ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    idol fall in love - zaizai version

    ลำดับตอนที่ #4 : Scene 4(ต่อ)-5

    • อัปเดตล่าสุด 8 ต.ค. 47


    แสงไฟดวงแล้วดวงเล่าส่องตา ...... เธอพยายามหยีตาขึ้นมอง ทิวทัศน์นอกกระจกที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

    ซิงหยูใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะทำความเข้าใจได้ว่า บัดนี้....เธอกำลังอยู่บนรถคันหนึ่ง



    ซิงหยูพยายามทรงกายขึ้น .....รถคันนี้หุ้มด้วยหนังอะไรนะ? ทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าแก้มเธอสัมผัสกับหนังอุ่นนิ่มเสียเหลือเกิน



    “ รู้สึกตัวแล้วหรือ “ เสียงคุ้น ๆ พูดกับเธอที่ริมหู.....ซิงหยูสะบัดหน้า แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยง !!......จมูกของเธอเฉียดแก้มเขาไปแค่เส้นยาแดงผ่าแปด



    หนังอุ่นนิ่มเมื่อครู่ ...เป็นแก้มของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนั่นเอง



    ซิงหยูใจเต้นตึกตัก ผิดกับเด็กชายที่อ่อนวัยกว่าเขายังมีใบหน้าที่เฉยชาเช่นเดิม......แถมสายตาเขายังทอดมองไปเบื้องหน้าไม่คิดจะหันมามองเธอเลยสักนิด



    “ คุณหนูโจวเจวี้ยหมิน มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง....” ( แล้วก็พึ่งนึกขึ้นมาได้) “ รู้ไหมคะ คุณหนู ฉันขอห้ามไม่ให้ไปสถานที่แห่งนั้นอีกนะคะ..... มันเป็นสถานที่ ที่ไม่ดีมาก ๆ ถึงภายนอกมันจะเหมือนเป็นแค่บาร์ธรรมดา ที่สามารถเที่ยวได้ก็เถอะ.... แต่ว่าที่นั่นน่ะมีคนไม่ดีแถมยัง.....( เริ่มสังเกตเห็นแล้วว่าชุดที่โจวเจวี้ยหมินใส่อยู่เป็นชุดสูทหนัง แถมที่กระเป๋าเสื้อยังมีหน้ากากโผล่แพรม )..... นะ...นี่หมายความ....ผู้ชายคนนั้น “ จากดวงตาที่ตกใจ แปรเปลี่ยนเป็นความแค้นเคืองในทันใด



    “ นี่หมายความว่าทั้งหมดนั่น.....เป็นแผนเธอทั้งหมดใช่ไหม...... ตาเด็กบ้า มารยาททราม ทำไมนายถึงได้เลวอย่างนี้ “ ซิงหยูลงมือทุบโจวเจวี้ยหมินด้วยความอัดอั้น ที่โดนกลั่นแกล้ง



    โจวเจวี้ยหมินยับยั้ง มือน้อย ๆ ที่ประทุษร้ายเขาอยู่

    “ หยุดบ้าเสียที ( ตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด ).... เธอไม่มีสิทธิมาว่าฉัน   ก็เธอเองกระเหี้ยนกระหือรือตามฉันมาเอง  อย่ามาทำสะดีดสะดิ้งหน่อยเลย   ฉันเห็นตอนที่เธออยู่กับไอ้บ้านั่น ก็ดูเต็มอกเต็มใจ ไม่ปฏิเสธสักแอะ   จริง ๆ แล้วก็อยากอยู่เหมือนกันไม่ใช่หรือ“   ไม่รู้ทำไมไจ่ไจ๋ถึงได้กล่าวด้วยวาจาเชือดเฉือน และมองเธอด้วยสายตาดูถูกถึงขนาดนั้น.....เพราะปกติแล้วนี่ไม่ใช่นิสัยของเขาเลย



    “ ใจร้าย ... เธอมันเด็กใจร้ายที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลย…ทั้ง ๆ ที่ฉันตั้งใจแค่จะพาเธอกลับบ้านเท่านั้นทำไมต้องทำฉันขนาดนี้ด้วย” ซิงหยูร้องไห้ด้วยความเจ็บใจ



    ด้านโจวเจวี้ยหมิน มองไหล่บาง ๆ ที่สั่นเทา..... ทั้งรู้สึกผิด แล้วก็ความรู้สึกอีกอย่าง ....เสียใจ ?

