ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    My [Boy] Friend You’re Everything

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่8 Restart

    • อัปเดตล่าสุด 31 ม.ค. 59


     

    << I’m   Hee Chul >>

          นี่คือวันแรกของที่ผมได้นอนหลับเต็มตาและตื่นอย่างมีสติครบถ้วน เมื่อวานมีหมอมาเช็ค

    อาการของซองมินที่หอพัก คุณหมอบอกว่าซองมินปกติดี ที่เป็นลมไปก็เพราะเลือดไปเลี้ยง

    สมองไม่ทันทำให้ซองมินวูบไป บวกกับอาการเหนื่อยล้าจากการพยามตามหาเยซอง 2 วันติด

    หลายๆคนในวงถูกหมอสั่งให้พักผ่อนมากขึ้นรวมทั้งผมเอง แต่ก็เท่านั้นแหละ นอกจากผม

    ที่สบายใจขึ้นหลังซองมินฟื้นแล้ว สมาชิกคนอื่นๆก็ยังคงกังวลเรื่องที่เยซองยังไม่ฟื้นอยู่

    โดยเฉพาะฮันกยองที่ดูแลตลอดเวลาตั้งแต่ซองมินฟื้น หรือเค้าดูแลเยซองแบบนี้ตั้งแต่ก่อนที่

    ซองมินจะฟื้นผมก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเค้าค่อยดูแลผม บอกให้ผมนอน เอาข้าวมาให้ผมที่ห้องของ

    ซองมิน คอยเตือนให้ผมดูแลตัวเองจะได้ไม่ทรุดไปตามซองมินกับเยซอง แต่ช่างเถอะ

    ผมไม่มีสมาธิพอจะคิดเรื่องไหนนอกจากซองมิน หลังโอ้เอ้อยู่บนเตียงสักพักผมก็ไปให้อาหาร

    เจ้าแมวทั้งหลายของผม จัดการตัวเองให้เรีบยร้อยแล้วก็มุ่งหน้าไปหาซองมิน ‘*ก๊อกๆ*’

    “ซองมิน” ผมเรียกชื่อเค้าพร้อมเคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ผมลองเรียกอีกครั้ง “เฮ้!

    นายตื่นหรือยัง” เมื่อไม่มีเสียงตอบรับผมจึงลองเปิดประตูดู “ฮีชอล” เสียงหนึงเรียกผมจาก

    ด้านหลัง “อ้าว! ฮันกยอง” ในมือของฮันกยองมีถาดข้าวสำหรับ 2 คนอยู่ “ฉันเอาข้าวมาให้

    เผื่อนายจะกินกับซองมินที่ห้อง” ผมผยักหน้ารับพลางมองไปที่ประตู “เมื่อกี้ฉันเรียกซองมิน

    แต่เค้าไม่ตอบ” ผมบอกฮันแต่ความจริงเค้าคงเห็นแล้วแหละ “ให้เค้าพักเถอะ” ฮันกยองบอก

    สีหน้าเค้าดูไม่ดีเลย หรือผมพลาดอะไรไปนะ? ฮันเดินเข้ามาใกล้ผมจึงเปิดประตูให้เค้า

    ในนั้นมีซองมินนอนอยู่ และข้างๆซองมินก็มีคยูนั่งอยู่กับพื้นเอาหัวเกยขอบเตียงไว้ท่าทาง

    เหม่อลอย “คยู” ฮันใช้เท้าเขี่ยขาคยูก่อนวางถาดข้าวลง อาการคยูดูแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

    มันเกิดอะไรขึ้นขณะที่ผมหลับอยู่กันแน่ “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!!~~~~

     

     

    << I’m   Kyu Hyun >>

          ผมวิ่งลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้สมองคิดก็รู้ได้เลยว่าเจ้าของเสียงกรีดร้อง

    อย่างทรมานนั้นเป็นใคร พี่ฮันกยอกและพี่ฮีชอลกำลังจะวิ่งตามลงมา แต่พี่ฮีชอลถูกพี่ฮักยองสั่ง

    ให้อยู่ดูพี่ซองมินไว้เผื่อเค้าตื่นขึ้นมา แต่ความจริงแล้วภายใต้ผ้าห่มนั้นพี่ซองมินไม่ได้หลับเลย

