ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 ก่อนจะพบสิ่่งที่น่าหวั่นใจ(ต่อ)
ผมยังยืนอยู่หน้าประตูเหล็กบานนั้น พร้อมกับคนอื่นๆที่ดูเหมือน ยังไม่ได้สติเต็มที่นัก มิสเตอร์ คาร์ ดีดนิ้ว 2 คร้ัง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้างงงวยเหมือนพึ่งจะรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน "ทำไมฉันมาอยู่ที่นี้ ที่นี้ที่ไหน" กรีนหันมาถามผม
"ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เเต่ที่นี้ไม่ใช่โลกเรา" เเละเเล้วผมก็ได้ยินเสียงคนตะโกนโวกเวก
"พาชั้น กลับบ้าน ฉันบอกให้ พาฉันกลับบ้าน ไอ้คนเเคระ" เด็กหนุ่ม รูปร่างหน้าตาดี ผมสีดำยาวประมาณนึง เขาสูงกว่าผมไม่มากนัก สวมใส่สูทสีดำ
เขาคือคนที่ลงมาจากรถ II เขากำลังตะโกนใส่คนขับรถ เขายังคงตะโกนด่าทอต่อไปไม่หยุด "มันหนวกหูนะเว้ย ไอ้เด็กปากดี" ชายร่างเเคระพูดพร้อมกับดีดนิ้วครั้งเดียว
เสียงเงียบหายไปเเล้ว เหลือไว้เพียงความตกตะลึง เมื่อทุกคนจ้องมองเด็กชายคนนั้น ปากของเขาหายไป คนเเคระหัวเราะร่วน "พอได้เเล้ว เอลิค" มิสเตอร์ คาร์ พูด
"ฉันขออีก 5 นาที" เอลิคพูด พร้อมกับหัวเราะไปด้วย "ฉันบอกว่า พอได้เเล้ว เอลิค" มิสเตอร์ คาร์ พูดด้วยเสียงดุดันที่น่ากลัว เเม้ว่าเสียงของเขายังคงเเหบเป็นเป็ดก็ตาม
"เออ โอเค" เอลิคพูด พร้อมกับดีดนิ้วหนึ่งครั้งด้วยสีหน้าผิดหวัง เด็กหนุ่ม คนนั้นน้ำตาคลอเบ้า "เเก พาชั้นกลับไปได้ไหม เเล้วชั้นจะบอกพ่อให้พ่อให้เงินเเก เเกจะเอาเท่าไรก็ได้นะ"
"โอ้! ไอ้หนู ชั้นไม่ได้ต้องการเงินเเก ชั้นได้รับหน้าที่มาให้พาพวกเเกที่มีตั๋วมา เเล้วทีหลังก็ระวังปากหน่อย เพราะยังมีอะไรที่โหดร้ายกว่านี้ " มิสเตอร์ คาร์ พูด เด็กหนุ่มคนนั้นยืนอึ้งด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้
"เเล้วตกลง ที่นี้ที่ไหน พวกคุณพาพวกเรามาทำไม?" เด็กสาวจากรถคันที่ III ถามขึ้นมา เธอเป็นผู้หญิง ที่ดูสวยเเละดูเเข็งเเกร่งในเวลาเดียวกันเธอสวมเสื้อเเจ็คเก็ตสีดำเเบบมีฮู้ด กางเกงยีนสีน้ำเงิน
เธอใส่กำไลข้อมือสีดำเเบบที่มีหนามออกมา ทุกคนมองมาที่เธอ หลังจากนั้นก็มอง มิสเตอร์ คาร์ "ใช่เเล้ว คุณพาพวกเรามาทำไม?" ชายตัวใหญ่เหมือนนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลจากรถ VI ร่วมด้วย
"ที่นี้ไม่ใช่โลกของพวกเธอ มันเรียกว่า สเฟียร์ ส่วนพวกเธอมาที่นี้ทำไมไว้พบราชาเเห่ง'คีพเพอร์'เเล้วเขาจะบอกเอง" มิสเตอร์ คาร์ ตอบ
"เอาละทีนี้ทุกคน ฉันอยากจะให้ทุกคนปฏิบัติตามที่ฉันบอกทุกขั้นทุกตอน เพราะไม่อยากให้มีคนตายไวเกินไป" เขาพูดพร้อมกับหยิบของออกมา 3 ชิ้นด้วยกัน
ชิ้นเเรกเป็น หญ้าสีน้ำเงินอ่อน ชิ้นต่อมาเป็นกำไลสีทองเเดง ชิ้นต่อมาเป็น หนามต้นไม้อะไรสักอย่าง
