ตอนที่ 7 : รับน้อง
7
“งานชิ้นแรกมาด้วยความรวดเร็ว” ไอ้พีทบ่นทันทีที่อาจารย์เดินออกไปแล้ว ผมไม่ได้ขัดอะไรมันออกไป เพราะก็เห็นด้วยกับมันนั้นแหละ แต่ว่ามันควรที่จะชินได้แล้วไหมล่ะ เรียนมาตั้งสามปีแล้วเนี่ย
มันเป็นเรื่องธรรมดาของคณะสถาปัตย์ที่เป็น project basedนี้นะ
และโจทย์ครั้งนี้ก็ไม่ยากเท่าไรด้วย โจทย์ให้ออกแบบบ้าน (ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี) เพิ่มความแอดวานส์ขึ้นมาตรงที่เป็นครอบครัวใหญ่ คุณปู่กับคุณย่าค่อนข้างหัวโบราณ และคุณปู่เป็นอัมพาตด้วย พ่อเป็นนักตบแต่งสวน แม่รับราชการพยาบาล กับลูกน้อยวัยแบเบาะอีกสองคน
เราก็ต้องมาตีโจทย์กันล่ะครับทีนี้
“15นาทีเจอกันที่ห้องเชียร์นะ” ผมพับเรื่องโปรเจคไว้ก่อนเมื่อเสียงหลิวดังขัดขึ้นมา
“15นาทียังต่อแถวซื้อข้าวไม่ได้เลยเจ้!” ไอ้พีทโวยวายกลับไปทันที ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอกว่าทำไมพีทกับหลิวถึงได้ทะเลาะกันตลอด แต่มันก็เป็นแบบนี้เรื่อยมาจนผมไม่ต้องการที่จะหาคำตอบแล้วครับ หลิวลุกขึ้นยืนหลังจากพีทตะโกนกลับไป เธอหันมามองพีทที่ยืนมองเธออยู่เหมือนกัน ก่อนที่จะระบายยิ้มออกมา
“อดตายไปซะ!” ฮาร์ดคอกันรึเกินแหะ
พูดจบหลิวก็คว้าแขนปายและเดินออกจากห้องไปเลย
“ผู้หญิงอะไรไม่มีความอ่อนหวานเอาซะเลย” พีทบ่น
“แต่ก็สวยนะ” ผมต่อประโยคนั้นและเราสองคนก็เดินออกมาจากห้องบ้าง
“มึงมองแค่นั้นเหรอวา ผู้หญิงสวยๆมีเยอะกว่ายัยนี้เยอะ อย่าหลงผิดนะเว้ย”
“ที่ห้ามกูเนี่ย เพราะไม่อยากให้กูหลงผิดหรือ... เพราะหวง” พีทตบหัวผมทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนผมก็หัวเราะร่าแม้จะยังลูบหัวปอยๆอยู่
ถึงมันสองคนจะกัดกันบ่อยๆแต่ผมก็รู้แหละว่าพวกมันยังรักกันดี
ผมกับพีทเลือกที่จะแวะซื้อขนมปังแทนที่จะต่อคิวซื้อข้าวที่โครตจะยาว โรงอาหารตอนพักเที่ยงยังคงเนืองแน่นไปด้วยผู้คนตามปกติ ขนาดแค่จะเดินผ่านไปร้านขนมปังด้านหลังโรงอาหารยังยากเลย ผมกับพีทเลยต้องอาศัยความสามารถพิเศษในการเบี่ยงตัวหลบเอา
“นิเทศปีนี้ต้องเด็ดแน่เลยวะ” ไอ้พีทหันมากระซิบบอกผมเมื่อเราพึ่งเดินผ่านน้องกลุ่มหนึ่งมา แต่ผมมัวแต่หลบคนเลยไม่ได้สังเกต พอพีทพูดแบบนั้นผมเลยอดที่จะหันกลับไปมองไม่ได้