    สักนิด  เค้ากำลังร้องไห้อยู่ และเป็นอย่างนั้นมานานแล้วด้วย “เยซอง! ใจเย็นสิ!” เสียงของ

    พี่คังอินดังลอยขึ้นมาให้ได้ยินก่อนผมกับพี่ฮันกยองจะวิ่งไปถึงหน้าห้องพี่คังอินซะอีก

    “ซองมิน!!!!~~ พี่ขอโทษ อย่าทิ้งพี่ไป!!!!~~~” คำที่พี่เยซองตะโกนออกมายังไม่สามารถ

    บอกได้ว่าตอนนี้อาการเค้าเป็นยังไง ตอนที่เจอพี่เยซองวันนั้นเค้าย้อนเวลาของความจำตัวเอง

    ไปยังช่วงเวลาก่อนหน้าที่พี่ซองมินจะสารภาพรักกับเค้า จิตแพทย์ที่ผู้จัดการของเราเชิญมา

    บอกว่าเป็นอาการที่เกิดจากการเก็บกดความทรงจำที่เลวร้ายเข้าสู่จิตใต้สำนึก ทำให้ลืม

    เรื่องนั้นๆไปเพราะได้รับผลกระทบที่รุนแรงทางจิตใจ ในกรณีนี้เป็นการเลือกที่จะลืมช่วงเวลา

    ทั้งหมดที่เคยรักกับพี่ซองมิน แค่นั้นทั้งพี่ซองมินและพี่เยซองก็นาสงสารมากพอแล้ว

    แต่เมื่อเช้านี้พี่เยซองตื่นขึ้นมาพร้อมวิ่งไปหาพี่ซองมินที่ห้องด้วยใบหน้ารื่นเริง ทุกคนที่เห็น

    แบบนั้นต่างคิดว่าพี่เยซองจำทุกอย่างได้แล้ว เพราะการที่คนไข้จะฝื้นความทรงจำได้มีสิทธิ

    เกิดขึ้นได้มากที่เดียว ตอนนั้นผมนอนเฝ้าพี่ซองมินแทนพี่ฮีชอลที่พึ่งได้พัก พี่เยซองทุบประตู

    เรียกอย่างร่าเริง แล้วเอาแต่บอกว่า “ซองมิน ฉันกลับมาแล้ว ฉันจำได้แล้ว” แต่พอผมเปิดประตู

    ให้พี่ซองมินที่กำลังใจสั่นด้วยความตื่นเต้นปนวิตกออกไปเจอกับพี่เยซอง นรกได้เข้ามายึด

    พื่นที่ในวงของเราอีกครั้ง พี่เยซองมองพี่ซองมินอย่างตกใจ แล้วเข้ามาเขย่าตัวพี่ซองมิน

    พร้อมพูดว่า “นาย! นายเป็นใคร! มาอยู่ในห้องซองมินได้ยังไง” พี่ซองมินนิ่งอึ่ง น้ำตาคคลอ

    ความหวังของสมาชิกคนอื่นๆดับลงอีกครั้ง พี่เยซองจำทุกอย่างได้ยกเว้นใบหน้าของพี่ซองมิน

    ตอนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ในที่สุดพี่เยซองก็สลบไปอีกครั้ง เราได้ปรึกษาจิตแพทย์

    คนเดิม ทำให้ได้รู้ว่าอาการของพี่เยซองคืออาการเก็บกดคล้ายๆกัน เหมือนว่าอาการเก็บกด

    ในตอนแรกของเค้าได้รับการปลอดปล่อยแล้ว แต่เมื่อเจอหน้าพี่ซองมินอีกครั้ง จิตของเค้ากลับ

    ไม่ยอมรับเนื่องจากกลัวว่าจะเจ็บปวดอีกจึงเกิดกลไกป้องกันตัวเองขึ้นมาทำให้คิดว่าพี่ซองมิน

    เป็นคนอื่น พูดให้เข้าใจง่ายก็คือพี่เยซองบิดเบือนความทรงจำของตัวเองนั้นแหละ “ไม่นะ!

