ตอนที่ 53 : specify; 2-0 HNY
2-0
1ปีต่อมา
“ผมก็ยังคิดว่าสีทองดีกว่าอยู่ดี”
“แล้วตอนซื้อคุณจะบอกให้ซื้อเงินมาด้วยทำไม” พี่ติณห์โวยทันทีเมื่อผมยังยืนยันว่าจะเลือกสีทอง ประเด็นคือตอนเราไปซื้อด้วยกันพี่ติณห์เป็นคนหยิบสีทองมา แต่ผมเองนี่แหละที่บอกให้เขาหยิบสีเงินมาด้วย
ก็ตอนนั้นมันเลือกไม่ได้ แต่ตอนนี้มันเลือกได้แล้ววว
“เผื่อไว้ไงงง”
“เรื่องเยอะจริงๆเลยคุณอ่ะ” พี่ติณห์บ่นผมอย่างไม่จริงจังนัก ก่อนที่จะใช้ดาวสีเงินเคาะหัวผมเบาๆและเอาไปเก็บ
“ใครๆเขาก็บอกแบบนั้นแหละครับ” พี่ติณห์ขำนิดหน่อยเมื่อผมยอมรับแต่โดยดีแทนที่จะเถียงกลับไป
ตอนนี้พวกเรากำลังวุ่นวายกับการตกแต่งบ้านครับ ผมกับพี่ติณห์ได้หน้าที่นี้มาได้ไงไม่รู้ แต่ก็ดีกว่าได้แผนกอาหารหรือแผนกของเล่นอย่างพวกพลุไฟ พลุเย็นอะไรแบบนั้นเยอะ เพราะผมไม่มีสกิลในการเลือกของพวกนั้นสักนิด
อาจจะเพราะทุกคนรู้อยู่แล้วแหละมั้ง หน้าที่ตกแต่งจึงตกมาเป็นของผมโดยอัตโนมัติ
และเราก็กำลังจริงจังกับการแปลงโฉมเจ้าตัวสนต้นใหญ่นี้ให้กลายเป็นต้นคริสมาสต์กันอยู่ครับ
แม้การทำต้นคริสมาสต์ในวันที่31มันจะขัดๆไปหน่อยก็เถอะ
แต่ถือว่าทำเอาบรรยากาศไง อย่าไปคิดมากกก
ผมกลับมาอยู่ไทยได้เดือนกว่าแล้วครับ ตอนนี้ก็ถือว่าเรียนจบโดยชอบธรรมแล้ว หลังจากพึ่งรับปริญญาไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จริงๆเรื่องรับปริญญาเนี่ยผมสามารถรับได้ทั้งที่อังกฤษของAFUและที่มหาลัยในไทยเลย แต่ผมตกลงว่าจะรับแค่ที่ไทยอย่างเดียว จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาให้เสียเวลา แถมอยากรับกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาแทบตายด้วย แม้ผมจะโดนพวกมันบ่นเรื่องที่ผมรับระดับปริญญาโทอยู่คนเดียวก็ตามเถอะ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ
..ผมอยากรีบกลับมาหาพี่ติณห์
ส่วนเรื่องใบtranscriptionของที่นู้น ลุงแอนดริวบอกว่าจะรับผิดชอบให้ และบินเอามาส่งให้ถึงมือผมที่นี่อยู่แล้ว ผมก็เลยชิลๆครับ ผมรู้อยู่แก่ใจว่ามันจบแล้ว ดังนั้นถึงลุงแอนดริวจะไม่เอามาให้ผมก็ไม่ซีเรียสอะไรนักหรอกครับ
“คุณดูอินนะ” พี่ติณห์ที่ห้อยของตกแต่งลงบนต้นคริสมาสต์ไม่ไกลจากผมนักถามขึ้น
“ผมดูอินเหรอครับ” เมื่อผมถามกลับไปแบบนั้นก็เหมือนเป็นการเปิดบทสนทนาให้พี่ติณห์ทันที เพราะเขาหันมาหาผมและพยักหน้าหนักแน่นรัวๆทันที
“มากอ่ะ นี่ผมเห็นคุณห้อยพวงกุญแจไปด้วย ยิ้มไปด้วย ฮัมเพลงไปด้วย ดูอารมณ์ดีเกิ้นนนน จนผมจะคิดว่าคุณมีกิ๊กล่ะนะ”
“โหยยยย จะเอาเวลาที่ไหนไปมีล่ะ” ลำพังแค่พี่ติณห์คนเดียวก็แทบจะไม่มีเวลาให้แล้วครับ
“ก็ลองมีสิ” แหนะ..มีขู่ผมด้วยว่ะ
“ไม่มีหรอกคร้าบบบ มันเป็นเทศกาลแห่งความสุขไง ผมเลยสุขด้วยมากไปหน่อย” สำหรับผม เทศกาลปีใหม่นี่ผมอินที่สุดแล้วนะ มันดูเป็นเทศกาลแห่งการเริ่มต้นใหม่ของจริงเลยอ่ะ
