ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KnB FanFiction]..Until now..[AkaKuroC]

    ลำดับตอนที่ #1 : Night -01-

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 57


    ติดตามข่าวสารและการอัพเดทได้ที่

    : FB Page : 
    LinaAndHitorijanai





    ใต้แสงไฟสลัวสีส้มจางของห้องขนาดเล็ก เส้นผมสีดำกลายเป็นสีแดงเข้ม

    คุโรโกะ เท็ตสึยะที่นั่งคุกเข่าตรงหน้าชายหนุ่มขณะที่ผมเช็ดเส้นผมเปียกชื้นจากหยาดฝน สติและสำนึกผิดชอบดูเลือนรางเสียเหลือเกินจากความเศร้าเร้นลึกที่ค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมา

    รู้ตัวอีกที.... เด็กสาวก็แนบริมฝีปากลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนแตะจูบเบาลงที่ขมับ

    ลมหายใจอุ่นระรดใบหน้า ปลายจมูกเขี่ยโดนกันเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นคนประคองศีรษะเล็กของคนเปิดฉากแล้วบดขยี้ลงบนริมฝีปากบางสีซีดจาง

    แอลกอฮอล์แล่นพล่านในกระแสเลือดดับสติให้ขาดหาย และสมองไร้การสั่งการณ์

    เขากอดคนตรงหน้า ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ใช่.....

    และคนตรงหน้าเองก็เหมือนกัน ปรารถนาการโอบกอดจากคนที่รู้ดีว่ากำลังรู้สึกไม่ต่างกัน


    ……….

    …...

    เด็กสาวนอนหลับไม่สนิทนัก.... ร่างกายปวดเมื่อยและล้าไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะตั้งแต่สะโพกลงไป ขาเรียวแทบไม่อยากขยับ ความคิดที่จะลุกจากที่นอนน่ะเหรอ? ลืมไปได้เลย...

    แต่คุโรโกะพบว่าหมอนข้างที่นอนกอดอยู่ทุกวันกำลังส่งเสียงแปลกๆ ซ้ำยังแข็งกว่าปกติอีกด้วย

    นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนกะพริบปรือขึ้นอย่างช้าๆ ม่านประสาทตารับรู้ได้ถึงแสงแดดที่เล็ดลอดผ่านฟิล์มกระจกหน้าต่างที่ปิดไม่หมด และด้วยสัญชาตญาณ...

    เธอยกมือขึ้นหวังบังเเสงนั้น หากไม่อาจยกขึ้นมาได้ดังใจ เพราะมีท่อนแขนยาวของใครสักคนพาดช่วงเอวไว้

    และเพิ่งตระหนักได้ตอนนี้เองว่า ร่างกายของตัวเองกึ่งเปลือย...เสื้อผ้าไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้.... บางครั้งไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นด้วยซ้ำ แถมยังกระดิกกระเดี้ยตัวไม่ได้เพราะอ้อมกอดที่รัดแน่นราวกับจะพันธนาการไว้กับตัวเองของใครคนนั้น

    แต่นี่ไม่ใช่....

    ความอบอุ่นที่เจือไปด้วยความเศร้าสร้อยโอบล้อมอยู่นี่ไม่ใช่ของ...อาคาชิคุง

    แสงสีเงินสว่างสะท้อนเข้าที่ดวงตา.... มันเป็นสร้อยเงินที่มีแหวนรูปร่างคุ้นตาแบบเดียวกับเพื่อนสนิทของตัวเอง


    แต่ก็ไม่ใช่อีก....

    คางามิซังมีหน้าอก....

    มือบางทาบลงไปกับแผ่นอกแบนราบแน่นตึง ก่อนจะครางออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ใบหน้าอ่อนหวานซีดขาวด้วยความตกตะลึง

    "ฮิ...มุโระ...ซัง"


    .........

    ....


    ถ้าจะนึกย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ ของเธอคงจะพูดได้ว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานมากแล้ว....


    เธอมีความสัมพันธ์ทางกายกับอาคาชิคุงมาห้าปีแล้ว ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น....