    อย่าทิ้งพี่ไป ไม่!!!!~~~” ผมวิ่งไปถึงหน้าประตูห้องพี่คังอินก็แทบทรุดเลย ภาพที่เห็นตรงหน้า

    มันทรมานเกินจนทนจริงๆ พี่เยซองกำลังร้องตะโกนเรียกหาพี่ซองมินอย่าบ้าคลั่ง ทั้งๆที่มี

    พี่คังอินกับพี่ชินดงล็อคตัวไว้อยู่ แต่ร่างเล็กๆของพี่เยซองกลับดิ้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาได้

    “นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ผมถามคนที่พึ่งเรียก แฟน ได้เต็มปากเมื่อเร็วๆนี้เอง “เมื่อเช้านี้. .” พี่ดงเฮ

    ทำท่าเหมือนลำบากใจที่พูด เค้ามองไปที่พี่เยซองแล้วร้องไห้พร้อมโผเข้ากอดผม “ฮึก ฮือ

    เมื่อเช้านี้นายรู้ใช้ไหมว่าพี่เยซองฟื้นแล้วก็รีบไปหาซองมินที่ห้อง” เค้าพูดไปร้องไป ผมอยาก

    บอกว่า รู้สิ ก็ฉันอยู่ในเหตุการณ์นี่แต่คิดว่าไม่พูดดีกว่าเลยเปลี่ยนเป็นลูบหัวเค้าแทน “พอเค้า

    เจอซองมิน เค้ากลับคิดว่าเป็นคนอื่น ฮึก ฮึก” เค้ามองกลับไปยังพี่เยซองอีกครั้งแล้วร้องไห้

    หนักกว่าเดิม “ไม่นะ อย่าทิ้งพี่ไป” เสียงพี่เยซองมสงบลง เปลี่ยนจากคลุ้มคลั่งเป็นเศร้าแทน

    พวกเค้าน่าสงสารจัง ผมนึกไม่ออกเลยจริงๆว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมจะเป็นยังไง พี่ดงเฮ

    หันกลับมามองผม เหมือนพยามจะเล่าต่อแต่ก็พูดไม่ออก เรียวอุคที่ร้องไห้เงียบๆอยู่ข้างประตู

    อีกฝั่งของทงเฮจึงเริ่มพูดแทน  “พี่เยซองหน่ะ” เรียวอุคส่ายหัวแล้วปาดน้ำตาบนหน้าตัวเอง

    “พอพี่เยซองเค้าไปหาพี่ซองมินที่ห้องแล้วไม่เจอเค้าก็วิ่งหาทั่วบ้านเลย” เค้าส่ายหน้าซ้ำๆ

    อีกหลายครั้ง ทงเฮกอดผมแน่เหมือนจะให้ตัวเองจมลงไปในอ้อมกอดผมจะได้ไม่ต้องฟัง

    ที่เรียวอุคกำลังเล่า “ตั้งแต่เห็นพี่เยซองจำหน้าพี่ซองมินไม่ได้. . ” เรียวอุคเหลือบตาขึ้น

    มองพี่เยซองแล้วก้มหน้าลงพูดกับตัวเองต่อ “พี่คังอินก็วิ่งตามพี่เยซองไปห้องนู้นห้องนี้

    เพื่อบอกว่าพี่ซองมินก็คือคนที่อยู่ในห้องซองมินกับนายนั้นแหละ” เค้าส่งยิ้มที่ดูเจ็บปวด

    มาให้ผม ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้งแล้วพูดต่ออย่างยากเย็น “แต่พี่เยซองไม่ฟังสักนิดเลยหละ

    ฮึ ฮึ ฮึ” เรียวอุคหัวเราะเหมือนพ่นลมหายใจออกมาให้กับตลกร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่เยซองและ

    พี่ซองมิน “เพราะงั้น. . พอไม่เจอพี่ซองมิน เค้าเลยคิดว่าพี่ซองมินทิ้งเค้าไปแล้ว” . . “ซองมิน

