ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My [Boy] Friend You're My Only Girl

    ลำดับตอนที่ #4 : Special!!~ from project '1SF To 4Fiction'

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 56


    “ฮื้อ~~ พี่ฮีชอลโกหก ฮื้อ~ พี่หลอกผม” เด็กชายวัย 9 ขวบคนนึงร้องไห้ไปทุบแขน

    พี่ชายไปโดยที่ผู้เป็นพี่ไม่คิดตอบโต้สักนิด “ฟังพี่ก่อน ทงเฮ ฟังพี่บ้างสิ” ท่ามกลางผู้คน

    มากมาย ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต และผู้ดูแลไม่มีใครคิดจะมาห้ามเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทงเฮ

    เลยสักคน ทุกคนทำเพียงแค่มองอยู่ห่างๆปล่อยให้ฮีชอลกับทงเฮคุยกันเอง พวกเด็กเล็กๆ

    ส่วนใหญ่ไม่สนใจทงเฮด้วยซ้ำ “ฮือๆ~ ผมไม่ฟังพี่หรอก พี่โกหกผม” เด็กน้อยทงเฮยังคง

    ใช้กำปั้นเล็กๆทุบฮีชอลไม่ยอมหยุด ฮีชอลที่โตกว่า 3 ปีใช้มือข้างเดียวรวบแขนทั้ง 2 ข้าง

    ของทงเฮไว้แล้วดึงตัวเค้าเข้ามากอด “พี่ไม่ได้โกหกนายนะ พี่บอกว่าเราจะออกจากที่นี้

    ไปด้วยกัน พี่ก็จะทำให้เราได้ออกไปด้วยกัน” ฮีชอลกอดทงเฮไว้แล้วลูบหัวคนที่เสมือนเป็น

    น้องชายแท้ๆ ฮีชอลและทงเฮอาศัยอยู่ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจามาด้วยตั้งแต่จำความได้

    พวกเค้าไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นนอกจากกันและกัน ทงเฮรักฮีชอลมาก ฮีชอลก็

    เหมือนกัน “ไม่โกหก!” ทงเฮตะหวาดเสียงดังที่สุดเท่าที่เคยทำมา มองตาพี่ชายไม่กระพริบ

    “พี่จะทิ้งผม ฮือ~” เด็กน้อยทงเฮทำเสียงแข็งใส่พี่ชายได้ประโยคเดียวก็กลับมาร้องไห้

    ซบไหล่พี่ชายตามเดิม “พรุ่งนี้พี่ก็ไม่อยู่กับผมแล้ว ฮึ” ทงเฮสูดหายใจพยามให้ตัวเองหยุดร้อง

    โฮริผู้ดูแลของบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเดินมาดูพวกเค้าใกล้ๆหลังจากกล่อมเด็กอีกคนที่ร้องไห้

    ตามทงเฮให้หลับได้สำเร็จ เธอเป็นพี่เลี้ยงคนเดียวที่ทงเฮกับฮีชอลยอมเปิดปากคุยด้วย

    “ฮึ ฮึ พี่จะทิ้งผมไปแล้ว” ทงเฮยังคงพยามใช้มือขวาทุบฮีชอลอยู่แม้มือซ้ายของตัวเองจะ

    กำเสื้อพี่ชายแน่นเหมือจะอ้อนวอนว่า พี่อย่าไปไหนเลยนะ  “ทงเฮ” โฮรินั่งคุกเข่าลงข้างตัว

    2 พี่น้อง ลูบไหล่ทงเฮก่อนจะพูดต่อ “พี่เค้าไม่ทิ้งเราไปหรอกนะ” ทงเฮยิ่งร้องไห้หนัก ฮีชอล

    กระชับกอดทงเฮให้แน่นขึ้น เค้ารู้ดีว่าทงเฮไม่สามารถอยู่ได้ถ้าไม่มีเค้า “พี่บอกเราแล้วไง