“เพราะไปอยู่อังกฤษด้วยป่ะ”
“อืม.. ก็มีส่วนนะ ที่นู้นเขาฉลองเทศกาลนี้กันจริงจังมากอ่ะ รอบข้างมีแต่คุณซานต้า สีเขียวสีแดงเนี่ย แทบจะกลายเป็นสีประจำชาติอยู่ล่ะ” วันนี้เมื่อปีที่แล้วผมยังคงเรียนอยู่ที่นู้นนี่ครับ และเทศกาลนี่ก็ดูเป็นเทศกาลของคนทั้งชาติมากจนผมยิ่งชอบมันเข้าไปใหญ่ ปีที่แล้วพวกเราจัดงานปาร์ตี้กันที่บ้านของลุงแอนดริว มีผม ไอ้ต้า แล้วก็น้องในทีมอีก4คน คือแม่งสนุกชิบหาย ทุกคนใส่เต็มmaxต้อนรับปีใหม่กันจริงๆเลยล่ะ
“แล้วนี่คุณยังต้องกลับไปอีกป่ะ” พี่ติณห์ถามต่อมา ผมกับพี่ติณห์ยังไม่ได้คุยกันถึงเรื่องต่อจากนี้ซะทีเดียว เราแค่คุยกันคร่าวๆถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นใกล้ๆเท่านั้น และพี่ติณห์พึ่งลาออกจากงานด้วยครับ เขาลาออกตอนเดือนนี้แหละ ผมเองก็ไม่ได้รู้เหตุผลที่แน่ชัดนัก แต่ผมรู้ดีว่าพี่ติณห์คิดดีแล้วก่อนที่จะทำแบบนี้ และผมก็เคารพการตัดสินใจของพี่ติณห์เสมอ
“ยังไม่มีแพลนนะครับ ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยอะไรจริงๆ ผมก็คงไม่ต้องกลับไปแล้ว” แค่คิดถึงAFUผมก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาจนลอบปาดเหงื่อเลย ตอนนี้ผมเรียนจบแล้ว ใจหนึ่งมันก็ยังห่วงน้องๆลูกทีมที่ต้องประคับประคองทีมกันเองโดยไม่มีกัปตันอย่างผม และถึงแม้ผมจะแต่งตั้งกัปตันคนใหม่ไว้แล้วเรียบร้อย ก็ไม่รู้ว่ามันจะลงรอยกับงานและทำได้ดีจริงๆอย่างที่คาดไว้รึเปล่า แต่ถ้าจะให้กลับไปเรียนต่อ
ผมปฏิเสธได้ทันทีโดยไม่คิดเลยล่ะ
“วา! ชิมนี่หน่อยดิ” บทสนทนาของผมกับพี่ติณห์ถูกพักไว้ตรงนั้นเมื่อเสียงๆหนึ่งดังขัดขึ้น ตามด้วยช้อนที่ยื่นจ่อมาที่ปากผมอย่างที่ไม่เหลือหนทางให้ผมปฏิเสธเลย
“อร่อยดี” รสชาติเหมือนซุปอะไรสักอย่าง
“เห็นไหม! กูบอกแล้วว่าอร่อย” ไอ้พาร์ทหันไปโวยเทปที่เดินตามมาเลยครับ
“มึงหลอกมันใช่ไหมเนี่ย กูว่ามันเค็ม” ไอ้เทปเองก็หันมาพูดกับผมอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“ก็ไม่ได้เค็มขนาดนั้นหรอก อันนี้มันเอาไว้กินกับสปาเก็ตตี้ใช่ป่ะ” นึกไปนึกมาผมถึงได้นึกออกว่ารสชาติมันเหมือนสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าอะไรแบบนั้น
“ใช่แล้ว”
“ถ้ากินกับเส้นสปาเก็ตตี้ก็ไม่น่าจะเค็มนะ” มันติดจะเค็มไปหน่อยก็จริงครับ แต่ไม่ได้เค็มปี๋ขนาดนั้นหรอก
“กูจะให้พี่เตชินท์ชิมบ้าง” เทปยังคงไม่ย่อท้อแถมมันยังเดินกลับเข้าไปในครัวแล้วด้วยครับ
“มึงดูมันดิ กูทำไม่อร่อยก็บ่น กูทำอร่อยก็บ่น เหี้ยไรของมันวะ” ไอ้พาร์ทบ่นออกไปทันทีครับ ปกติพาร์ทไม่ใช่คนทำอาหารหรอกนะครับ แต่ช่วงนี้มันย้ายออกมาอยู่คอนโดเองแล้ว ก็เลยฝึกทำไว้บ้าง จะให้ทำกินทุกมื้อมันก็เปลืองตังแย่ใช่ไหมล่ะ
นี่ผมกับพี่ติณห์ก็พยายามฝึกทำอาหารเหมือนกันครับ