    ฮือ ซองมิน” พี่เยซองร้องไห้พลางโยกตัวไปมาเหมือนคนขาดสมดุลด้านร่างกาย ทงเฮกอดผม

    แน่นขึ้นอีก เรียวอุคกลับหลังหันทำท่าเหมือนจะเดินออกไปแต่ก็ยังอุตสาห์หันกลับมามองมองผม

    เพื่อเล่าต่อให้จบ “แล้วเค้าก็โดนพี่คังอินลากมาที่นี่ ตอนที่กำลังจะออกไปตามหาพี่ซองมิน

    นั่นแหละ”

     

    << I’m   Hee Chul >>

          “แล้ว. . แล้วทำไมนายไม่บอกเค้าไปหละว่านายคือซองมิน” ผมพูดอย่างกระอักกระอ่วน

    หลังจากได้ฟังเรื่องต่างๆจากปากซองมิน เค้าเอาแต่ร้องไห้ตัวงออยู่ในผ้าห่ม ตอนแรกผมคิดว่า

    ซองมินหลับอยู่เลยอยากจะลองจูบที่หน้าผากของเค้า แต่พอผมโน้มตัวลงไปใกล้ก็ได้ยิน

    เสียงสะอื้นลอดออกมาจึงยั้งตัวเองไว้ทัน ผมลูบหัวเค้าแล้วเค้าก็เล่าทุกอย่างให้ผมฟัง

    แต่ผมไม่เข้าใจ ถ้างั้นแค่บอกไปว่า ผมนี้แหละซองมินของพี่มันก็น่าจะจบแล้วนี่หน่า

    ซองมินลดผ้าห่มที่คลุมหัวอยู่ลงไปที่หน้าอกแล้วหันกลับมาจ้องผมด้วยตาที่แดงกล่ำ

    “แล้วถ้าบอกไปแล้วเค้าไม่เชื่อหละครับ ถ้าบอกไปแล้วเค้ายังทำเหมือนผมเป็นคนอื่นหละครับ”

    คำพูดของเจ้ากระต่ายตาแดงทำให้ผมพึ่งนึกขึ้นได้ นี้ผมมองอะไรง่ายไปจริงๆสินะ “พี่ฮีชอล”

    น้องชายของผมเรียกด้วยน้ำเสียงที่ทรมานจิตใจผมเหลือเกิน “ผมยังเจ็บไม่พอหรอครับ”

    น้ำตาคนตรงหน้าผมไหลรินออกมา ความทรมานของผมในตอนนี้คงไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเค้าเลย

    “ซองมิน” ผมลูบน้ำตาออกจากแก้มใสๆนั่น อยากโน้มตัวลงไปกอดเค้าเหลือเกิน รอยยิ้มที่ผม

    ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงถูกส่งออกมา มันเต็มไปด้วยความทรามาน ความกระอักกระอ่วน

    “ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้. . อึก” ซองมินพูดแล้วกลืนเสียงสะอื้นลงคอก่อนจะพูดต่อ “ผม. .”

    เค้ายกมือสองข้างขึ้นปิดตาตัวเองไว้อย่างกับว่ามันจะช่วยซ่อนน้ำตาของเค้าได้อย่างนั้นแหละ

    “ผมจะแกล้งทำเป็นคนอื่นไปเลย ผมจะบอกว่าผมมาแทนซองมินที่ลาออกไปแล้ว ผมจะทำเป็น

    ไม่เคยรู้จักเค้า ผม ฮึก ผมจะ ฮือ ผมจะทำทุกอย่างให้เหมือนเรา ฮือ ไม่เคยผ่านเรื่องราว

    หลายๆอย่างมาด้วยกัน” คำพูดที่พรั่งพรูของซองมินได้ปลดปล่อยน้ำตาของเค้าออกมาจาก

    จิตใจบอบช่ำที่เก็บความคิดอันทรมานนั้นไว้กับตัว ในขนาดเดียวกันก็ปลดปล่อยผมด้วยเช่นกัน

    ผมวิ่งลงไปข้างล่างอย่างสุดกำลัง มันเร็วกว่าครั้งไหนๆที่ผมเคยวิ่ง เร็วจนรู้ตัวอีกทีก็อยู่หน้าห้อง