"ยังมีอีกในถุงนี้" เขาพูดพร้อมกับชูถุงสีเทาให้ดู "ทุกคน ต้องใส่กำไลข้อมือนั้นไว้ตลอดเวลาที่อยู่ในเมือง หญ้าเมอคัสนั้นให้กินเข้าไป ส่วนหนามต้นเเมลโลว์ให้เอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนเข้าไปในเมืองให้หลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ" เขาพูดต่อ
"เเละอย่าเเตะต้องอะไร" เอริคเสริม "ใช่ ขอบใจ เอริค อย่าเเตะต้องอะไร หรือ กินอะไรที่ฉันไม่ได้เอาไปให้"มิสเตอร์ คาร์พูดต่อ "เอาละฉันจะเปิดประตูเเล้วเอาละสูดหายใจเข้าลึกๆเเละ หลับตาซะ " มิสเตอร์ คาร์ พูดพร้อมกับเปิดประตู เเอ๊ด... เสียงประตูเปิดดังสนั่น ผ่าความเงียบสงบที่มีอยู่ "ลืมตาได้"มิสเตอร์ คาร์สั่ง ผมลืมตา นิ่งอึ้ง คนอื่นๆก็เช่นกัน เว้นเพียงเเต่ มิสเตอร์ คาร์ กับ เอริค
เพราะด้านหน้าพวกเรานั้นมีเถาวัลย์เเละเหล่าวัชพืชขนาดใหญ่เลื้อยพันเกี่ยวราวกับที่นี้เป็นรังงูยักษ์ พวกมันขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลา
"ชั้นว่าตอนนี้ หญ้าน่าจะออกฤทธิ์เเล้ว" มิสเตอร์ คาร์ พูด ทันใดนั้นผมก็รู้สึกมึนหัว มองเห็นทุกอย่างเป็นภาพซ้อนไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างดูเชื่อมติดกันเถาวัลย์พวกนั้นก็ด้วย
ผมว่าทุกคนก็รู้สึกเเบบเดียวกัน เพราะว่าไม่มีใครยืนตรงๆได้เเล้ว(หรืออาจจะเป็นเพราะผมมองเห็นเเบบนั้นเอง) เถาวัลย์ทั้งหลายเริ่มเรียงตัวต่อกันเป็นอุโมงค์ ปากทางเข้าไม่ใหญ่มากนัก
เเต่ด้านในดูลึกเเละมืดสนิท ความรู้สึกมึนหัวหายไปเเล้ว เเต่ อุโมงค์ยังไม่หายไป "เอ้า...เดินเข้าไป"มิสเตอร์ คาร์ สั่งพร้อมกับเเตะผนัง ทันใดนั้นก็เกิดลูกไฟจำนวนมาก ลอยอยู่เหนือพื้นในอุโมงค์ ส่องให้เห็นทางเดิน
ทุกคนเดินเข้าไปรวมถึงผมด้วย ไม่เหมือนกับที่ผมคิดนักเพราะในอุโมงค์นี้ไม่มีต้นไม้เลยเเม้เเต่ต้นเดียวไม่มีเเม้กระทั่งต้นหญ้า มีเพียงเเต่ผนังปูนเก่าๆ กับหยากไย่
มิสเตอร์ คาร์เดินนำหน้าข้างๆมีเอริคเดินคู่กันไป เราเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะถึงจุดสิ้นสุด ผมเริ่มเมื่อยขาเเล้ว คนอื่นๆก็เช่นกัน เเต่ มิสเตอร์ คาร์ กับเอริคยังเดินต่อไป
"นี่ ฉันไม่ไหวเเล้วนะ !" เด็กหนุ่มจากรถคันที่ II ตะโกนอย่างเหน็ดเหนื่อย "อย่าบ่นมากนัก เดียวปากนายก็หายไปอีกหรอก" ผู้หญิงจากรถ คันที่ III พูด
เอริคก็ หัวเราะ คิกคัก พร้อมกับถูมือเเล้วมองมาที่เด็กหนุ่ม "เห้ ไม่เอาน่า"มิสเตอร์ คาร์ พูด
"เอาละถึงเเล้วทุกคน" มิสเตอร์ คาร์ พูด ผมยังคงสงสัยกับคำพูดของเขา เพราะด้านหน้าผม ไม่มีอะไรเลยนอกจากกำแพงตัน "ทุกคนนำหนามต้นเเมลโลว์ออกมา" มิสเตอร์ คาร์ สั่ง
ทุกคนทำพร้อมกัน ยังคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น "เอามันเเทงไปที่นิ้วมือ" ผมคงจะได้ยินผิดไป