ก่อนที่สายตาจะสบกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนผิวขาว แต่งหน้าไม่เยอะมาก ผมว่าเธอรู้มากกว่าว่าเธอมีดีตรงไหนแล้วก็พรีเซ้นต์จุดนั้นออกมา เพราะเธอเป็นคนหน้าตาน่ารัก จะให้แต่งหน้าจัดๆก็ดูจะไม่เหมาะ ใส่เสื้อนิสิตขนาดพอดีตัวกับกระโปรงพลีทสั้นกว่าเข่านิดหน่อย เราสบตากันแบบนั้นสักพักก่อนที่ผมจะหันกลับมา
“เชี่ย... มึงแค่หันไปมองเฉยๆนี้ได้เลยเหรอวะ” ผมส่ายหัวใส่ไอ้พีท
“ได้อะไรของมึง แค่มองหน้ากันเฉยๆ”
“หน้าน้องเขาอยากรู้จักมึงสุดๆ ให้กูช่วยสืบไหม” ผมส่ายหัวกลับไป
“น่ารักนะเว้ย ไม่สนหน่อยเหรอ” คราวนี้ผมหันไปทำตาตี่ใส่มันเลย
“มึงสน มึงก็ลุยเลย” ผมเฉยๆครับ
“ครับบบบบ พ่อคนหล่อ” ผมยักไหล่ด้วยไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดกับมัน และในที่สุดเราสองคนก็เดินมาถึงร้านขนมปังจนได้
ผมกับพีทเปิดประตูเข้าไปในร้านและเลือกขนมปังกันยกใหญ่ จังหวะที่ผมกำลังจะคีบครัวซองต์ตรงหน้า... ก็มีคนคีบไปซะก่อน
วืดเลย
“โทษๆ” เสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมเงยหน้าไปมองคนที่แย่งครัวซองต์ของผมไปต่อหน้าต่อตา
“ผมไม่ยกโทษให้ครับ” เป็นพี่ติณห์นั้นเอง พูดจบผมก็คีบครัวซองต์จากตะกร้าของพี่ติณห์กลับมา
“เฮ้ย ได้ไงอ่ะ ผมคีบก่อนนะคุณ” ผมทำเป็นยิ้มกว้างตอบพี่เขาไป เมื่อผมทำแบบนั้นพี่ติณห์ก็ทำท่าจะแย่งครัวซองต์กลับไปแต่ผมเบี่ยงตัวหลบก่อน
“ไม่ต้องแย่งกันจ้า ของมีเยอะแยะ” ผมกับพี่ติณห์หลุดขำออกมาเมื่อพี่พนักงานเดินเข้ามาเติมขนมพอดี ผมคีบครัวซองต์จากตระกร้าตัวเองคืนพี่ติณห์และคีบครัวซองต์ถาดใหม่ลงตะกร้าตัวเองอีกครั้ง
“เพื่อ?”
“พี่จะได้ชนะศึกแย่งครัวซองต์ของเราไงครับ” พี่ติณห์ส่ายหัวคืนผมและเดินไปคีบขนมปังต่อ
“วา แจนโทรมา” ผมกำลังจะเดินตามพี่ติณห์ไปตอนที่พีทเดินเข้ามาหาและยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมเลยจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ก่อน
“ว่า”
“ผมโทรหาพี่ไม่เคยติดเลยนะ นี้พี่ยังใช้เพจเจอร์อยู่เหรอ” ไอ้เวรนี้ติดโรคขี้บ่นมาจากใคร
“มึงบ่นจบแล้วค่อยโทรมาใหม่นะ”
“โหยยยพี่”
“มีไร”
“ผมไปสืบมาล่ะนะ ที่พี่สั่งอ่ะ”
“เป็นไงบ้าง” ผมสนใจขึ้นมาทันที
“พี่อยู่ไหนเนี่ย เดี๋ยวผมไปเล่าให้ฟังเลยดีกว่า”
“อยู่ร้านหนมปัง”
“เคๆ เจอกันพี่” ผมวางสายจากแจนและส่งโทรศัพท์คืนให้พีท ไอ้พีทเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีเรื่องอะไร
