ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    idol fall in love - zaizai version

    ลำดับตอนที่ #1 : scene 1

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 47


    คุณผู้อ่านเคยสงสัยกันบ้างไหมคะว่า ทำไมผู้ชายคนนี้

      

    (Zai Zai)



    ถึงได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้



    (ซิงหยู)



    ทั้ง ๆ ที่ เธอก็แสนจะเฉิ่มเชย และ หน้าตาก็ธรรมด๊า ธรรมดา



    คืองี้ค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า……



    ---- flash back ----



    Inter high school

    ( อ่านว่า : อิงเต๋อ ไฮสคูล จ้ะ )



    ห้องประชุม อาจารย์ใหญ่ :

    “ อาจารย์ สีเสินหยาง    พวกเราผิดหวังต่อพฤติกรรมของคุณเป็นอย่างมาก ทั้งที่เราก็คาดหวังเอาไว้ว่าคุณจะทำหน้าที่เป็นอาจารย์ ด้วยสำนึก และจรรยาบรรณ ที่ถูกสั่งสอนมาเป็นอย่างดี”      อาจารย์ใหญ่ขยับแว่นตากรอบดำ กล่าวตำหนิ อาจารย์สาวที่นั่งร้องไห้กระซิกอยู่ที่ปลายโต๊ะประชุม



    ภายในห้อง มิได้มีเพียงอาจารย์ใหญ่ แต่อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิมากมาย รวมทั้งบอร์ดบริหารต่างก็นั่งล้อมรอบอยู่ด้วย วาระการประชุมครั้งนี้ ถือว่าเป็นเรื่องซีเรียสและเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว



    “ ทางเราไม่สามารถพูดคำใดได้ นอกจาก  ...  เสียใจ ที่ต้องไล่คุณออก “



    สิ้นคำสั่งตัดสินประหาร อาจารย์สาว ( หน้าตาสวยทีเดียว ) ก็ปิดหน้าร้องไห้ วิ่งออกไปจากห้องประชุม



    ------------------------------------------------



    ทางเดินสู่ห้องประชุม คณะกรรมการนักเรียน :



    ร่างน้อย ๆ ร่างหนึ่งกำลังแบกเอกสารการประชุม โซเซไปมา



    “ สวัสดีตอนเช้าค่ะ ประธานนักเรียน ….. วันนี้ก็ขยันอีกแล้วนะคะ”   เด็กนักเรียนที่เดินผ่าน กล่าวทักทาย

    “ สวัสดีค่ะ “ คนโดนทักพยายามเอียงหน้าออกมาตอบรับคำทักทาย   แม้มันจะลำบากมากก็ตามที



    แล้วคนที่เดินผ่านมาอีก ก็กล่าวทักอีก ทำให้ซิงหยูต้องทุลักทุเลเอี้ยวหน้าซ้ายทีขวาที......ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ทุกคนกำลังแกล้งเธออย่างสนุกสนาน



    “ ยายประธานนักเรียนนี่ตลกจังนะ….. โดนแกล้งอยู่ทุกวันไม่ยักกะรู้ตัวอีก “

    “ จะว่าไปแล้ว... ทำไมยายนี่  ถึงได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนรุ่นนี้กันนะ “



    “ ก็คงเป็นเพราะว่า      ยายนี่เป็นนักเรียนหัวกระทิ ขนาดได้อันดับ 1 ทุกปี ตั้งแต่ปี 1 ม.ต้น จนกระทั่งปี 3  ม. ปลาย , ได้รางวัลชนะเลิศประกวดกลอนโบราณวรรณคดีญี่ปุ่น , แถมยังเคยเป็นยุวทูตวัฒนธรรม    ยังไม่นับรวมที่เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปประกวดนู่นนี่อีกหลายร้อยแปดรายการนะ… เธอว่าคุณสมบัติแค่นี้    ยายนี่ควรจะได้นั่งแท่นเป็นประธานนักเรียนหรือเปล่าล่ะ “



