ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ภรรยานำดวง (Re-up มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #12 : ยอมรับหรือไม่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.95K
      37
      18 มี.ค. 64

    เรืองรุ่งไม่ปฏิเสธ นางรีบเดินไปปิดประตูล็อคร้านอย่างรวดเร็ว โชคดีที่อาบน้ำแต่งตัวอยู่ในชุดสุภาพมาตั้งแต่แรก จึงไม่ต้องเปลี่ยนใหม่ให้เสียเวลา พอมองดูหลานสาว ก็พบว่าอ่อนช้อยเองก็สวมเสื้อผ้าในชุดเรียบร้อย นางจึงหันไปถามคุณนวลระวี

    “เราเดินไปดีไหมคะคุณนวล จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอดรถ”

    เรืองรุ่งเสนอด้วยจิตใจร้อนรุ่ม ก่อนนึกได้ว่าคุณนวลระวีเป็นดาราชื่อดัง จะให้เดินไปวัดอาจไม่เหมาะสมก็ได้ แต่นางคิดผิด เพราะคุณนวลระวีพยักหน้าตอบรับทันที

    “พี่กำลังจะบอกน้องเรืองอยู่พอดีว่าเราเดินไปดีกว่า จะได้ถึงเร็วๆ”

    พูดจบคุณนวลระวีกับเรืองรุ่งก็เดินเคียงกันออกจากบ้าน โดยมีอ่อนช้อยเดินตามหลังน้าสาว นำดวงเห็นอย่างนั้นก็จงใจเดินรั้งท้ายตามหลังมารดา เพื่อจะได้มาเดินข้างๆ เด็กสาว และก่อนจะพ้นประตูรั้ว ชายหนุ่มก็หันมาสะกิดต้นแขนอ่อนช้อย แล้วถามด้วยเสียงกระซิบ

    “พวกเราไปมอเตอร์ไซค์กันดีมั้ยน้องอ่อน จะได้ไปถึงก่อนทุกคน”

    แล้วจะไปถึงก่อนทุกคนทำไม? 

    อ่อนช้อยคิดในใจแต่ไม่ตอบ ทว่าสายตาของเธอคงบอกได้หมดทุกอย่าง นำดวงจึงได้แต่หัวเราะเสียงแห้ง

    “จริงๆ พี่นำก็แกล้งถามไปเล่นๆ แบบนั้นเอง เราเดินไปด้วยกันน่ะถูกแล้ว จะขับมอเตอร์ไซค์ให้เปลืองน้ำมันไปทำไม ในเมื่อวัดก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง”

    อ่อนช้อยไม่ตอบ เธอได้แต่สาวเท้าก้าวตามน้าสาวกับคุณนวลระวี พร้อมกันนั้นก็นึกสงสัยว่าดวงชะตาของเธอเป็นอย่างไรกันแน่ หลวงพ่อเปี่ยมถึงบอกให้เธอไปกับนำดวง

     

    กุฏิของหลวงพ่อเปี่ยมตั้งอยู่ท้ายวัด เกือบชิดติดรั้วทางด้านหลังซึ่งเป็นบริเวณป่าช้า ตัวกุฏิสร้างจากไม้ มีสภาพค่อนข้างเก่า ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยกั้นอาณาเขต ให้ความรู้สึกร่มรื่นเย็นตา ผสมความวิเวกวังเวง เสมือนเป็นอีกพื้นที่หนึ่ง ซึ่งตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอกราวกับอยู่คนละโลก

    ปกติคนมาพบหลวงพ่อเปี่ยม จะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่ก่อน เพื่อรอคำอนุญาต แต่วันนี้เพียงแค่ทุกคนเดินเข้าประตูวัดมา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็ปรี่เข้ามาหา แล้วเอ่ยคำทักทายเรืองรุ่ง

    “นึกว่าแม่เรืองจะไม่มาเสียอีก นี่ฉันเกือบไปตามที่ร้านแล้วเชียว หลวงพ่อท่านรอทุกคนอยู่ที่กุฏินานแล้วนะ”

    ชายคนที่เข้ามาทักเป็นคนร่วมหมู่บ้าน แต่ช่วยงานหลวงพ่อเปี่ยมกึ่งเป็นศิษย์ กึ่งมัคนายก แกมีชื่อว่านายถวัลย์ อายุไล่เลี่ยกับเรืองรุ่ง เมื่อทักทายเสร็จ นายถวัลย์ก็หันไปยกมือไหว้คุณนวลระวี นำดวงกับอ่อนช้อยเองก็ยกมือไหว้แกพร้อมกัน

    “เดี๋ยวนะถวัลย์ หลวงพ่อรูปไหนรอพวกฉันอยู่?”