“แจนไปสืบมาล่ะ เดี๋ยวมันมาหา” พีทพยักหน้ารับ ผมหันไปคีบขนมปังอีกสองชิ้นและหันไปจ่ายตัง
เรื่องที่แจนไปสืบมา ทำให้ความอยากอาหารของผมลดลงทันที
“คุณกินข้าวแล้วเหรอ” ระหว่างต่อแถวพี่ติณห์ก็หันมาคุยกับผม
“ยังเลยครับ ไม่น่าทัน” พี่ติณห์พยักหน้ารับ พี่เขาคงเข้าใจแหละว่าพวกผมยุ่งกันขนาดไหน
“กินเยอะๆ” พี่ติณห์พูดหลังจากคีบขนมปังในตะกร้าตัวเองให้ผมเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น
“อ้าวพี่เตชินท์ หวัดดีครับ” ไอ้พีทพึ่งเดินมาต่อแถวและหันมาเห็นพี่ติณห์พอดี พี่ติณห์ยิ้มคืนไปให้พีทและหันไปจ่ายตังเมื่อถึงคิวของพี่เขาแล้ว
“คุณไม่ซื้อน้ำเหรอ” ผมคงจะเข้าใจว่าพี่ติณห์พูดกับคนอื่นแล้วถ้าตรงนั้นไม่มีแค่ผมกับพี่ติณห์ ถ้าจะคุยกับไอ้พีทก็น่าจะใช้เสียงเบาไปด้วย
“ไม่อ่ะครับ” ผมตอบพี่ติณห์กลับไปแต่สายตาก็มองเมนูไปด้วย
“กินดิ ผมเลี้ยง” ผมหันกลับมามองพี่ติณห์ทันที
“พี่ใจดีไปไหมเนี่ย” พี่ติณห์ขมวดคิ้วและหันมามองผม
“คุณนี้ยังไง ผมดุก็บอกว่าโหด พอผมใจดีด้วยก็มาหวาดระแวงอีก” เออก็จริง ผมขำก่อนที่จะหันไปมองเมนูอีกครั้ง เพราะพี่พนักงานยืนยิ้มให้ผมแล้วสุดท้ายผมก็เลยปฏิเสธที่จะไม่กินไม่ได้
“น้ำแดงครับ” พี่พนักงานพยักหน้ารับและหันไปทำน้ำให้ผม
“คุณยังไม่เลิกกินน้ำแดงอีกเหรอ”
“ผมพึ่งกลับมากินนะครับ จะให้เลิกอะไรเร็วนักล่ะ” พี่ติณห์ยอมพยักหน้ารับคำผม ก่อนที่สายตาพี่เขาจะมองเลยผมไป
ผมเกือบลืมไปแล้วว่าพีทอยู่ด้วย
“พีท คุณกินไรไหม ผมเลี้ยง” ผมหันขวับไปมองพี่ติณห์ทันที
“ได้เหรอครับ! ผมเอาลาเต้เย็นครับ” ไอ้เวรนี้ก็รีบสั่งเลยนะ
“พี่ไม่ต้องเลี้ยงพีทก็ได้” ผมโพล่งออกไป
“อ๊าววว จะกินฟรีคนเดียวเลยรึไง นี้เพื่อนเอง” กูอยากจะลืมว่าเป็นเพื่อนกับมึงก็ตอนนี้
“ไม่เป็นไรหรอก เต็มที่นะพวกคุณ ครั้งหนึ่งในชีวิตอ่ะ” พี่ติณห์ตอบผมไปด้วยและหันไปจ่ายตังให้พี่พนักงาน ถึงพี่ติณห์จะไม่ได้พูดว่าหมายถึงเรื่องไหน แต่ผมก็แน่ใจมากๆว่าหมายถึงเรื่องรับน้องนี้แหละ
“ผมไปล่ะนะ” ผมพยักหน้ารับ และยกมือไหว้ลาพี่เขา
“ไม่ต้องไหว้ก็ได้” พี่ติณห์บอกปัดและหันหลังกลับ เดินไปได้ไม่กี่ก้าวพี่เขาก็หยุดเดิน และหันกลับมาที่ผม ผมที่มองพี่ติณห์อยู่แล้วจึงเลิกคิ้วกลับไป
“เรื่องที่ผมบอกว่าจะเลี้ยงน้ำแดงคุณ ก็หายกันล่ะนะ” ยิ่งมีเรื่องนี้ไอ้พีทยิ่งไม่ควรได้กินฟรีเข้าไปใหญ่!
