ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Mad ! LOVE [WonKyu]

    ลำดับตอนที่ #1 : Mad ! LOVE -1- (รีไรท์ใหม่หมด)

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 58


    กลิ่นนิโคตินลอยฟุ้งอยู่เต็มอากาศ เสียงดนตรีที่ดังครึกโครมกับผู้คนที่เบียดเสียดกันแน่นอยู่ภายในอาคารที่ตกแต่งตามสไตล์โมเดิร์น ผมได้แต่ยืนนิ่งท่ามกลางผู้คนมากมาย เสียงใสๆของคนข้างตัวกำลังโหวเหวกโวยวายไปกับเสียงดนตรี

    ตอนนี้ผมกำลังยืนคิดไม่ตกว่าจะทำไงกับจองซูยอนดี เธอคงกำลังเมาไม่ได้สติไม่งั้นคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ มีอย่างที่ไหนมืออีกข้างถือแก้วเหล้า ส่วนมืออีกข้างโบกไปโบกมาตามจังหวะดนตรี

    “ชางมิน กูว่าพาสิก้ากลับบ้านเถอะ”

    นิ้วเรียวยาวหันไปสะกิดคนข้างกายอีกคนที่กำลังโยกหัวไปตามจังหวะ ชางมินหันมามองพร้อมกับทำหน้าอึนๆเหมือนคนไม่ได้สติ

    “อื้มมมมม”

    ชางมินรับคำสั้นๆ ผมเลยหันไปพยุงร่างของสิก้าเพื่อพาเธอออกจากผับแห่งนี้ บางทีผมคิดว่าตัวเองไม่ค่อยเหมาะกับสถานที่แห่งนี้ซักเท่าไหร่ มาทีไรก็ได้แค่ยืนอยู่เฉยๆเป็นไอ้งั่งหุ่นกระป๋องอยู่กลางฟอร์แล้วดื่มน้ำโค๊กไปพลางๆเพราะอาการแพ้แอลกฮอล์ที่ไม่ว่าจะดื่นสร้างภูมิคุ้มกันซักกี่รอบร่างกายก็ไม่สามารถปรับตัวได้ซักทีในขนาดที่คนอื่นแทบจะอาบน้ำเมาอยู่รอมร่อ วันนี้ทั้งชางมินกับสิก้าต่างรวมหัวหลอกล่อผมสารพัดวิธีเพื่อพาออกมาจากห้องสี่เหลี่ยมโง่ๆภายในหอพัก

    ผมเป็นคนไม่ค่อยชอบสังสรรค์ซักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะอาการแพ้เหล้าที่เป็นอยู่ เพลงที่เต้นได้ก็คงเป็นลูกหมีสามตัวอะไรเทือกๆนั้นที่เต้นเป็นประจำทุกวันก่อนเข้านอนกลางวันในสมัยอนุบาล วันๆก็ยุ่งอยู่แต่กับกิจกรรมของคณะ เพราะสถานะเดือนมันค้ำคอ นั่นคงเป็นสาเหตุที่ชางมินกับสิก้าลากผมออกมาเพื่อมาเปิดหูเปิดตาในสถานที่แห่งนี้

    “ชางมิน ฟังกูนะ” ผมตบหน้าชางมินเบาๆเพื่อเรียกสติ

    “ส่งสิก้าให้ถึงห้อง นั่งรถแท็กซี่กลับระหว่างทางก็ห้ามหลับ เข้าใจที่กูพูดใช่มั้ย”

    ชางมินพยักหน้าตามที่ผมพูดพร้อมกับพยุงสิก้ายัดเข้ารถแท็กซี่ สองคนนั้นบ้านอยู่ระแวกเดียวกัน อีกอย่างการเดินทางมามหาลัยก็ค่อนข้างสะดวก นั่งรถไฟฟ้ามาประมาณ 2 สถานีก็ถึงมหาลัยที่พวกเราเรียนอยู่ จึงไม่ต้องอยู่หอพักให้เปลืองค่ากินค่าอยู่ ส่วนผมที่บ้านอยู่ห่างจากมหาลัยไปซักหน่อยก็เลยต้องเช่าหออยู่เพื่อประหยัดระยะเวลาในการเดินทาง

    ขณะนี้ผมยืนรอรถแท็กซี่คันถัดไปเพื่อจะกลับหอ อยู่ดีๆผมก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายจากทางด้านหลังจึงหันหลังกลับไปดู ตรงซอยข้างๆผับอยู่ดีๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งวิ่งออกมาพร้อมกับเสียงตะโกนไล่หลัง ผู้ชายคนนั้นเนื้อตัวติดไปทางมอมแมม เชิ้ตสีดำที่สวมใส่เหมือนถูกนำไปคลุกขี้ดินไม่ก็ถูกตะลุมบอนอย่างไงอย่างงั้น ผมคิดว่าเรื่องนี่ผมควรไม่ควรเข้าไปยุ่ง จึงหันหลังกลับเพื่อจะขึ้นรถแท็กซี่ที่หยุดจอดรอ