    ผู้ถามพยักหน้าอย่างเห็นด้วย แต่ก็ไม่วาย        

    “ แต่แหม …    มันอดไม่ได้นี่    ก็ถ้าคิดถึงประธานนักเรียน  มันก็ต้องผู้ชาย  ..  หล่อ , เทห์, สมาร์ท ..  เย็นชานิด ๆ เคร่งขรึมหน่อย ๆ

    คนที่แค่ปรายตามองก็สามารถทำให้พวกเราหลอมละลายได้ ไม่ใช่หรือไง ….. อย่างเช่น….



    “ คุณชายโจวเจวี้ยหมิน !!! “

    ( อุทานชื่อ ชายหนุ่มที่ฮอตที่สุดในโรงเรียน โดยไม่ได้นัดหมาย )



    ------------------------------------------------------------------------------------------



                                                                                    ปึ้ก !

    “ โอ๊ะ !”

    เพราะถูกใครคนหนึ่งชนเข้าให้อย่างจัง กองเอกสารเท่าภูเขาสูงจึงกระเด็นฟุ้งกระจัดกระจาย

    “ แย่แล้ว ….เอกสาร !!!!”    ซิงหยูอุทาน    พลางตาลีตาเหลือกเก็บกองกระดาษดังกล่าว   (เป็นจังหวะเดียวกันกับแว่นตาหนาเตอะที่ขาถ่างจนแทบจะเกี่ยวใบหูไม่ได้ หล่นตกลงมา )



                                                                                   กร๊อบ !!!

    ซิงหยูมองอย่างไม่เชื่อสายตา  ...  แว่นตาอันเก่าที่เปรียบเสมือนชีวิตของเธอ  …  บัดนี้ !  มันอยู่ภายใต้รองเท้าหนังBORSARINO ของใครบางคน  



    ซิงหยูไล่สายตาไปตามกางเกงขายาว

    --- ถึงจะเป็นเฉดสีเดียวกันกับเครื่องแบบนักเรียน  แต่ว่า...มันก็ต้องเป็นของ paul frank แน่ ๆ !!  …  ก็ลายสัญลักษณ์ในเนื้อผ้าจาง ๆ นั่นไง

    (ไล่สายตาขึ้นไปยังเอวเข็มขัดหนัง)    จอจิโอคอเล็คชั่นใหม่ !!     และไหล่ผึ่งผายนั้นช่างเข้ากับเสื้อฝ้ายเนื้อพริ้ว   เป็นผู้ชายที่ใส่เสื้อของแซงชั่นได้เนี้ยบอย่างไม่มีที่ติจริง ๆ ----



    แต่ว่า ?  ทำไมเธอถึงเห็นด้านหลังของเขา ค่อย ๆ ห่างจนกระทั่งเห็นมันเป็นภาพ กราฟฟิกชั่น กัน ???



    “ เดี๋ยวก่อน !    นายคนนั้นน่ะ ทำไมมารยาททรามอย่างนี้ ชนคนอื่นเขาแล้ว ขอโทษไม่เป็นหรือไง”       ซิงหยูเท้าเอว    เป็นครั้งแรกในรอบปีที่เธอโมโหเดือด ( ก็แว่นตาที่เปรียบเสมือนกับชีวิตของเธอ เสียหาย …. และ ณ เวลานี้เธอไม่มีเงินพอที่จะซื้ออันใหม่เสียด้วยน่ะสิ )



    เด็กหนุ่ม   ( เอ ? … หรือจะเป็นชายหนุ่ม ?  ก็หุ่นที่สูงเฉียด ๆ 175 นั่น ดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่ เด็ก ม. ต้น เอาเสียเลย )

    เขาหันกลับมา มองซิงหยูตั้งแต่หัวจรดเท้า …. แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยคำขอโทษใด ๆ



    ซิงหยูเดือดปุด  

    --------  หนอยเป็นแค่เด็ก ม.ต้น …. กล้าดีมามองรุ่นพี่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยเชียวเรอะ ----------



    ซิงหยูควานหาสมุดตัดคะแนนความประพฤติ     “ รายงานตัวมาซิ นายชื่ออะไร อยู่ชั้นปีไหน…. ฉันจะหักคะแนนนาย 10 แต้ม โทษฐานทำข้าวของผู้อื่นเสียหาย แถมยังไร้-- “

                                                              

                                                                  ฟึ่บ !