มากกว่าความรู้สึกนั้น คือความรู้สึกที่พี่ติณห์ยังจำได้ด้วย
“ไอ้คนที่พี่บอกผมไปสืบมาล่ะ” ผมแยกกับพี่ติณห์ก็เจอไอ้แจนพอดีและเราก็กำลังนั่งคุยกันอยู่โต๊ะประจำของพวกผม (แถวนี้เหมือนเป็นอาณาบริเวณของปี3นะครับ ผมเลยวางใจได้เปราะหนึ่งว่าจะไม่มีปีหนึ่งมาเจอแน่นอน)
“เป็นไงบ้าง” ผมถามเข้าเรื่องทันที
“มันชื่อแทนครับ... แทนไท” ผมพยักหน้ารับ งับขนมปังเข้าปากและฟังไอ้แจนเล่าไปด้วย
“ไอ้แทนนี้ไม่ธรรมดานะพี่ มันborn to be architectสุดๆ ที่บ้านมันก็ทำธุรกิจโดยตรงเกี่ยวกับสถาปัตย์ เหมือนเป็นบริษัทรับออกแบบอะไรประมาณนี้แหละ มีพี่ชายคนหนึ่งพี่สาวคนหนึ่ง ที่สำคัญมันเข้าที่นี้ได้เพราะสอบเทียบ มันพึ่ง16เองพี่ พีคกว่านั้นไปอีกคือมันได้อันดับ5ของการสอบเข้าที่นี้ พี่คิดดูดิ” ไอ้แจนเล่าจนจบก็แย่งขนมปังจากผมไปชิ้นหนึ่ง แต่ผมไม่บ่นมันหรอกครับ ถือว่ามันสืบมาได้ดี
“แล้วไงต่อ” ไอ้พีทถามต่อเมื่อเห็นท่าว่าไอ้แจนจะมัวแต่กินจนลืมพูดต่อ
“อ้อ ก็มีเรื่องที่พี่บอกว่ามันน่าจะไม่ชอบโซตัส” ผมพยักหน้ารัวๆเป็นเชิงให้มันพูดต่อไป
“ผมไปสืบมาล่ะ โครตของโครตจริง เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อปีที่แล้วพี่สาวมันก็โดนโซตัสตอนรับน้องนั้นแหละ แต่โดนหนักเลยอ่ะ หนักจนพี่สาวมันแอดมิดเข้าโรงพยาบาลเลย” ผมหยุดมือที่กำลังหยิบขนมปังเข้าปากไปเลย
“เชี่ยล่ะ” ไอ้พีทพึมพำออกมา นี้มันโครตงานช้างอ่ะ
“ก็นั้นแหละพี่ มันรักพี่สาวมันมาก พอพี่มันมาโดนแบบนั้นมันก็แอนตี้โซตัสมากๆ มากจนอยากให้หายไปจากประเทศเราเลยแหละ” การกลืนขนมปังลงคอดูจะบาดคอสุดๆไปเลยตอนนี้
“มึงไปรู้มาได้ไงเนี่ย”
“ผมก็ไปตีซี้กับมันมาดิพี่” ผมขมวดคิ้ว
“เนียนป่ะวะ”
“เนียนดิพี่ ไม่เนียนมันจะเล่าให้ผมฟังเหรอ” เออกูจะพยายามเชื่อล่ะกัน
“ตอนมันคุยกับมึงนี้เป็นยังไงวะ” ไอ้พีทหันมาเลิกคิ้วใส่ผม มันคงงงว่าผมจะถามทำไมนั้นแหละ
“อันนี้ก็พีคเหมือนกันนะ มันมองพี่แบบจะกินเลือดกินเนื้อใช่ไหม แต่พออยู่กับเพื่อนมันก็เป็นคนดีเลยนะ ช่วยเพื่อนทำงาน แถมจดเลกเชอร์ให้เพื่อนลอกด้วย จดโครตดีเลยดิพี่ ผมยังเสียดายอยู่เลยที่มันไม่ได้อยู่รุ่นเดียวกับผม” แสดงว่าจริงๆแล้วก็เป็นคนที่ดีคนหนึ่งสินะ
ต่อไปก็แค่ต้องทำให้เราเป็นรุ่นพี่ที่มันเคารพให้ได้
แต่ต้องทำยังไงล่ะ
"สวัสดีปีหนึ่ง”
“สวัสดีครับ/ค่ะ” ผมอยากบอกไอ้แทนไทที่อยู่ด้านหลังว่าไม่อยากไหว้ก็ไม่ต้องไหว้รึเกิน ถ้ามันจะไหว้ผมแบบนั้นล่ะก็นะ
“จัดแถว” ผมเมินเด็กนั้นและสั่งให้ทุกคนจัดแถว ซึ่งแน่นอนว่าการสั่งครั้งแรกมันก็ออกมาแย่อยู่แล้ว
“ซิทอัพร้อยครั้งครับ” ทุกคนเหวอไปเลยกับคำสั่งผม แต่ก็รีบทิ้งตัวลงนั่งและซิทอัพตามที่ผมสั่ง แม้เราจะอยู่กลางสนามก็ตาม แต่เพราะทุกคนจัดแถวกนได้ย่ำแย่มากทำให้เพื่อนหลายๆคนต้องไม่มีที่ซิทอัพ
ผมถึงสั่งซิทอัพไง
“100!”
