ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    60 เรื่องน่ารู้ในหลวงของเรา

    ลำดับตอนที่ #4 : การประชวร

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 49


    พุทธศักราช ๒๔๙๑ ..... ระหว่างประทับอยู่ ณ สวิสเซอร์แลนด์ ทรงโปรดการขับรถยนต์ไปในที่ต่างๆ ทั่วยุโรป แล้ววันหนึ่งก็มีข่าวร้ายแก่ชาวไทย ข่าวด่วนจากวิทยุ บีบีซี ๑๓.๐๐ น. วันที่ ๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ แห่งประเทศไทย ประสบอุบัติเหตุเนื่องด้วยรถยนต์ ณ ที่แห่งหนึ่งใกล้ๆ เมืองโลซานน์ เมื่อค่ำวันที่ ๔ พระอาการค่อนข้างสาหัส สำนักข่าวรอยเตอร์ ก็ได้กระจายข่าวทั่วโลกว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช กษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน ผู้มีชันษาครบ ๒๐ แห่งประเทศไทย ซึ่งทรงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส เนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เมื่อคืนวันที่ ๔ นั้น ในตอนบ่ายวันที่ ๕ นี้ มีข่าวว่า ทรงมีพระอาการดีขึ้น และ พ้นขีดอันตรายแล้ว

    ข่าวจากโรงพยาบาลมอร์เซส แจ้งว่า ..... พระมหากษัตริย์ไทย ทรงได้รับบาดเจ็บสาหัสแถบพระพักตร์และพระเศียร แต่ไม่มีพระอัฐิส่วนใดแตกหรือเดาะเลย พระโลหิตตกมาก พระเนตรข้างขวาเศษกระจกเข้า แต่พระสติดีสามารถแจ้งนามพระองค์ได้ ทั้งนี้ รถยนต์พระที่นั่งชนกับรถยนต์บรรทุกคันหนึ่ง ข้างทะเลสาบเจนีวา เมืองมอนเน

    ตามรายงาน ..... ของหลวงดิฐการภักดี อุปฑูตไทย ประจำสวิตเซอร์แลนด์ ในขณะนั้น กล่าวว่า ในคืนที่ทรงประสบอุบัติเหตุนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงขับรถพระที่นั่งไปถึงสี่แยกที่มีป้อมจราจรแห่งหนึ่ง และ พอดีกับตำรวจจราจรให้สัญญาณหยุด เพื่อให้ทางแก่จักรยานอีก ๒ คัน รถบรรทุกคันหน้าจึงหยุดกึกลงทันที ที่ได้รับสัญญาณจากตำรวจจราจร ขณะนั้นประจวบกับมีรถยนต์อีกคันหนึ่งขับสวนขึ้นมา และ เปิดไฟหน้าสว่างจ้า จึงทำให้พระเนตรพร่า มองไม่เห็นรถบรรทุกคันนั้น รถพระที่นั่งจึงชนเอาท้ายรถบรรทุกโครมใหญ่

    สำหรับประเทศไทยนั้น ..... หนังสือพิมพ์รายวันได้ตีพิมพ์ข่าวร้ายนี้ทั่วถึงทุกฉบับ ชาวไทยทุกคนยามนั้น ต่างโศกเศร้า และ ทุกข์ร้อนกันทั่วหน้า และ ในวันที่ ๗ ตุลาคม เวลา ๑๖.๐๐ น. เศษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้มีพระราชดำรัสโทรศัพท์ทางไกลตอบประธานคณะอภิรัฐมนตรี กรมขุนชัยนาทนเรนทร จากโรงพยาบาลที่ประทับว่า .....