    ไม่ทันที่จะพูดจบ ร่างบาง ๆก็ถูกรวบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง …. ซิงหยูได้เบิกตาโตด้วยความตกใจ……..และแล้ว …….



    จุ๊บ !              First kiss ของสาวน้อยมัธยมปลายก็ถูกขโมย  !!



    “ สินบนสูงขนาดนี้ หวังว่าคงจะพอใจนะ “ น้ำเสียงเย็นชา แบบหยิ่งกระซิบอยู่ที่ริมหู ก่อนที่ร่างนั้นจะลับหายไป



    ------------------------------------------------------------------------------------------

    ห้องประชุม คณะกรรมการนักเรียน :

    หัวข้อประชุม  :  แบบไม่เป็นทางการ

    ผู้เข้าประชุม   :  อาจารย์ใหญ่ อาจารย์ในทีมผู้บริหารชุดเล็ก และ ประธานนักเรียน



    “ เป็นที่รู้กันว่าทางบอร์ดบริหารได้ทำการไล่อาจารย์สีเสินหยางออกไป ด้วยสาเหตุความประพฤติไม่เหมาะสมกับหน้าที่….. ทางผู้บอร์ดผู้บริหารใหญ่จึงได้ทำการพิจารณาผู้ที่จะไปดูแล คุณหนูโจวเจวี้ยหมินคนใหม่….         หลิว ซิงหยู    ครูรู้มาว่าต้นตระกูลเธอเป็นผู้ดูแลชั้นยอดให้กับราชนิกุลมากมาย    อีกทั้งเธอก็เคยได้รับใบประกาศนียบัตรทั้งเด็กอ่อน เด็กเล็ก มาตั้งแต่ชั้นประถม…. ไม่นับรวมที่บ้านเธอเปิดบริษัทรับจัดการดูแลคนดังต่าง ๆ ( ถึงแม้ว่าตอนนี้กิจการมันจะย่ำแย่เต็มทีก็เถอะ )…. ด้วยเหตุผลนี้ ทางบอร์ดบริหารจึงมีมติให้เธอเป็นคนดูแลส่วนตัวให้กับ คุณหนูโจวเจี้ยหมิน….. แล้วเรื่องค่าเล่าเรียนที่เธอค้างมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายอีกต่อไป ….. เธอจะขัดข้องไหม “



    “ ………. “



    “ เอาล่ะ …. เป็นอันว่าตกลงตามนี้นะ….. ใครมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า “



    ไม่มีใครพูดอะไรต่อ นอกจากเสียงกระซิบกระซาบงึมงำ ….. ครูใหญ่เห็นดังนั้นจึงจัดการปิดการประชุม



    “ โธ่ น่าเสียดายหนูซิงหยูนะ …. ทั้ง ๆ ที่เป็นเด็กดีมากแท้ ๆ …. แถมเรียนเก่งมากเสียด้วย ถูกให้ไปดูแลคุณหนูโจวอย่างนี้ไม่ช้าก็ต้องโดนไล่ออกอีกคนแน่…..”