“ลุกขึ้นครับ” ทุกคนผุดลุกขึ้นทันที
“แตะสลับร้อยครั้งครับ” วันนี้ผมขนท่าออกกำลังกายมาเยอะมากจะบอก
ผมไม่คิดว่ามันจะได้ผลเร็วขนาดนี้ แต่แค่ซิทอัพกับแตะสลับก็ทำให้แถวดูดีขึ้นมาแล้ว
“จัดแถว!” ปีหนึ่งจัดแถวอีกครั้ง ก็ขอชื่นชมเลยล่ะว่าทำได้ดี แต่ในนามของเฮดว้ากผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปั้นหน้านิ่งเหมือนเดิม
“พวกคุณเห็นพี่ฝั่งนั้นไหมครับ” เป็นพวกพี่ว้ากที่ผมบอกให้มันไปยืนไว้นะครับ ผมพูดจบ ปีหนึ่งก็หันหลังกลับไปมองตามคำพูดของผม
“เห็นไหมครับ!” ไม่มีใครตอบเนี่ย ผมเลยต้องตะโกนจนได้
“เห็นครับ/ค่ะ” มันต้องอย่างนี้
“งั้นเราวิ่งไปหาพี่ทางฝั่งนั้นกันหน่อยล่ะกันเนอะ” เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบของแท้
“ก่อนที่ผมจะสั่งให้พวกคุณวิ่ง มีใครที่วิ่งไม่ได้ หรืออยู่ในอากาศร้อนๆไม่ได้ไหมครับ” เงียบ...
“น้องผู้หญิงคนไหนคิดว่าไม่ไหว ออกมาได้นะครับ” ขืนผมสั่งให้วิ่งแล้วมีคนเป็นลม ปายฆ่าผมแน่
“พี่ไม่ว่าอะไรหรอกครับ” ยังนิ่งอยู่ดี ผมกวาดสายตามองน้องทุกๆคนก่อนที่จะหยุดสายตาที่น้องผู้หญิงตัวโตคนหนึ่ง
“0038 คุณไหวไหม” น้องเจ้าของรหัสสะดุ้งเฮือกทันทีที่ผมถาม แค่ซิทอัพร้อยทีบวกกับแตะสลับอีกร้อยทีก็น่าจะหนักหนาแล้วนะนั้น
จะว่าไปน้องคนนี้ไม่ได้มาเข้าเชียร์ครั้งที่แล้วด้วยแหละ
“วะ.. ไหวค่ะ” ผมพยักหน้ารับ
“ถ้าไม่ไหวคุณบอกได้นะครับ” 0038หลุบสายตาผมเป็นก้มมองพื้นแต่ก็ยังพยักหน้ารับอยู่ดี
“จัดแถว” น้องไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ผมถึงได้สั่งจัดแถว
ผมสั่งให้น้องวิ่งกลับไปกลับมาร่วม5ครั้งแล้วตอนนี้ จากสมาชิก45คนก็ลดลงเรื่อยๆตามขีดจำกัดของสภาพร่างกาย แน่นอนว่า0038ขอออกตั้งแต่รอบที่2 แต่ก็ดีแล้วครับ ผมไม่อยากให้น้องต้องมาฝืนจนน็อคไปอะไรแบบนั้นหรอกนะ
ยากสุดตอนนี้คือผมต้องฝืนห้ามยกมือมาปาดเหงื่อเม็ดโตบนใบหน้า ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมห้ามปาดเหงื่อ! ปาดเหงื่อแล้วมันจะเสียลุคตรงไหน นี้มันอากาศ32อาศากลางสนามที่วิ่งไปวิ่งมานะ ทำไมห้ามปาดเหงื่อออออ
หลังจบวันนี้ผมจะฆ่าไอ้พีทให้ตายโทษฐานที่มันเป็นคนสั่งทุกคนว่าห้ามปาดเหงื่อ
ยิ่งไปกว่านั่งคือห้ามหอบหายใจเสียงดังด้วย
เหมือนห้ามเรอหลังกินอิ่มเลย
