คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่4 น้ำตา . . ความสุข . . ความเจ็บ_
<< I’m Dong Hae >>
ผมนั่งคิด นอนคิดก็ยังไม่เข้าใจ ว่าอยู่ๆทำไมคิบอมพูดแบบนั้น
ผมให้ความสำคัญกับคิบอมที่สุด ถ้าเพียงเค้าจะกลับมา. . ผมพร้อมจะ‘เลิก’กับคยูทันที
ตอนนี้. . ผมก็แค่เหงา ถ้าให้ผมเลือกอีกครั้งระหว่างเรียวอุคกับคยู ยังไงผมก็เลือกคยู
เพราะเรียวอุคต่างจากคิบอมเกินไป และผมก็เห็นเค้าเป็นแค่น้องชายคนหนึ่งเท่านั้น
ผมว่า. . ผมควรคุยกับคิบอมให้รู้เรื่องไปเลย เผื่อว่าเค้าจะกลับมาอยู่กับผมเร็วๆ
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมโทรหาคิบอม แต่ก็ต้องชะงักลงเมื่อเห็นซองมิน
วิ่งถลาเข้ามาหาผมพร้อมสมุดเล่มสีชมพูที่พักนี้เห็นถืออยู่บ่อยๆ “ทงเฮ! ทงเฮ . . ทงเฮ”
ซองมินเรียกชื่อผมรัวพลางเขย่าแขนผม “อื้มๆ รู้แล้วๆมีอะไร?” ผมถามขณะเดียวกับที่พี่เยซอง
เดินมาถึงตัวเรา “คนที่เค้ารักกัน เค้าต้องทำอะไรมั้ง?” ซองมินถามด้วยใบหน้าที่ดูมีความสุข
นานแล้วสินะที่ไม่เห็นพี่ชายคนนี้มีความสุขมากมายแบบนี้ “ต้องไม่ ‘ทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่คนเดียว’ ”
ผมตอบ ย้อนคิดถึงตัวเอง ‘ใช่แล้ว~ คิบอม! ถ้านายไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียวฉันคงไม่เหงา~
ไม่ต้องทำให้ใครเจ็บ’ ความคิดที่ทิ่มแทงหัวใจทำให้น้ำตาเริ่มเอ้อล้น ผมเงยหน้าขึ้นกลืนน้ำตา
“นายไหวหรือเปล่า?” พี่เยซองถามอย่างเป็นห่วง “ไม่เป็นไรครับ - - แค่เจ็บตานิดหน่อย”
ผมบอกปัด “งั้นหรอ? . . งั้น. .เราไปก่อนนะ” ว่าแล้วพี่เยซองก็จูงมือซองมินที่ยังจดไม่เสร็จดี
เดินออกไปจากผม ผมลุกจากโซฟาแล้วขึ้นไปบนห้องของตัวเอง - -‘*ปัง*’ ผมกระแทกประตู
ให้ปิดแล้วทรุดตัวลงที่น่าประตู น้ำตาไหลเป็นสาย มือหนึ่งว่างพาดเข่าไว้ แล้วใช้มือที่เหลือ
กดส่งข้อความหาคิบอม ‘นี้. . คิบอมอา~ โกรธอะไรหรอ?’ ~ ~ - -
~รอ~ ผมรอเค้าตอบกลับอยู่เกือบ 20 นาที ร้องไห้จนแทบไม่เหลือน้ำตาให้ร้อง
~รอ~ จนทนไม่ไหว . . ผมพยุงตัวเองให้เดินไปนั่งบนเตียง กดโทรศัพท์อีกครั้ง
‘ไม่ว่างหรอ? ตอบฉันหน่อยสิ~ ให้ฉันโทรไปได้ไหม?’ ~กดส่งอีกครั้ง
เค้าไม่ได้รับ Message ผมหรอ?! ผมรู้ว่าตัวเองผิด แต่ผมกำลังจะอธิบายอยู่นี้ไง ถ้าโทรหาเค้า
เค้าจะรับโทรศัพท์ผมหรอ? ผมรักเค้า ผมอยากบอกเค้า เค้าจะคิดว่าผมง่ายหรือเปล่า?