    “ ก็นั่นน่ะสิ เด็กเก่ง ๆ อย่างนี้….น่าเสียดายนะเธอ….. ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไม ท่านเจ้าของโรงเรียนถึงไม่ให้คุณชายโจวไปเรียนที่อื่นเสียให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ส่งไปเรียนต่อที่ต่างประเทศก็ได้….. อย่างนี้ ส่งผู้ดูแลผู้เพียบพร้อมกี่คนต่อกี่คนไป ก็มีอันต้องโดนไล่ออกหมด ….. ไม่อยากคำนวณเล้ย กว่าคุณหนูโจวจะเรียนจบ ม. ปลาย เราต้องเสียบุคลากรไปอีกเท่าไหร่ “



    “ ก็น่านน่ะสิ…” ครูอีกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะหันมาหาซิงหยู

    “ ซิงหยู ฟังครูให้ดีนะจ๊ะ ….. ถ้าหนูอยากเรียนให้จบล่ะก็ อย่าเผลอใจไปให้คุณชายโจวเลยเชียวนะ … ครูรู้ดีว่ามันออกจะเป็นเรื่องยากมากสักหน่อย …. แต่ว่าถ้าเธออยากรอดพ้นจากปีศาจน้อยนั่นล่ะก็ อย่าเผลอใจเป็นอันขาด เข้าใจไหม “



    สั่งสอนกันจนมั่นใจแล้ว อาจารย์ทั้งสองคนก็เดินออกไป….. โดยไม่รู้เลยว่า ซิงหยูที่นั่งเอ๋อ เบลออยู่ ไม่ได้รับรู้เรื่องราวใด ๆ

    ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่อันใหม่ หรือคำตักเตือน



    ก็เพราะว่า เธอยังอยู่ในอาการช็อค ที่โดนจูบเมื่อเช้าอยู่น่ะสิ !!……



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ห้องเรียน :



    “ อะไรนะ !?   เธอจำเรื่องที่โดนเรียกเข้าประชุมเมื่อเช้าไม่ได้เลย !…. เป็นไปได้ไง ? ปกติเธอเป็นคนที่รับผิดชอบนี่ซิงหยู “

    เพื่อนที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักเรียนมองซิงหยูด้วยความแปลกใจ



    “ เอ้อ…. ก็……มัน “      ไม่รู้จะบอกใครได้ไง ว่าช็อคที่โดนจูบ … ตอนเข้าประชุมเลยไม่รู้ว่าประชุมเรื่องอะไร



    “ แย่จัง…. เมื่อเช้าก็มีเธอเป็นนักเรียนไปเข้าห้องประชุมคนเดียวเสียด้วย …. แล้วนี่ถ้าเป็นเรื่องด่วนถึงสภานักเรียนล่ะ “



    “ ก็…. เอ่อ… ขอโทษ “ หน้าสลดด้วยรู้สึกผิด



    “ ช่างเถอะ ๆ…. เดี๋ยวไปถามอาจารย์ที่ร่วมเข้าประชุมก็ได้….เออ  นี่ซิงหยู เธอได้ข่าวบ้างหรือเปล่า เรื่องคุณหนูโจวรูปหล่อน่ะ “



    “ คุณหนูโจว ?? “



    “ ก็ใช่น่ะสิ ….. ว่ากันว่าเป็นลูกชายคนสุดท้องของเจ้าของโรงเรียนนี้นะ …. พึ่งจะย้ายเข้ามาเรียนใหม่กลางคันเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง เขาว่าหล่อเหมือนเจ้าชายน้อย ๆ เลยล่ะ ….. แต่ว่าเพราะร่างกายอ่อนแอ ก็เลยไม่ค่อยได้เข้าเรียน มีเรือนเรียนส่วนตัวด้วย ก็อาคารหลังใหม่ที่สร้างอยู่ด้านหลังเรือนกระจกเมื่อปีที่แล้วไง “



    “ งั้นเหรอ…..ไม่รู้หรอก “      ซิงหยูส่ายหัว พลางควักหนังสือเรียนออกมาวางบนโต๊ะ เธอโดนเพื่อนว่าที่ไม่รู้จักใส่ใจกับข่าวคราวในโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่เป็นประธานนักเรียนแท้ ๆ



