คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Night -07-
ติดตามข่าวสารและการอัพเดทได้ที่
LinaAndHitorijanai
-07-
อาคาชิ เซย์จูโร่เป็นชื่อที่หมายถึงความสมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่ความกล่าวที่เกินเลยความจริงไปแม้แต่น้อย
ทั้งการเรียน กิจกรรมชมรม และงานสภานักเรียน เขาล้วนจัดการได้เรียบร้อยและไร้ที่ติ
อาคาชิเป็นที่หนึ่ง เป็นผู้ชนะ และผู้ชนะถูกต้องเสมอ
นั่นคือสิ่งที่คนทั่วไปมองเห็นจากเด็กหนุ่ม
หากไม่มีใครสักคนเลยที่ล่วงรู้ว่าภายในตัวตนของอาคาชินั่นมีเพียงความว่างเปล่า
หลังจากเสียมารดาที่เป็นความอ่อนโยนเดียวในชีวิตไป เขาก็ไม่เคยยิ้มอย่างจริงใจอีกเลย
ช่วงเวลาที่อ่อนโยนและอบอุ่นในความทรวจำของเขานั่น มีเพียงการอยู่กับแม่เท่านั้นเอง
...อาคาชิ ฟุยุกิ
หญิงสาวสวยผู้มีใบหน้าอ่อนหวานและเรือนผมสีแดงสลวยแสนงดงาม สองมือที่โอบอุ้มอย่างรักใคร่ และรอยยิ้มที่สดใสค้ำจุนตัวเขาในตอนเด็กที่ต้องตรากตรำเรียนรู้ศาสตร์ต่างๆ มากมาย
เด็กในวัยเดียวกันวิ่งเล่นจับแมลง เขากลับจ่อมจมอยู่กับอาจารย์สอนพิเศษ ความรู้ขั้นพื้นฐานของการศึกษาภาคบังคับล้วนสำเร็จหมดสิ้น ก็ยังมีการเล่นดนตรีและกีฬา ไม่ใช่เพื่อความบันเทิงหย่อนใจ
สิ่งที่แสดงว่า 'อาคาชิ เซย์จูโร่' ต้องเป็นเลิศในทุกด้าน ทั้งการเรียนและกิจกรรม
เด็กชายประพฤติตัวอยู่ในกรอบเช่นนั้นเสมอ จนฝ่ายทนไม่ได้กลับเป็นมารดาซะเอง
มือเรียวบอบบางจับจูงบุตรชายมายังสวนหลังบ้าน ก่อนจะหยิบยื่นลูกบาสขนาดพอสมสำหรับมือเด็กที่หัดเล่นไว้ก่อน
หญิงสาวลูบเส้นผมสีแดงเช่นเดียวกับตัวเองบนศีรษะเด็กน้อย ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงปรานี
"เป็นของขวัญล่วงหน้าสำหรับเด็กดีของแม่"
งานอดิเรกอย่างเดียวที่ทำให้เขาสนุกสนานโดยไม่ต้องกังวลสิ่งใด
เริ่มแรกเพียงรับส่งลูกกับแม่เท่านั้น
เมื่อคุ้นชินแล้ว เธอจึงพัฒนาขนาดลูกบาสที่ใช้เล่นด้วยกันเป็นขนาดมาตรฐาน พร้อมทั้งยังสอนเคล็ดลับและกติกาที่ใช้ในการเล่นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหยดเหงื่อไหลรินตามขมับ เรี่ยวแรงถูกสูบหายไปในการเล่น
แต่อาคาชิก็ไม่เหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด
ยามที่หันกลับไปมองมารดา รอยยิ้มแห่งความสุขและภาคภูมิใจที่เขาทำได้ดีขึ้นจะระบายบนใบหน้านั้นเสมอ
จวบจนวันหนึ่งที่เธอได้จากไปตลอดกาลแล้ว
อาคาชิ เซย์จูโร่ก็ยังคงเล่นบาสเก็ตบอลอยู่เช่นเดิม เนื่องจากสิ่งนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวซึ่งเป็นดั่งตัวแทนความทรงจำที่อ่อนโยนอบอุ่นที่สุดของเขา
“อาคาชิคุงก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งไม่ใช่เหรอคะ?”
