ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My [Boy] Friend You're My Only Girl

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่2 ศิลปินใหม่ _

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 57


    << I'm   Si Won >>

          ในร้านอาหารชั้น1 ตกแต่งอย่างดีด้วยโทนสีครีมตัดทองทำให้ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา ที่ร้านนี้

    คนไม่มากนักเพราะราคาค่อนข้างสูง และแน่นอน. . ปลอดภัยจากสายตานักข่าวที่ไม่ค่อย

    มีอันจะกิน เหมาะสำหรับเป็นที่คุยงานนอกสถานที่ของผมกับหวานใจ แต่ว่าผมรอแล้วรออีก

    คนที่ผมนัดก็ยังไม่มาสักที “น้องๆ” ผมเรียกพนักงานร้านมาที่โต๊ะ “ขอซอล์ฟคอกเทลอีกแก้ว”

    พนักงานยิ้มแล้วโค้งตัวให้ก็ไปทำตามหน้าที่ของตน ไม่เหมาะเท่าไรที่จะรับแอลกอฮอล์

    เข้าร่างกายตั้งแต่หัววันแบบนี้แต่ช่างมันเถอะ “ขอโทษที่ให้รอครับ” หนุ่มน้อยตัวบางหน้าหวาน

    พูดอย่างสุภาพแทนการทักทายแล้วจัดแจงให้ไอลูกลิงที่ติดหนึบเค้าตลอดเวลานั่งอีกโต๊ะนึง

    แต่วันนี้. . รู้สึกจะมีลูกลิงเพิ่มขึ้นอีกตัว “นั่นใคร” ผมถาม ไม่ได้ถามด้วยหน้าที่ของเจ้านาย แต่

    ถามด้วยหน้าที่ของคนรัก “คยูครับ” ฮยอกตอบเสียงเรียบและไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม ผมมอง

    ลูกลิง 2 ตัวนั้นอย่างหัวเสียก่อนยิ้มออกมา “มีคนอยู่กับทงเฮแบบนี้ก็ดีนะ” ผมจับมือที่วางนิ่ง

    อยู่บนโต๊ะแล้วดึงมาจูบ “จะได้ไม่มาเป็นกอขอคอเรา” ผมกำลังจะจูบมือเค้าอีกทีแต่ฮยอก

    ดึงมือกลับไปซะก่อน “ท่านประธานครับ” ฮยอกมองผมเหมือนจะบอกว่า เจ้านายที่ดีไม่ควร

    ทำตัวชีกอใส่ลูกน้องนะครับ เออๆ ใช่! ผมเป็นเจ้านาย เค้า เป็นได้แค่นั้น! ทั้งที่เค้าก็รู้อยู่แก่ใจ

    ว่าผมรักเค้าจะเป็นจะตายแต่เค้าก็ให้ผมเป็นได้แค่ เจ้านาย เค้านั่นแหละ!! “นายอย่าเย็นชานักสิ

    นายก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง” ผมอ้อนคนตรงหน้าแต่ไม่เป็นผล ฮยอกยิ้มเหมือนเค้าจะมองเห็นผม

    เป็นเด็กไม่รู้จักโต “จริงจังกับงานบ้างสิครับ” ฮยอกปรบตัวผมเบาๆ ให้ตายเถอะ!

    ผมนี่ว่าง่ายจริงๆเลย “โอเคๆ งานก็งาน” ผมยกมือสองข้างแสดงท่าทางว่ายอมจำนนแล้ว

    ผมมองดูทงเฮกับคยูกำลังมองอาหารที่พึ่งวางบนโต๊ะกันตาวาวขณะที่โต๊ะผมยังไม่ได้สั่งอะไร

    เลย “กินไปคุยไปแล้วกันนะ น้องๆ” ผมบอกฮยอกแล้วเรียกพนักงานอีกครั้ง “คยูเค้าร้องเพลง

    ได้ไหม” ผมถามฮยอก ตายังคงมองเมนูอาหาร “ไม่ทราบครับ” เค้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ

    “ถามทำไมครับ” ฮยอกมองผมผ่านขอบเมนูอาหารขึ้นมาก่อนจะวางมันลงแล้วสั่งอาหาร

    กับพนักงาน ผมส่งเมนูคืนโดยไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มเพราะฮยอกจัดการสั่งให้เราทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว

    “ฉันจะปั้นนักร้องเพิ่ม” ผมบอกจุดประสงค์ที่ชัดเจน “พูดกันตามตรง ค่ายเรามีแต่ดารา”

    ผมประสานมือบนโต๊ะแล้วพูดอย่างเป็นงานเป็นการ “ดงเฮเป็นนักร้องคนเดียวที่ค่ายเรามี และ

    การทดลองครั้งนี้มันทำให้ฉันรู้ว่านักร้องทำเงินได้ดีกว่าดารา” ฮยอกพยักหน้ารับ ข้อนี้เค้าเอง

    ก็รู้ดีเพราะเค้าเป็นผู้จัดการให้ทงเฮมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ตอนที่ทงเฮมีแค่งานแสดงอย่างเดียว. .