พอเค้าไม่อยู่ผมก็ไปหาคนอื่น คิบอมเค้าจะคิดแบบนั้นไหม? ผมสับสนไปหมดกับคำถาม
ที่ผมตั้งขึ้นเอง ผมร้องไห้จนไม่รู้จะร้องยังไงแล้ว *ติ๊ดๆ* - - ผมเหลือบไปเห็นโทรศัพท์
ที่ตอนนี้ร่วงล่นจากมือลงไปวางอยู่ข้างตัว เพราะผมไม่มีแรงจะถือมัน
ภาพที่เห็นนั้นคือสัญญาลักษณ์ของ ‘ข้อความเข้า’ ผมรู้สึกว่าตาโตขึ้น มือคว้าโทรศัพท์โดยเร็ว
“- - FROM KI BUM” ผมกดเปิดอ่านอย่างไม่รอช้า ‘เหลือ 2 ตอน - -” ~เดี๋ยวฉันโทรไปเอง
แล้วกัน ’~- - *ตึก *ตึก *ตึก เสียงหัวใจผมเต้นแรง รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
“อืม~ เหลือ 2 ตอนหรอ? งั้นก็คงสัก 3ชั่วโมงมั้ง”ผมพูดกับตัวเองพลางนับนิ้วกะเวลา
“หาอะไรทำรอดีกว่า” ว่าแล้วก็ต่อสมอร์ทอกเข้ากับโทรศัพท์ แล้วหยิบเนื้อเพลงที่อยู่หัวเตียง
ขึ้นมาซ้อมร้องเพลงฆ่าเวลา ‘*ก๊อกๆๆ*’ เสียงใครบ้างคนเคาะประตูจากด้านนอก “คร้าบ~
มาแล้วๆ” ผมตอบกลับ ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปเปิดประตู “มาแล้ว~” ผมพูดขณะเปิดประตู
แล้วบุคคลตรงหน้าผมก็คือ . . “คยู!” ผมอุทานเมื่อเห็นใบหน้าที่เคยเรียบเนียน แต่ตอนนี้กลับ
โชกไปด้วยเลือด “นายไปทำอะไรมา?!” ผมพยามควบคุมสติ แล้วค่อยๆแตะบริเวณที่เหมือน
รอยกรีดบนแก้มซ้ายของเค้า “อ๊า~ ทำไมเป็นแบบนี้หละ” ผมถามอย่างเป็นห่วง “มานี้สิ
ฉันจะทำแผลให้” ผมพูดพลางจูงมือคยูไปนั่งที่เตียง “รอแปปนะ ฉันจะลงไปขอ
กล่องปฐมพยาบาลจากพี่ลีทึก” ผมพูดต่อหลังกวาดสายตาหากล่องนั้นบนเตียงพี่เค้าไม่พบ
“ไม่เป็นไรครับ” คยูพูดรั้งงตัวผมเอาไว้ “ไม่เป็นไรไม่ได้นะคยู!” ผมตะหวาดใส่
ด้วยความเป็นห่วง “เดี๋ยวตอนฉันขึ้นมา นายต้องบอกฉันด้วยว่าไปโดนอะไรมา” ผมมองดู
แผลนั้น รู้สึกเจ็บแทนเค้า “ผมทำเองครับ ผมกรีดหน้าตัวเอง เผื่อมันจะทำให้ผมเข้าใจ
ความเจ็บของพี่บ้าง” คยูมองผมเหมือนจะร้องไห้ “คยู. . ” ผมนั่งลงข้างเค้า
“ผมทำให้พี่เดือดร้อน พี่จะเลิกกับผมก็ได้นะ” คยูพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าพูดอย่างนั้นสิ . .
นายสำคัญสำหรับฉันเสมอนะ” ผมกุมมือเค้าไว้ แล้วก็เหลือบไปเห็นแสงไฟกระพริบอยู่
ใต้เนื้อร้อง “คยู . . นายลงไปรอข้างล้างก่อนนะ เดี๋ยวฉันตามไป” ผมพูดพลางลูบมือเรียว
ที่กุมอยู่ “ครับ . .”คยูก้มหน้าลงมองบางสิ่งก่อนจะลุกออกไป เมื่อประตูปิดลงผมรีบหยิบสิ่ง
ที่อยู่ใต้เนื้อเพลงออกมา มันคือโทรศัพท์ของผมที่กำลังแสดงเวลาใช้สายอยู่ “คิบอม!