เสียงนุ่มหวาน เอ่ยด้วยจังหวะเรียบเรื่อย เรียกฝีเท้าเขาให้หยุดชะงักลงชั่วครู่
“จริงอยู่ว่าอาคาชิคุงเป็นคนมีความสามารถและพึ่งพาได้ แต่คนเรายังไงก็ต้องมีเหนื่อยมีล้ากันทั้งนั้น”
หลายเสียงเอ่ยคัดค้าน หากแต่เจ้าตัวก็ยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่นในความคิดของตนเองและพูดต่อ
“ในความคิดของฉันแล้ว...”
“อาคาชิคุงเป็นคนที่มุ่งมั่นและมีความพยายาม อัจฉริยะจะประสบความสำเร็จได้ไม่เพียงแค่มีพรสวรรค์ที่ต่างไปจากคนอื่น แต่มีความขยันและตั้งใจจริงในทุกสิ่งที่เขาทำค่ะ”
ทุกคนชื่นชม ใครก็มองว่าเขาเป็นจักรพรรดิสูงส่ง
แต่ผู้หญิงคนนี้ต่างออกไป เธอไม่ได้มองจักรพรรดิที่อยู่เบื้องบนว่าสามารถบ่งการทุกอย่างได้อย่างใจ เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งที่พยายามมากกว่าใคร
เขาไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีและเป็นทุกวันนี้มาจากการเคี่ยวกรำอย่างหนักหน่วงจากบิดา ภาระหน้าที่ในอนาคตที่ต้องแบกรับ
ถ้อยคำเรียบง่ายจากคนที่ห่างไกลจากเขาที่สุดคนนั้น คล้ายกับน้ำที่หยดลงกระทบผิวทะเลสาบ หลอมรวมกับมวลน้ำมหาศาล มันไม่ได้ทำให้ทะเลสาบเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลง แต่การที่มันตกลงมาสร้างความสั่นไหวเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ ที่ไม่อาจลืมเลือน
จากคำพูดในวันนั้น เขาจึงเฝ้ามองเธออยู่เสมอโดยไม่รู้ตัว และค้นพบว่าเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับตนคนนี้ช่างแตกต่างจากผู้อื่นมากเหลือเกิน
ไม่ใช่ความโดดเด่น สติปัญญา หรือรูปลักษณ์
คุโรโกะ เท็ตสึยะกลืนหายไปกับผู้คนมากมาย ละลายรวมไปกับบรรยากาศรอบข้างเสียจนจืดจางแทบไม่มีผู้ใดจดจำได้
เส้นผมสีฟ้าอ่อน ผิวขาวจัดดูซีดจาง และดวงตากลมโตที่ไม่สื่ออารมณ์
หากแทนที่คนคนนี้จะเลือกใช้ชีวิตเลื่อนไหลไปตามกระแสรอบตัวที่ตัวเองสามารถกลมกลืนไปได้ กลับพบว่าเบื้องหลังความระเบียบและความสำเร็จหลายอย่างเป็นของเธอ
หนังสือที่ถูกเก็บขึ้นตรงหมวดหมู่ในทุกวัน เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ในชมรมที่สะอาดสะอ้านขึ้น เป็นทั้งสมาชิกห้องสมุดและชมรมบาสเก็ตบอลของเทย์โคพร้อมกันนั่นไม่ใช่เรื่องง่าย
เจ้าตัวไม่ใช่คนเก่งกาจ แต่ใส่ใจทุกรายละเอียดของสิ่งที่ทำจึงจัดแจงตัวเองได้อย่างเหมาะสม ซ้ำยังรับรู้ถึงสถานการณ์และความต้องการของคนรอบข้างอยู่เสมอ
ดวงตาที่ใครหลายคนกล่าวว่างเปล่า ไร้อารมณ์ คู่นั่น ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าดวงตาที่ถูกปรามาสคู่นี้ เห็นสิ่งอื่นใดแตกต่างออกไปจากคนอื่น
เท็ตสึยะมักทำให้เขาประหลาดใจได้อยู่เสมอ
และเมื่อเขาเอ่ยถามในเย็นวันหนึ่งที่อยู่กันตามลำพังสองคน
เด็กสาวแย้มรอยยิ้มบางเบาแตะแต้มบนริมฝีปากอย่างนุ่มนวล ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
