ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Scene 4(ต่อ)-5
แสงไฟดวงแล้วดวงเล่าส่องตา ...... เธอพยายามหยีตาขึ้นมอง ทิวทัศน์นอกกระจกที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
ซิงหยูใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะทำความเข้าใจได้ว่า บัดนี้....เธอกำลังอยู่บนรถคันหนึ่ง
ซิงหยูพยายามทรงกายขึ้น .....รถคันนี้หุ้มด้วยหนังอะไรนะ? ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าแก้มเธอสัมผัสกับหนังอุ่นนิ่มเสียเหลือเกิน
“ รู้สึกตัวแล้วหรือ “ เสียงคุ้น ๆ พูดกับเธอที่ริมหู.....ซิงหยูสะบัดหน้า แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง !!......จมูกของเธอเฉียดแก้มเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
หนังอุ่นนิ่มเมื่อครู่ ...เป็นแก้มของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนั่นเอง
ซิงหยูใจเต้นตึกตัก ผิดกับเด็กชายที่อ่อนวัยกว่าเขายังมีใบหน้าที่เฉยชาเช่นเดิม......แถมสายตาเขายังทอดมองไปเบื้องหน้าไม่คิดจะหันมามองเธอเลยสักนิด
“ คุณหนูโจวเจวี้ยหมิน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง....” ( แล้วก็พึ่งนึกขึ้นมาได้) “ รู้ไหมคะ คุณหนู ฉันขอห้ามไม่ให้ไปสถานที่แห่งนั้นอีกนะคะ..... มันเป็นสถานที่ ที่ไม่ดีมาก ๆ ถึงภายนอกมันจะเหมือนเป็นแค่บาร์ธรรมดา ที่สามารถเที่ยวได้ก็เถอะ.... แต่ว่าที่นั่นน่ะมีคนไม่ดีแถมยัง.....( เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าชุดที่โจวเจวี้ยหมินใส่อยู่เป็นชุดสูทหนัง แถมที่กระเป๋าเสื้อยังมีหน้ากากโผล่แพรม )..... นะ...นี่หมายความ....ผู้ชายคนนั้น “ จากดวงตาที่ตกใจ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเคืองในทันใด
“ นี่หมายความว่าทั้งหมดนั่น.....เป็นแผนเธอทั้งหมดใช่ไหม...... ตาเด็กบ้า มารยาททราม ทำไมนายถึงได้เลวอย่างนี้ “ ซิงหยูลงมือทุบโจวเจวี้ยหมินด้วยความอัดอั้น ที่โดนกลั่นแกล้ง
โจวเจวี้ยหมินยับยั้ง มือน้อย ๆ ที่ประทุษร้ายเขาอยู่
“ หยุดบ้าเสียที ( ตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด ).... เธอไม่มีสิทธิมาว่าฉัน  ก็เธอเองกระเหี้ยนกระหือรือตามฉันมาเอง  อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย  ฉันเห็นตอนที่เธออยู่กับไอ้บ้านั่น ก็ดูเต็มอกเต็มใจ ไม่ปฏิเสธสักแอะ  จริง ๆ แล้วก็อยากอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ“  ไม่รู้ทำไมไจ่ไจ๋ถึงได้กล่าวด้วยวาจาเชือดเฉือน และมองเธอด้วยสายตาดูถูกถึงขนาดนั้น.....เพราะปกติแล้วนี่ไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
“ ใจร้าย ... เธอมันเด็กใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย ทั้ง ๆ ที่ฉันตั้งใจแค่จะพาเธอกลับบ้านเท่านั้นทำไมต้องทำฉันขนาดนี้ด้วย” ซิงหยูร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ
ด้านโจวเจวี้ยหมิน มองไหล่บาง ๆ ที่สั่นเทา..... ทั้งรู้สึกผิด แล้วก็ความรู้สึกอีกอย่าง ....เสียใจ ?