    คังอินแล้ว ตรงหน้าผมมีเรียวอุคนั่งลงกอดเข่าตัวเองอยู่ข้างประตูด้านนอกห้องแล้วเอาแต่พูดว่า

    “เพราะฉันแท้ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน” พร้อมๆกับร้องไห้ออกมา “ไม่หรอก ทุกอย่างมันเป็น

    ความผิดไอหมาบ้าเยซองต่างหาก” ผมพูดกับตัวเอง พยายามตั้งสติก่อนก้าวเข้าไปยังห้องที่

    เปิดทิ้งไว้ ผมเห็นคังอินกระชับตัวเยซองแน่นแล้วดึงให้หันไปมองตัวเอง “เยซอง ฟังฉันนะ”

    เค้าพูดกับเยซองที่ดูตอนนี้จะไม่มีสติเหลือแล้ว “คิดดีๆสิ นายเจอซองมินไปแล้วนะ

    คนที่อยู่ในห้องซองมินไง” เยซองได้สติคืนมาเล็กน้อยแต่สายตายังดูเหม่อลอยอยู่มาก

    “คนนั้นหรอ?” ผมรู้สึกว่านั้นไม่ใช่คำถาม ผมรู้สึกว่าเค้าคิดอะไรได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง

    ผมก็จะปล่อยให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แค่เพียงไม่ต้องเห็นซองมินทรมาน อะไรผม

    ก็ยอมทั้งนั้น “เยซอง” ลีทึกเริ่มพูดออกมาบ้างหลังเอาแต่ร้องไห้อยู่นาน “นายคิดอะไรออก

    บ้างไหม” ทุกคนในห้องพยามเงียบรอฟังคำตอบ หลายคนพยามกลั่นเสียงร้องของตัวเอง

    และผมก็พยามคุมตัวเองที่ก้าวเข้าไปช้าๆเพื่อฟังเค้าด้วยเหมือนกัน “ตะ แต่ แต่ผมไม่รู้สึก

    ผูกพันธ์กับเค้าเลย”  ‘*อึก*’ ผมชกเข้าไปที่หน้าของเยซองเต็มแรง ผมไม่ตั้งใจเลยจริงๆ

    แต่มันควบคุมตัวเองไม่อยู่ “พี่ต่อยผมทำไม” เยซองกุมหน้าตัวเอง ตาจ้องมาที่ผมอย่างสงสัย

    “นายจะทำร้ายซองมินไปถึงไหน” ผมพูดกับเยซองโดยไม่กล้าสบตา ผมไม่กล้ามองหน้าเค้า

    เพราะกลัวจะยั้งตัวเองไม่ไหวต่อยเค้าไปอีก “ผม ผมหรอจะทำร้ายซองมิน” เยซองทวนคำพูด

    เหมือนไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ผมหน่ะนะ?” เค้าชี้ที่ตัวเองแล้วมองไปที่คนนู้นทีคนนี้ทีเพื่อหา

    คำตอบ “ไม่จริง ซองมินนนนนน!!!! ซองมิน นายอยู่ไหน!!” เยซองเริ่มคลุ้มคลั้งอีกครั้ง “นี้!

    ผมกระชากคอเสื้อเค้าขึ้นมา “นายลืมซองมินไปแล้ว แล้วจะถามหาเค้าอีกทำไม!!!!~~~

    ผมตะคอกใส่เยซอง ใจผมมันอยากร้องตะโกนว่า ปล่อยซองมินไปเถอะนะ ยกเค้าให้ฉัยเถอะ

    แต่ก็ทำไม่ได้ เยซองผลุบตาลง เค้าร้องไห้ออกมาและเมื่อผมปล่อยมือจากคอเสื้อของเค้า

    ตัวเค้าก็ลงไปกองกับพื้นเหมือนหมดสิ้นเรี้ยวแรง ผมเองก็หมดแรงจะยืนแล้วเหมือนกัน

    ผมค่อยๆทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเยซอง ทำไมเรื่องราวครั้งนี้มันโหดร้ายกับพวกเราเหลือเกิน

     

     

    << I’m   Sung Min >>

          ผมตัดสินใจแล้ว ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะทำมัน ผมยิ้มอยู่ ผมกำลังยิ้มอยู่ ผมเดินแทรก