    แล้วอาจารย์คณิตศาสตร์ ที่จะสอนชั่วโมงแรกก็เดินเข้ามา

    “ นักเรียนเปิดสมุด เราจะมาเฉลยการบ้านที่ครูสั่งไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกันนะ……. เอาล่ะ โจทก์ข้อ 1 ใครจะเป็นคนออกมาเฉลยบ้าง “



    ซิงหยู ก้าวออกมา



    “ เอ๋ !!….. ซิงหยู เธอมาทำอะไรที่ห้องนี่ ???? “

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    อาคารเรียนโจวเจวี้ยหมิน :



    “ ห้องนั้นมันอยู่ที่ไหนกันล่ะ “   ซิงหยูกระชับกระเป๋าใบใหญ่ของตัวเองให้ถนัด….. บัดนี้ใบหน้าของเธอมีเหงื่อเกาะพราว

    หลังจากที่เดินสะเปะสะปะ (เนื่องจากไม่มีแว่นตา) จากอาคารเรียน ม.ปลายปี 3 ตัดโรงยิม  , อาคารเพาะชำ , และ เรือนกระจกปลูกต้นไม้มาได้….. เธอก็มาถึงอาคารเรียนหลังใหม่ อาคารเรียนโจวเจวี้ยหมิน :



    “ ทำไมฉันต้องมารับหน้าที่ดูแลเด็กด้วยนะ..ทั้ง ๆที่ปีนี้ก็เป็นปีที่ต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างหนักเสียด้วยสิ”  

    ซิงหยูบ่นพึมพำ .. แต่ว่าพอนึกถึงเงื่อนไขที่เธอจะได้ เธอก็ต้องถอนหายใจ



    จริงสิ เพราะที่บ้านค้างค่าเล่าเรียนมา 2 ปีแล้ว…. ถึงเธอจะเป็นนักเรียนดีเด่น และได้รับทุนการศึกษา แต่ว่ามันก็ยังไม่พอกับค่าเล่าเรียนที่แพงหูฉี่ของโรงเรียนนี้อยู่ดี….. ก็โรงเรียนนี้น่ะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโรงเรียนอันเป็นสังคมของบรรดาลูกคุณหนูผู้ดีเข้ามาร่ำเรียนกัน….. ที่จริงเธอไม่ได้อยากเรียนโรงเรียนนี้เท่าไหร่หรอก แต่เป็นเพราะว่าพ่อกับแม่เธอน่ะสิ



    พ่อ :  “ เพราะตระกูลเรา สืบเชื้อสายของผู้รับใช้ราชนิกุลสูงศักดิ์ และ คนดัง….. และได้รับการศึกษาเทียบเคียงกับนายท่านเหล่านั้นมาทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นจึงนับเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้….. แกต้องเรียนที่โรงเรียน Inter แห่งนี้แหละ “



    “ จริงด้วยค่ะคุณ ….. อีกอย่าง ถ้าได้เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ บางทีลูกเราอาจสามารถหา นายท่าน มาช่วยกิจการที่กำลังซบเซาของเราก็ได้ “ แม่ของเธอกล่าวอย่างมีความหวัง   ( หมายเหตุ นายท่าน = ลูกค้า , บ้านนี้จะไม่เรียกลูกค้าเพราะถือว่าจะเป็นการลบหลู่ผู้มีพระคุณ )



       ก็ด้วยเหตุผลงี่เง่านี้แหละ ….. เธอจึงต้องมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    คิดแล้วก็เหนื่อยใจ ….. ทำไมตระกูลของเธอถึงไม่ทำอาชีพอย่างอื่นนะ ให้ตายเถอะ….