"ได้ยินไหม เอามันเเทงไปที่นิ้วมือหลังจากนั้นก็เอาเลือดเขียนตามฉัน" มิสเตอร์ คาร์ ใช้เลือดวาดเป็นรูปสัญลักษณ์บางอย่าง ดาวห้าเเฉกรูปปิรามิดอยู่ตรงกลาง
"ที่นี่พูดตามฉัน เเมลเล แมลโล ดิส เเปลเอโต"ทุกคนทำตาม ทันที ที่ถ่องจบบท ด้านล่างพวกเรากลายเป็นบ่อน้ำตื้นๆ รอบข้างกลายเป็นป่า ตรงหน้าคือประตู ไม่เหมือนกับด้านนอก เป็นประตู ที่สร้างจากเถาวัลย์เเละเหล่าวัชพืช "นี้เเหละประตูเมืองคีพเพอร์ ของเเท้" มิสเตอร์ คาร์ ร้องบอก
เมื่อผมเดินผ่านประตูนั้นมามันเกือบจะเหมือนโลกธรรมดาเเต่ย้อนยุคกว่าหน่อย เหมือนในสมัยยุคกลางที่มีปราสาท อัศวิน ทุกอย่างเหมือนของคนปกติเเทบทั้งหมด เเม้กระทั่งปราสาท ผมเดินตรงไปที่นั้น ทันใดนั้น มิสเตอร์ คาร์ ก็หยุดผมไว้ "อย่าเพิ่งรีบไปตาย ลืมที่ฉันเตือนรึไง ทุกคนใส่กำไลเอาไว้ รึยัง"มืสเตอร์ คาร์ ตะโกนถาม ทุกคนปฏิบัติตาม ทันใดนั้นผมก็เห็นว่าตรงหน้าผมเป็นหลุมหนามขนาดใหญ่ หัวใจผมก็ตกวูบเมื่อคิดว่า ผมคงตายไปเเล้วถ้ามิสเตอร์ คาร์ ไม่หยุดไว้ เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านกับดักมากมายเเต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างสบายจนถึงประตูปราสาท ประตูเปิดเองโดยอัตโนมัติ เเละเเล้วสิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากกว่าการเดินทางเข้าเมืองคือ สภาพของราชา เข้าเป็นผู้ชาย...ไม่สิมนุษย์ต้นไม้เพศชายสามหัวถึงจะถูก หัวซ้ายพูดก่อน "ยิน" หัวขวาพูดต่อ "ดี" หัวกลางพูดจบประโยค "รับประทาน" "ไอ้เจ้าบ้า ประโยคมันเข้ากันที่ไหน" สองหัวข้างๆ พูด พร้อมกัน "ข้ามีนามว่า เซเบอรัส"ทุกคนดูอึ้ง "เอ้อ คุณอย่าบอกนะว่าประตูข้างหลังคุณคือทางเข้านรกน่ะ"ผูหญิงจากรถคันที่ I พูดพร้อมกับชี้ไปที่ประตูที่อยู่หลังราชาเเห่งคีพเพอร์ เธอเป็นผู้หญิงร่างเล็กดูซุกซน เธออายุน้อยกว่าผมได้ สัก 4 ปี "โอ้ เธอรู้เรื่องตำนานเป็นอย่างดีนี่ เเต่ผิดเเล้วเห็นไหมว่าฉันไม่ใช่หมา" หัวกลางพูด "เเละนั้นก็ไม่ใช่นรกเเต่เป็นที่สถิตของเทพี ของเมืองเราซึ่งอีกเดี๊ยวเจ้าก็จะพบเเล้ว"หัวซ้ายพูด "เอาละเเต่ก่อนหน้านี้ชั้นจะเล่าเกี่ยวกับสเฟียร์ให้ฟัง"หัวขวาพูด "เอ้อ เดี๊ยวก่อนครับใครอยากรู้กัน " กรีนพูดขึ้นมาอย่างหน้าตาย "ไม่เป็นไรต่อให้เจ้าไม่อยากรู้ข้าก็จะเล่าอยู่ดีเเละ" "เอ่อ งั้นก็ไม่ขัดข้องครับ"กรีนพูดพร้อมทำหน้าเซ็ง "สเฟียร์นั้นคืออีกมิติของดาวที่พวกเธอรู้จักเช่นถ้าสเฟียร์ของดาวพุธก็จะเป็นอีกมิติของดาวพุธ" "เรื่องนั้นผมไม่อยากรู้เท่าไร เเต่พาผมมาที่นี้ทำไม"ผมถามออกมาด้วยความสงสัย "ข้าไม่ได้พาพวกเจ้ามา พวกเจ้าที่เก็บตั๋วมาต่างหากที่อาสามาเอง ตามสัญญาที่เเมนเทิลให้ไว้กับเอรีน่า"หัวขวาพูด "เดียวใครกับใครนะ?" "เเมนเทิล กับเอรีน่า วีรบุรุษเเห่งโลกเจ้ากับเทพีเเห่งโลกข้าไง ว่าหากวันใดที่โลกสเฟียร์เกิดภัยเขาจะส่งลูกหลานมาช่วย"หัวกลางพูด ทุกคนทำหน้างง "เอาเถอะถ้าเกิดโลกนายลืมเลือนประวัติศาสตร์กันง่ายเสียขนาดนั้นข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้"