    เรืองรุ่งถามอีกฝ่าย คุณนวลระวีเองก็แสดงสีหน้าแปลกใจ เพราะการมาของทุกคนครั้งนี้ ถือเป็นการมาแบบวัดดวง ไม่มีใครมีเส้นสายพอที่จะสามารถนัดหลวงพ่อเปี่ยมได้ แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอที่อยู่ในตัวจังหวัด เป็นลูกสาวของท่านผู้ว่าฯ ยังบอกเลยว่าหากจะไปกราบหลวงพ่อเปี่ยม จะต้องเสี่ยงดวงเอาเอง หากมีบุญก็มีโอกาสได้พบ หากไม่มีวาสนาก็ไม่มีโอกาสได้เจอ

    “ก็หลวงพ่อเปี่ยมอย่างไรเล่า ท่านบอกให้ฉันออกมารับแม่เรืองกับทุกคนอยู่นี่ไง ฉันมายืนรอเกือบสิบนาที แต่ไม่เห็นมีใครมา กำลังคิดอยู่เลยว่าจะออกไปตามแม่เรืองที่ร้านดีหรือเปล่า”

    เรืองรุ่งอ้าปากค้าง รู้สึกเหมือนขนอ่อนบนต้นคอกำลังลุกชัน เธอรีบชวนคุณนวลระวีรวมทั้งนำดวงกับหลานสาว ก้าวเท้าตามนายถวัลย์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงถามอีกฝ่ายไม่หยุด

    “แล้วหลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าพวกฉันจะมาขอพบ?”

    “แม่เรืองก็รอถามหลวงพ่อเองสิ” นายถวัลย์ตอบง่ายๆ “หลวงพ่อให้มารอ ฉันก็แค่มารอ…เอาล่ะ แม่เรืองพาทุกคนไปได้แล้ว เดี๋ยวฉันต้องไปเตรียมข้าวของให้หลวงพ่ออีก ไม่รู้จะทันเวลาหรือเปล่า”

    นายถวัลย์พูดตัดบท เมื่อพาทุกคนมาถึงปากทางที่จะเข้าไปยังกุฏิของหลวงพ่อเปี่ยม เรืองรุ่งมองเห็นสายตาของเขาที่กวาดมองนำดวงสลับกับอ่อนช้อย นางก็นึกสงสัย ต้องดึงอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อซักถามอีกครั้ง

    “ข้าวของอะไร? เตรียมให้ใคร…ให้พวกฉันอย่างนั้นหรือ?”

    “ก็เตรียมให้หนูอ่อน หลานสาวของแม่เรือง กับ…” นายถวัลย์มองนำดวงแวบหนึ่งโดยไม่ปิดบัง ก่อนหันมาตอบเรืองรุ่ง “กับพ่อหนุ่มคนนี้น่ะสิ…ไปๆๆ แม่เรืองอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย สงสัยอะไรก็ไปถามหลวงพ่อนู่น”

    พูดจบนายถวัลย์ก็หันหลังแล้วเดินลิ่วไปยังประตูวัด ทิ้งให้ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆ

    “ทำไมนำรู้สึกแปลกๆ”

    นำดวงเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมา หลังจากมองนายถวัลย์เดินจากไปอย่างเร่งรีบ

    “รู้สึกเหมือนกับว่า กำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับชีวิตของตัวเองอย่างนั้นแหละ”

    พูดจบชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนก้าวเท้าเดินตามมารดากับเรืองรุ่งไปบนถนนโรยกรวดเส้นเล็ก ตรงไปยังกุฏิของหลวงพ่อ

    เพราะทุกคนกำลังจมอยู่กับความครุ่นคิดของตัวเอง จึงไม่มีใครตอบชายหนุ่ม นำดวงจึงหันมาพูดกับอ่อนช้อยที่เดินเคียงข้างเขาแทน