ว่าแต่ผมบอกไปรึยังว่าตอนนี้เราอยู่ที่คอนโดของเทปกับพาร์ทนะครับ กำลังจัดปาร์ตี้countdownเล็กๆสำหรับคืนนี้อยู่
ผมพึ่งรู้จักเทปไม่นานมานี้ ผมเคยเจอมันครั้งหนึ่งตอนกลับมาหาพี่ติณห์ในงานรับปริญญาปีที่แล้ว เราได้คุยกันบ้าง แต่ก็ไม่มากอะไร ตอนแรกผมนึกว่ามันจะเป็นคนนิ่งๆจากท่าทางที่เห็น แต่พอได้มารู้จักมันจริงๆก็รู้เลยครับว่าภาพลักษณ์มันกับนิสัยมันจริงๆเนี่ยต่างกันอย่างกับฟ้ากับเหว โดยเฉพาะตอนมันอยู่กับพาร์ทนะ จะอีกลุคหนึ่งเลยล่ะ
“มันบ่นแต่มันก็แดกป่ะวะ” ผมขำ ไอ้พาร์ทกับไอ้เทปนี่เถียงกันทุกเรื่องนั้นแหละครับ ตั้งแต่เรื่องเล็กพริกขี้หนูยันเรื่องใหญ่โต แต่ผมก็ไม่เคยเห็นพวกมันจะทะเลาะกันแรงๆจนเลิกคบกันสักที
ดูเหมือนว่าจะคบกันใกล้ครบปีแล้วนะ
แต่ผมก็ไม่ชัวร์เวลาเท่าไรหรอก
“ลองมันไม่แดกก็อดตายป่ะ” ไอ้พาร์ทยังคงบ่นต่อไป ตอนที่เทปเดินกลับมาพร้อมกับช้อนใส่ซุปสีขาวตรงหน้าและป้อนให้พี่ติณห์ชิมทันที
“ก็โอเคนะ”
“เห็นไหม!!” ไอ้พาร์ทนี่รีบตอบกลับเลยครับ
“มาให้กูดีดเหม่งซะดีๆ” นี่พวกมึงพนันกันแค่เรื่องรสชาติอาหารเนี่ยนะ
“เบาๆนะพาร์ท” ไอ้เทปนี่เหลือตัว2นิ้วเลยครับเมื่อไอ้พาร์ทย่างสามขุมเข้าไปหา
แปะ
“น่าจะไม่เบานะนั้น” พี่ติณห์พูดประโยคที่ผมคิดอยู่ในใจออกไป บวกกับท่าทางดิ้นทุรนทุรายและลูบหน้าผากปอยๆของไอ้เทปก็แสดงให้เห็นชัดเจนเลยว่าไอ้พาร์ทมันดีดไปเต็มแรงเลยจริงๆ
“พี่มึงนี่จะมาไหมเนี่ย” ผมเลิกสนใจเทปและถามหาสมาชิกอีกคนของวันนี้ ที่ยังไม่เห็นมันจะโผล่หัวมาสักที
“มันบอกว่ากำลังมาอ่ะ ไม่รู้แม่งกำลังมาจากไหนเหมือนกัน” สายเสมอคือคอนเซ็ปต์มันสินะ
“พาร์ทมึงดูผลงานมึงงง” เทปที่เงียบอยู่นานโพล่งออกมาอีกครั้ง ก่อนที่มันจะเปิดหน้าผากให้ดูด้วย ซึ่งแม่งแดงไปหมดเลยครับ
“เหี้ย เจ็บมากไหมเนี่ย” ไอ้พาร์ทถามเสียงกลั้วหัวเราะ มันดูเป็นห่วงแฟนมันนะ แต่ก็คงจะอดขำไม่ได้
“พี่เมฆน่าจะมาด้วยเนอะ” ผมปล่อยให้สองคนนั้นสวีตกันต่อไปและหันมาคุยกับพี่ติณห์แทน
“เห็นว่าไปต่างจังหวัดนะ ไว้ว่างๆเราค่อยนัดเจอมันก็ได้” ผมเจอพี่เมฆครั้งล่าสุดก็วันรับปริญญานู้นแหละครับ นี่มันก็สักพักล่ะ
“มีอีกหลายคนเลยที่ผมอยากเจอ” ทั้งพี่โก้ พี่เกล ไอ้แจน ไอ้กิต แห่งสายรหัส0022ของผม หรือจะเป็นปาย พิ้งค์ เน ไอ้แทนไท ไอ้จัมโบ้ และไอ้กัน รวมถึงอีกหลายๆคนเลยล่ะ
คิดถึงชีวิตมหาลัยชะมัด
พอเราผ่านมันมาได้แล้ว เราก็มักจะย้อนกลับไปคิดถึงมันเสมอเลยเนอะ
“ไหนว่าวันนี้เป็นวันแห่งความสุขไง ทำไมทำหน้ามุ่ยแบบนั้นล่ะ” ผมหลุดออกจากภวังค์เทื่อพี่ติณห์เลื่อนมือมาบีบจมูกผมเบาๆและพูดขึ้น
“แค่คิดถึงอะไรเก่าๆนะครับ”
“ชีวิตมันก็แบบนี้แหละเนอะ ต่างคนก็ต่างต้องเดินต่อไปตามทางของตัวเอง แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ได้วนกลับมาเจอกันอีกนี่นา” ผมพยักหน้ารับ ผมเข้าใจสัจธรรมของโลกนี้นะ แต่มันก็อดจะคิดถึงไม่ได้จริงๆ