    ทุกคนไปถึงตัวพี่เยซองที่กำลังเหม่อลอย ทุกคนกำลังเหม่อลอยและจมอยู่นความเงียบ

    ผมจะต้องทำร้ายความเงียบนี้ซะ “พี่เยซองครับ” ผมประสานมือไว้ที่หน้าอกตัวเองอย่างระวังตัว

    “นายคือซองมินใช้ไหม?” เครื่องหมายคำถามที่ขึ้นอยู่บนหน้าพี่เยซองเป็นสิ่งยืนยันว่าสิ่งที่ผม

    กำลังทำอยู่นี้ถูกต้องแล้ว ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผม หึ ผมมันช่างน่าสมเพชจริงๆ “ผม. .

    ชื่อซองมินครับ” ผมยิ้มให้คนตรงหน้าและเค้ายิ้มตอบกลับมาได้สดใสกว่าผมหลายเท่า “แต่ผม

    ไม่ใช่ซองมินที่พี่รู้จักหรอกครับ” ผมได้ยินทั้งเสียงอุทานของฮยอก ทั้งเสียงกระซิบเบาๆว่า

    “ไม่นะ” ของพี่ฮีชอล ใช่. . พี่ฮีชอลรู้ว่าผมคิดจะทำอะไรและมันก็เป็นโอกาสเหมาะที่สุดแล้ว

    ที่ผมจะบอกให้ทุกคนรับรู้สถานะที่ผมจะเป็นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมคิดดีแล้ว “ผมชื่อซองมิน

    อันที่จริงผมไม่ได้ชื่อนี้แต่มันก็ไม่สำคัญอะไรแล้วหละเพราะผมจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ในฐานะตัวแทน

    ของลีซองมินที่โดนรถชนตายไปเมื่อไม่นานมานี้” รอยยิ้มที่ผมปั้นแต่งมาอย่างดีทำให้พี่เยซอง

    เชื่อได้แน่ๆผมมั้นใจ อย่างน้อย. . พี่เยซองคนที่ผมรู้จักเค้าก็เชื่อในรอยยิ้มนี้. . “หึ หึ” เค้าพ่น

    หัวเราะออกมา “ถ้านายจะเป็นตัวแทนซองมิน นายก็ต้องเป็นแฟนฉันแทนเค้าด้วยสิ” พี่เยซอง

    ลุกขึ้นมาโดยไม่มีใครรั้งหรือฉุดไว้เลย เค้ายิ้มอย่างมั้นใจ “นายหน่ะ คือซองมินใช่ไหม” .   .   .

     

     

     

     - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

     

     

    จบ!

    จบแล้วจริงๆสำหรับพาสนี้ คิดว่าน่าจะเคยบอกแล้วว่าที่แต่ง2พาสแยกเรื่องกัน
    เพราะพาสนี้คยูเฮจบไปแล้วพาสหน้าจึงเปลี่ยนตัวละครอื่นเค้ามาแทน
    ถ้าลองสังเกตุดูดีๆจะรู้ว่าใครกำลังจะเข้ามา อย่าลืมติดตามพาส 2 น้าาาาาา
    [มีแค่2พาสเท่านั้นแหละ [มั้ง?]]


      <<<<< จิ้มโหลดดดดดดดดดดดดดดดดด



     


    ปล.ตัวใหญ่ๆ ผังห้องในฟิคไรเตอร์จัดเองนะ อิงตามบ้างนิดหน่อยว่าใครอยู่กับใคร
    ผังในนี้คือจัดให้ SJอยู่บ้านเดียวที่สมาชิกในวงอยู่ด้วยกันหมดยกเว้นบอม

    บ้าน 2 ชั้น ด้านบนมี เจ๊ ด๊อง-ทึก เย่-เรียว ซองมิน ห้องน้ำ ชินดง ฮยอก[เคยอยู่กับบอม]
    ด้านล่างมี ห้องโถงที่มีโซฟา 1ตัวหน้าT.V. ห้องครัว-ห้องกินข้าว คยู คังอิน ฮัน-วอน

     

     บอกช้าไปมะ? 555







     


     
    FARRY' 25
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×