    ก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ จังหวะที่กำลังจะปิดประตูรถนั้นเอง ผู้ชายคนที่ดูเหมือนกำลังหนีการตะลุมบอนก็กระชากประตูรถพร้อมกับแทรกกายเข้ามาข้างใน นายคนนั้นปิดประตูเสียงดัง จนพี่แท็กซี่คนขับถึงกับหันมามองตาขวาง แล้วกระชากเสียงถามว่าให้ไปส่งไหน ชายคนนั้นหันมามองผม ผมจึงตอบไปว่า

    “มหาลัยxxxครับ”

    พี่แท็กซี่รีบออกรถทันที ดูเหมือนพี่เค้าจะพอเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อยู่บ้างเพราะสังเกตจากชายสองคนที่กำลังจะวิ่งมาเปิดประตูรถเพื่อตามผู้ชายที่หอบหายใจอยู่ข้างๆผม     

    เสียงดนตรีที่คลอเบาๆภายในรถไม่ได้ทำให้ความอึดอัดระหว่างเราต่างลดลงเลย คนแปลกหน้าสองคนที่ไม่รู้จักกันอยู่ดีๆจะให้หันไปมองหน้ากันแล้วทักทายคงไม่ใช่เรื่อง ผมเลยทำได้แค่นั่งเงียบๆเล่นโทรศัพท์ไปตลอดทาง

    บอกทางคนขับรถแท็กซี่เพื่อไปยังหอพักที่อาศัยอยู่ กำลังจะหันไปถามคนข้างๆว่าจะลงที่ไหนแต่ก็ต้องชะงัก ผู้ชายคนนั้นนอนกอดอกนิ่ง บนใบหน้ามีเลือดสีแดงที่เกรอะกรังอยู่บริเวณหัวคิ้วกับรอยช้ำบริเวณมุมปากทำให้ผมเผลอขมวดคิ้วออกมาไม่รู้ตัว จะนอนนี่ยังต้องเก็กหล่ออีกหรอวะ -_-

    “คุณครับ”

    ผมเขย่าแขนคนข้างๆ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ สงสัยกูต้องแบกมึงกลับหอซินะหมดสติแบบนี้ แถมตอนที่จับแขนก็รู้สึกถึงความร้อนบนผิวกายสีแทน สงสัยไข้คงจะขึ้น

     

    ตอนนี้อยู่ภายให้ห้องแล้วครับ นี่ถ้าไม่ได้แดซองคณะสถาปัตย์ที่กลับมาจากการเที่ยวกลางคืนเหมือนกันมาช่วยแบกผู้ชายคนนี้ ผมคงไม่มีปัญญาเอามันขึ้นมาบนห้องแน่ๆ

    ผมจัดการเอากะละมังใบเล็กใส่น้ำพร้อมกับผ้าขนหนูและแอลกฮอล์กับเบตาดีนมาทำความสะอาดบาดแผล

    ผ้าขนหนูสีชมพูอ่อนถูกนำมาทำความสะอาดบริเวณใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดเกรอะกรัง จัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำทีละเม็ดอย่างใจเย็น แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นซิคแพคที่เรียงตัวกันเป็นลอนสวยจนได้ TTvTT นี่สาบานนะว่าไม่ได้หื่นแค่อิจฉาอยู่เล็กๆ แต่กระดุมเม็ดสุดท้ายนี่กว่าจะแกะได้นี่เล่นเอามือสั่นเหมือนกัน 5555555

    “อื้อออ”

    ดูเหมือนผู้ชายที่ผมแบกกลับหอจะเริ่มรู้สึกตัว ในขณะทีเช็ดตัวไปเรื่อยๆ อยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งเพราะมือของมันกำแน่นอยู่ที่ข้อมือของผม

    “ทำไรน่ะ” ตื่นแล้วซินะ

    “กูเป็นคนที่มึงอาศัยแท็กซี่มาด้วย ตอนแรกกูปลุกมึงแล้วนะแต่มึงไม่ยอมตื่น แถมยังตัวร้อนกูก็ไม่รู้จะส่งมึงที่ไหนไง เลยพามาที่ห้อง ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำอะไรโดยไม่ได้ขออนุญาต”คิ้วสีเข้มของผู้ชายคนนั้นขมวดเล็กน้อย ดูเหมือนว่ามันจะไม่ชอบที่ผมกำลังนั่งเช็ดตัวให้มันอยู่งั้นแหละ ถ่อววววว นี่ไม่เคยทำให้ใครนะเว้ย สำนึกบุญคุณหน่อย ผมเลยจัดการเก็บกะละมังที่วางอยู่ข้างเตียงเพื่อจะนำไปทำความสะอาดในห้องน้ำ แต่ก็ต้องชะงักอีกรอบเพราะมือหนาที่กำอยู่บริเวณข้อมือยังไม่ยอมคลายออก