“จัดแถว” ผมปล่อยให้ทุกคนพักเหนื่อย5วินาทีก่อนที่จะสั่งอีกครั้ง น่าแปลกที่แทนไทยังคงอยู่ในแถว อาจจะเพราะว่ามันไม่อยากยอมแพ้ผมด้วยล่ะมั้ง
ผมออกวิ่งตามน้องหลังจากสั่งเสร็จ มีเสียงไซโคจากพี่ว้ากคนอื่นๆคอยบอกไม่ให้น้องแตกแถว หรืออะไรก็ตาม ก่อนที่สายตาผมจะหันไปเห็นป้ายที่ตกลงบนพื้น ผมชะลอเท้าและหยิบป้ายใบนั้นขึ้นมา
เป็นป้ายชื่อที่คล้องคอของน้องนั้นเอง เพราะสายขาดมันเลยหลุดออกมา
“คุณไม่มีสิทธิ์ทิ้งป้ายชื่อนะครับ” ผมพูดออกไปหลังจากเดินตามมาสมทบเรียบร้อยแล้ว น้องคนที่สายป้ายขาดถึงกับหน้าซีดเลย
0022 กิตติธัช
ดันเป็นสายรหัสผมอีก
ผมหันกลับไปยังน้องที่ก้มหน้างุดอยู่ น้องคนนี้เป็นน้องรหัสไอ้แจนสินะ
หรือก็เป็นหลานรหัสผมนั้นเอง
“ป้ายชื่อมันสำคัญมากนะ... 0022” 0022สะดุ้งเมื่อผมเรียกเฉพาะเจาะจง ทำไมทุกคนต้องสะดุ้งทุกครั้งที่ผมเรียกด้วย
มันเป็นเรื่องดีใช่ไหมเนี่ย
“คุณรู้ไหมครับว่ามันสำคัญมาก”
“...ถ้าไม่มีป้ายชื่อผมจะรู้ได้ไงว่าคุณเป็นใคร” 0022ยังคงไม่คุยกับผม
“ผมพูดกับคุณอยู่นะ0022!”
“คะ..ครับ” ตอนรวมสายรหัสหวังว่าเด็กนี้จะไม่ช็อคตายนะ
“คุณจะรับผิดชอบต่อป้ายนี้ยังไง” 0022เหลอหลาไปเลยกับคำถามของผม
แถมยังให้คำตอบไม่ได้อีก
ผมเลยยืนมองหน้ากดดันมันแบบนั้นแหละ คิดว่าจะไม่หยุดจนกว่ามันจะพูดอะไรออกมา
“เอ่อ.. ผม...” ติดอ่างเฉย
“ป้ายชื่อไม่เห็นจะสำคัญเลยครับ” กลายเป็นเสียงที่ผมไม่อยากได้ยินไปแล้วตอนนี้ แต่มันโพล่งมาขนาดนั้นผมก็ต้องหันไปมองมันอยู่ดี
“จะมีหรือไม่มีป้ายชื่อ พวกพี่ก็ไม่ได้สนใจว่าพวกผมเป็นใครอยู่แล้ว” พูดจบแทนไทก็ดึงป้ายชื่อที่คอตัวเองออก
และขย้ำทิ้ง
“เฮ้ย!” พีทพุ่งตัวเข้าไปหาแทนไททันที โชคดีที่ผมคว้าแขนมันเอาไว้ได้ทัน
“คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร” แทนไทเพียงแค่ยักไหล่เหมือนไม่สนใจที่จะหาคำตอบอยู่แล้ว
“ผมพูดกับคุณ คุณก็ควรที่จะพูดกับผมนะ 0018... แทนไท” เสียงฮือฮาดังขึ้นมาทันทีที่ผมเรียกทั้งชื่อและรหัสของแทนไทอย่างถูกต้อง
“เหอะ! อย่าคิดว่าผมจะเชื่อนะว่าพี่รู้ชื่อกับรหัสผมจากป้ายชื่อโง่ๆนั้น” ผมยังคงมองหน้าแทนไทนิ่งๆเท่านั้น
“แค่สืบประวัติเด็กปีหนึ่งกวนตีนคนหนึ่ง มันคงไม่ยากใช่ไหมล่ะ... เฮดว้ากวรมินทร์”
“ถ้าคุณคิดว่ามันไม่สำคัญ”
“...งั้นเพื่อนคุณก็คงไม่อยากได้”
พูดจบผมก็ขย้ำป้ายชื่อของ0022ทิ้ง
