ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมียเหนือเมฆ (Re-up มี E-book)

    ลำดับตอนที่ #60 : มีกันและกันก็พอแล้ว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15.71K
      36
      23 ก.พ. 64

    สิบนาทีต่อมา เหนือดวงก็ออกมาจากห้องพักด้วยชุดขาวสะอาด เขาสวมเสื้อคอกลมผ้าป่าน กับกางเกงผ้าผูกเอวสีขาวเข้าชุดกัน เหมือนคนไปถือศีลกินเจนั่งสมาธิที่วัด…เอ่อ ไม่สิ เพราะตอนนี้เขาก็อยู่ในวัด และสถานที่ที่กำลังจะไปก็คือวัดเช่นเดียวกัน

    เหนือดวงมีกระเป๋าผ้าใบเล็กคาดไหล่ ไว้ใส่กระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ เรือนร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มสะอาดสะอ้าน ดูเรียบร้อยสงบนิ่ง ไม่เหลือกิริยาทะลึ่งทะเล้นให้เห็น เคียงข้าวเองก็ใส่ชุดขาวเหมือนกัน เวลายืนเคียงข้างกับชายหนุ่ม จึงดูเป็นภาพที่เย็นตาชวนให้สบายใจ

    ชายหนุ่มหญิงสาวเข้าไปขออนุญาตสองแม่ออกไปเดินชมเมืองพุทธคยา โดยตั้งใจว่าจะไปกราบเจดีย์พุทธคยา และต้นพระศรีมหาโพธิ์  ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน จากนั้นหากมีเวลาเหลือ ก็อาจไปเดินเล่นกันต่อที่ตลาด

    “รีบกลับมาทานข้าวเย็นกันนะลูก”

    คุณนวลระวีบอกลูกชายและลูกสะใภ้ ตัวเธอเองไม่รีบร้อนที่จะออกไปไหน เพราะยังมีเวลาอีกหลายวันในพุทธคยา จึงให้ลูกๆ ออกไปเดินชมเมืองตามประสาคนหนุ่มคนสาว ส่วนเธอเองก็อยู่พูดคุยกับคุณผจีในฐานะคนร่วมครอบครัว

     

    แสงตะวันยามบ่าย สาดส่องกระทบร่างของชายหนุ่มหญิงสาวในชุดสีขาว ที่เดินเคียงคู่กันไปบนบาทวิถี รถออโต้ หรือตุ๊กตุ๊กหลายคันแล่นมาจอดเทียบ บีบแตรร้องเรียกและบอกราคา ทว่าเหนือดวงกับเคียงข้าวต่างปฏิเสธ 

    เคียงข้าวอยากเดินดูบรรยากาศของเมืองที่เธอเคยอยู่มาก่อน มองดูผู้คน ถนนหนทาง ฟังเสียงอึกทึกรอบตัวที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ขณะที่เหนือดวงเองก็อยากจะเดินเคียงข้างภรรยา ไม่ได้รีบร้อนใดๆ

    จู่ๆ เหนือดวงก็เอื้อมมือหนาไปจับมือบอบบางของหญิงสาว ซึ่งเคียงข้าวก็ไม่ได้ปฏิเสธ

    “น้องข้าวจำวันแรกที่เราสองคนเจอกันได้ไหมครับ?”

    เหนือดวงถามขึ้น เคียงข้าวเงยหน้ามองใบหน้าชายหนุ่มที่ประดับด้วยรอยยิ้ม ก่อนพยักหน้า

    “จำได้ค่ะ”

    “น้องข้าวจำอะไรได้บ้างครับ?” เหนือดวงถามอีก “ไม่ใช่จำได้แค่ตอนที่จับลูกช่อนยักษ์ของพี่เหนือใช่ไหม?”

    “พี่เหนือ!” เคียงข้าวจิกตาพูดเสียงเย็น

    “อ้อ ขอโทษๆ พี่เหนือลืมไปว่าต้องสำรวม”

    ชายหนุ่มหัวเราะแหะๆ ก่อนพยายามปั้นน้ำเสียง และทำสีหน้าเคร่งขรึมเป็นจริงเป็นจัง 

    “น้องข้าวบอกพี่เหนือหน่อยได้ไหมครับ ว่าครั้งแรกที่เราเจอกัน น้องข้าวจำอะไรได้บ้าง?”

    “จำได้หมดทุกอย่างค่ะ”

    “น้องข้าวเลือกมาสักอย่างก่อนสิครับ”

    ชายหนุ่มทำเสียงออดอ้อน ไม่ยอมให้เธอเหมารวม

    “ข้าวจำได้ว่าในวันแรกที่เราเจอกัน ข้าวกับพี่เหนือยังแทนตัวเองว่าดิฉันว่าผมอยู่เลย”

    “ใช่ พี่เหนือก็จะพูดเรื่องนี้แหละ”ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้ม “น้องข้าวรู้ไหมครับ พอพี่เหนือมานึกย้อนถึงวันแรกตอนเราสองคนเจอกันแล้ว พี่เหนือรู้สึกว่าวันนั้นตัวเองเนกาทีฟ และมองโลกแง่ร้ายมากจริงๆ”

    “ยังไงหรือคะ?”