    เรียกว่าเซ็กส์เฟรนด์ยังไม่ได้เลย พวกเราไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ


    คุโรโกะไม่แน่ใจนักว่าตอนนั่นคิดหรือมีอะไรดลใจให้ตัวเองเลือกที่จะยินยอมทำเช่นนั้น


    ทั้งที่ตอนแรกเธอเข้าชมรมบาสของเทย์โควด้วยหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมแท้ๆ


    แรกเลยเริ่มที่จูบ.....หลังจากการซ้อมในห้องเก็บของของคืนวันหนึ่ง


    และมันก็มากขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ค่อยๆ เคลื่อนผ่านไปในแต่ละวัน


    มันลึกซึ้งขึ้น ดูดดื่มขึ้น และเร่าร้อนมากขึ้น


    ทั้งยังต้องหลบๆซ่อนๆ ไม่ให้ใครรู้....


    .แต่....นั่นคงไม่ใช่สำหรับอาคาชิคุง เพราะบางครั้ง...ไม่สิ หลายครั้งคนคนนั้นจงใจ 'ทำ' ในที่ที่อาจจะมีคนผ่านมาเห็น


    คิดยังไงก็ไม่เข้าท่า เปลืองเนื้อเปลืองตัว มีแต่เสียและไม่ได้อะไรสักอย่าง


    แต่พอได้จ้องมองใบหน้านั้น ได้สบสายตากับดวงตาสีแดงเพลิงที่อ่อนโยนลง และได้รับรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่เคยเห็นคนคนนี้มอบให้ใคร


    คุโรโกะก็รู้สึกเหมือนหัวใจตัวเองหลอมละลายอย่างช้าๆ


    ปลายนิ้วที่สัมผัสลงมา เรียวปากที่แตะต้องไปทั่วผิวกาย


    ชั่วขณะหนึ่งนั่นราวกับว่า....เธอได้เป็นเจ้าของและครอบครองคนตรงหน้าไว้เพียงคนเดียว


    จักรพรรดิที่ไม่มีใครเอื้อมถึงคนนั้น




    ..........

    ....



    ดวงตาสองคู่ต่างสีสบประสานกันครู่หนี่ง ในพริบตาหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความสับสนและพร่าเลือน กระทั่งฝ่ายเจ้าของห้องเป็นผู้ขยับก่อน มือบางคว้าผืนผ้าห่มที่คลุมกายเพียงหมิ่นเหม่มาห่อร่างไว้ และจัดการเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยให้เข้าที่เข้าทาง


    ความเงียบราวหลุมอากาศคลี่คลุมบุคคลทั้งสอง มีเพียงเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าเวลาขยับตัวเท่านั้นเอง


    "ผม....จำอะไร....ไม่ได้เลย"


    ในความทรงจำอันเลือนรางและไม่ปะติดปะต่อ ฮิมุโระ ทัตสึยะจำได้เเค่ว่าเด็กสาวตรงหน้านั่นยืนมองไทกะของเขากับผู้ชายคนนั้นในฝั่งตรงข้ามกันเท่านั้นเอง


    ดวงตาสีฟ้าอ่อนนิ่งเฉยราวกับจะไร้อารมณ์ หากมองอย่างผิวเผินนั่น เขากลับสัมผัสได้ถึงสายใยบางอย่างที่บางเบาดุจเส้นด้าย


    ความเศร้า....ที่ถูกกลบงำเร้นลึกภายใน


    ว่ากันว่าคนที่เหมือนกันจะดึงดูดกัน ในสถานการณ์นี้ก็คงไม่ต่างกัน


    เพราะในเวลาต่อมา.... เขาก็ได้พบกับร่างเล็กบอบบางที่ไม่น่ามาอยู่ในสแน็คบาร์ยามค่ำคืนซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้ชายที่กำลังมึนเมาได้ที่


    อันตราย....จนไม่อาจมองผ่านเลยไม่สนใจไปได้ ประกอบกับสายตาทุกคู่ในร้านที่จ้องมองริมฝีปากบางๆ นั่น ขณะยกแก้วขึ้นจิบด้วยสายตาเลื่อนลอย


    ฮิมุโระยิ่งรู้สึกว่า .... ตัวเองต้องทำอะไรสักอย่าง


    รอยยิ้มงดงามบนใบหน้าหล่อเหลาคมสวยถูกแจกจ่ายให้สายตาทุกคู่ที่มองเธอคนนั้น เป็นรอยยิ้มสวยงามที่แฝงไว้ด้วยกลิ่นไออันตรายจนทำให้ผู้ได้รับถอนสายตาไปทีละคนอย่างง่ายดาย


    มือเรียวยาวเลือกที่จะวางลงบนลาดไหล่เล็กนั่นให้รู้สึกตัว ก่อนที่จะส่งรอยยิ้มบางๆ ให้


    "ฮิมุโระซัง...."