    “น้องอ่อนรู้สึกเหมือนพี่นำไหมครับ?” เขาถาม น้ำเสียงจริงจังจนอ่อนช้อยต้องเงยหน้ามอง “พี่รู้สึกว่าพอเราเข้าไปในกุฏิของหลวงพ่อแล้ว ชีวิตของเราสองคน…จะไม่เหมือนเดิมอีกตลอดไป”

    คำพูดของนำดวงทำให้จิตใจอ่อนช้อยไหววูบไปชั่วขณะ ทว่าเด็กสาวไม่แสดงอาการทางสีหน้า เธอหลุบตาลงต่ำ ก่อนก้าวเท้าตามผู้เป็นน้า และมารดาของชายหนุ่มไปยังกุฏิของหลวงพ่อ พร้อมกดข่มความวิตกกังวลทั้งมวล

    อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

    อะไรที่สงสัยก็จะได้รู้ในไม่ช้า

    จะหวาดกลัวล่วงหน้าก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ

     

    กุฏิของหลวงพ่อเปี่ยม เป็นกุฏิไม้ชั้นเดียว ด้านหน้าเป็นชานขนาดย่อมปูด้วยไม้แผ่นใหญ่ ตีราวระเบียงล้อมรอบ มีม้านั่งยาวอย่างง่ายๆ ยึดราวระเบียงเอาไว้ทั้งสองด้าน

    ความร่มรื่นของแมกไม้ทำให้ผู้มาเยือนเกิดความสงบสำรวม กลิ่นพิกุลและดอกไม้ป่าโชยมาตามสายลม ให้ความรู้สึกเย็นใจ แม้แต่นำดวงก็ไม่ชวนคนอื่นพูดคุยอีก และเหมือนชายหนุ่มจะเดินลงฝีเท้าเบากว่าปกติ

    หลวงพ่อนั่งรอพวกเขาอยู่บนม้านั่งฝั่งหนึ่ง 

    ร่างผอมชราในสีจีวรเฉดแดง บ่งบอกว่าท่านเป็นพระป่า หรือพระสายกรรมฐาน ดูโดดเด่นท่ามกลางสีเขียวขจีของแมกไม้รายรอบ ดวงตาทอประกายลึกล้ำยามจับตามองทุกคน โดยเฉพาะนำดวงกับอ่อนช้อยที่ดูเหมือนท่านจะมองมากเป็นพิเศษ

    เรืองรุ่งกับคุณนวลระวีถอดรองเท้าแล้วก้าวขึ้นไปบนชาน นำดวงรอจนอ่อนช้อยก้าวขาขึ้นไปเรียบร้อย จึงถอดรองเท้าแล้วก้าวตามรั้งท้าย ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปกราบหลวงพ่อเปี่ยมด้วยกิริยาสุภาพ

    “มากันได้เสียที” 

    หลวงพ่อเปี่ยมพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ด้านหน้าของท่านมีโต๊ะไม้หนึ่งตัว บนโต๊ะวางไว้ด้วยขันทองเหลืองและกิ่งไม้หนึ่งกิ่ง เหมือนเตรียมไว้สำหรับพรมน้ำมนต์ ข้างขันใบนั้นมีหนังสือและสมุดวางอยู่

    “ขอบพระคุณหลวงพ่อ ที่อนุญาตให้พวกเราเข้าพบเจ้าค่ะ”

    คุณนวลระวีที่นั่งพับเพียบบนพื้นพูดขึ้นก่อน ขณะที่หลวงพ่อเปี่ยมก็พยักหน้ารับเบาๆ มองทุกคนด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมเมตตา 

    “เมื่อกี้ถวัลย์บอกว่าหลวงพ่อรอพวกเราอยู่ มีอะไรหรือเจ้าคะ?”

    เรืองรุ่งถามบ้าง ความจริงนางอยากจะถามหลวงพ่อเปี่ยมไปตรงๆ ว่าทำไมหลวงพ่อถึงรู้ว่าพวกนางจะมาขอพบ ถึงให้นายถวัลย์ไปรอรับ…แต่นั่นหละ ท่านเป็นพระปฏิบัติ จะไม่รู้ล่วงหน้าได้อย่างไร สุดท้ายเรืองรุ่งก็ไม่กล้าถามตรงๆ แค่มีโอกาสได้พบหลวงพ่อเปี่ยมก็ถือว่ามีบุญขนาดไหนแล้ว หากท่านไม่เมตตาอ่อนช้อยกับนำดวง ก็คงไม่ใส่ใจบอกกล่าวตั้งแต่ทั้งคู่ไปตักบาตรหรอก

    “ก็ที่มาหาอาตมามันมีอะไรกันล่ะ?”