    “ก็ตอนนั้นพี่เหนือพูดจาไม่ค่อยเพราะเท่าไหร่”

    ชายหนุ่มตอบ ก่อนทบทวนคำพูด “ครั้งแรก” ของตัวเองให้เธอฟัง 

     

    “ผมเชื่อว่าชีวิตแต่งงานไม่ต้องเริ่มต้นมาจากความรักหรอก…แต่เริ่มจากอะไรก็ได้ทั้งนั้น ดูแต่พ่อแม่ของผมสิ ก่อนแต่งงานรักกันมากขนาดไหน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายต่างรับรู้ เพื่อนฝูงทุกคนต่างอวยพร จัดงานแต่งใหญ่โตเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ สุดท้ายพ่อก็ทิ้งแม่ไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ไม่สนใจเรื่องความรักเก่าก่อนอะไรทั้งนั้น…

    แล้วที่บอกว่าลูกจะเป็นโซ่ทองคล้องใจของพ่อแม่ ผมยิ่งไม่เชื่อไปใหญ่ พ่อแม่ของผมมีลูกสามคน โซ่ยังใหญ่ไม่พออีกหรือ ถึงคล้องอะไรเอาไว้ไม่ได้เลย…

    แล้วพ่อแม่ของคุณล่ะคุณข้าว ต่างจากพ่อแม่ของผมหรือเปล่า? ก็ไม่ต่าง…ใช่ไหมล่ะ? พ่อของคุณก็ทิ้งคุณกับแม่ไปหาผู้หญิงคนใหม่ เราจะเอาความรักมาวัดได้ยังไงกัน…

    เพราะฉะนั้น ถ้าเราสองคนจะแต่งงานกัน ผมว่าไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องเริ่มต้นจากความรัก ไม่ต้องใช้เวลาเรียนรู้กันก่อน แค่วันนี้ผมกับคุณมีความรู้สึกที่ดีต่อกันบ้าง…ก็เพียงพอแล้ว…

    ผมไม่กล้าสัญญาหรอกว่าเราจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า หรือจะมอบความรักให้คุณคนเดียวตลอดไป เพราะตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รักคุณ คุณเองก็ยังไม่รักผม แต่ที่ผมสามารถสัญญาได้ในตอนนี้ก็คือ ผมจะให้เกียรติคุณ จะพยายามรักคุณ และระหว่างที่เราสองคนยังเป็นสามีภรรยากัน ผมสัญญาว่าจะไม่นอกใจ”

     

    “พี่เหนือก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้าย หรือพูดอะไรที่ไม่เพราะนี่คะ” 

    เคียงข้าวพูด หลังจากฟังทุกคำของชายหนุ่ม ความจริงเธอจำได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทุกคำพูด ทุกการกระทำ และทุกเรื่องราวระหว่างเขากับเธอ

    “ความจริงก่อนที่เราจะเจอกัน พี่เหนือรู้จักน้องข้าวมาก่อนแล้วนะ ได้รู้ประวัติของน้องข้าวที่น้องอ่อนบอกแม่ ได้เห็นรูปถ่ายของน้องข้าว พี่เหนือยังเคยเข้าไปดูเฟซบุ๊คของน้องข้าวมาก่อนตั้งหลายครั้ง”

    เคียงข้าวไม่ได้แปลกใจ เพราะเธอรู้ว่าการที่ตัวเองมาสมัครงานที่บริษัทของคุณนวลระวี ย่อมโดนผู้เป็นนายตรวจสอบเป็นเรื่องธรรมดา

    เมื่อไม่เห็นหญิงสาวว่าอะไร เหนือดวงจึงพูดต่อ

    “ความจริงพี่เหนือคิดว่าตัวเองแอบรักน้องข้าวตั้งแต่ตอนนั้นแล้วล่ะ” ชายหนุ่มสารภาพ “อาจเพราะน้องข้าวเป็นคนเข้มแข็ง สู้ชีวิต ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาและดวงชะตา ทำให้พี่เหนือรู้สึกว่าน้องข้าวมีอะไรหลายอย่างคล้ายกับคุณแม่”

    “ขอบคุณค่ะ” 

    เคียงข้าวตอบ ขณะเดินมาถึงถนนใหญ่ กำลังจะข้ามถนนเข้าไปในเขตตลาด จู่ๆ เหนือดวงก็หยุดเดิน พลอยทำให้เคียงข้าวต้องหยุดไปด้วย เพราะชายหนุ่มจับมือของเธออยู่

    “น้องข้าวรักพี่เหนือไหมครับ?”