    ว่าพรุ่งนี้พี่ต้องไปโรงเรียน เดี๋ยวเดียวพี่ก็กลับมาหาเราแล้ว” ปกติแล้วเด็กในบ้านนันจาจะเรียน

    กับผู้ดูแลที่บ้าน แต่ฮีชอลโชคดีมีคนมาขออุปถัมป์อยากส่งเสียเค้าเรียนที่โรงเรียนดีๆ พรุ่งนี้

    เปิดเทอมวันแรกของฮีชอล เค้าบอกทงเฮแล้วแต่ทงเฮไม่ยอมฟัง เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

    คงเพราะทงเฮไม่รู้จักคำว่าโรงเรียน แล้วทั้งคู่ก็ไม่เคยแยกจากกันเลยผลถึงออกมาเป็นแบบนี้

    “ฮือ~~~ ทุกคนหลอกผม” ทงเฮผลัดตัวออกมาจากฮีชอล “ถ้าพี่ ฮึ ถ้าพี่ฮีชอลไม่อยากอยู่

    กับผมแล้ว” เด็กน้อยทงเฮเดินถอยหลังออกไปให้ห่างจากฮีชอล “ถ้าพี่ไม่อยากอยู่กับผม. .

    ผมไปเองก็ได้!!” ทงเฮวิ่งออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจาไปโดยไม่หันหลังกลับมาอีก

    โดยมีฮีชอลและโฮริวิ่งตามออกมา ‘*ตุ๊บ*’ ทงเฮวิ่งชนคนๆนึงเข้าอย่างจัง เค้าคนนั้นเป็น

    ชายแก่หน้าตาใจดี เค้ายื้นมือมาลูบหัวทงเฮน้อยที่กำลังประหม่า “เจ็บไหมลูก?” แสงสว่างจ้า

    ด้านหลังทำให้ชายแก่คนนั้นดูเหมือนเทวดาในสายตาทงเฮ ทงเฮส่ายหน้าช้าๆ “ลุงครับ”

    ชายแก่ย่อตัวลงมัในระดับเดียวกับทงเฮเพื่อฟังสิ่งที่เค้าจะพูด “ผมอยากไปอยู่กับคุณลุงครับ”

    ชายแก่ยิ้มแล้วอุ้มทงเฮขึ้นมานั่งบนไหล่ “ปะ งั้นเดี๋ยวลุงพาไปเที่ยว” ทงเฮฉีกยิ้มกว้าง

    เค้าคงไม่ทันสังเกตว่าฮีชอลที่ตามเค้ามานั้น ตอนนี้ทำหน้าตาทรมานขนาดไหน โฮริตบไหล่

    ฮีชอลแล้วบอกสั่นๆว่า “ไม่ต้องกังวลนะ คุณลุงคนนี้เชื่อใจได้” แล้วทั้ง 2 ก็มองทงเฮขึ้นรถไป

    กับคุณลุงใจดี คุณลุงคนนั้นนั่นแหละที่ขออุปถัมภ์ฮีชอล เหตุการณ์ที่ดูเหมือนเล็กน้อยนี้. .

    คือจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ของเรื่องราวทั้งหมด

     

     

     

    [[ ~ Dong Hae ~ ]]

     

    ผม. .จะเริ่มยังไงดีนะ. . เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน แล้วผมเองก็ยังเด็กมาก. .

    นั้นสินะ อายุแค่ 9 ขวบเองนี่. . แต่. . ผมมีว่าที่เจ้าสาวซะแล้วหละ . .