tictok
“พูดถึงก็มาเลยว่ะ ตายยากไปอีก” พาร์ทเป็นคนพูดประโยคนั้นก่อนที่จะผละออกไปเปิดประตูให้พีทกับหลิว
ซึ่งจริงๆแล้ว ผมก็เห็นด้วยกับประโยคนั้นของมันนะ
23:45 น
ตอนนี้พวกเราที่เคยครึนเครงกันในตอนแรกเริ่มเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแล้ว ผมเป็นหนึ่งคนที่นั่งขำและร่วมเล่นเกมส์กับทุกคนมานานสองนาน กินไป เล่นไป ดื่มไป รู้ตัวอีกทีเวลาก็ล่วงเลยมานานจนใกล้จะข้ามปีเข้าไปทุกที ไอ้พีทกับหลิวนั่งอยู่ตรงข้ามกับผม กำลังคุยอะไรกันสักอย่างที่ได้ยินเพียงแค่สองคน พาร์ทนั่งดีดกีตาร์และฮัมเพลงอยู่ใต้ต้นคริสมาสต์ในขณะที่เทปแยกออกไปเอาของในครัว พี่ติณห์นั่งซบไหล่อยู่ข้างๆผม ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทอดสายตามองไปยังต้นคริสมาสต์ตรงหน้า
“เดี๋ยวผมมานะ” ผมหันไปกระซิบบอกเขาแบบนั้นซึ่งพี่ติณห์ก็พยักหน้ารับงึกงักและยกหัวออกจากไหล่ผม ให้ทายว่าพี่ติณห์ก็คงเริ่มแบตหมดแล้วเหมือนกัน
“มีน้ำแดงป่ะวะ” เทปหันมาหาผมเมื่อผมทักขึ้น
“น้ำแดงแบบน้ำหวานอ่ะนะ” ผมพยักหน้ารับ เทปมันกำลังรินน้ำเป๊ปซี่อยู่เลยครับ ไอ้สองคนนี้เป็นสองคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยแม้แต่นิด ผมเองก็ดื่มไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ถึงกับดื่มหนักมากจนอยากนอนอะไรแบบนั้น และตอนนี้ผมก็อยากเปลี่ยนมาจิบอะไรหวานๆแทน
“ลองดูบนตู้นั้นอ่ะ กูจำได้ว่าเคยซื้อไว้นะ แต่ไม่รู้มันยังอยู่รึเปล่า” ผมหันไปเปิดตามตู้ที่เทปบอก และก็เจอน้ำแดงสีสดอยู่ในนั้นจริงๆด้วย
“ดาดฟ้าที่นี่สวยมากเลยนะ” ผมชะงักเมื่อเทปพูดขึ้นแบบนั้น
“แล้ว?”
“ก็ไม่แล้วไง แค่เผื่อว่ามึงอยากขึ้นไปดู” อ้อออออกูพอจะเก็ตล่ะ
“นี่มึงหาทางกำจัดกูอยู่เหรอ” เทปส่ายหัวพรืดทันทีครับ
“กูเปล่าา กูแค่เสนอเฉยๆ มึงจะไม่ทำตามก็ได้นะ” บางทีผมก็รู้สึกว่าไอ้เทปมันยังเคืองๆผมอยู่นิดหน่อย แต่เป็นการเคืองแบบเล่นๆมากกว่าครับ น่าจะเป็นเพราะเรื่องที่พาร์ทเคยชอบผมนั้นแหละ แต่ตอนนี้มันคงไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นแล้ว มันกับเทปก็ดูเข้ากันดีจะตาย แถมยังดูสวีตกันมากๆอีก
“..กูแค่คิดว่า มึงอาจจะอยากอยู่กับพี่เตชินท์สองคน”
“เหมือนที่มึงอยากอยู่กับพาร์ทสองคนงั้นสิ” จบประโยคนั้นของผมเทปก็หันมามองผม
“ไม่ปฏิเสธหรอกนะ” ผมชอบแม่งตรงนี้แหละไอ้เทปเนี่ย
“กูจะลองไปดูล่ะกัน จะได้รู้ว่าสวยจริงไหม” ผมยอมรับคำแต่โดยดี ไม่ใช่แค่เทปหรอกครับที่อยากอยู่กับพาร์ทสองคน ผมเองก็อยากอยู่กับพี่ติณห์สองคนเหมือนกัน ตอนแรกผมก็คิดอยู่ว่าจะออกไปนั่งริมระเบียงท้าลมสักหน่อย แต่ให้ทายว่าไอ้เทปก็คงจะจองที่ตรงนั้นเอาไว้ให้คู่มันอยู่แล้ว ส่วนห้องใหญ่ก็ให้เป็นที่ของพีทกับหลิวไป และถึงแม้ผมจะต้องถ่อออกไปไกลสุด แต่ได้ขึ้นไปสูดอากาศ มองแสงไฟข้างบน มันก็ไม่เลวเท่าไหร่หรอกครับ