ฟังฉันก่อน” ผมรีบกระตุกสายสมอร์ทอกออก ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู
‘ - - ยังจะให้ฉันฟังอะไรอีก’ น้ำเสียงเย็นชาของปลายสายทำให้ผมรู้สึกชาไปทั้งตัว
“ฉันรักนาย ฉันแค่เหงาเพราะนายไม่อยู่ จะให้ฉันเลิกกับคยูเมื่อไรก็ได้” ผมบาดน้ำตา
ที่ไหลนองอีกครั้ง ‘งั้นก็เลิกสิ . . เลิกเดี๋ยวนี้เลย’ คำพูนั้นดั่งวาจาสิทธิ์
แต่ว่าผมจะทำได้เหรอ? . . ถึงผมจะคิดว่า ถ้ามีคิบอมแล้ว. . คยูก็ไม่จำเป็น แต่คยูสำคัญ
กับผมมาก. . แล้วจะให้ผมทำแบบที่คิบอมพูดได้จริงๆเหรอ?. . ผม. . จะทำไงดี . . .
<< I'm Sung Min >>
‘ตอนนี้เป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่สุด’ ผมเขียนลงไปในสมุดเล่มเล็กที่ผมมักเอาติดตัวไว้
ตลอดเวลา นี้เป็น 1 ใน ‘สัญญารัก 13 ข้อ เยมิน’ พี่ชินดงเค้าเป็นคนคิด เค้าบอกว่า
‘แฟนหรอ? ถ้าเป็นฉันคงจะเขียนเดย์อารี่แลกกันอ่านทุกวัน จะได้ไม่มีความลับต่อกันไง’
หึ.หึ. ตอนแรกพี่เยซองเค้าว่ามันยุ่งยากแต่เค้าก็ยอมทำนะ ว่าแล้วผมก็เอาสมุดอีกเล่มหนึ่ง
ที่เขียนว่า ‘สัญญารัก 13 ข้อ เยมิน’ ขึ้นมาอ่าน “ซองมิน”ชายแก้มป่องเรียกผม
“ทำอะไรอยู่หนะ?” เค้าพูดพลางกอดคอผม “หึ.เปล่านี่” ผมหัวเราะหน้าซื่อๆของพี่เยซอง
“อ๊า~ วันนี้ฉันจะพาเรียวอุคไปซื้อของนะ” พี่เยซองพูดเบาๆ “ไม่ไปไม่ได้หรอครับ . .
ทำไมเค้าต้องให้พี่พาไปด้วย” ผมพูดเสียงเขียว “อย่าหึงน้า~ ฉันแค่จะพาเรียวอุคไปดูเต่าหนะ
เค้าว่าเห็นฉันซื้อเต่ามาเพิ่มเลยอยากเลี้ยงบ้าง” พี่เยซองพูดต่อ “งั้นหรอ” ผมพูดประชด
แต่คิดขึ้นได้ว่าคงไม่ดีที่จะชวนทะเลาะ “งั้น~ . . ให้ผมไปด้วยคนนะ” ผมทำหน้าแบ๊วอ้อน
พี่เยซอง “นะครับๆ ผมขอไปด้วยนะครับ” ผมพูดพลางเขย่าแขนพี่เยซอง “อื้ม”
พี่เยซองยิ้มรับ “พี่เยซองครับ ไปกันเถอะครับ” เรียวอุคที่มาจากไหนก็ไม่รู้คว้าตัวพี่เยซองไป
ทำเอาผมเองตัวแข็งเป็นหินไม่นึกว่าขนาดต่อหน้าต่อตาผมเรียวอุคจะกล้าทำแบบนี้
ผมอึ้งอยู่พักหนึ่ง พอเรียกสติคืนมาได้ก็รีบเช็คของที่จำเป็นแล้ววิ่งตามออกไป
ภาพที่เห็นคือชายแก้มป่องที่กำลังทำหน้าเอ๋อขณะโดนมักเน่คล้องแขนอยู่ ผมแอบยิ้มที่เห็น
พี่เยซองเองก็กำลังงงอยู่เหมือนกัน ผมรู้สึกดีนะที่พี่เยซองไม่ได้กำลังทำหน้ามีความสุขอยู่
“โถ~ ไม่รอกันเลยนะ” ผมพูดพลางเดินเข้าไปแทรกกลางทั้งคู่ เรียวอุคส่งสายตาค้อนมาที่ผม
แต่นึกเหรอว่าผมจะแคร์ “นี่! พี่เยซองครับ” เรียวอุคพูดเสียงหวานกับพี่เยซอง “มีอะไรหรอ?”