โจวเจวี้ยหมินรีบปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ทำไมเขาต้องเสียใจ ก็มันไม่ใช่ความผิดเขานี่
“ หยุดร้องไห้ได้แล้ว.....เธอน่ะ ต้องขอบคุณฉัน....เพราะฉันเป็นคนไปช่วยเธอ ออกมาจากไอ้บ้ากามนั่น “ ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเฉยชา
ซิงหยูหันกลับมา สายตาที่ฉ่ำน้ำตาของเธอไม่ปิดบังความแค้นเคือง
“ ช่วยฉันเหรอ.... ฉันน่ะยอมจูบกับผู้ชายคนนั้นดีกว่าจะมานั่งในรถคันนี้ของเธอเสียอีก “
จื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด........... ความโกรธอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นหน้า
โจวเจวี้ยหมิน กระชากร่างที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ มาขยี้จูบอย่างแค้นเคือง ....เมื่อเธอผยายามจะดิ้นออก เขาก็กดหลังเธอบังคับให้ติดแน่นอยู่กับหน้าอกกระด้าง....ก่อนจะบีบแก้มเพื่อให้เธอยอมรับจูบที่จะผ่านเข้าไปทำโทษจากปากของเขา
จนกระทั่งทุกอย่างสงบลง .... โจวเจวี้ยหมินก็ยังไม่ผละจูบที่ดูเหมือนจะยาวนานนั้น
“ ตายจริง คุณหนูทำอะไรครับนั่น ! “ เกาเซียะโหย่ว  อุทานตกใจ
บัดนี้รถคาร์ดิแล็กสีดำได้จอดเทียบคฤหาสน์หรูของตระกูลโจวเรียบร้อยแล้ว...... และในอ้อมกอดของนายน้อยแห่งตระกูล ร่างบางของสาวน้อยกำลังเป็นลมสลบซุกอยู่
“ คุณหนูครับ....... คุณซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนู อินผิงนะครับ “ คนขับรถชรา เอ่ยเตือน...... แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาตวัดมา เขาก็ต้องเก็บปากเก็บคำ.....แม้จะดูแลคุณหนูโจวเจวี้ยหมินมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะตักเตือนผู้เป็นนายน้อยคนนี้ได้ไม่
ส่วนคนที่จะทำได้...( เกาเซียะโหย่วมองร่างที่ไร้สติที่โดนอุ้มเข้าตึกไป) ....คงต้องอาศัยเวลาในการฝึกปรืออีกนิด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Scene 5
-------“ คุณหนู ซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนูอินผิงนะครับ “-------
คำเตือนของคนใช้ชรายังคงอยู่ในความคิด โจวเจวี้ยหมินจ้องมองควันที่ลอยกรุ่นในขณะที่จิตใจแท้จริงได้มองผ่านเลยไปในอดีต
“ ไอ้ลูกเมียน้อย . ลูกเมียน้อย .ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักมีผมยาวเป็นลอนล้อมกรอบ ผลักไหล่เล็ก ๆ ของเด็กชายที่หน้าตาน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก ล้มลง
เด็กชายมิได้ร้องไห้เลยสักแอะ เพียงแต่มองหน้าเด็กหญิงแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะเดินเตาะแตะเพื่อจะเดินหนีไป
แต่เด็กหญิงไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดยง่าย เธอเดินรี่ตรงมาหาเขา แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงมา ตุบใหญ่
“ คุณหนู อินผิง !! . ตีคุณหนูน้อยทำไมครับ “ เกาเซียะโหย่วในวัยหนุ่ม ตวาด เมื่อเห็นลูกสาวของคุณผู้หญิงลงมือแกล้งเจ้านายตัวน้อยที่ยังพูดไม่ได้
“ แกนั่นแหละ มาตวาดอินผิงของฉันทำไม “ สาวถ้าทางผู้ดีจัดทุกกระเบียดนิ้วเดินเยื้องกรายเข้ามา
“ คุณผู้หญิง “
“ เดี๋ยวนี้แกกล้ามากนะ เกาเซียะโหย่ว ถึงกับกล้าตวาดคุณหนูอินผิงเชียวหรือ “
“ ก็ .. ก็ คุณหนูอินผิง รังแกคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนี่ครับ “ เกาเซียะโหย่วรู้สึกอัดอั้นตันใจ พฤติกรรมของคุณหนูอินผิงชักจะหนักข้อมากขึ้นทุกวัน ๆ .คุณหนูน้อยต้องมีบาดแผลตามเนื้อตัวเป็นจ้ำไม่รู้กี่แผลต่อกี่แผล ทุกแผลก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของคุณหนูอินผิงแทบทั้งนั้น
“ ทำไมแกต้องมาเดือดร้อนแทน .ฉันไม่เห็นว่าโจวเจวี้ยหมินจะพูดประท้วงอะไรสักแอะ “ รอยยิ้มนั้นช่างน่าขยะแขยงในความคิดของเกาเซียะโหย่ว . หล่อนช่างพูดออกมาได้ รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูโจวเจวี้ยหมินไม่สามารถพูดได้ อย่าว่าแต่ประท้วงเลย . เกาเซียะโหย่วมองดูคุณหนูน้อยที่น่าสงสารของเขา เมื่อก่อนคุณหนูโจวเจวี้ยหมินก็เคยพูดได้ แต่หลังจากที่คุณแม้แท้จริงของคุณหนูจากไปไม่นาน คุณหนูก็เลิกพูดเฉย ๆ ซะอย่างนั้น เกาเซียะโหย่วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
“ อ๊ะ .. อย่านะครับคุณหนูอินผิง !! “ เกาเซียะโหย่วผวาเมื่อเห็นเด็กหญิงคว้าของเล่นพลาสติกก่อนจะเขวี้ยงหัวด้านหลังของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินเต็มแรง
โป๊ก ! .. ตุ้บ !
