเครื่องเหรอ? ไม่สบายเป็นอะไรหรือเปล่า? ผมเป็นห่วงนะ'

     

    'มาถึงหน้าแมนชั่นแล้ว คุณป้าเจ้าของถามอะไรก็ตอบอ้ำๆ อึ้งๆ คุโรโกจจิหายไปไหนอ่าาาา'

     

    และอีกมากมายราวสิบกว่าข้อความถูกส่งมา ไม่นับมิสคอลทั้งจากของคิเสะคุงและอาโอมิเนะคุงที่เรียงกันไม่ต่ำกว่าสามสิบครั้ง

     

    สองมือที่ประคองเครื่องมือสื่อสารอันน้อยไว้กำแน่น

     

    “คิดจะทำอะไรของคุณกันแน่คะ? อาคาชิคุง”

     

    “ทั้งเรื่องดูตัว.... ทั้งเรื่องทั้งหมดนี่ ไม่ใช่ว่าเรา.... จบกันไปแล้วเหรอคะ?”

     

     

     

    ตลอดมา....

    เธอ คุโรโกะ เท็ตสึยะ คิดถึงจุดจบของความสัมพันธ์ที่ไม่แน่นอนนี้ไว้มากมาย แต่ไม่มีรูปแบบใดในความคิดเลยที่จะตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้

     

    "จบ? ผมจำไม่ได้เลยนะว่าเราเคยเลิกกัน"

     

    อาคาชิหมุนร่างของหญิงสาวให้หันมาเผชิญหน้ากัน ท่ามกลางความมืดมิดที่ไร้แสงสว่าง เขามองไม่เห็นเลยว่าแววตาของหญิงสาวสะท้อนสิ่งใดอยู่

     

    "นั่นสิค่ะ ใช่ค่ะ ถูกต้องตามที่คุณพูด 'เราไม่เคยเลิกกัน' เพราะเราไม่เคยคบกันมาตั้งแต่แรก จริงมั้ยคะ?"

     

    กระทั่งน้ำเสียงยามพูดถึงคำว่า เลิก ก็ไม่มีร่องรอยความอ่อนไหวอีกต่อไป

     

    “แต่ฉันขอพูดไว้อย่างหนึ่งนะคะ คางามิซังเป็นคนดี เป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน”

     

    “ถ้าคุณทำให้เธอเจ็บ.... ฉันจะไม่มีวันให้อภัยคุณค่ะ”

     

     

    อาคาชิรู้มาตลอด....

    ว่าคนที่ดูภายนอกแสนเปราะบางคนนี้ของเขา แท้จริงแล้วเข้มแข็งมากขนาดไหน

     

    มาก....กว่าคนอย่างเขาเสียด้วยซ้ำ

     

    หากคำเตือนนั่นที่เท็ตสึยะบอกมันเป็นไปไม่ได้

     

    กระดานหมากที่เขาวางไว้เพิ่งจะเริ่มต้น และ หมากตัวสำคัญ

    ก็คือ ผู้หญิงคนนั้น....

     

    คางามิ ไทกะ




    TBC.

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×