     

            หลังจากคุณลุงอุ้มผมขึ้นรถไปเค้าพาผมไปเที่ยวสวนสนุกใกล้ๆ ใกล้พอที่ผมจะหาทาง

    กลับเองได้ เราบอกลาอันโดยกอดที่อบอุ่น แต่ผมไม่ยอมไปไหน ผมเดินตามเค้า เค้าตามจน

    เค้าเดินไปขึ้นรถ เดินตามอยู่ข้างหลังไม่ให้เค้ารู้ตัว เดินตามไปจนคนขับรถของเค้าออกรถไป

    ผมก็ยังเดินตามอยู่ เดิน แล้วก็เดิน เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหน่อย เดินเร็วๆ เดินเร็วขึ้นอีก แล้วก็

    วิ่งตามรถไป ผมไม่มีปัญหาเรื่องการเดินหรือวิ่งเร็วๆนานๆแบบพี่ฮีชอลหรอก ผมแข็งแรงมาก

    แต่พอเริ่มเริ่มออกจากทางเข้าสวนสนุก ออกไปประตูใหญ่เตรียมเข้าถนนเส้นหลัก รถก็วิ่งเร็ว

    เกินกว่าขาผมจะตามไหว ผมพยามวิ่งเร็วขึ้นอีกโดยไม่คิดจะตะโกนบอกให้รถข้างหน้าหยุด

    ผมทำไม่ได้ ผมพูดไม่ได้ ผมล้ม แล้วก็ลุกขึ้นวิ่งอีก วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่งจะเริ่มไม่ไหว ก่อนรถจะ

    เข้าถนนเส้นหลัก ผมล้มอีกครั้งและไม่มีแรงจะลุก ไม่รู้ว่าทำไม. . แต่ผมร้องไห้ ร้องไห้แบบ

    ไม่มีเสียง แต่ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา พอผมเงยหน้าขึ้นก็พบว่าเป็นคุณลุงใจดี

    คนนั้นเอง เค้ากอดผมไว้แล้วพูดที่ข้างหูผมว่า “ฉันจะไปอยู่ไทยสักเดือนนึง จะไปกับฉันไหม”

    ผมว่าเค้าคงรู้คำตอบของคำถามดีอยู่แล้วโดยผมไม่ต้องพูด ผมตกลงไปอยู่กับเค้าอย่าง

    ไม่ลังเล บ้านพักต่างอากาศของเค้าในประเทศไทยใหญ่พอๆกำบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านันจา

    ของผมเลย สวนดอกไม้ข้างๆบ้านพักมันสวยมาก ตลอด 2 สัปดาห์ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่ไทย

    ผมวิ่งเล่นไปทั่วสวนนั้นแทบทุกวัน ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสวนนั้นมีเจ้าของหรือเปล่า. .

    เอ๊ะ!” ผมอุทานออกมาด้วยสีหน้างงงันเมื่อเห็นเด็กชายคนหนึ่งนั่งมองดอกไม้อยู่ด้วยรอยยิ้ม

    ดอกไม้ดอกนั้นไม่เหมือนดอกไม้อื่นๆในสวน ไม่ใช้ดอกไม้ที่ผมคิดว่ามีอยู่ในโลกนี่ด้วยซ้ำ

    ผมไม่เคยเจอเค้าเลย และมั่นใจว่าไมเคยเห็นดอกไม้ในมือเค้าด้วย แม้ผมจะสำรวจที่นี้

    มา 2 อาทิตย์แล้วก็ตาม เด็กชายคนนั้นหันมาทางผมแล้วส่งยิ้มมาให้ หัวใจผมเต้นรั่ว แต่อาจ

    เป็นเพราะพึ่งหยุดวิ่งเมื่อกี้ก็ได้ ผมก้าวช้าๆเข้าไปหาเค้า เมื่อได้เห็นหน้าเค้าใกล้ๆ

    ผมจึงรู้สึกว่า. . เค้าน่าจะอายุน้อยกว่าผมไม่มากนัก เด็กชายหันกลับไปหาดอกไม้ดอกนั้น

    ดอกไม้ที่คล้ายกับดอกกุหลาบ. . เพียงแต่มีสีที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ดอกกุหลาบสีน้ำเงิน. .