ตกลงกับตัวเองได้ดังนั้นผมก็เดินกลับมาหาพี่ติณห์และคว้ามือเขามาจับก่อนที่จะกระตุกให้ยืนขึ้น
“ไปไหนอ่ะ” พี่ติณห์เลิกคิ้ว หน้าเริ่มแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว ไหนจะอาการร้อนตอนเมาของพี่ติณห์อีก
“พาไปรับลม” เห็นพี่ติณห์ดูร้อนๆผมเลยคิดเหตุผลออกเลยครับ
“ที่ไหนอ่ะ” คราวนี้ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นแค่ออกแรงฉุดเขาเบาๆให้ออกเดิน ซึ่งครั้งนี้พี่ติณห์ก็ยอมลุกขึ้นและเดินตามผมมาแต่โดยดี
“ว้าวววว” ใช้เวลาไม่นาน ผมกับพี่ติณห์ก็มาถึงดาดฟ้าที่เทปพูดถึง ตอนแรกผมเข้าใจว่ามันจะเป็นเพียงดาดฟ้าโล่งๆครับ แต่ไม่ใช่เลย มันมีสวนหย่อมเล็กๆ ม้านั่งสีขาว และศาลาเล็กๆตั้งอยู่ด้วย ที่โชคดีสุดๆก็คือไม่มีใครอยู่เลยครับนอกจากผมกับพี่ติณห์
“คุณรู้จักที่นี่ได้ไง” เมื่อมาถึงที่หมายถึง พี่ติณห์ก็ปล่อยมือผมและวิ่งตรงไปเท้าแขนลงกับระเบียงก่อนใครเลยครับ ก่อนที่จะหันมาพูดกับผม
“ไอ้เทปมันไล่ผมมาอ่ะ” ผมเดินเข้าไปยืนเคียงข้างพี่ติณห์ ก่อนที่จะทอดสายตามองไปยังบ้านเรือนด้านล่างที่ตอนนี้เล็กลงไปมากเลยล่ะ
“ทำไมอ่ะ” ดูเหมือนพี่ติณห์จะไม่เก็ตแหะ คิ้วหม่นๆนั้นขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจทันที
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมบอกปัดก่อนที่จะเลื่อนมือไปปัดผมที่ปรกหน้าพี่ติณห์ออก ลมไม่ได้แรงมากขนาดที่ทำให้ตัวปลิวอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่มันก็พัดเอื่อยๆอย่างต่อเนื่อง ทำให้รู้สึกเย็นอยู่ไม่น้อยเลย
“ปีหน้าพี่อยากทำอะไร” อีกไม่กี่นาทีก็จะปีหน้าแล้วนี่นะ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่ติณห์วางแผนปีต่อไปไว้ว่ายังไงบ้าง
“หางานใหม่ เก็บตังให้ได้เยอะๆ อยากรีโนเวทบ้านด้วย..ถ้าไม่มีปัญหาอะไรอ่ะนะ แล้วคุณอ่ะ” ตอนนี้พี่ติณห์แย่งน้ำแดงในมือผมไปดื่มแล้วครับ
“ผมอยากใช้ทุนให้หมด” สำหรับนิสิตจบใหม่คนอื่นเขาคงตระเวนหางานกันให้ทั่ว แต่สำหรับผมนี่จบปุ๊บก็ต้องกลับมาทำงานใช้ทุนปั๊บ ทุนที่AFUออกให้ผมไปก็จำนวนมากมายใช่ย่อยด้วยไง ผมเคยได้ยินว่าอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย2ปีในการคืนทุน แต่ผมรับงานเยอะมากตอนเรียน และค่าจ้างทั้งหมดก็ให้มหาลัย ผมจึงอยากจะใช้ทุนให้หมดให้ได้ภายในหนึ่งปี ผมจะได้เริ่มหางานที่ตัวเองอยากทำจริงๆสักที
“คุณทำได้อยู่แล้ว” มันอาจจะฟังดูเป็นเพียงแค่คำพูดธรรมดาๆ แต่เมื่อคนพูดเป็นพี่ติณห์ มันล้ำค่าสำหรับผมมากๆเลยล่ะ
“ผมก็เชื่อว่าพี่ทำได้อยู่แล้ว ว่าแต่ทำไมพี่ออกจากงานอ่ะ” แถมตั้งใจยื่นออกในเดือนธันวาพอดีด้วย พี่ติณห์พึ่งยื่นใบลาออกเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับ
“ทำงานบริษัทมันก็ดีนะ พี่ที่ทำงานก็ดี จริงๆมันดีหมดเลยแหละ ยกเว้นตัวผมเอง”
“..ผมเบื่ออ่ะ ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลยเนอะ แต่เหตุผลมันแค่นั้นจริงๆ ผมมันคงไม่เหมาะกับการนั่งทำงานหน้าคอมทั้งวันเท่าไหร่มั้ง” ผมพยักหน้ารับ คิดว่าเข้าใจความรู้สึกพี่ติณห์นะ สถาปนิกเนี่ย เกินครึ่งมักจะต้องจบกับการทำงานบริษัท ซึ่งบางทีการนั่งออกแบบทั้งวันหน้าคอมมันก็ฟังดูไม่เมคเซนส์จริงๆนั้นแหละ
“แต่ผมก็ยังอยากทำงานด้านสถาปัตย์อยู่นะ ก็ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองหรอก ผมก็แค่อยากออกไปดูงานเอง ออกไปคุยกับลูกค้าด้วยตัวเอง รับฟังเขา เข้าใจเขา ติดต่อกับเขา ไม่ใช่การทำงานผ่านคนอื่นอย่างระบบบริษัท และผมก็อยากเป็นคนเลือกรับงานเองด้วย งานที่เราต้องทำกับงานที่เราอยากทำ..มันต่างกันมากนะ” ผมเลื่อนมือไปกุมมือพี่ติณห์ไว้ เป็นเชิงบอกว่าเขายังมีผมเสมอ
“อีกใจผมก็อยากเรียนต่อนะ อยากเรียนอินทีเรียโดยตรงไปเลย แต่ผมอยากจะเก็บเงินให้ได้และส่งตัวเองเรียนมากกว่า เกรงใจพ่อกับแม่” ผมพยักหน้ารับ อินทีเรียคือการเรียนออกแบบภายในโดยตรงนะครับ ผมชอบฟังเรื่องในหัวของพี่ติณห์เสมอ ตั้งแต่ไหนแต่ไรจนตอนนี้เลยล่ะ
“ถ้าพี่เรียนต่อพี่จะไปเรียนต่อที่ไหน”
“ยังไม่แน่ใจเลยอ่ะ ผมก็ยังอยากไปเมกาอยู่นะ” ผมเลื่อนสายตาไปมองคนที่อยู่ข้างๆ ให้ทายว่าปากผมคงกำลังเบ้และสายตาหงอยสุดๆแน่ๆ นี่ผมพึ่งกลับมาเองนะ พี่ติณห์จะทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอ
แต่ผมก็ทิ้งพี่เขาให้อยู่คนเดียวตั้ง2ปีนี่นะ ถึงเวลารับกรรมแล้วมั้ง
“ไม่ต้องหงอยยย ผมยังไม่ไปเร็วๆนี่หรอก แล้วผมก็คิดๆไว้หลายที่นะ บางทีอาจต่อที่ไทยนี่แหละ จะได้ทำงานไปด้วยได้ หรือก็อยากไปเรียนที่อังกฤษแบบคุณเหมือนกันนะ แต่ไม่ว่าผมจะวางแพลนไว้แบบไหน”
“..ในนั้นมันก็มีคุณด้วยเสมอแหละ” ผมยิ้มกว้างทันทีเมื่อพี่ติณห์พูดจนจบ
“รอผมใช้ทุนให้หมดก่อนล่ะกันเนอะ แล้วค่อยว่ากัน” ผมไม่อยากติดหนี้หลายล้านไปตลอดชีวิตหรอกนะ
“รีบทำงานหาเงินให้ได้เร็วๆ ใช้ทุนให้หมด แล้วมาเลี้ยงผมด้วยนะรู้ไหม” ผมก็รู้แหละนะว่าพี่ติณห์พูดเล่น แต่ผมก็อยากทำแบบนั้นจริงๆแหะ
ผมขยับไปยืนตรงข้ามพี่ติณห์ เท้ามือทั้งสองข้างไว้กับระเบียงที่พี่ติณห์พิงอยู่ ขยับตัวเข้าไปใกล้จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของคนตรงหน้าและยืนหน้าเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างหูของเขา
“ผมเลี้ยงพี่ได้ทั้งชีวิตแหละครับ”
“5!” รู้ตัวอีกทีเราก็เดินทางมาถึงเวลาแห่งการก้าวผ่านอีกปีแล้วสินะ
“4!” พี่ติณหเป็นคนนับเลขนั้น
“3!” ส่วนเลขนี้ผมเป็นคนนับเอง
“2!” ก่อนที่เราจะนับมันไปพร้อมๆกัน
“1!!”