    จนเค้าเองนั้นแหละเป็นคนเสนอให้ลองดันทงเฮในฐานะนักร้อง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก

    “จะให้ผมทำอะไรครับ” เค้ายิ้มอย่างมีความสุข ตาคู่สวยฉายประกายมุ่งมั่น “ฮันกยอง . . ”

    แค่พูดชื่อนั่นออกมาสายตาของฮยอกแจก็ดุดันขึ้นทันที “เค้าเป็นคู่แข่งเรา เป็น 1 ในไม่กี่คน

    ที่อยู่สูงกว่าทงเฮทั้งสายนักร้องและนักแสดง” ฮยอกพูดเสริม “ใช่ และเค้ากำลังจะหมดสัญญา

    กับค่ายที่สังกัดอยู่” ฮยอกยิ้มเหมือนรู้งาน “ไปเอาเค้ามาอยู่ในความดูแลของนายซะ” . . .

     

     

     

    << I'm   Kyu Hyun >>

         

          ในร้านอาหารที่ไม่คุ้นเคย. . ภาพคนตรงหน้าที่กำลังตักสเต็กปลาหิมะเข้าปากอย่าง

    เอร็ดอร่อยทำให้ผมมีความสุขกว่าอาหารรสเลิศราคาแพงที่อยู่ตรงหน้าผมซะอีก นาทีนี้

    ควรจะเป็นเวลาที่ผมมีความสุขที่สุดเลยถ้าไม่นับไอโทรศัพท์เครื่องหรูของผมที่ยังสั่นไม่หยุด

    เนี๊ยยยย!!~ ผมเดาได้ไม่อยากเลยว่าคนที่โทรมาถล่มทลายแบบนี้คือใคร จะเป็นใครได้อีกหละ

    นอกจากพ่อสุดที่รักของผม ธุระก็คงไม่ใช่อะไรสำคัญมากมายนักหรอก แค่อยากรู้ว่าลูกชาย

    หัวแก้วหัวแหวนไปก่อเรื่องอะไรที่ไหนอีกหรือเปล่า อ๊ะ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการหนีออกจากบ้าน

    ของผมหรอกนะ เพราเรื่องนั้นหนะ. . โกหกทั้งเพ 555555555 ผมบอกป๊าม้าอย่างเป็นทางการ

    แล้วว่า ผมจะมาพาเจ้าสาวกลับไปให้ดู ส่วนเรื่องจะขายบ้านที่เกาหลีแล้วไปตั้งรกราก

    อยู่ที่ไทยนั่นก็ใช่ว่าจะไม่มีเค้าความจริงซะทีเดียวนะ ครอบครัวผมกำลังจะขายบ้านจริงๆ

    แต่ขายต่อให้คนสนิทหนะ แค่บ้านหลังนึงในจำนวน 6 หลังทั่วโลกของครอบครัวผมเท่านั้นเอง

    “คะ..” เอาเป็นว่า. . ตอนนี้แผนของผมประสบความสำเร็จกว่าที่คาดไว้มากเลยหละ “คยู”

    เสียงหวานลอยมาจากที่ไกลๆ แผ่วเบา. . แต่น่าฟัง. . “คยู” ผมต้องขอบคุณพี่ฮยอกแจจริงๆ

    ที่ให้เวลาผมได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่ทงเฮ 5 วันเต็มๆ ผมจะไม่ทำให้เสียเปล่าเลยแม้แต่ชั่วโมงเดียว

    “เฮ้ย!” เสียเดิมดังขึ้นพร้อมการทุบโต๊ะ ทำเอาผมสะดุ้งออกจากภวังค์ทันที “เสียงดังจังครับ”

     ผมกลับมามองหน้าพี่ทงเฮให้เต็มตาอีกครั้ง “นี่นับว่าเบามากแล้วนะ!” คนตรงหน้าผมดูหัวเสีย

    อย่างที่ผมไม่ทราบสาเหตุ “นายเหม่ออะไรอยู่ ฉันเรียกก็ไม่สนใจ” พี่เค้าเอาส้อมชี้หน้าผม

    ผมรู้สึกเหมือนพี่ทงเฮจะอมลมไว้ที่แก้มขณะพูดด้วย น่ารักเป็นบ้า และนั่นแหละ ทำให้ผมรู้แล้ว

    ว่าทำไมพี่ทงเฮถึงหัวเสียนัก “หึ” ผมหัวเราะเบาๆอย่างมีความสุขแต่พี่ทงเฮถลึงตาใส่พร้อมทำ

    เหมือนว่าจะเอาส้อมจิ้มแขนขวาผม ผมจึงจำเป็นต้องจับมือเค้าไว้ก่อน “หัวเราะทำไม!?” มันดู

    เป็นคำถามที่ไม่ได้ต้องการ คำตอบ หรืออะไรที่มากกว่าการ โวยวาย เลย “ก็พี่น่ารักดีนี่ครับ”