    โจวเจวี้ยหมินรีบปัดความรู้สึกนั้นทิ้ง ทำไมเขาต้องเสียใจ ก็มันไม่ใช่ความผิดเขานี่



    “ หยุดร้องไห้ได้แล้ว.....เธอน่ะ ต้องขอบคุณฉัน....เพราะฉันเป็นคนไปช่วยเธอ ออกมาจากไอ้บ้ากามนั่น “ ออกคำสั่งด้วยสีหน้าเฉยชา



    ซิงหยูหันกลับมา สายตาที่ฉ่ำน้ำตาของเธอไม่ปิดบังความแค้นเคือง

    “ ช่วยฉันเหรอ.... ฉันน่ะยอมจูบกับผู้ชายคนนั้นดีกว่าจะมานั่งในรถคันนี้ของเธอเสียอีก “



    จื๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด........... ความโกรธอย่างไม่มีเหตุผลขึ้นหน้า



    โจวเจวี้ยหมิน กระชากร่างที่อยู่ห่างจากเขาไม่ถึงคืบ มาขยี้จูบอย่างแค้นเคือง ....เมื่อเธอผยายามจะดิ้นออก เขาก็กดหลังเธอบังคับให้ติดแน่นอยู่กับหน้าอกกระด้าง....ก่อนจะบีบแก้มเพื่อให้เธอยอมรับจูบที่จะผ่านเข้าไปทำโทษจากปากของเขา



    จนกระทั่งทุกอย่างสงบลง .... โจวเจวี้ยหมินก็ยังไม่ผละจูบที่ดูเหมือนจะยาวนานนั้น



    “ ตายจริง คุณหนูทำอะไรครับนั่น ! “ เกาเซียะโหย่ว  อุทานตกใจ



    บัดนี้รถคาร์ดิแล็กสีดำได้จอดเทียบคฤหาสน์หรูของตระกูลโจวเรียบร้อยแล้ว...... และในอ้อมกอดของนายน้อยแห่งตระกูล ร่างบางของสาวน้อยกำลังเป็นลมสลบซุกอยู่



    “ คุณหนูครับ....... คุณซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนู อินผิงนะครับ “ คนขับรถชรา เอ่ยเตือน...... แต่เมื่อเจอสายตาเย็นชาตวัดมา เขาก็ต้องเก็บปากเก็บคำ.....แม้จะดูแลคุณหนูโจวเจวี้ยหมินมาตั้งแต่เยาว์วัย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่สามารถจะตักเตือนผู้เป็นนายน้อยคนนี้ได้ไม่



    ส่วนคนที่จะทำได้...( เกาเซียะโหย่วมองร่างที่ไร้สติที่โดนอุ้มเข้าตึกไป) ....คงต้องอาศัยเวลาในการฝึกปรืออีกนิด

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    Scene 5



    -------“ คุณหนู ซิงหยู ไม่ใช่ คุณหนูอินผิงนะครับ “-------

    คำเตือนของคนใช้ชรายังคงอยู่ในความคิด …… โจวเจวี้ยหมินจ้องมองควันที่ลอยกรุ่นในขณะที่จิตใจแท้จริงได้มองผ่านเลยไปในอดีต



    “ ไอ้ลูกเมียน้อย …. ลูกเมียน้อย ….ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ” เด็กหญิงหน้าตาน่ารักมีผมยาวเป็นลอนล้อมกรอบ ผลักไหล่เล็ก ๆ ของเด็กชายที่หน้าตาน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก ล้มลง



    เด็กชายมิได้ร้องไห้เลยสักแอะ เพียงแต่มองหน้าเด็กหญิงแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะเดินเตาะแตะเพื่อจะเดินหนีไป

    แต่เด็กหญิงไม่ปล่อยให้เขาจากไปโดยง่าย เธอเดินรี่ตรงมาหาเขา แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงมา ตุบใหญ่



    “ คุณหนู อินผิง !!…. ตีคุณหนูน้อยทำไมครับ “ เกาเซียะโหย่วในวัยหนุ่ม ตวาด … เมื่อเห็นลูกสาวของคุณผู้หญิงลงมือแกล้งเจ้านายตัวน้อยที่ยังพูดไม่ได้