    เด็กชายเด็ดมันก่อนลุกขึ้น สวยไหม เด็กชายยิ้มอย่างร่าเริง เค้าพูดภาษาเกาหลี ผมตกใจ

    มากเลย. . ไม่นึกว่าจะได้เจอคนเกาหลีที่นี้ แถมยังอายุใกล้เคียงกันด้วย อะ. . อะ. . อื้อ

    ผมเค้นเสียงตอบอย่างยากเย็น ไม่รู้ว่าโดนมนต์สะกดของดอกกุหลาบสีน้ำเงินนั้นหรือยังไง. .

     หึ. หึ. ผมให้ เด็กชายพูดพร้อมยื่นดอกไม้ออกมา ห๊ะ ผมยังคงไม่หลุดจากมนต์สะกดนั้น

    เอาไหม? เด็กชายทำหน้าสงสัย เดินเข้ามาใกล้ผมอีกนิด อื้ม เอาดิ ผมยื่นมือออกไปรับ

    แต่เค้ายิ้มแล้วดึงมือตัวเองกลับ งั้น. . สัญญากับผมก่อนรอยยิ้มสดใสไร้พิษสงเอยออกมา

    ผมได้แต่พยักหน้าตาม อยากส่งยิ้มคืนไปให้ แต่เหมือนหน้าผมจะเป็นตะคริวไปแล้ว จึงได้แต่

    ขมวดคิ้วงงกับการกระทำของเด็กชายตรงหน้า มาเป็นเจ้าสาวของผมนะ ผมแทบจะกระโดด

    ถอยหลังออกมาเลย นะ. . นาย !” ผมได้แต่พูดติดๆขัดๆ ชี้หน้าเค้า แต่เค้ากับยังคงยิ้ม

    เหมือนเดิม ต่อให้ผมจะยังเป็นเด็กอยู่. . แต่ผมก็รู้ว่าเจ้าสาวต้องเป็นผู้หญิง นี่นายรู้หรือเปล่า

    ว่าพูดอะไรออกมา เค้าใช้มือที่ว่างอยู่ดึงผมเข้าหาตัว รู้สิ มาเป็นเจ้าสาวของผมนะครับ

    เค้าจับมือผมให้กำดอกกุหลาบสีน้ำเงินนั้น แต่ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันเป็นเจ้าสาวให้นาย

    ไม่ได้หรอกเค้าลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน งั้นผมยอมเป็นเจ้าสาวให้ก็ได้. . ตาของเค้า

    มองมาที่ผม. . แค่ผมคนเดียว เป็นความรู้สึกที่ผมไม่อยากให้หายไปเลย

    แต่งงานกับผมนะครับ เหมือนบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ผมเห็นตัวเองยืนอยู่ในโบสถ์

    และคนตรงหน้าผมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง อะ. . อื้ม ผมขานรับ ดั่งคำปฏิญาณตน

    ว่าจะรักและดูแลเค้าตลอดไป จุมพิตแผ่วเบาประทับลงที่ริมฝีปากของผม. .

    เค้าเดินถอยหลัง ผลักตัวออกจากผมไป. . อย่าลืมนะครับ. . เจ้าของเสียงเดินออกไป

    ไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วสักวัน. . ผมจะไปท้วงสัญญา เค้าหายลับไปจากสายตาผมเหมือนกับ

    เรื่องนั้นเป็นเพียงแค่ฝัน. . แต่ผมกลับรอ. . รอว่าเมื่อไรเค้าที่ผมไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ

    จะมาท้วงสัญญาจากผมสักที. .

     

    เมื่อผมกลับมาถึงบ้านพัก ดอกกุหลาบสีน้ำเงินเมื่อครู่. . พอไม่ได้ต้องกับแสงอาทิตย์

    กลับเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบสีม่วงที่ดูเศร้าหม่อง . . ผมเก็บมันไว้อย่างดี . .

    ผมรอเจ้าของของมันอยู่ และภาวนาต่อพระเจ้าว่า. . พระเจ้าครับ ขออย่าให้เค้าลืมผมเลย

     

     

     





     

      - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -







     




     

    เรื่องอื่นๆของโปรเจคนี้จะตามมาในไม่ช้าจ้า~






     

     

    THE★ FARRY
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×