'การมองก็ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งนะคะ การที่เราเฝ้ามองผู้คน ลักษณะนิสัย ความเคยชิน แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่อนำมารวมกัน เราจะสามารถคาดเดาได้ว่าคนคนนั้นเป็นอย่างไรค่ะ'
'ผู้คนเองก็เหมือนหนังสือ ทุกคนล้วนมีประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นเรื่องราวเฉพาะของตัวเอง'
ทั้งที่ควรเบื่อหน่ายกับน้ำเสียงชวนง่วงเช่นนั้น
หากอาคาชิ... เขากลับพบว่าตัวเองตั้งใจฟังเธอทุกถ้อยคำ
เสียงของอีกฝ่ายช่างชวนให้สงบใจเหลือเกิน เหมือนสายน้ำที่ไหลรื่น เรียบเรื่อยไปตามธรรมชาติ หากชุ่มชื้นและเติมเต็มความแห้งผากได้ดีที่สุด
นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใสคู่นั้นไม่ได้เฉยชา แต่อ่อนโยนเยือกเย็นราวแสงจันทราในคืนฤดูหนาว
อาคาชิรู้สึกตัวในตอนนี้เองว่า ความรู้สึกที่ดึงดูดตัวเองให้แตะต้องอีกฝ่ายและคว้ามาไว้ในอ้อมแขนคืออะไร
เขาตกหลุมรักคุโรโกะ
เด็กสาวผู้ซึ่งธรรมดาสามัญที่สุด หากในความธรรมดานี้ของเจ้าตัว กลับเป็นสิ่งที่เขาโหยหามากที่สุด
เสียงพลุในฤดูร้อนระเบิดดังกึกก้องกัมปนาท แสงสีพร่างพราวสุกสว่างบนผืนฟ้าสีดำสนิท
ยูคาตะสีแดงสดราวกลีบดอกกุหลาบขับเน้นผิวกายขาวเนียนให้โดดเด่น ปลายนิ้วแตะลงข้างแก้ม ผิวนวลชื้นเหงื่อเล็กน้อย
คุโรโกะสบตาเขาตรงๆ โดยไม่กะพริบตา
"อาคาชิคุง"
ริมฝีปากเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงเบาแผ่วหวิว
ลมหายใจสั่นไหว แผ่นอกสะท้านขึ้นลง จังหวะของหัวใจเต้นถี่รัวราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก
สุดท้ายแล้วดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นก็ปิดลงอย่างแช่มช้า ใบหน้าที่แดงระเรื่อน้อยๆ หลับพริ้มเงยขึ้นตามฝ่ามือที่เขาประคองขึ้น
เด็กหนุ่มแตะจูบลงบนริมฝีปากอ่อนนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า เเผ่วเบาราวกับผีเสื้อที่บินลงมาเกาะกลีบดอกไม้อย่างระมัดระวัง ก่อนจะค่อยๆ ดูดกลืนน้ำหวาน เกสรดอกไม้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ส่วนฝ่ามือเรียวยาวนั่นเร่งร้อนผิดกันลิบลับ เนื่องจากเลื่อนไล้เข้าไปตามรอยแยกของยูคาตะที่เปิดอ้าออกเพียงนิด และสัมผัสดอกไม้ตูมคู่งาม ผิวกายสาวเมื่อแรกต้องเกร็งสะท้านขึ้นอย่างที่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจน และสั่นระริกด้วยความเขินอายระคนตื่นเต้นกับประสบการณ์ที่เพิ่งพบเจอ
"มองตาผม... ไม่ต้องกลัว"
จุมพิตทาบลงบนเปลือกตาที่สั่นไหวทั้งสองข้าง ก่อนจะพรอดกระซิบริมขมับ
ภายในท่าทีอันแสนเยือกเย็น อาคาชิกลับพบว่าหัวใจของตัวเองกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
"เท็ตสึยะ"
ร่างกายที่ตื่นเกร็งสงบลงทีละน้อย และค่อยๆ หยุดนิ่ง ก่อนสองแขนบอบบางนั้นจะเอื้อมคว้าร่างเขาที่โน้มลงมากอดไว้ในเสียงเครือครวญที่กระซิบเเผ่วเบาซ้ำๆ ตรงซอกไหล่ ราวกับคนละเมอ
เสียงที่เล็ดลอดจากปากอีกฝ่ายคือชื่อของเขา...