เมื่อผมเดินผ่านประตูนั้นมามันเกือบจะเหมือนโลกธรรมดาเเต่ย้อนยุคกว่าหน่อย เหมือนในสมัยยุคกลางที่มีปราสาท อัศวิน ทุกอย่างเหมือนของคนปกติเเทบทั้งหมด เเม้กระทั่งปราสาท ผมเดินตรงไปที่นั้น ทันใดนั้น มิสเตอร์ คาร์ ก็หยุดผมไว้ "อย่าเพิ่งรีบไปตาย ลืมที่ฉันเตือนรึไง ทุกคนใส่กำไลเอาไว้ รึยัง"มืสเตอร์ คาร์ ตะโกนถาม ทุกคนปฏิบัติตาม ทันใดนั้นผมก็เห็นว่าตรงหน้าผมเป็นหลุมหนามขนาดใหญ่ หัวใจผมก็ตกวูบเมื่อคิดว่า ผมคงตายไปเเล้วถ้ามิสเตอร์ คาร์ ไม่หยุดไว้ เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ผ่านกับดักมากมายเเต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างสบายจนถึงประตูปราสาท ประตูเปิดเองโดยอัตโนมัติ เเละเเล้วสิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากกว่าการเดินทางเข้าเมืองคือ สภาพของราชา เข้าเป็นผู้ชาย...ไม่สิมนุษย์ต้นไม้เพศชายสามหัวถึงจะถูก หัวซ้ายพูดก่อน "ยิน" หัวขวาพูดต่อ "ดี" หัวกลางพูดจบประโยค "รับประทาน" "ไอ้เจ้าบ้า ประโยคมันเข้ากันที่ไหน" สองหัวข้างๆ พูด พร้อมกัน "ข้ามีนามว่า เซเบอรัส"ทุกคนดูอึ้ง "เอ้อ คุณอย่าบอกนะว่าประตูข้างหลังคุณคือทางเข้านรกน่ะ"ผูหญิงจากรถคันที่ I พูดพร้อมกับชี้ไปที่ประตูที่อยู่หลังราชาเเห่งคีพเพอร์ เธอเป็นผู้หญิงร่างเล็กดูซุกซน เธออายุน้อยกว่าผมได้ สัก 4 ปี "โอ้ เธอรู้เรื่องตำนานเป็นอย่างดีนี่ เเต่ผิดเเล้วเห็นไหมว่าฉันไม่ใช่หมา" หัวกลางพูด "เเละนั้นก็ไม่ใช่นรกเเต่เป็นที่สถิตของเทพี ของเมืองเราซึ่งอีกเดี๊ยวเจ้าก็จะพบเเล้ว"หัวซ้ายพูด "เอาละเเต่ก่อนหน้านี้ชั้นจะเล่าเกี่ยวกับสเฟียร์ให้ฟัง"หัวขวาพูด "เอ้อ เดี๊ยวก่อนครับใครอยากรู้กัน " กรีนพูดขึ้นมาอย่างหน้าตาย "ไม่เป็นไรต่อให้เจ้าไม่อยากรู้ข้าก็จะเล่าอยู่ดีเเละ" "เอ่อ งั้นก็ไม่ขัดข้องครับ"กรีนพูดพร้อมทำหน้าเซ็ง "สเฟียร์นั้นคืออีกมิติของดาวที่พวกเธอรู้จักเช่นถ้าสเฟียร์ของดาวพุธก็จะเป็นอีกมิติของดาวพุธ" "เรื่องนั้นผมไม่อยากรู้เท่าไร เเต่พาผมมาที่นี้ทำไม"ผมถามออกมาด้วยความสงสัย "ข้าไม่ได้พาพวกเจ้ามา พวกเจ้าที่เก็บตั๋วมาต่างหากที่อาสามาเอง ตามสัญญาที่เเมนเทิลให้ไว้กับเอรีน่า"หัวขวาพูด "เดียวใครกับใครนะ?" "เเมนเทิล กับเอรีน่า วีรบุรุษเเห่งโลกเจ้ากับเทพีเเห่งโลกข้าไง ว่าหากวันใดที่โลกสเฟียร์เกิดภัยเขาจะส่งลูกหลานมาช่วย"หัวกลางพูด ทุกคนทำหน้างง "เอาเถอะถ้าเกิดโลกนายลืมเลือนประวัติศาสตร์กันง่ายเสียขนาดนั้นข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น