พี่เยซองขานรับ ผมบีบมือพี่เยซองอย่างใจสั่น “เราหาไปอะไรกินกันก่อนไปซื้อเต่าดีไหมครับ”
มักเน่พูดต่อ “เอ่อ~ ” พี่เยซองมองมาที่ผมเชิงขอความคิดเห็น “ก็ดีนะครับ จะได้พาเรียวอุค
ไปกินที่ร้านประจำของเรากัน” ผมพูดพลางนึกภาพของร้านสุดหวานนั้น “อื้ม. . ” พี่เยซอง
ใช้อีกมือที่วางอยู่ขยับเสื้อคลุมอย่างอึดอัด -. -. -. เมื่อถึงร้านประจำของเรา[หรือของผม?]
พนักงานตอนรับมองดูพวกเราด้วยสายตาที่สื่อถึงความข้องใจแล้วทักขึ้นว่า
“วันนี้ดูแปลกไปนะครับ” ผมไม่เข้าใจคำพูดของพนักงานคนนั้นจนกระทั้งเราเดินไปนั่งที่โต๊ะ
เรียบร้อยแล้ว สายตาหลายสิบคู่จับจ้องมาที่พวกเรา ผมเองพึ่งสังเกตว่าตลอดเวลาที่ผม
คล้องแขนพี่เยซองอยู่ สายตาของเค้ากลับมองแต่เรียวอุค ในตอนนี้ก็ด้วย
แม้เค้าจะเลือกนั่งข้างผม แต่กลับพูดคุยกับเรียวอุคอย่างสนุกสนาน มันทำให้ผมรู้สึกว่า
‘ตัวผมเอง. . ไม่มีตัวตน’ . . “รายการอาหารครับ” พนักงานโค้งตัวแล้วพูดอย่างสุภาพ
“ขอบคุณครับ” พี่เยซองรับเมนูมาแจกให้พวกเรา แล้วอ่านเมนูแนะนำให้เรียวอุคฟัง “นี่เรียวอุค
เป็ดย่างที่นี้อร่อยมากเลยหละ” . . อา!~ สีหน้าพี่เยซองดูมีความสุข. . “พี่เยซองว่าไง
ผมก็ว่าตามนั้นครับ” เรียวอุคเอื้อมมือมากุมมือพี่เยซองไว้ ช่างไม่มีความเกรงใจกันบ้างเลย
“ผมไม่กินแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกจากร้าน ผมรู้ดีว่าการโมโหใส่พี่เยซองไม่ใช่เรื่องดี
เพราะผมคงมานั่งเสียใจที่หลังแน่ แต่ตอนนี้. . ผมทนไม่ไหวแล้ว “เฮ้! เดี๋ยวก่อน” พี่เยซอง
วิ่งตามออกมา ผมหันกลับไปพยามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ก็สุดจะทนเมื่อเห็นใบหน้าของ
เรียวอุคที่วิ่งตามมา “ผมคิดผิด..ผิดที่เชื่อใจพี่” ผมว่าแล้วก็หันหลังกลับ “พี่โกรธที่พี่เยซอง
เทคแคร์ผมหรอครับ” เรียวอุคพูดเสียงแข็ง ผมไม่หันกลับไปอีกแล้วผมตั้งหน้าตั้งตา
เดินต่อไปอย่างไม่รู้ทิศเหนือทิศใต้ พวก FC ทั้งหลายยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพตอนผมโมโห
“หึ.หึ คงมีความสุขกันมากใช่ไหม ที่ได้ถ่ายรูปตอนฉันอารมณ์เสีย..ไอพวก- -อุ๊บ!” พี่เยซอง
ยกมือขึ้นมาปิดปากผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะพลั้งปากด่า E.L.F ที่รักของเรา “ขอร้องนะครับ
ได้โปรดอย่าถ่ายเลยครับ” พี่เยซองกดหัวผมให้โค้งลงพร้อมตัวเอง “ขอโทษที่ทำกิริยา
ไม่สุภาพนะครับ” พี่เยซองโค้งตัวลงอีกครั้ง แล้วกระชากให้ผมเดินตามตัวเองไป
“ปล่อยฉันนะ! บอกให้ปล่อย!” ผมตะโกน พยามสะบัดแขนให้หลุดจากมือเค้า “ไอ้บ้า!