    “อย่าเนียน กูจะเอากะละมังเข้าไปเก็บในห้องน้ำ”

    “ชื่อไร เรียนคณะไหน อยู่ปีไรอ่ะ” อยู่ดีๆผู้ชายคนนั้นก็ถามผมรัวมาเป็นชุด  

    “โจว คยูฮยอน คณะบัญชี ปี 1 มึงอ่ะ ? อยู่มอเดียวกับกูใช่มั้ย ?”

    “อื้ม ชเว ซีวอน วิศวะ ปี 1 โสดด้วยนะ รู้ยัง” ตลกมึงละ..  

    “ไม่เสี่ยวได้มะ ไม่โอ” ไอ้ซีวอนหัวเราะ

    “จะรีบเอากะละมังไปเก็บทำไม มึงยังไม่ได้ทำแผลให้กูเลยนะ เจ็บอ่ะ” ร่างสูงตรงหน้าเอามือไปจับแผลที่ปากทันทีเหมือนพึ่งนึกได้ว่าเจ็บอยู่  

    “ได้คืบทำไมจะเอาศอก สำออยก็พูดดดดดด” ผมคว้าสำลีข้างหัวเตียงพร้อมกับเทแอลกฮอล์ลงไป ชเวซีวอนอยู่ในท่านอนพิงหัวเตียง ผมเลยต้องยืนเพื่อทำแผลให้มันเนื่องจากแม่งเป็นคนที่ตัวสูงมาก มันทำหน้าเหยเกหลังจากผมนำสำลีไปเช็ดบริเวณแผลตรงหัวคิ้วที่ยังมีเลือดซึมอยู่หน่อยๆ ยังดีที่แค่เป็นแผลเล็กๆไม่ถึงกับขนาดต้องพาไปโรงพยาบาลเพื่อเย็บแผล

    “นี่ เจ็บมากป่ะ ถ้าทำหน้าเจ็บขนาดนั้นก็ไปโรงบาลเหอะ”ผมพูดเหน็บผู้ชายตรงหน้าที่ทำรีแอคชั่นตอนทำแผลให้เกินจริง นี่มือทำ ไม่ได้เอาตีนทำนะ

    ชเวซีวอนส่ายหน้า ผมเลยเหยาะเบตาดีนลงบริเวณบาดแผล เขาจ้องผมไม่วางตา จากมือที่นิ่งๆอยู่ตอนนี้ผมเริ่มเกร็งจนรู้สึกมือตัวเองสั่น ดีออก จ้องขนาดนี้ตะคริวจะแดก นี่บางทีกูก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนนะที่เวลามีคนมาจ้องขนาดนี้แล้วจะไม่รู้สึกเขิลอ๊ะ

    ผมละมือออกจากบาดแผลและเดินไปเปิดลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเอาพาสเตอร์มาปิดแผลบริเวณหัวคิ้วให้มัน ว่าแต่พาสเตอร์ลายจะแซ๊บไปมั้ยวะ

    “มึง กูมีแต่ลายเสืออ่ะ จะติดป่ะ” ผมโชว์พาสเตอร์ลายเสือให้มันดู  

    “โทษทีนะเว้ย ปกติใช้ติดแต่ที่มืออ่ะ ไม่เคยเอาไปติดหน้าเลยไม่ได้คำนึงถึงรูปลักษณ์”ผมพูดกับซีวอนไปพร้อมกับขำไปด้วย มันพยักหน้าเอือมๆประมาณว่ามึงจะติดมึงก็ติดเหอะ ผมเลยจัดการแปะพาสเตอร์บริเวณหัวคิ้ว

    “เป็นไง ตุ๊ดป่ะวะ” มันถามทันทีที่ผมติดเสร็จ

    “ไม่”

    “ไม่ตุ๊ด ?”

    “ไม่ตุ๊ดก็เหี้ยและ 55555555555555555555

    “ไอ้เหี้ย” มันชูนิ้วกลางใส่ผมแล้วติดกระดุมของมันทันทีที่พูดเสร็จ

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------

    รีไรท์ใหม่หมดค่ะ เนื้อเรื่องโครตเปลี่ยน 5555555555555
    ขอโทษด้วยนะคะ ลืมพลอตเก่าไปหมดแล้ว รู้สึกแต่น้องคยูมุ้งมิ้งมันไม่ได้แล้วอ่ะ
    ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ พยายามทวงบ่อยๆนะ ไม่งั้นขี้เกียจ 5555555555
    แท็ก #แมดเลิฟวค


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×