    “ อือ…… คุณชายน้อยคะ ยะ….อย่าค่ะ “



    ----- เสียงแปลก ๆ นี่มันอะไร ??  -----



    “ อ๊าาาาาาาาาาาาาา…….คุณชายขา….. คุณชาย …. “ เสียงครางสูงอย่างเปี่ยมสุข เล็ดลอดผ่านประตูบานหนึ่ง



    ซิงหยูขยับเข้าไปใกล้…..และแล้วยังกับฉากที่จัดเอาไว้ประตูบานนั้นถูกลมพัดเบา ๆ ….. ไอ้ที่เคยคาแย้มอยู่ ก็เลยเปิดอ้าให้ประจักษ์แก่สายตา

                          แม้จะเห็นเป็นเงาราง ๆ …. แต่ซิงหยูก็แน่ใจว่า ชายหญิงคู่นั้นต้องไม่มีเสื้อผ้าติดกายอยู่แน่ ๆ



    “ คุณชายมองอะไรคะ ?”     หญิงสาวมองใบหน้าที่เฉยเมยของคู่รักด้วยดวงตาฉ่ำหวาน ก่อนที่จะเบนหน้ามาตามสายตาเย็นชาของเขา

    “ อ๊ายยยยยยยยย !!!  ยายบ้า !  ดูอะไรของแกน่ะ ..  ออกไป๊!!!”       ออกปากไล่พลางเขวี้ยงหมอนฉลุลายของลาซแซงค์มายังซิงหยู



    ซิงหยูที่ยังยืนอ้าปากค้างอยู่ด้วยความตกใจ  รีบฉุดสติ ก้มหน้าก้มตา เดินหลบออกมาแทบไม่ทัน



    ---- ของจริงเหรอนั่น  ….. พวกเขาทำอย่างว่ากันจริง ๆ เหรอ ?!!!----

    ซิงหยูยืนเอ๋ออยู่หลังบานประตู  ...   แม้ว่าเธอจะไม่เห็นกิริยา เพราะพวกเขาอยู่ที่โซฟาไกลสุดห้อง

    .....แต่ว่า ....  ผิวเนื้อเปล่าเปลือยราง ๆ ,  รวมทั้ง  !@$%

                                                      

                                                    ---พวกเขาต้องทำอย่างว่านั่นจริง ๆ !!---

    หน้าแดงไปจนจรดปลายหู ...เอามือปิดตา  ... อยากจะลบไอ้ภาพเหล่านั้นทิ้งไปเสียให้หมด



    “ โรคจิตหรือเธอน่ะ   ถึงได้มาแอบดูใครเขามีอะไรกัน “  เสียงเย็นชา ติดจะหยิ่ง ๆ …. ทำไม เธอจึงรู้สึกคุ้นหูจริงนะ ??



    “ นาย !!!!”      ชี้หน้าแบบจำเงาราง ๆ บนใบหน้าได้….. ความทรงจำเมื่อเช้า ไหลกลับมา แล้วซิงหยูก็เดือดปุด ๆ

    “ ตาเด็กบ้า .. ลามก  ..  ออกไปให้พ้นจากที่นี่เลยนะ กล้าดียังไงมาทำอะไรทุเรศ ๆ บนอาคารเรียนของคุณหนูโจวเจวี้ยหมิน …. เห็นเป็นอาคารหลังใหญ่ เลยเอาผู้หญิงมามั่วล่ะสิ ... มานี่เลย    คราวนี้ฉันจะต้องจดชื่อ ตัดคะแนนความประพฤตินายให้ได้….. แบบนี้มันต้องไล่ออกสถานเดียว …มานี่ซิ ชื่ออะไร ? ”   ว่าแล้วก็กระชากคอเสื้อ โน้มอกเข้ามาใกล้ ๆ



                                         ป้ายชื่อ --( สกุล )  โจว

                                                      ( นาม )  เจวี้ยหมิน



                                                                             โจว เจวี้ยหมิน !!!!!!           



    “ เหยยยยยยยยยย !!!!   “     (อุทานพลางถอยกรูดไปติดผนังโดยไม่รู้ตัว )



    “ ครับ …..ผมชื่อ โจว เจวี้ยหมิน “ มีรอยยิ้มน้อย ๆ เกือบจะเป็นเย้ยอยู่บนริมฝีปากสีชมพูสดนั้น…..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×