ปัง
ปัง
เสียงพลุดังขึ้นทันทีที่พวกเรานับเลขหนึ่งจบ ท้องฟ้าสีดำขลับแปรเปลี่ยนเป็นเป็นสีสันต่างๆที่สวยงามมากๆจนแทบจะละสายตาไปไหนไม่ได้ แต่สายตาของผมกลับมองตรงไปยังคนที่สวยงามยิ่งกว่าพลุดอกไหนๆ
“ไม่มองพลุล่ะ มามองผมทำไม” พี่ติณห์โวยนิดหน่อย แต่แทนที่เขาจะผลักผมออก เขากลับเลื่อนมือมาคล้องคอผมไว้และดึงให้เข้าไปใกล้เขามากขึ้น
“สวัสดีปีใหม่นะวา” พี่ติณห์ปล่อยให้ปลายจมูกของเราจรดกันก่อนที่จะพูดชิดริมฝีปากผมขึ้น
“สวัสดีปีใหม่ครับพี่ติณห์” ผมกระชับอ้อมกอดที่เอวของคนตรงหน้าและตอบรับกลับไป
“ขอให้คุณสุขภาพแข็งแรง และทำได้อย่างที่หวังนะ”
“ผมก็ขอให้พี่มีความสุข สมปรารถนาทุกเรื่อง และได้ทำในสิ่งที่พี่ต้องการจริงๆนะครับ” พี่ติณห์ยิ้มหวานตอบกลับมาเมื่อผมพูดอวยพรกลับไป
ปีนี้ก็เหมือนปีที่แล้ว ผมcountdownกับพี่ติณห์ที่แตกต่างก็คือเราไม่ได้countdownกันผ่านหน้าจอfacetimeอีกต่อไป แต่เราอยู่ด้วยกันตรงนี้ แบบreal timeด้วยกัน ไม่มีปีไหนหรอกที่มันราบรื่นแฮปปี้มีความสุขตลอดรอดฝังไปทั้งปี และผมก็เชื่อว่าปีที่จะมาถึงนี้ก็เช่นกัน แต่ไม่ว่ามันจะลำบากยากเย็นสักเพียงไหน เพียงแค่เราผ่านมันไปให้ได้ก็เพียงพอแล้ว
..แค่เราผ่านมันไปด้วยกัน
“ผมมีของขวัญให้คุณด้วย” พี่ติณห์พูดขึ้นหลังจากที่ผมผละออกมาแล้ว
“อะไรอ่ะ” ขึ้นชื่อว่าของขวัญก็มีความสุขที่ได้รับตลอดแหละครับ พี่ติณห์ไม่ได้ตอบคำถามผม เขาเพียงแค่หาอะไรสักอย่างในกระเป๋ากางเกงและส่งให้ผมเท่านั้น
มันเป็นกล่องอะไรสักอย่างขนาดเล็กกว่าฝ่ามือผมนิดหน่อย และผมก็ไม่รีรอที่จะเปิดดูทันที
“ผมจำได้ว่าคุณบอกว่านาฬิกาที่ผมเลือกให้มันพังแล้วใช่ไหม ผมก็เลยซื้อให้ใหม่” ใช่ครับ มันคือนาฬิกาข้อมือ ลักษณะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนักตามสไตล์ของพี่ติณห์นั้นแหละ แต่มันกลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ใส่ให้ผมด้วยดิ” พี่ติณห์ขำนิดหน่อยเมื่อโดนผมอ้อนแบบนั้น แต่ก็ยอมรับนาฬิกาไปใส่ให้ผมแต่โดยดี
“ผมก็มีของขวัญจะให้พี่เหมือนกัน”
“ถามจริง?” อันนี้เราไม่ได้เตรียมกันมาก่อนนะครับ นี่ผมก็พึ่งรู้ว่าพี่ติณห์ซื้อของขวัญมาให้ผมด้วย แล้วผมก็ตั้งใจจะซื้อของขวัญมาให้พี่ติณห์อยู่แล้ว กลายเป็นว่าเราใจตรงกันเฉยเลย
“แต่พอเทียบกับของพี่แล้วของผมดูธรรมดาไปเลย”
“ไม่หรอกกก ไหนอ่ะ” พี่ติณห์ดูตื่นเต้นมากเลยครับ ผมขำนิดหน่อยก่อนที่จะส่งของขวัญที่เตรียมมาให้พี่ติณห์
“ผมเคยได้จากลุงแอนดริวแล้วมันใช้ดีมากเลยอยากให้พี่ด้วย ดินสอดีๆเดี๋ยวนี้หายากนะ” มันก็คือดินสอแบบเดียวกับดินสอประจำตำแหน่งของผมแหละครับ ผมไปสืบร้านสั่งมาจากลุงแอนดริวและก็ไปสั่งบ้าง มันดีเกินแค่ดินสอไม้จริงๆนะ แถมยังเหมาะมือมากๆ เขียนแบบด้วยดินสอแท่งนี้นี่ช่วยได้เยอะเลยนะ