    หลวงพ่อย้อนถามยิ้มๆ ทำเอาเรืองรุ่งอึกอัก

    “คือนำดวงลูกชายของดิฉันเจ้าค่ะหลวงพ่อ กับหนูอ่อนช้อย”

    คุณนวลระวีช่วยเรืองรุ่งตอบหลวงพ่อเปี่ยม ก่อนมองนำดวงและอ่อนช้อยซึ่งนั่งเยื้องอยู่ทางด้านหลัง มองเห็นลูกชายตัวดียืดตัว ทำท่าจะยกมือขึ้นสูงด้วยกลัวหลวงพ่อไม่รู้ โชคดีที่ชายหนุ่มห้ามตัวเองได้ทัน จึงรีบประสานสองมือเอาไว้บนตัก ทำเพียงนั่งตัวตรง พับเพียบเก็บปลายเท้าเรียบร้อยด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมมากกว่าเดิม ขณะที่อ่อนช้อยนั่งพับเพียบประสานสายตากับหลวงพ่อด้วยกิริยาสงบนิ่ง เมื่อหลวงพ่อเปี่ยมคลี่ยิ้มให้เด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสอง นำดวงก็รีบยิ้มแฉ่งตอบ ส่งคำถามผ่านสีหน้าว่าหลวงพ่อจำเขาได้หรือไม่ ที่ตักบาตรกับหลวงพ่อเมื่อเช้านี้เอง

    “ทำไมจะจำไม่ได้ ก็อาตมาเป็นคนบอกเองให้ประสกพาแม่หนูน้อยมา”

    หลวงพ่อเปี่ยมพูดขึ้นมา ทำเอานำดวงที่ถามหลวงพ่อแค่ในใจถึงกับอ้าปากค้างอย่างนึกทึ่ง 

    “หลวงพ่อสุดยอดจริงๆ” 

    สุดท้ายชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว ต้องยกหัวแม่มือให้หลวงพ่อ ใบหน้าหล่อเหลาทอประกายชื่นชมผสมความตื่นเต้นอย่างปิดไม่มิด 

    “หลวงพ่อต้องเป็นซูเปอร์ฮีโร่ปลอมตัวมาแน่ๆ ถึงรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่”

    “ตานำ!”

    คุณนวลระวีเรียกชื่อนำดวงเสียงต่ำ นึกอยากตีมือลูกชายที่ยกให้หลวงพ่อเหมือนเด็กไม่มีมารยาท ทว่าหลวงพ่อไม่ถือสา แต่มองหน้าชายหนุ่มด้วยแววตาเอื้อเอ็นดู เสมือนญาติผู้ใหญ่กำลังมองหน้าลูกหลานของตัวเอง

    “ประสกรู้ไหมว่าทำไมตัวเองยังมีชีวิตอยู่?” 

    หลวงพ่อเปี่ยมถามขึ้นยิ้มๆ ทำเอานำดวงหน้าเหวอ

    ก็เพราะยังไม่ตายไงครับหลวงพ่อ ถึงยังมีชีวิต มานั่งอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อแบบนี้

    ชายหนุ่มตอบในใจ แต่ก็ตอบแค่ในใจเท่านั้นแหละ ขืนพูดอย่างที่ใจคิด แม่คงยื่นมือมาหยิกเขาเนื้อขาดแน่ๆ

    ไม่รอให้นำดวงตอบ หลวงพ่อเปี่ยมก็เป็นคนพูดขึ้นมา

    “ข้อแรก เพราะตัวประสกมีจิตบริสุทธิ์ ไม่เคยคิดร้ายทำลายใคร” น้ำเสียงของหลวงพ่ออ่อนโยน เปี่ยมเมตตา “ข้อสอง เพราะพระคุณของมารดา ที่ส่งถึงบุตรเสมอ”

    หลวงพ่อเปี่ยมหันไปมองคุณนวลระวีสลับกับเรืองรุ่ง

    “บุญกุศลจากสีกา ที่มีฆราวาสธรรม อยู่ในความถูกต้องดีงาม มีสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ มีความซื่อสัตย์ รู้จักข่มจิตรักษาใจให้ไร้กิเลส มีความอดทนข่มกลั้น และเสียสละความสุขส่วนตน รู้จักบริจาค นั่นแหละที่ส่งกุศลผลบุญแก่ลูกหลาน ให้ยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้”