    ดีที่เจ้าตัวยังพอมีสติรับรู้ได้ว่าคนที่เดินเข้ามาหาเป็นใคร? เสียงอ่อนหวาน....นุ่มนวล แต่เย็นราวกับวานิลลาเชคนั่นยังเรียกชื่อคนทักทายได้อย่างถูกต้อง


    แล้วจากนั้น....เขาก็จำได้ว่าเราสองคนต่างพูดคุยกันเล็กน้อยระหว่างการดื่ม ไม่ได้สนิทสนมเป็นการส่วนตัวอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่อยู่กันตามลำพังด้วยซ้ำ


    หากเรื่องราวที่หลั่งไหลผ่านบทสนทนากลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าประหลาดใจ รู้ตัวอีกที สรรพเสียงรอบข้างก็หายไป จวบจนบริกรมาที่โต๊ะกล่าวด้วยท่าทางกระอั่กกระอ่วนว่าถึงเวลาปิดร้านแล้วนั่นแหละ เราสองคนถึงได้รู้ตัวว่าเวลาที่เคยคิดว่าเชื่องช้าอย่างน่าปวดใจ กลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว....


    "ให้ผมไปส่งนะครับ ผู้หญิงเดินกลับคนเดียวตอนนี้ไม่ปลอดภัย"



    ดวงตาสีฟ้าอ่อนกะพริบปริบจนเห็นได้ถึงแพขนตาสีอ่อนจางๆ บนผิวแก้ม ไม่รู้ทำไม...จู่ๆ เขาถึงได้รู้สึกว่าคนตรงหน้า...ดูน่าเอ็นดูขึ้นมาได้


    ราวกับกระต่ายขาวที่มีใบหน้าเฉยชา แต่กลับมีดวงตาสีฟ้าใสชวนให้สะดุดใจ


    "ไม่เป็นไรค่ะ ห้องของฉันอยู่ถัดไปอีกสองบล็อกเอง คงไม่ขอรบกวนฮิมุโระซังมากไปกว่า....นี้"


    เสียงเอ่ยราบเรียบโมโนโทนจังหวะเดียวราวกับเย็นชา ผิดกับถ้อยคำสุภาพนุ่มนวล แต่ยังไม่ทันให้ชายหนุ่มขันอาสาอีกรอบ สายฝนก็พร่างพรมลงมาราวกับประชดประชัน


    เนิ่นนานทีเดียว....ที่เราสองคนยืนด้วยกันภายใต้ชายคาของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง สาเกร้อนถูกจิบเรียกความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายที่หนาวเหน็บ กระป๋องแล้วกระป๋องเล่า


    แต่เดิมก็ค่อนข้างกรึ่มๆ ได้ทีกันทั้งคู่ มาถึงจุดนี้...สติสัมปชัญญะต่างๆ ได้ถูกเจือจางด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ไปซะสิ้น


    "ถ้ายังไงอีกสักพัก... ถ้าฝนยังไม่หยุดตก ฉันว่าเราฝ่าฝนไปที่ห้องฉันก่อน ดีกว่ามายืนขาแข็งตรงนี้นะคะ"


    คุโรโกะ เท็ตสึยะเสนอ


    หากเป็นปกติแล้วเด็กสาวคงไม่ทำ เพราะรู้ดีว่า 'คนคนนั้น' อาจจะโผล่มาเยี่ยมเยือนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ยามนี้.... คงเป็นไปไม่ได้ที่จะปลีกตัวมา ไม่สิ... ต้องบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาจะถูกต้องกว่า และตัวฮิมุโระเองก็คงปฏิเสธ เนื่องจากคำนึงถึงความไม่เหมาะสมที่ชายหนุ่มจะขึ้นไปพักพิงถึงห้องเด็กสาวยามวิกาลเช่นนี้


    แต่นี่....เป็นสถานการณ์ไม่ปกติ


    "ถ้าคุณว่าอย่างนั้นก็คงต้องขอรบกวนครับ"








    ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน


    "ผม....จำอะไร....ไม่ได้เลย"