    เค้าลดมือลง หน้าเริ่มขึ้นสีแดงเล็กน้อย และจบลงด้วยการกระชากมือกลับพร้อมหันหน้าหนี

    “อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุดในชีวิตของผมเลยนะครับ” ผมดึงความสนใจของเค้าด้วยการพยาม

    ทำเสียงร่าเริงแล้วตักกุ้งเผาคำใหญ่เข้าปาก พี่ทงเฮเหลือตามองแล้วยิ้มนิดๆก่อนหันกลับไป

    เก๊กขรึมตามเดิม “ที่บ้านนายไม่ค่อยมีตังหรอ?” น้ำเสียงของพี่ทงเฮไม่ได้ ตลก หรือ ดูถูก ผม

    แต่อย่างใด ดูเค้าจะสงสารผมมากกว่า ผมจึงยิ้มให้เค้าแล้วจับมือนุ่มละมุนนั่นอีกครั้ง “เปล่า. . ”

    ผมเว้นช่วงเพื่อรอเค้าหันกลับมา ผมค่อยๆดึงมือนั้นเข้าหาตัวช้าๆ. . เบาๆ. . พี่ทงเฮหันมา

    ตามแรงดึงนั้น “เปล่า? แล้ว. .?” ตอนนี้เค้าหันหน้ามาทางผมแล้วแต่ยังคงหลบตาอยู่

    หน้าแดงขึ้นอีก อาจจะเป็นเพราะเค้าคิดคำตอบล่วงหน้าไปก่อนแล้วก็ได้ ผมจึงย้ำให้เค้าแน่ใจ

    “เพราะมื้อนี้. . ผมได้กินกับรักนิรันดร์ของผมไง” นาทีนั้นเหมือนเราทั้งคู่ลืมหายใจไปช่วงขณะ

    ภาพเก่าๆเมื่อครั้งที่ผมขอพี่ทงเฮแต่งงานตอนเด็กๆลอยขึ้นมา . . “จะบ้าหรอ!” พี่ทงเฮตะโกน

    ใส่ผม ทำเอาภาพพวกนั้นสลายหายไปกับตา “นายนี่นะ! ชิ!” เค้าสบถซ้ำๆกลบความเขิน

    และก็คงจะพึ่งนึกออกว่าผมจับมือเค้าอยู่ พี่ทงเฮมองมือตัวเองที่ยอมให้ผมกุมไว้อย่างสมัครใจ

    แล้วสะบัดมือพร้อมยันตัวเองขึ้น “ฉัน ฉัน ฉัน” เค้าทำเหมือนพยามจะหาคำพูดอะไร มองมา

    ที่ผมที มองไปทางอาหารในจานตัวเองที มองไปทางโต๊ะของพี่ฮยอกกับคุณประธานหน้าเข้มที

    สุดท้ายเค้าก็ตัดสินใจพูดคำหนึ่งออกมาอย่างยากเย็น “ฉันไม่คุยกับนายละ” ผมรอ เพราะผม

    แน่ใจว่าเค้ายังพูดไม่จบ “ฉันไปเข้าห้องน้ำดีกว่า” พูดจบพี่ทงเฮก็เดินจากไป ผมอดขำไม่ได้

    น่ารัก.. ไร้เดียงสา.. ช่างตรงข้ามกับผมจริงๆ และในเมื่อผมอุตสาห์ได้โอกาสเหมาะขนาดนี้แล้ว

    ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอคือความพยามอย่างไม่ลดละของผม

    สายที่กำลังโทรเข้ามาซ้ำเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ทำให้ผมต้องยอมแพ้และกดรับในที่สุด

    “ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวอีก 5 วันผมกลับไป” ผมกรอกเสียงให้โทรศัพท์เครื่องหรูแค่นั้น

    ก่อนที่ป่าป๊าจะเป็นคนตัดสายไปโดยไม่ถามอะไรเลย แค่พูดเบาๆว่า เออ จะกลับวันไหนก็โทร

    มาบอกพ่อ-แม่ด้วย พ่อผมนี่คุยง่ายดีเนอะ ผมภูมิใจในความว่าง่ายของครอบครัวผมจริงๆ

    กลัวก็แต่ว่า.. ตอนที่ผมพาเจ้าสาวคนสวยซึ่งผมยังไม่ได้บอกทางบ้านว่าเค้าเป็นผู้ชายกลับไป..

    ครอบครัวที่ว่าง่ายเหมือนมีรีโมทของผมเนี๊ย. . จะไม่ว่าง่ายแบบนี้แล้วหนะสิ . . .

     

     

     

     

     

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    มาแก้คำผิดนิดๆหน่อยๆ

    ไม่เกิน 2 วันจะลงตอนต่อไปแน่นอนครับ!!




    ลงรูปเนอะๆ 















    ท่านประธานนนนนนนนนนนนนนนน XD

















    คุณผู้จัดการส่วนตัววววววววววววว ><














    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×