    ฉันปลอดภัยแล้ว ขอฝากความขอบใจมายังคณะผู้สำเร็จราชการ คณะอภิรัฐมนตรี
    คณะรัฐบาล และ ประชาชนของฉัน ที่มีความห่วงใยในอาการป่วยของฉัน


    เสด็จออกจากโรงพยาบาล ..... เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ แพทย์ผู้ถวายการรักษา แถลงว่าจะต้องใช้เวลาจนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ จึงจะรู้ผลเกี่ยวกับพระเนตร แพทย์ขอให้ทรงหยุดการศึกษาชั่วคราว จะทรงพระอักษรไม่ได้ ขอให้ทรงดำรัสแต่น้อย ไม่ควรเสด็จไปไหนในระยะนี้ เพื้อป้องกันพระเนตรที่ประชวรได้รับความกระทบกระเทือน
     


    พุทธศักราช ๒๔๙๒ ..... วันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ รัฐบาลได้แถลงต่อสภาฯ ว่า เมื่อต้นเดือนมกราคม นี้ แพทย์ได้ถอดผ้าปิดพระเนตรข้างขวาออก และ ได้ใช้ฉลองพระเนตรสีมัวๆ เพื่อให้ค่อยๆ ชินขึ้นเป็นลำดับ ต่อมาในปลายเดือนจึงใช้ฉลองพระเนตรปกติ ทอดพระเนตรเห็นชัดขึ้น ทรงเล่นดนตรีได้พอสมควร เวลาอากาศดีๆ เสด็จประพาสโดยรถยนต์ หรือ ดำเนินเล่นช้าๆ ได้ ระวังไม่ให้ออกพระกำลังมากเกินไป พระอาการประชวรที่พระเนตร เนิ่นนานมาจนถึงต้นเดือนตุลาคม จึงมีข่าวยืนยันว่า พระเนตรที่มีพระประชวรหายแล้ว และ ทอดพระเนตรได้ทั้งสองข้างด้วย

    ข่าวเกี่ยวกับพระอาการพระประชวรของ ..... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ดีขึ้นเรื่อยจนเป็นปกติ ยังความชื่นชมโสมนัสแก่พสกนิกรเป็นที่ยิ่ง และ โดยเฉพาะพระธิดาของท่านทูตนั้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงประสบอุบัติเหตุ และ มีอาการรู้สึกพระองค์แล้ว ได้มีพระราชกระแสรับสั่งให้โทรเลขขออนุญาต ม.จ.นักขัตรมงคล กิติยากร ให้ส่ง ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เข้าเฝ้าถวายการอภิบาลรักษา ณ พระตำหนักวิลล่าวัฒนา เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ม.ล.บัว กิติยากร ผู้เป็นพระชนนี ได้นำธิดาทั้งสองเข้าเฝ้า แล้วถวายบังคมกลับกรุงลอนดอน โดยให้ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร ประทับอยู่กับสมเด็จพระราชชนนีที่เมืองโลซานน์ และ ได้ศึกษาต่อที่นั่น นอกจากถวายการอภิบาลรักษาแล้ว เป็นที่ทราบกันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพอพระราชหฤทัยในฝีมือเปียโนของ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร และ ทรงฟังอยู่เสมอๆ หลังจาก เฝ้าถวายอภิบาลจน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีพระอาการทั่วไปคืนสู่ปกติแล้ว ม.ร.ว.สิริกิติ์ ได้กราบถวายบังคมลากลับไปพำนักกับพระบิดาที่ประเทศอังกฤษ

    ฟ้าสดใสหลังพายุก็มาถึง ..... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และ สมเด็จพระราชชนนี ได้เสด็จพระราชดำเนินไปพบ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร และ หม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร ได้รับสั่งเรื่องการหมั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นการหมั้นอย่างส่วนพระองค์จริงๆ ทำกันเฉพาะในครอบครัวเท่านั้น ไม่มีผู้ใดระแคะระคายเลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นำแหวนเพชรทำเป็นหนามเตยรูปหัวใจ ของสมเด็จพระราชบิดา ที่เคยประมานแด่สมเด็จพระราชชนนี มอบแก่ หม่อมเจ้านักขัตรมงคล เพื่อให้เป็นพระธำมรงค์หมั้น หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร

    หมายเหตุ ::: หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร ภายหลังได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาพระอิสริยยศ หม่อมเจ้านักขัตรมงคลฯ เป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตรมงคล และ พระวงวงศ์เธอกรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ ตามลำดับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×