ร่างน้อย ๆ ซวนล้มลง
แหมะ !
เลือดซึมออกมาตามผมสีอ่อน .. เกาเซียะโหย่วได้แต่ตะลึงมอง . ในขณะที่ร่างน้อย ๆ นั้นหันกลับมา พร้อมกับหยิบของเล่นชิ้นนั้นไว้ในมือ . เด็กหญิงที่เป็นคนประทุษร้ายถึงกลับผงะ เมื่อเจอสายตาเย็นชาของเด็กชาย . จากย่างก้าวเตาะแตะ กลับเป็นก้าววิ่งเต็มฝีเท้า
พลั่ก ! .. ตุ้บ ! ตุ้บ ! ตุ้บ !
ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง . ด้วยไม่คิดว่าคุณหนูน้อยจะกล้าผลักพี่หญิงของตนเองล้มลง และ กระทืบของเล่นชิ้นนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี
“ กะแก . แกกล้าดียังไง “ ฟงฟง ฮูหยินใหญ่ตระกูลโจว แม่เลี้ยงของโจวเจวี้ยหมิน ชี้มือที่สั่นระริกไปยังร่างน้อยที่ยืนส่งสายตาเย็นชาอยู่
“ นังแก่บ้า !! “
นั่นคือคำสุดท้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น ..รอยยิ้มหยัน ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากทรงเสน่ห์
หลังจากที่เลิกพูดไปนาน คำแรกที่เขาพูดออกมากลับกลายเป็นคำผรุสสวาทที่แสบสันต์ .. พ่อของเขาได้กลับมาบ้านในวันนั้นและจัดการสั่งปลูกคฤหาสน์หลังใหม่ให้เขาอยู่
โจวเจวี้ยหมินแค่นยิ้มเยาะ ๆ . ..ทางแก้ปัญหาของคนรวยก็มีเท่านี้
พ่อคิดว่าการย้ายบ้านจะช่วยปกป้องเขาจากอินผิงพี่สาวต่างแม่ของเขาได้ . แต่มันก็ปล่าวเลย อินผิงยังคอยตามรังควานเขาทุกครั้งที่มีโอกาส . จนกระทั่งเขาล้มป่วยลง
ในวัยเด็ก เขาจำได้ว่าร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอมาก พ่อพาหมอมารักษาไม่รู้กี่สิบคน แต่ว่าทุกคนก็ส่ายหัว ด้วยจนใจในการค้นหาสาเหตุ . จนกระทั่งหมอ ปีเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตสรีระวิทยา บินมาวินิจฉัยโรคให้ หมอปีเตอร์บอกว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกบอบช้ำ จึงสะท้อนให้ร่างกายเจ็บป่วย . เขายังจำแววตาของพ่อในวันนั้นได้ดี มันมีทั้งความแค้นเคืองใจ ความเสียใจ พ่อทุบมือเข้ากับกำแพงจนมือปูดช้ำ .
หลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่สวิทซ์เซอร์แลนด์ .. จนกระทั่งพอจะหายดีจึงกลับมา
การกลับมาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับเขามาก .. เพราะอินผิงที่เขาเจอได้เปลี่ยนไป หล่อนมิได้มีท่าทีเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ตรงกันข้าม หล่อนกลับมีกิริยาอ่อนหวานน่ารัก หล่อนสวมแว่นตาหนาเตอะ และใส่ชุดผ้าลูกไม้กรุยกรายเฉิ่มเชย
หล่อนเอาอกเอาใจเขา และให้ความช่วยเหลือเขาในตอนที่เขาจะโดน ฟงฟงแม่เลี้ยงทำโทษ .
แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ..เมื่อวันหนึ่งอินผิงและเขาได้อยู่กันตามลำพัง อินผิงสอนวิชาต่าง ๆ ที่เขาเรียนล้าหลังจากคนอื่นเพราะต้องไปรักษาตัวอยู่นานหลายปี . ตอนเย็นอินผิงลงมือทำอาหารและเลี้ยงฉลองที่เขาสามารถเรียนทุกอย่างได้รวดเร็วมาก . ไจ่ไจ๋ทานอาหารอย่างมีความสุข แต่เมื่อตื่นมาอีกทีกลับพบว่า เขานอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปล่าเปลือยโดยมีอินผิงอยู่ข้างกาย !!!
วันนั้นเขาได้รู้ธาตุแท้ของอินผิง . หล่อนถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์เขา . และบังคับให้เขาทำทุกอย่างที่หล่อนต้องการ
ที่โรงเรียนหล่อนทำเหมือนเขาเป็นทาส แกล้งเขาสารพัด ทำให้เขาได้อับอายเพื่อน ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย .. หล่อนเป็นนางมารร้ายไม่เคยเปลี่ยนแปลง . โจวเจวี้ยหมินทั้งเกลียด ทั้งแค้นหล่อน รวมถึงผู้หญิงทุกคนรอบกายเขาด้วย .
แล้ววันหนึ่งเขาก็หนีออกจากบ้าน เพราะไม่สามารถทนภาวะที่น่ารังเกียจของตัวเองได้ .. และครั้งนั้นเองที่เขาได้มีโอกาสได้เจอกับพ่อบุญธรรมของเขา .. ซางเจวี่ย
ซางเจวี่ยได้สอนให้เขาเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งมากขึ้น และสอนให้เขารู้ว่าผู้หญิงก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่น และหากหล่อนเล่นบทนางมารร้าย เขาก็สามารถเล่นบทซาตานที่จะลงโทษหล่อนได้เช่นกัน
(ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นจาก อ่างจากุชชี่น้ำวน ขนาด 8X8 เมตร ..)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ซิงหยูใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะทำความเข้าใจได้ว่า บัดนี้....เธอกำลังอยู่บนรถคันหนึ่ง
ซิงหยูพยายามทรงกายขึ้น .....รถคันนี้หุ้มด้วยหนังอะไรนะ? ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าแก้มเธอสัมผัสกับหนังอุ่นนิ่มเสียเหลือเกิน
“ รู้สึกตัวแล้วหรือ “ เสียงคุ้น ๆ พูดกับเธอที่ริมหู.....ซิงหยูสะบัดหน้า แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง !!......จมูกของเธอเฉียดแก้มเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
หนังอุ่นนิ่มเมื่อครู่ ...เป็นแก้มของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนั่นเอง
ซิงหยูใจเต้นตึกตัก ผิดกับเด็กชายที่อ่อนวัยกว่าเขายังมีใบหน้าที่เฉยชาเช่นเดิม......แถมสายตาเขายังทอดมองไปเบื้องหน้าไม่คิดจะหันมามองเธอเลยสักนิด
“ คุณหนูโจวเจวี้ยหมิน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง....” ( แล้วก็พึ่งนึกขึ้นมาได้) “ รู้ไหมคะ คุณหนู ฉันขอห้ามไม่ให้ไปสถานที่แห่งนั้นอีกนะคะ..... มันเป็นสถานที่ ที่ไม่ดีมาก ๆ ถึงภายนอกมันจะเหมือนเป็นแค่บาร์ธรรมดา ที่สามารถเที่ยวได้ก็เถอะ.... แต่ว่าที่นั่นน่ะมีคนไม่ดีแถมยัง.....( เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าชุดที่โจวเจวี้ยหมินใส่อยู่เป็นชุดสูทหนัง แถมที่กระเป๋าเสื้อยังมีหน้ากากโผล่แพรม )..... นะ...นี่หมายความ....ผู้ชายคนนั้น “ จากดวงตาที่ตกใจ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเคืองในทันใด
“ นี่หมายความว่าทั้งหมดนั่น.....เป็นแผนเธอทั้งหมดใช่ไหม...... ตาเด็กบ้า มารยาททราม ทำไมนายถึงได้เลวอย่างนี้ “ ซิงหยูลงมือทุบโจวเจวี้ยหมินด้วยความอัดอั้น ที่โดนกลั่นแกล้ง
โจวเจวี้ยหมินยับยั้ง มือน้อย ๆ ที่ประทุษร้ายเขาอยู่
“ หยุดบ้าเสียที ( ตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด ).... เธอไม่มีสิทธิมาว่าฉัน  ก็เธอเองกระเหี้ยนกระหือรือตามฉันมาเอง  อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย  ฉันเห็นตอนที่เธออยู่กับไอ้บ้านั่น ก็ดูเต็มอกเต็มใจ ไม่ปฏิเสธสักแอะ  จริง ๆ แล้วก็อยากอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ“  ไม่รู้ทำไมไจ่ไจ๋ถึงได้กล่าวด้วยวาจาเชือดเฉือน และมองเธอด้วยสายตาดูถูกถึงขนาดนั้น.....เพราะปกติแล้วนี่ไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
“ ใจร้าย ... เธอมันเด็กใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย ทั้ง ๆ ที่ฉันตั้งใจแค่จะพาเธอกลับบ้านเท่านั้นทำไมต้องทำฉันขนาดนี้ด้วย” ซิงหยูร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ
ด้านโจวเจวี้ยหมิน มองไหล่บาง ๆ ที่สั่นเทา..... ทั้งรู้สึกผิด แล้วก็ความรู้สึกอีกอย่าง ....เสียใจ ?
โจวเจวี้ยหมินรีบปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ทำไมเขาต้องเสียใจ ก็มันไม่ใช่ความผิดเขานี่
“ หยุดร้องไห้ได้แล้ว.....เธอน่ะ ต้องขอบคุณฉัน....เพราะฉันเป็นคนไปช่วยเธอ ออกมาจากไอ้บ้ากามนั่น “ ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเฉยชา
ซิงหยูหันกลับมา สายตาที่ฉ่ำน้ำตาของเธอไม่ปิดบังความแค้นเคือง
“ ช่วยฉันเหรอ.... ฉันน่ะยอมจูบกับผู้ชายคนนั้นดีกว่าจะมานั่งในรถคันนี้ของเธอเสียอีก “
จื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด........... ความโกรธอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นหน้า
โจวเจวี้ยหมิน กระชากร่างที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ มาขยี้จูบอย่างแค้นเคือง ....เมื่อเธอผยายามจะดิ้นออก เขาก็กดหลังเธอบังคับให้ติดแน่นอยู่กับหน้าอกกระด้าง....ก่อนจะบีบแก้มเพื่อให้เธอยอมรับจูบที่จะผ่านเข้าไปทำโทษจากปากของเขา
จนกระทั่งทุกอย่างสงบลง .... โจวเจวี้ยหมินก็ยังไม่ผละจูบที่ดูเหมือนจะยาวนานนั้น
“ ตายจริง คุณหนูทำอะไรครับนั่น ! “ เกาเซียะโหย่ว  อุทานตกใจ
บัดนี้รถคาร์ดิแล็กสีดำได้จอดเทียบคฤหาสน์หรูของตระกูลโจวเรียบร้อยแล้ว...... และในอ้อมกอดของนายน้อยแห่งตระกูล ร่างบางของสาวน้อยกำลังเป็นลมสลบซุกอยู่
“ คุณหนูครับ....... คุณซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนู อินผิงนะครับ “ คนขับรถชรา เอ่ยเตือน...... แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาตวัดมา เขาก็ต้องเก็บปากเก็บคำ.....แม้จะดูแลคุณหนูโจวเจวี้ยหมินมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะตักเตือนผู้เป็นนายน้อยคนนี้ได้ไม่