    “รักค่ะ” 

    เคียงข้าวตอบตามตรง ไม่กระบิดกระบวน ทำท่าแง่งอน หญิงสาวมองเห็นเหนือดวงคลี่รอยยิ้มกว้างกว่าที่เคย และก่อนที่เธอจะรู้ตัว ชายหนุ่มก็หยิบอะไรบางอย่างเอามาวางไว้กลางฝ่ามือของเธอ 

    เคียงข้าวก้มหน้าลงมอง เธอก็พบแหวนเพชรวงหนึ่ง…

    หญิงสาวเงยหน้ามองเหนือดวงอีกครั้ง ก่อนยิ้มบางๆ ให้เขา

    “ความจริงพี่เหนือต้องสวมแหวนให้ข้าวไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงเอาแหวนมาวางในมือของข้าวแบบนี้?”

    “ก็หัวใจของพี่เหนืออยู่ในมือของน้องข้าวไงครับ”

    เหนือดวงตอบยิ้มๆ จากนั้นจึงยื่นนิ้วนางข้างซ้ายให้เธอ

    “น้องข้าวสวมแหวนให้พี่เหนือสิครับ”

    ชายหนุ่มพูดขึ้น ขณะที่เคียงข้าวหัวเราะออกมาเบาๆ หญิงสาวมองเห็นคนอินเดียและผู้มาแสวงบุญที่เดินสวนกันผ่านไปผ่านมา แต่ละคนแต่ละกลุ่ม ล้วนแล้วแต่หยุดมองเธอกับเขาในชุดสีขาว ซึ่งยืนจับมือถือแหวนกันอยู่ริมถนนใกล้ตลาด

    “นี่พี่เหนือคิดว่าเราอยู่อินเดีย แล้วผู้หญิงอินเดียจะต้องสวมแหวนให้ผู้ชาย ต้องขอผู้ชายแต่งงานอย่างนั้นเหรอคะ?”

    “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย”

    เหนือดวงตอบ ก่อนพลิกฝ่ามืออีกข้างโชว์ให้เห็นแหวนเพชรอีกวงหนึ่ง 

    “แหวนของน้องข้าวอยู่นี่ต่างหาก”

    เคียงข้าวยิ้ม ก่อนบรรจงสวมแหวนในนิ้วนางข้างซ้ายของชายหนุ่ม เมื่อได้รับการสวมแหวน เหนือดวงก็ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงใบหู จากนั้นเขาก็จับมือเคียงข้าวขึ้นมา แล้วบรรจงสวมแหวนให้เธอด้วยความนุ่มนวล

    “พี่เหนือรักน้องข้าวนะครับ”

    เหนือดวงพูด ก่อนก้มหน้าหอมแก้มเคียงข้าวเบาๆ  

    “ข้าวก็รักพี่เหนือค่ะ” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม “แต่ตอนนี้เราไปกันได้หรือยังคะ ข้าวไม่อยากเป็นจุดเด่น”

    เหนือดวงชะงัก ก่อนเงยหน้ามองดูรอบตัว ก็เห็นผู้คนมากมายต่างมองพวกเขาอยู่และยิ้มให้ ชายหนุ่มสบตายิ้มตอบทุกคนเท่าที่จะทำได้ ก่อนจับมือเคียงข้าวเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง

    “พี่เหนืออยากมีลูก”

    พอข้ามถนนมาได้ เหนือดวงก็พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “พี่เหนือจะไปอธิษฐานกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขอให้เรามีลูกกันเร็วๆ พี่เหนือเชื่อว่าลูกของเราจะเป็นโซ่ทองคล้องใจ ให้เราสองคนอยู่เคียงข้างกันไปจนแก่เฒ่าอย่างแน่อน”

    เคียงข้าวยังไม่ทันตอบ เหนือดวงก็พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าครุ่นคิด

    “เออ ชื่อคล้องดวงก็โอเคนะ น้องข้าวคิดว่ายังไง…ทีแรกพี่เหนืออยากตั้งชื่อลูกว่าล้ำดวง ยอดดวง หรือเด็ดดวง…แต่พอมาคิดดูแล้ว พี่เหนือว่าชื่อคล้องดวง หรือเคียงดวง ก็ฟังดูดีเหมือนกัน อย่างคำว่าเคียงก็มาจากชื่อของน้องข้าวด้วย”

    เหนือดวงขมวดคิ้วมุ่น

    “เอ หรือเราสองคนควรจะมีลูกแฝดดี”

    เหนือดวงย่นหัวคิ้ว

    “เอ หรือว่าลูกแฝดของเราควรจะเป็นแฝดสาม ไม่ใช่แฝดสอง”

    เหนือดวงนิ่งไปพักหนึ่ง

    “เอ หรือว่า...”

    ………….

    เคียงข้าวไม่พูดขัดจังหวะเหนือดวง เธอปล่อยให้ชายหนุ่มเกาะกุมมือ ฟังเสียงสูงๆ ต่ำๆ ของเขาพูดจาเจื้อยแจ้วไม่หยุดปากอย่างเพลิดเพลิน ขณะก้าวเท้าเดินเคียงคู่ไปด้วยกัน

    อนาคตเป็นอย่างไร  ไม่มีใครรู้ 

    แต่วันนี้มีเธอกับเขาอยู่ในปัจจุบัน

    มีความรัก มีกันและกัน

    ก็พอแล้ว…

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×