เด็กหนุ่มแทบจะอดใจตัวเองไม่อยู่กับความปรารถนาที่รุกล้ำและโจนจ้วงเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานของดอกไม้งามตรงหน้าตามปรารถนา
แต่เขาไม่อยากทำให้เท็ตสึยะเจ็บ จำต้องอดกลั้นเตรียมพร้อมให้กับร่างกายที่ไม่เคยต้องมือใครอื่นนี้ซะก่อน
"อะ...อา คาชิคุง"
ปลายนิ้วจิกแน่นบนบ่าและแรงแขนซึ่งโอบกอดกระชับแน่น
"เรียกชื่อผมสิ"
"ซะ.... เซย์จูโร่"
วินาทีที่เขาได้รับรู้ความในใจของตนเอง ข้อเท็จจริงบางอย่างก็ผุดขึ้นตามติดในสมองเช่นกัน
คนคนนั้นไม่มีวันยอมรับเด็กสาวธรรมดาเป็นนายหญิงของ 'อาคาชิ'
ชาติตระกูลต้องดีพร้อม การศึกษาเป็นเลิศ กิริยาวาจาสง่างาม และใบหน้าสวยงามโดดเด่น
ทุกสิ่งทุกอย่างของ 'อาคาชิ' ล้วนต้องเป็นที่หนึ่ง และนั่นรวมไปถึงผู้ที่จะก้าวขึ้นมายืนเคียงข้างด้วยเช่นกัน
ปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยปอยผมสีอ่อนที่ชื้นเหงื่อจนระติดขมับและใบหน้านวล ผิวกายขาวเผือดค่อนข้างซีดจางของคนตรงหน้าแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดเล็กน้อย จากอุณหภูมิจากภายในที่ยังไม่คลายความร้อนรุ่ม
ริมฝีปากแตะจูบเบาๆ เหนือหน้าผากมน ก่อนจะไล่ลงมาถึงเปลือกตาที่หลับพริ้ม ซ่อนดวงเนตรสีฟ้าอ่อนใสราวสีของสายน้ำไว้เบื้องหลัง
ลมโชยพัดแผ่วเบา
เสียงจิ้งหรีดเรไรยามฤดูร้อนคลอกับเสียงสายลมราวเสียงครวญ
ท่ามกลางความเงียบงันที่มีเพียงเสียงของธรรมชาติโอบล้อมและเสียงลมหายใจของเขาและเท็ตสึยะดังผสานกัน
อาคาชิได้วางแผนในใจขึ้นแผนหนึ่ง เป็นแผนที่สลับซับซ้อน ทั้งยังกินเวลานานหลายปีกว่าจะสำเร็จ
หากเมื่อบรรลุผล ความสำเร็จนั้นมากกว่าการเหนี่ยวไกเพียงครั้งได้นกสองตัว เป็นดั่งกระดานหมากรุกที่ช่วงชิงชัยกัน จนในท้ายที่สุดก็เผด็จศึก รุกฆาตทั้งกระดาน กำชัยแต่เพียงผู้เดียว และได้อำนาจตามใจสั่งไว้ในมือ
ความคิดเห็น