    คุณนวลระวีกับเรืองรุ่ง ยกมือก้มศีรษะพนมไหว้หลวงพ่อเปี่ยมอีกครั้ง ขณะที่หลวงพ่อหันกลับมามองนำดวง 

    “ข้อที่สาม ที่ทำให้ประสกยังมีชีวิตอยู่ ก็เพราะได้มาพบแม่หนูคนนี้ ถ้าหากวันนี้ไม่ได้พบ ประสกก็จะไม่ได้พบอาตมา นี่คือโชคชะตาสมพงศ์”

    หลวงพ่อเปี่ยมมองนำดวงอีกครู่หนึ่ง ก่อนเบนสายตามามองอ่อนช้อย

    “แม่หนูก็เช่นเดียวกัน ดวงของแม่หนูกับพ่อหนุ่มเมื่อได้พบกันแล้ว ก็จะผูกเกี่ยวกันไปจนตลอดชีวิต…แม่หนูจะยอมรับชะตานี้หรือไม่?”

    อ่อนช้อยประสานสายตากับหลวงพ่อ สมองเล็กๆ ของเธอครุ่นคิดคำพูดของท่านด้วยความไม่เข้าใจ

    อะไรคือโชคชะตาสมพงศ์?

    อะไรคือผูกเกี่ยวกันจนตลอดชีวิต?

    ที่สำคัญก็คือ ถ้าเธอไม่ยอมรับชะตาที่หลวงพ่อถาม แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? 

    เธอจะตายอย่างนั้นหรือ? หรือว่านำดวงจะตาย?

    หลวงพ่อเปี่ยมพอพูดแล้ว ก็ไม่เร่งย้ำถามหาคำตอบ แต่เหมือนท่านจะปล่อยให้เด็กสาวได้มีเวลาครุ่นคิด จึงเบนสายตากลับมามองนำดวงอีกครั้ง

    “แล้วประสกล่ะ? จะยอมรับชะตาของตัวเองหรือไม่ หากชีวิตของประสกในภายภาคหน้า จะมีแม่หนูคนนี้เกี่ยวโยงผูกพันไปตลอด”

    “ยอมครับ ยอมๆ”

    นำดวงตอบทันที ใบหน้าหล่อเหลาไม่ปิดบังความตื่นเต้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอประกายระยับ เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความดีอกดีใจ 

    “อ้อ แล้วเกี่ยวโยงผูกพันไปตลอด…หมายถึงผูกพันไปตลอดชีวิต เหมือนที่หลวงพ่อถามน้องอ่อนใช่ไหมครับ? 

    นำดวงถามย้ำให้แน่ใจ ขณะที่หลวงพ่อเปี่ยมพยักหน้ายิ้มบาง

    “ใช่ เหมือนกัน”

    “งั้นผมยอมครับ ยอมยิ่งกว่ายอมที่ตอบหลวงพ่อก่อนหน้านี้อีกหนึ่งเท่าเลย”

    ความจริงนำดวงรอให้หลวงพ่อถามเขาอยู่แล้ว ตอนที่ท่านถามอ่อนช้อย เขาหันไปมอง ก็เห็นอ่อนช้อยนั่งนิ่ง หลังตรง ดวงตาดำขลับทอประกายครุ่นคิด เห็นเพียงเสี้ยวหน้ากับแพขนตากะพริบเบาๆ ชายหนุ่มก็แทบจะทนไม่ไหว อยากอาสาเป็นนักแสดงแทน เอ่ยปากตอบแทนเด็กสาวให้ยอมรับคำของหลวงพ่อไปเสียเลย นำดวงต้องห้ามตัวเองอย่างยากลำบากที่จะไม่สะกิดต้นแขนบอบบางของเธอ แล้วเร่งให้ตอบหลวงพ่อเร็วๆ 

    นำดวงยอมรับ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่า การผูกเกี่ยวกันไปตลอดชีวิต มันมีความหมายลึกซึ้งขนาดไหนกันแน่  แค่คิดว่าชีวิตของตัวเองจะมีอ่อนช้อยเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคน ก็รู้สึกดีอย่างไม่มีเหตุผลแล้ว