ปล่อยฉันนะ!” ผมรู้ตัวว่าคงทำให้เค้าโกรธมาก “แกกลับไปหาเรียวอุคซะ! อย่ายุ้งกับฉัน!”
ผมเองก็เริ่มโมโหขึ้นทุกที “อย่ามาแตะตัวฉัน! ไอ้คนทรยศ!~” ผมสะบัดแขนจนหลุด
แต่กลับรู้สึกว่า. . ตัวเองกำลังร้องไห้ “หึ.” เสียงพ่นหายใจเล็ดลอดออกมาจากชายที่ยืนนิ่ง
อยู่ตรงหน้าผม “ฉัน- - -จริงๆ- - -” เสียงเค้าพูดเบาๆออกมาไม่เป็นประโยค ก้มหน้าก้มตา
กำมือตัวเองแน่น “ไม่ต้องมาบ่นพึมพรำอะไรหรอกนะ ฉันจะไม่เชื่ออะไรแกอีกแล้ว”
คำพูดไม่สุภาพหลุดออกไป ตามอารมณ์ของผมที่ปะทุแรงขึ้นเรื่อยๆ “ฉันถามว่า. .
ฉันทำให้นายเกลียดแล้วจริงๆใช่ไหม?” เล็บเค้าจิกลงไปในเนื้อ “ห๊ะ! ‘เกลียด’หรอ?!
ความรู้สึกฉันมันบอกว่าทั้ง‘เกลียด’แล้วก็‘รังเกียจ’เลยหละ” ผมมองแผ่นหลังของเค้า
ประหนึ่งว่าจะเฉือนมันเป็นชิ้นๆ แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับไหลออกมาไม่ขาดสาย “งั้นหรอ. . ?
แต่ฉันรักนายนะ” เค้าว่าแล้วเดินจากไป ทิ้งผมไว้ใสถานที่ที่ไม่รู้จัก ไม่มีผู้คน ไม่มี. .
อะไรเลย. .
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
Dong Hae say: คนที่ผมรักและรอคอยมาตลอด กำลังจะกลับมาอยู่เคียงข้างผม
แต่ต้องแลกด้วยคนอีกคนที่สำคัญกับผมมาก คนที่คอยดูแลผมเสมอมา
แม้จะเลือกแล้ว. . ว่าตัวเองต้องการใคร แต่หากให้ทิ้งอีกคนนั้น
ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ยังไง เพราะใจผมคงสลายลงทันทีที่ทิ้งคนๆนั้น
Sung Min say: สรุปแล้วสิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่า?
ผมรักเค้าจนหมดใจ ให้อภัยและเชื่อใจมาตลอด
ทนเจ็บอยู่เรื่อยมา จนตอนนี้ไม่เหลือเหตุผลที่จะทน
เพราะ ‘รัก’ คำเดียวมันไม่พอที่จะทำให้เวลาดีๆกลับมา
ผมจึงหนีมัน หนีที่จะมอบความรักที่เค้าไม่เห็นค่าให้เค้า
แต่คนที่เจ็บ. . มันกลับเป็นผมอีกจนได้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ขอบคุณทุกคนที่อ่าน
ขอบคุณทุกคอมเม้น
ขอบคุณที่ติดตามครับ
ความคิดเห็น