“เด็กนั้นควรโดนมือลั่นสักที กูพูดจริงๆนะ” ผมฟังไอ้พีทบ่นประโยคนี้รอบที่ล้านตั้งแต่ผมขึ้นรถมากับมันเนี่ย
“มีอย่างที่ไหนวะ เรียกชื่อจริงเฮดว้าก กวนตีนชิบหาย” ยอมรับเลยว่าตกใจนิดหน่อยตอนแทนไทเรียกชื่อจริงผม
ขนาดแม่ผมยังไม่เรียกเลยครับ
“มึงน่าจะทำหนักกว่านี้อ่ะ” พูดจบมันก็เอี้ยวตัวมาบอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง นี้ขนาดผมนั่งหลังแล้วนะ
โชคดีอีกอย่างของวันนี้คือไอ้พีทยอมวนรถมาส่งผมนี้แหละ
“แต่คณะมึงนี้โหดเหมือนกันนะ ถ้าเป็นกูต้องแย่แน่” ไอ้พาร์ทที่ขับรถอยู่พูดขึ้นมา
“มึงต้องยอมให้เด็กนั้นพูดไปแน่ๆพาร์ท คนอย่างมึง” ไอ้พีทตอบกลับไป
“จริงๆกูว่ามึงก็ทำดีนะ แต่ไม่สะใจเท่าไรเลย” ผมส่ายหัวหน่ายใส่ไอ้พีท
“จอดหน้าปากซอยก็พอ” ผมโพล่งออกไปเมื่อเห็นพาร์ทเปิดไฟเลี้ยว
“ทำไมอ่ะ” พาร์ทถามกลับมา ผมไม่ได้ตอบเพียงแค่เปิดประตูออกไปเท่านั้น
“เจอกันเว้ยมึง” ผมโบกมือลาให้สองแฝดนั้น ยืนมองจนรถของพวกมันลับสายตาไป
ผมขย้ำป้ายชื่อของ0022ทิ้งทั้งๆที่0022ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
ประโยคนี้มันเด้งไปเด้งมาในหัวผม
แม้จะทำเพื่อลงโทษแทนไท แต่ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี มันก็จริงแหละที่แทนไทไม่ได้สนใจป้ายชื่อ แต่0022ไม่เหมือนมันนี้ว้า หน้ามันเหวอโครตๆเลยด้วยซ้ำตอนผมขย้ำป้ายมัน ผมแค่หวังว่ามันจะเล่นสงครามประสาทกับจิตใจของแทนไทได้บ้าง
ให้เขารู้สึกว่าเพราะเขาเพื่อนถึงไม่มีป้ายชื่อ
ถ้ามันได้ผลอ่ะนะ
ผมหยุดความคิดเมื่อหันไปเห็นคนโบกมือปอยๆให้ผม
ผมส่งยิ้มไปให้พี่ติณห์และเดินไปหาเขา
“เป็นไงบ้าง หน้าซีดมาเลย” ผมถอนหายใจยาวๆคืนไปให้ พี่ติณห์ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกแค่หันไปรับของจากแม่ค้าและหันกลับมาที่ผม
“เล่าได้นะ” ผมพยักหน้าคืนให้พี่ติณห์ ผมอยากเล่าให้พี่ติณห์ฟัง อยากแชร์ความคิดของพี่ติณห์มาบ้าง ในหัวผมมีแต่เรื่องลบๆเต็มไปหมด ถ้าได้อะไรบวกๆจากพี่ติณห์บ้างคงจะดี
“กินอะไรไหม” ท่าทางผมคงดูแย่มากๆตอนที่ผมเห็นสายตาของพี่ติณห์
“ไม่เป็นไรครับ” กินไม่ลงแล้ว พี่ติณห์พยักหน้ารับและแยกออกมาเลย ผมอยากกลับไปทิ้งตัวนอนบนเตียงและเล่าให้พี่ติณห์ฟังจะแย่
ผมกับพี่ติณห์คงเดินเงียบๆกลับหอปกติ ถ้าไม่มีผู้หญิงคนหนึ่งหันหลบผมทันทีที่ผมปลายตาไปมองแถมยังพยายามแทรกตัวเข้าไปในผู้คนเพื่อหลบผมอีก
นั้น...