    “ แกนั่นแหละ มาตวาดอินผิงของฉันทำไม “ สาวถ้าทางผู้ดีจัดทุกกระเบียดนิ้วเดินเยื้องกรายเข้ามา



    “ คุณผู้หญิง “



    “ เดี๋ยวนี้แกกล้ามากนะ เกาเซียะโหย่ว ถึงกับกล้าตวาดคุณหนูอินผิงเชียวหรือ “



    “ ก็….. ก็ คุณหนูอินผิง รังแกคุณหนูโจวเจวี้ยหมินนี่ครับ “ เกาเซียะโหย่วรู้สึกอัดอั้นตันใจ พฤติกรรมของคุณหนูอินผิงชักจะหนักข้อมากขึ้นทุกวัน ๆ ….คุณหนูน้อยต้องมีบาดแผลตามเนื้อตัวเป็นจ้ำไม่รู้กี่แผลต่อกี่แผล ทุกแผลก็ล้วนแต่เป็นฝีมือของคุณหนูอินผิงแทบทั้งนั้น



    “ ทำไมแกต้องมาเดือดร้อนแทน ….ฉันไม่เห็นว่าโจวเจวี้ยหมินจะพูดประท้วงอะไรสักแอะ “ รอยยิ้มนั้นช่างน่าขยะแขยงในความคิดของเกาเซียะโหย่ว …. หล่อนช่างพูดออกมาได้ รู้ทั้งรู้ว่าคุณหนูโจวเจวี้ยหมินไม่สามารถพูดได้ อย่าว่าแต่ประท้วงเลย…. เกาเซียะโหย่วมองดูคุณหนูน้อยที่น่าสงสารของเขา เมื่อก่อนคุณหนูโจวเจวี้ยหมินก็เคยพูดได้ แต่หลังจากที่คุณแม้แท้จริงของคุณหนูจากไปไม่นาน คุณหนูก็เลิกพูดเฉย ๆ ซะอย่างนั้น… เกาเซียะโหย่วเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร



    “ อ๊ะ….. อย่านะครับคุณหนูอินผิง !! “ เกาเซียะโหย่วผวาเมื่อเห็นเด็กหญิงคว้าของเล่นพลาสติกก่อนจะเขวี้ยงหัวด้านหลังของคุณหนูโจวเจวี้ยหมินเต็มแรง



    โป๊ก !….. ตุ้บ !

    ร่างน้อย ๆ ซวนล้มลง



    แหมะ !

    เลือดซึมออกมาตามผมสีอ่อน….. เกาเซียะโหย่วได้แต่ตะลึงมอง …. ในขณะที่ร่างน้อย ๆ นั้นหันกลับมา พร้อมกับหยิบของเล่นชิ้นนั้นไว้ในมือ…. เด็กหญิงที่เป็นคนประทุษร้ายถึงกลับผงะ เมื่อเจอสายตาเย็นชาของเด็กชาย …. จากย่างก้าวเตาะแตะ กลับเป็นก้าววิ่งเต็มฝีเท้า



    พลั่ก !….. ตุ้บ ! ตุ้บ ! ตุ้บ !

    ทุกคนอยู่ในอาการตกตะลึง …. ด้วยไม่คิดว่าคุณหนูน้อยจะกล้าผลักพี่หญิงของตนเองล้มลง และ กระทืบของเล่นชิ้นนั้นจนไม่เหลือชิ้นดี



    “ กะ—แก …. แกกล้าดียังไง “ ฟงฟง ฮูหยินใหญ่ตระกูลโจว แม่เลี้ยงของโจวเจวี้ยหมิน ชี้มือที่สั่นระริกไปยังร่างน้อยที่ยืนส่งสายตาเย็นชาอยู่



    “ นังแก่บ้า !! “



    นั่นคือคำสุดท้ายของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น…..รอยยิ้มหยัน ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากทรงเสน่ห์

    หลังจากที่เลิกพูดไปนาน คำแรกที่เขาพูดออกมากลับกลายเป็นคำผรุสสวาทที่แสบสันต์….. พ่อของเขาได้กลับมาบ้านในวันนั้นและจัดการสั่งปลูกคฤหาสน์หลังใหม่ให้เขาอยู่