     

    ขณะที่อ่อนช้อยกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น คุณนวลระวีกับนางเรืองรุ่ง ก็มองนำดวงสลับกับอ่อนช้อยด้วยสายตาครุ่นคิดเช่นกัน ต่างคนต่างจมอยู่กับการตีความของตัวเอง หญิงสองวัยต่างวิเคราะห์คำพูดของหลวงพ่อ แล้วถามตัวเองในใจด้วยคำถามข้อเดียวกัน คุณนวลระวีมองอ่อนช้อยอย่างพินิจพิจารณามากกว่าที่เคยมอง ขณะที่เรืองรุ่งก็มองนำดวงอย่างพิจารณามากกว่าเดิม ก่อนที่ความพึงพอใจจะกระจายเกลื่อนอยู่บนสีหน้าของทั้งสองคน

    คุณนวลระวีรู้จักลูกชายของเธอดี นำดวงนั้นดูเหมือนเป็นคนขี้เล่น เข้ากับคนง่าย เหมือนไม่มีพิษไม่มีภัยและไร้พิษสง ทว่าคนเป็นแม่อย่างเธอรู้ดีว่า ความจริงแล้วนำดวงเก็บซ่อนความเจ็บปวดหลายอย่างเอาไว้ในใจ ความเจ็บปวดที่ว่านั้นเกิดขึ้นมาจากเธอเองที่หย่าร้างกับสามี เรื่องนี้ก่อให้เกิดบาดแผลในใจของลูกทั้งสามไม่น้อย ถึงแม้นำดวงในฐานะลูกชายคนโต จะพยายามทำตัวเป็นพี่ชายที่มีความสุข เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับน้องๆ แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นมาแต่แรก เธอเชื่อว่าไม่ได้จางหายไปไหน ต่อให้ความเจ็บปวดได้เลือนจางตามวันเวลา แต่รอยแผลในใจของลูก ก็ยังซ่อนตัวอยู่ที่เดิมอย่างลึกเร้น

    คงจะดีไม่น้อย ถ้าหากลูกชายของเธอจะมีใครสักคนเพิ่มเข้ามาในชีวิต นอกเหนือจากการมีน้องชายสองคน ที่ต่างก็มีบาดแผลน้อยใหญ่ไม่ต่างกัน

    อ่อนช้อยเป็นเด็กสาวที่โหงวเฮ้งดี กิริยาเรียบร้อย รู้จักครุ่นคิดไตร่ตรอง ถึงแม้จะมีอายุเพียงแค่สิบห้าปี แต่อากัปกิริยาและความคิดอ่านล้วนโตเกินอายุ เรื่องแบบนี้ไม่สามารถปิดบังคุณนวลระวีได้ ก็เธอเป็นใครกันล่ะ เธออยู่ในวงการบันเทิงที่คนรอบตัวล้วนใส่หน้ากาก เธออยู่ในดงเสือสิงห์ตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อย ข้ามผ่านทุกยุคมาจนถึงบั้นปลาย เจอคนดีคนร้ายมาทุกประเภท เพียงแค่ปรายตามอง คุณนวลระวีก็รู้แล้วล่ะว่าใครดีใครชั่ว เพราะฉะนั้นเด็กสาวอย่างอ่อนช้อย จึงผ่านเกณฑ์ของคุณนวลระวีอย่างง่ายดาย 

    นี่ยังไม่รวมที่หลวงพ่อเปี่ยมบอกว่า ถ้าวันนี้นำดวงไม่ได้พบอ่อนช้อย ลูกชายของเธออาจมีเหตุเภทภัยถึงแก่ความตาย คนที่เชื่อในเรื่องดวงชะตาอย่างเธอ ไม่เคยมองว่าทุกอย่างเป็นความบังเอิญ จึงไม่มีข้อสงสัยใดๆ ต่อคำพูดของหลวงพ่อ ซึ่งเป็นที่นับถือของคนทั้งประเทศ