“แปบหนึ่งนะครับพี่ติณห์” ผมหยุดขาและพูดออกไป ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเดินไปหาผู้หญิงคนนั้น
“0043” ตามระเบียบครับ เธอสะดุ้งโหยงเลย
“คะ?” ยังดีที่เธอยอมหันมายิ้มแหย่ๆให้ผม
“0043?” เธอพยักหน้ากลับมาให้ผม
“ผมฝากเอานี้...” ผมพูดกับ0043ไปด้วยก็หาของในกระเป๋าไปด้วย เหตุผลที่ผมเรียก0043ก็เพราะผมจำชื่อเธอไม่ได้ไงครับ ป้ายชื่อของน้องปีหนึ่งนี้รหัสจะตัวใหญ่มากอยู่ข้างบนและมีชื่อจริงตัวเล็กอยู่แถวล่าง พอผมยืนคุมน้องผมก็มองไม่เห็นชื่อนั้นแล้ว
อย่างน้อยผมก็จำรหัสน้องได้แทบจะทุกคนเลยนะ
“นี้มัน...” ผมยื่นป้ายชื่อที่ถูกเขียนใหม่ให้0043
“อื้ม ฝากให้0022หน่อย” 0043ช็อคไปแล้วตอนนี้ เธอรับป้ายชื่อไปจากมือผมด้วยตาโตๆ
“ฝากบอก0022ด้วยว่าไม่ต้องใส่มาเข้าเชียร์แล้วนะ” เธอเลิกคิ้ว
“ทำไมล่ะคะ”
“ตอนนี้ผมรู้แล้วไงว่าคนไหนคือ0022 กิตติธัช” 0043ยิ้มคืนมาให้ผม แถมกว้างขึ้นเรื่อยๆอีก
“แล้วก็...” ผมหยิบป้ายชื่ออีกใบออกมาจากกระเป๋าและส่งให้0043
“ฝากนี้ให้0018ด้วย” 0043เบิกตากว้างเข้าไปอีก
“คุณค่อยให้เขาหลังจากจบรับน้องก่อนก็ได้ ผมว่าตอนนี้เขาคงยังไม่อยากได้หรอก” 0043รับป้ายชื่อไปจากมือผมและก้มมองป้ายชื่อในมืออยู่แบบนั้น
“ขอบคุณนะ0043” ผมพูดส่งท้ายและหันหลังกลับ
“พี่วาค่ะ!” ผมชะงักเท้าและหันกลับไปอีกครั้ง
“หนูว่า... พี่เก็บนี้ไว้ให้แทนเองเถอะค่ะ” เธอยื่นป้ายชื่อที่เขียนว่า0018 แทนไทกลับมาให้ผม
“พี่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าตอนไหนที่แทนจะอยากได้ป้ายชื่อคืน”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันเว้นวันตามที่บอกไว้นาจา แต่คาดว่าตอนต่อไปอาจจะเลทหน่อยนะ จะอัพpppอีกสักตอนนึง แต่ไม่ช้าเกินรอแน่นอนนน
ซียูวววว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ฮฮือถึงวาจะเป็นผู้ชายแต่เราอยากทำเมียแล้ววะ