“ผมชอบนะ ผมหาดินสออยู่พอดี แล้วมีชื่อผมด้วยยย” ที่ปลายด้ามมีชื่อสลักไว้เหมือนของผมเลยครับ แต่อันนี้จะเขียนไว้ว่าTechin
“เราจะผ่านปีนี้ไปด้วยกันนะครับ” พี่ติณห์ยิ้มกว้างเมื่อผมพูดแบบนั้น
“ไม่ใช่แค่ปีนี้หรอก..เราจะผ่านทุกๆปีไปด้วยกันนั้นแหละ” ผมยิ้มรับก่อนที่จะขยับเข้าไปกดจูบที่หน้าผากมนของคนตรงหน้า
กาลเวลาหมุนไป
โลกก็หมุนตาม
เหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นและผ่านไปนัดครั้งไม่ถ้วน ในแต่ละปีมักจะมีคนใหม่ที่ผ่านเข้ามา และคนเก่าที่ตกหล่นไป แต่มันมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่เราอยากให้เขาอยู่เคียงข้างเราไปเรื่อยๆ..ในทุกๆปี
และหนึ่งในนั้นก็คือ.. พี่ติณห์
เป็นอีกครั้งที่พี่ติณห์พูดถูก
ไม่ใช่แค่ปีนี้หรอก
..แต่เราจะผ่านมันไปในทุกๆปี..ด้วยกันแบบนี้เสมอ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มีใครคิดถึงวาติณห์บ้างงง ก่อนอื่นต้องสวัสดีปีใหม่ทุกคนก่อนเลยนะคะ ขอให้ปีนี้ทุกคนพบเจอแต่สิ่งดีๆ มีความสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง เงินทองไหลมาเทมานะคะะ สำหรับบทนี้เราขอยกให้เป็นของขวัญเล็กๆต้อนรับปีใหม่จากเราล่ะกันนะคะ เผื่อมีใครคิดถึงวาติณห์ด้วยยย จริงๆแล้วบทนี้เหมือนเป็นบทprologueของspecify2ที่เราจะอัพตอนปิดเทอม พอมาคิดๆดูแล้ว specify2น่าจะเป็นภาคพิเศษภาคสุดท้ายจริงๆที่เราจะแต่งแล้ว ดังนั้นอย่าลืมอุดหนุนนะคะ (ล้อเล่นนน5555) ในบทนี้มีตัวละครใหม่อย่างเทปโผล่มาด้วย จากที่อ่านๆดูทุกคนคงรู้แล้วว่าคนๆนี้ถูกสร้างมาเพื่อพาร์ทนั้นเอง มีเรื่องของเทปพาร์ทด้วยนะคะ ตอนนี้เรากำลังอัพอยู่ ไปติดตามกันได้เนอะะ
ในส่วนขอe bookนิดนึง คือเรายังไม่แน่ใจว่าจะทำไหม แต่ถ้าเราจะทำคงจะทำหลังจากอัพspecify2จบก่อนนะคะ
แล้วก็ขออธิบายสำหรับคนที่ติดตามทั้ง2เรื่องจะได้ไม่งงนะคะ 555 ในsource headเวลาจะเดินเร็วกว่าในsource milestoneอยู่2ปีนะคะ คือในตอนนี้เป็นปีหลังจากที่วากลับมางานรับปริญญาพี่ติณห์ และบทนี้วาเรียนจบแล้ว แต่ในsource milestoneทั้งเทปและพาร์ทยังเรียนไม่จบ ก็หมายความว่าพี่ติณห์ก็ยังเรียนไม่จบ และพี่ติณห์กับวายังไม่กลับมาคบกันนะคะ แต่ที่เขียนในตอนเริ่มต้นบทว่า1ปีต่อมาเพราะว่าเป็นเรื่องราวต่อจากspecify1พอดี ไม่งงเนอะะ
แล้วเราจะได้พบกันอีกแน่ๆค่ะ
เจอกันคร้าบบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรากลับมาอ่านแล้วหลายรอบเลย
อ่านกี่ทีก็อินอ่ะ รักพวกเขาาาาา
ชอบบบบบบรักกกกกกกกเรื่องนี้จะเป้นอีกเรื่องที่ดีจนอยุ้ในส่วนบันทึกความทรงจำของเราเลยละ555เดะแวะไปหาพาร์ทละสุ้ๆนะไรท์สร้างผลงานดีๆมาเรื่อยๆเด้อ ปกลจห.
ชอบบบบบบรักกกกกกกกเรื่องนี้จะเป้นอีกเรื่องที่ดีจนอยุ้ในส่วนบันทึกความทรงจำของเราเลยละ555เดะแวะไปหาพาร์ทละสุ้ๆนะไรท์สร้างผลงานดีๆมาเรื่อยๆเด้อ ปกลจห.