    โจวเจวี้ยหมินแค่นยิ้มเยาะ ๆ…. ..ทางแก้ปัญหาของคนรวยก็มีเท่านี้

    พ่อคิดว่าการย้ายบ้านจะช่วยปกป้องเขาจากอินผิงพี่สาวต่างแม่ของเขาได้…. แต่มันก็ปล่าวเลย อินผิงยังคอยตามรังควานเขาทุกครั้งที่มีโอกาส …. จนกระทั่งเขาล้มป่วยลง



    ในวัยเด็ก เขาจำได้ว่าร่างกายของเขาค่อนข้างอ่อนแอมาก พ่อพาหมอมารักษาไม่รู้กี่สิบคน แต่ว่าทุกคนก็ส่ายหัว ด้วยจนใจในการค้นหาสาเหตุ…. จนกระทั่งหมอ ปีเตอร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตสรีระวิทยา บินมาวินิจฉัยโรคให้ หมอปีเตอร์บอกว่าเป็นเพราะจิตใต้สำนึกบอบช้ำ จึงสะท้อนให้ร่างกายเจ็บป่วย …. เขายังจำแววตาของพ่อในวันนั้นได้ดี มันมีทั้งความแค้นเคืองใจ ความเสียใจ พ่อทุบมือเข้ากับกำแพงจนมือปูดช้ำ….



    หลังจากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่สวิทซ์เซอร์แลนด์….. จนกระทั่งพอจะหายดีจึงกลับมา

    การกลับมาครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้กับเขามาก….. เพราะอินผิงที่เขาเจอได้เปลี่ยนไป หล่อนมิได้มีท่าทีเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจ…ตรงกันข้าม หล่อนกลับมีกิริยาอ่อนหวานน่ารัก หล่อนสวมแว่นตาหนาเตอะ และใส่ชุดผ้าลูกไม้กรุยกรายเฉิ่มเชย



    หล่อนเอาอกเอาใจเขา และให้ความช่วยเหลือเขาในตอนที่เขาจะโดน ฟงฟงแม่เลี้ยงทำโทษ….



    แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น…..เมื่อวันหนึ่งอินผิงและเขาได้อยู่กันตามลำพัง อินผิงสอนวิชาต่าง ๆ ที่เขาเรียนล้าหลังจากคนอื่นเพราะต้องไปรักษาตัวอยู่นานหลายปี…. ตอนเย็นอินผิงลงมือทำอาหารและเลี้ยงฉลองที่เขาสามารถเรียนทุกอย่างได้รวดเร็วมาก…. ไจ่ไจ๋ทานอาหารอย่างมีความสุข แต่เมื่อตื่นมาอีกทีกลับพบว่า เขานอนอยู่บนเตียงด้วยร่างกายเปล่าเปลือยโดยมีอินผิงอยู่ข้างกาย !!!



    วันนั้นเขาได้รู้ธาตุแท้ของอินผิง…. หล่อนถ่ายรูปเก็บเอาไว้แบล็กเมล์เขา…. และบังคับให้เขาทำทุกอย่างที่หล่อนต้องการ

    ที่โรงเรียนหล่อนทำเหมือนเขาเป็นทาส แกล้งเขาสารพัด ทำให้เขาได้อับอายเพื่อน ๆ อย่างไม่น่าให้อภัย….. หล่อนเป็นนางมารร้ายไม่เคยเปลี่ยนแปลง…. โจวเจวี้ยหมินทั้งเกลียด ทั้งแค้นหล่อน รวมถึงผู้หญิงทุกคนรอบกายเขาด้วย….



    แล้ววันหนึ่งเขาก็หนีออกจากบ้าน เพราะไม่สามารถทนภาวะที่น่ารังเกียจของตัวเองได้….. และครั้งนั้นเองที่เขาได้มีโอกาสได้เจอกับพ่อบุญธรรมของเขา ….. ซางเจวี่ย



    ซางเจวี่ยได้สอนให้เขาเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งมากขึ้น… และสอนให้เขารู้ว่าผู้หญิงก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่น… และหากหล่อนเล่นบทนางมารร้าย เขาก็สามารถเล่นบทซาตานที่จะลงโทษหล่อนได้เช่นกัน



    (ไจ่ไจ๋ลุกขึ้นจาก อ่างจากุชชี่น้ำวน ขนาด 8X8 เมตร…..)

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×