    เพราะฉะนั้น อ่อนช้อยนี่เองที่เป็นดาวนำโชค ช่วยต่อชีวิตลูกชายของเธออย่างแท้จริง

    เรืองรุ่งเองก็คิดไม่ต่างจากคุณนวลระวี ทว่านางไม่ได้คิดซับซ้อนถึงเพียงนั้น สิ่งที่หญิงวัยห้าสิบครุ่นคิดก็คือ หลานสาวของนางเป็นคนอาภัพ เกิดมาไม่มีแม่ มีพ่อก็เหมือนไม่มี นางเองอายุมากแล้ว สมมติว่าพรุ่งนี้นางตาย ต่อให้สมบัติที่มีคือบ้านและร้านเสริมสวยจะยกให้กับอ่อนช้อย แต่จะมากเพียงพอต่ออนาคตของหลานสาวหรือไม่ จะแน่ใจได้อย่างไรว่านายสว่างกับนางโฉมเฉลาจะไม่มารังแกเอารัดเอาเปรียบ 

    เพราะฉะนั้นการที่นำดวงกับคุณนวลระวีผ่านเข้ามา ซึ่งหลวงพ่อเปี่ยมบอกว่าเป็นเรื่องโชคชะตาสมพงศ์ ทำให้เรืองรุ่งเชื่อเรื่องนี้จนหมดหัวใจ ถ้าหากอ่อนช้อยมีนำดวงและคุณนวลระวีเกี่ยวพันกับชีวิต อนาคตของหลานสาวคงจะดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน นำดวงเองถึงจะขี้เล่นไปหน่อย แต่เรืองรุ่งเชื่อว่าเขาเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง ส่วนคุณนวลระวีนั้น แม้จะเพิ่งรู้จักกันสดๆ ร้อนๆ แต่เรืองรุ่งก็สัมผัสได้ถึงความเป็นกันเอง ความไม่ถือเนื้อถือตัว นางล้วนสัมผัสได้ว่าทุกอย่างเป็นความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้ง นั่นทำให้เรืองรุ่งรู้สึกวางใจได้อย่างแท้จริง

    คนที่ไม่ดี มีหรือหลวงพ่อเปี่ยมจะยอมให้พบ หนำซ้ำถึงขนาดให้นายถวัลย์ไปตาม แล้วนางจะปฏิเสธได้อย่างไร

    นี่ยังไม่นับเรื่องที่ว่าหลานสาวของนางกำลังมีเคราะห์ ถ้านำดวงสามารถช่วยหลานสาวของนางได้ เหมือนที่อ่อนช้อยสามารถช่วยเขาได้ เรืองรุ่งก็ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น

    หลวงพ่อเปี่ยมมองทุกคนด้วยสายตาปราณี ก่อนถามคุณนวลระวีกับเรืองรุ่ง

    “สีกาทั้งสองไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”

    คุณนวลระวีกับเรืองรุ่งหันมายิ้มให้กัน ก่อนยกมือพนม แล้วตอบหลวงพ่อด้วยความสุภาพ

    “ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”

    “แล้วแม่หนูล่ะ จะยอมรับหรือไม่?”

    หลวงพ่อเปี่ยมหันมาถามอ่อนช้อยอีกครั้ง เด็กสาวเงยหน้ามองสบตาท่านครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองน้าสาวและคุณนวลระวี พบว่าทั้งสองต่างพยักหน้ายิ้มให้เธอ ส่วนนำดวงนั้นชายหนุ่มพยักหน้าหงึกหงักไปมาไม่หยุด ราวกับเร่งให้เธอตอบตกลงหลวงพ่อไปเร็วๆ

    อ่อนช้อยหันกลับมามองหลวงพ่ออีกครั้ง ก่อนตอบ

    “หนูยอมรับค่ะ”

    คำตอบของอ่อนช้อยทำให้นำดวงที่นั่งข้างๆ ถอนหายใจดังเฮือกอย่างโล่งอก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าพอเขากับอ่อนช้อยตอบรับไปแล้ว หลวงพ่อเปี่ยมจะให้ทำอะไรต่อ

    ความสงสัยในใจของนำดวง ไม่ต่างจากทุกคนที่นั่งอยู่ ทว่าทันทีที่อ่อนช้อยตอบรับ หลวงพ่อเปี่ยมก็พูดขึ้นมาทันที 

    “ถ้าเช่นนั้นก็นั่งรอกันสักครู่ อาตมาใช้ให้นายถวัลย์ไปหาตั่งรดน้ำสังข์ เดี๋ยวพอนายถวัลย์กลับมา ก็ทำพิธีแต่งงานให้พ่อหนุ่มกับแม่หนูที่นี่เลย”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×