ส่วนคนที่จะทำได้...( เกาเซียะโหย่วมองร่างที่ไร้สติที่โดนอุ้มเข้าตึกไป) ....คงต้องอาศัยเวลาในการฝึกปรืออีกนิด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Scene 5
-------“ คุณหนู ซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนูอินผิงนะครับ “-------
คำเตือนของคนใช้ชรายังคงอยู่ในความคิด โจวเจวี้ยหมินจ้องมองควันที่ลอยกรุ่นในขณะที่จิตใจแท้จริงได้มองผ่านเลยไปในอดีต
“ ไอ้ลูกเมียน้อย . ลูกเมียน้อย .ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักมีผมยาวเป็นลอนล้อมกรอบ ผลักไหล่เล็ก ๆ ของเด็กชายที่หน้าตาน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก ล้มลง
เด็กชายมิได้ร้องไห้เลยสักแอะ เพียงแต่มองหน้าเด็กหญิงแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะเดินเตาะแตะเพื่อจะเดินหนีไป
แต่เด็กหญิงไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดยง่าย เธอเดินรี่ตรงมาหาเขา แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงมา ตุบใหญ่
“ คุณหนู อินผิง !! . ตีคุณหนูน้อยทำไมครับ “ เกาเซียะโหย่วในวัยหนุ่ม ตวาด เมื่อเห็นลูกสาวของคุณผู้หญิงลงมือแกล้งเจ้านายตัวน้อยที่ยังพูดไม่ได้
“ แกนั่นแหละ มาตวาดอินผิงของฉันทำไม “ สาวถ้าทางผู้ดีจัดทุกกระเบียดนิ้วเดินเยื้องกรายเข้ามา
“ คุณผู้หญิง “
“ เดี๋ยวนี้แกกล้ามากนะ เกาเซียะโหย่ว ถึงกับกล้าตวาดคุณหนูอินผิงเชียวหรือ “
“ ก็ .. ก็ คุณหนูอินผิง รังแกคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนี่ครับ “ เกาเซียะโหย่วรู้สึกอัดอั้นตันใจ พฤติกรรมของคุณหนูอินผิงชักจะหนักข้อมากขึ้นทุกวัน ๆ .คุณหนูน้อยต้องมีบาดแผลตามเนื้อตัวเป็นจ้ำไม่รู้กี่แผลต่อกี่แผล ทุกแผลก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของคุณหนูอินผิงแทบทั้งนั้น
“ ทำไมแกต้องมาเดือดร้อนแทน .ฉันไม่เห็นว่าโจวเจวี้ยหมินจะพูดประท้วงอะไรสักแอะ “ รอยยิ้มนั้นช่างน่าขยะแขยงในความคิดของเกาเซียะโหย่ว . หล่อนช่างพูดออกมาได้ รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูโจวเจวี้ยหมินไม่สามารถพูดได้ อย่าว่าแต่ประท้วงเลย . เกาเซียะโหย่วมองดูคุณหนูน้อยที่น่าสงสารของเขา เมื่อก่อนคุณหนูโจวเจวี้ยหมินก็เคยพูดได้ แต่หลังจากที่คุณแม้แท้จริงของคุณหนูจากไปไม่นาน คุณหนูก็เลิกพูดเฉย ๆ ซะอย่างนั้น เกาเซียะโหย่วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร
“ อ๊ะ .. อย่านะครับคุณหนูอินผิง !! “ เกาเซียะโหย่วผวาเมื่อเห็นเด็กหญิงคว้าของเล่นพลาสติกก่อนจะเขวี้ยงหัวด้านหลังของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินเต็มแรง
โป๊ก ! .. ตุ้บ !
ร่างน้อย ๆ ซวนล้มลง
แหมะ !
เลือดซึมออกมาตามผมสีอ่อน .. เกาเซียะโหย่วได้แต่ตะลึงมอง . ในขณะที่ร่างน้อย ๆ นั้นหันกลับมา พร้อมกับหยิบของเล่นชิ้นนั้นไว้ในมือ . เด็กหญิงที่เป็นคนประทุษร้ายถึงกลับผงะ เมื่อเจอสายตาเย็นชาของเด็กชาย . จากย่างก้าวเตาะแตะ กลับเป็นก้าววิ่งเต็มฝีเท้า
พลั่ก ! .. ตุ้บ ! ตุ้บ ! ตุ้บ !
ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง . ด้วยไม่คิดว่าคุณหนูน้อยจะกล้าผลักพี่หญิงของตนเองล้มลง และ กระทืบของเล่นชิ้นนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี
“ กะแก . แกกล้าดียังไง “ ฟงฟง ฮูหยินใหญ่ตระกูลโจว แม่เลี้ยงของโจวเจวี้ยหมิน ชี้มือที่สั่นระริกไปยังร่างน้อยที่ยืนส่งสายตาเย็นชาอยู่
“ นังแก่บ้า !! “
นั่นคือคำสุดท้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น ..รอยยิ้มหยัน ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากทรงเสน่ห์
หลังจากที่เลิกพูดไปนาน คำแรกที่เขาพูดออกมากลับกลายเป็นคำผรุสสวาทที่แสบสันต์ .. พ่อของเขาได้กลับมาบ้านในวันนั้นและจัดการสั่งปลูกคฤหาสน์หลังใหม่ให้เขาอยู่
โจวเจวี้ยหมินแค่นยิ้มเยาะ ๆ . ..ทางแก้ปัญหาของคนรวยก็มีเท่านี้
พ่อคิดว่าการย้ายบ้านจะช่วยปกป้องเขาจากอินผิงพี่สาวต่างแม่ของเขาได้ . แต่มันก็ปล่าวเลย อินผิงยังคอยตามรังควานเขาทุกครั้งที่มีโอกาส . จนกระทั่งเขาล้มป่วยลง
ในวัยเด็ก เขาจำได้ว่าร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอมาก พ่อพาหมอมารักษาไม่รู้กี่สิบคน แต่ว่าทุกคนก็ส่ายหัว ด้วยจนใจในการค้นหาสาเหตุ . จนกระทั่งหมอ ปีเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตสรีระวิทยา บินมาวินิจฉัยโรคให้ หมอปีเตอร์บอกว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกบอบช้ำ จึงสะท้อนให้ร่างกายเจ็บป่วย . เขายังจำแววตาของพ่อในวันนั้นได้ดี มันมีทั้งความแค้นเคืองใจ ความเสียใจ พ่อทุบมือเข้ากับกำแพงจนมือปูดช้ำ .
หลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่สวิทซ์เซอร์แลนด์ .. จนกระทั่งพอจะหายดีจึงกลับมา
การกลับมาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับเขามาก .. เพราะอินผิงที่เขาเจอได้เปลี่ยนไป หล่อนมิได้มีท่าทีเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ ตรงกันข้าม หล่อนกลับมีกิริยาอ่อนหวานน่ารัก หล่อนสวมแว่นตาหนาเตอะ และใส่ชุดผ้าลูกไม้กรุยกรายเฉิ่มเชย
หล่อนเอาอกเอาใจเขา และให้ความช่วยเหลือเขาในตอนที่เขาจะโดน ฟงฟงแม่เลี้ยงทำโทษ .
แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ..เมื่อวันหนึ่งอินผิงและเขาได้อยู่กันตามลำพัง อินผิงสอนวิชาต่าง ๆ ที่เขาเรียนล้าหลังจากคนอื่นเพราะต้องไปรักษาตัวอยู่นานหลายปี . ตอนเย็นอินผิงลงมือทำอาหารและเลี้ยงฉลองที่เขาสามารถเรียนทุกอย่างได้รวดเร็วมาก . ไจ่ไจ๋ทานอาหารอย่างมีความสุข แต่เมื่อตื่นมาอีกทีกลับพบว่า เขานอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปล่าเปลือยโดยมีอินผิงอยู่ข้างกาย !!!
วันนั้นเขาได้รู้ธาตุแท้ของอินผิง . หล่อนถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์เขา . และบังคับให้เขาทำทุกอย่างที่หล่อนต้องการ
ที่โรงเรียนหล่อนทำเหมือนเขาเป็นทาส แกล้งเขาสารพัด ทำให้เขาได้อับอายเพื่อน ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย .. หล่อนเป็นนางมารร้ายไม่เคยเปลี่ยนแปลง . โจวเจวี้ยหมินทั้งเกลียด ทั้งแค้นหล่อน รวมถึงผู้หญิงทุกคนรอบกายเขาด้วย .
แล้ววันหนึ่งเขาก็หนีออกจากบ้าน เพราะไม่สามารถทนภาวะที่น่ารังเกียจของตัวเองได้ .. และครั้งนั้นเองที่เขาได้มีโอกาสได้เจอกับพ่อบุญธรรมของเขา .. ซางเจวี่ย
ซางเจวี่ยได้สอนให้เขาเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งมากขึ้น และสอนให้เขารู้ว่าผู้หญิงก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่น และหากหล่อนเล่นบทนางมารร้าย เขาก็สามารถเล่นบทซาตานที่จะลงโทษหล่อนได้เช่นกัน
(ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นจาก อ่างจากุชชี่น้ำวน ขนาด 8X8 เมตร ..)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น