    สิ้นคำพูดจะเอ่ย ฝ่ายเด็กสาวถอดถอนหายใจ แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าเช่นกัน ก่อนจะพูดในส่วนของตัวเอง


    "ฉันก็จำอะไรไม่ได้เหมือนกันค่ะ"


    ใบหน้าหวานซีดขาว เสียงที่เอ่ยก็ค่อนข้างแหบพร่า ไอฝนเมื่อคืนคงเล่นงานเธอ ตอนนี้เนื้อตัวร้อนผะผ่าว และศีรษะเหมือนถูกโยกคลอน มึนงงและวิงเวียนเกินกว่าจะเอ่ยคำยืดยาว และประโยคต่อมาของคนจริงจังก็ยิ่งทำให้ปวดหัวหนัก


    "ผมจะรับผิดชอบ"


    คุโรโกะส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนตอบปฏิเสธโดยไม่ต้องหยุดคิด


    "ไม่ต้องหรอกค่ะ มันคง....ไม่มีอะไร"


    แม้ร่องรอยและสภาพการณ์จะค่อนข้างชี้ชัดว่าเกิดอะไรเมื่อคืน แต่คุโรโกะ เท็ตสึยะก็ไม่อยากเอาเปรียบคนดีๆ แบบฮิมุโระซัง เพราะต่อให้ 'มีอะไร' กันจริงๆ


    นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ....


    "ช่างมันเถอะค่ะ... คุณเองก็มีเรื่องที่ต้องไปทำต่อนี่คะ"


    ตัดบทเพียงเท่านั้นแล้ว ก็เดินไปห้องน้ำหน้าตาเฉย ทิ้งให้ชายหนุ่มอีกคนในห้องจมดิ่งลงไปในความรู้สึกอันหลากหลาย


    หากก็ได้แต่ตัดใจ.....


    ถ้าให้เลือก.... สำหรับเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 'ไทกะ' ก็สำคัญที่สุดอยู่ดี


    คว้าเก็บเสื้อผ้าที่วางระเกะระกะไปทั่วมาสวมใส่ เสียงของน้ำจากห้องที่เดินผ่านแว่วเข้ามา อยากจะเอ่ยคำลาและขอโทษสักคำ แต่เด็กคนนั้นคงปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยด้วยสายตาเย็นชาอยู่ดี


    จึงได้แต่เดินจากมา....และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นไว้เบื้องหลังเสียงของบานประตูที่ปิดลง



    ………………………

    ……


    คุโรโกะได้ยินเสียงงับของบานประตูที่ปิดลงไปสักพักก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา ดวงตาสีฟ้าอ่อนปรือปิดลง เงยใบหน้ารับสายน้ำที่พร่างพรมจากฝักบัวเบื้องบนลงมา เส้นผมเปียกปอนแนบลู่ไปกับผิวแก้ม หยดน้ำไหลร่วงไปตามแนวโครงเว้าของเรือนร่างจรดปลายเท้า เด็กสาวยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นราวกับปรารถนาให้สายน้ำชะล้างตะกอนที่ขุ่นข้นที่ทิ้งตัวอยู่ภายในจิตใจให้จางหายไป


    ครู่ใหญ่...เธอถึงได้เดินออกมาจากห้องอาบน้ำ โดยไม่ลืมเช็ดเนื้อเช็ดตัวในโซนแห้งของห้อง เสร็จแล้วคว้าเสื้อนอนตัวยาวหลวมพรวกที่กองๆ ไว้มาสวมแก้ขัดไปก่อน ไม่ใส่ใจจะใส่ชั้นในหรืออะไรข้างใต้ เพราะยังไงคงไม่ต้องต้อนรับใครในเร็วๆ นี้


    มือเรียวบางขยี้เส้นผมค่อนข้างสั้นของตนให้หมาดชื้นจนไม่มีหยดน้ำร่วงรินมาให้รำคาญใจ แล้วจึงเดินไปที่เตียงนอน ด้วยเป็นห้องขนาดเล็กแบบ 1DK พื้นที่ใช้สอยจึงไม่ได้มีมากมายอะไร


    สายลมอ่อนๆ และแดดจางๆ ยามสายพัดโชยมาจากบานหน้าต่างที่เธอเดินมาเปิด เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด ผ้าม่านผืนยาวสีขาวโปร่งทิ้งตัวระเรี่ยกับพื้นห้อง


    นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนกวาดสายตามองพื้นที่รอบตัวด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ทั้งที่ควรรู้สึกผิด... หรือไม่ก็เศร้าสร้อยเจ็บปวดกว่านี้แท้ๆ แต่คุโรโกะกลับรู้จักตัวเองดีเกินกว่าที่จะเป็นเช่นนั้น หรือถ้าจะให้พูดก็รู้ตัวเองดีว่าเพราะอะไร


    เพราะ....ได้ระบายอารมณ์ไปแล้วล่ะนะ


    เธอคิด... ขณะที่มือยังคงค้างบนศีรษะที่เริ่มแห้งหมาดแล้ว พอๆ กับผ้าขนหนูผืนบางที่ชื้นเปียก และระหว่างที่ลังเลกับการลงไปนอนแผ่กับเตียงนอนที่ยับย่นหรือลุกขึ้นมาเก็บกวาดข้าวของที่เกลื่อนกลาดไปทั่วห้อง อย่างซากอะไรบางอย่างที่เห็นปลายสายตานั่น...


    จะเรียกได้ว่ามีสติหรือความเคยชินดีล่ะ? ที่คนคนนั้นไม่ลืมที่จะป้องกัน เพราะจากวิธีสัมผัสและการแตะต้องของฮิมุโระซัง อีกฝ่ายเจนจัดและนุ่มนวล รู้ดีเกินกว่าจะเป็นพวก 'พี่ชายแสนดี' แบบที่เคยได้ยินจากคำบอกเล่าของคางามิซัง


    หากเสียงออดที่หน้าประตูฉุดเธอขึ้นจากภวังค์ซะก่อน


    หรือว่า..ฮิมุโระซังจะลืมของกันนะ?


    คุโรโกะคิดในใจ พลางเดินไปเปิดประตูโดยละเลยที่จะส่องตาแมวเช่นทุกที และนั่นคือความผิดพลาดอย่างแรกในวันนี้ของเธอ



    ใบหน้าหล่อเหลาคมคายคุ้นตาที่ประดับด้วยดวงตาสีแดงเพลิงและเส้นผมสีแดงเข้ม ระบายด้วยรอยยิ้มเยียบเย็นยืนอยู่ตรงหน้าอย่างที่คาดไม่ถึง


    "เลิกกันแค่วันเดียว.... เธอหาคนใหม่มา 'กอด' ปลอบใจได้เร็วดีนี่เท็ตสึยะ"


    อารามตกใจ.... อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้ขัดขืนหรือทันได้ทำอะไรทั้งนั้น ร่างสูงโปร่งเบียดกายเข้ามาในห้อง และฉวยคว้าข้อมือเธอไว้อย่างแน่นหนา กำกอบจนขึ้นข้อขาว


    เธอเจ็บ.... แต่เกร็งจนไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำท้วง เสียงกริ๊กลงกลอนประตูที่ถูกล็อคจากด้านในแว่วมาให้ได้ยิน


    จริงอยู่ที่อาคาชิคุงต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน... รู้ว่าเธอพา 'ใครสักคน' มาค้าง แต่ที่คาดไม่ถึงคือการที่ปราดมาแต่รุ่งแบบนี้!!


    ดวงตาสีแดงไล่มองไปทั่วบริเวณห้องเล็กๆ สิ่งของที่เคยเห็นดูอยู่ผิดที่ผิดทาง และที่สำคัญ... เศษซากใช้แล้วของอะไรบางอย่างที่เห็นที่บนพื้นไม้นั่น ชัด...ยิ่งกว่าชัดว่าไม่ผิดจากที่คิดสักนิด


    "ดูท่า.... เธอจะสนุกมากเลยนะ เท็ตสึยะ"


    เสียงทุ้มต่ำเยียบเย็นเอ่ยด้วยกระแสเสียงราวกับจะคำรามอยู่ข้างหู จากเดิมที่คว้าแค่ข้อมือ คราวนี้เจ้าตัวรวบกอดไว้จากด้านหลัง รัดช่วงเอวแน่นจนสะโพกปวดร้าว


    เรียวปากแตะอังลงมาบนจุดชีพจรข้างลำคอ


    "อุ่นนะ..."


    พูดคำว่า 'อุ่น' แต่เสียงคนเอ่ยไม่ได้อุ่นตามเลย




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×