ตอนที่ 2 : blueberry cheesecake
2
ผมนั่งอยู่แบบนั้นสักพักจนพวกพี่ลับตาถึงได้เข้าไปซื้อน้ำกิน หันไปมองนาฬิกาข้อมืออีกทีก็รู้ว่าเลยเวลารถออกไปนานโขแล้ว ผมเลยแบกร่างกลับไปที่ห้อง
กลับพรุ่งนี้ก็ได้วะ...
แต่ถึงห้องจริงๆแล้วผมก็กลับเบื่อขึ้นมาเลยหยิบกล้องออกไปเที่ยวสักหน่อย
ไม่ได้ไกลหรอกครับ ภายในมหาลัยนี้แหละ
“ลงซัมเมอร์เหรอวะ” ผมเลื่อนสายตาจากview finderไปทางเสียงทัก
“ไม่ได้ลงอ่ะ แวะมาถ่ายรูป” ผมตอบมันกลับไปตรงๆและฝ่ายนั้นก็แย่งน้ำที่ผมวางไว้แถวนั้นไปดื่ม
“มึงลง?” ผมถามมันซ้ำ
“เออ เรียนใหม่” ผมพยักหน้ารับ แก้Fสินะ
ผมหันมาถ่ายรูปอีกครั้ง ก่อนที่จะชะงักไป เดี๋ยวนะ...
“ใครเป็นพี่รหัสมึงวะเปรม” ไอ้เปรมเพื่อนในรุ่นเดียวกันหันมามองผม มึงดูดน้ำกูเพลินเลยนะเพื่อน
“พี่เตชินท์ไง” ผมเลิกสนใจกล้องและหันไปคุยกับเปรมแทน
เปรม เป็นผู้ชายเบ้าหน้าดีสุดในรุ่นผม ดีขนาดที่มันได้เป็นเดือนประจำปีผม แถมยังได้ตำแหน่ง popular voteมานอนกอดอีกตั้งหาก ดีกรีนิสิตคณะสถาปัตย์ ตำแหน่งเดือน และตำแหน่งpopular vote ทำให้มันpopularสมชื่อ ผมมักจะเห็นมันควงสาวไม่ซ้ำหน้าเสมอ ถึงผมจะไม่ได้สนิทกับมันมากขนาดที่สนิทกับไอ้พีท แต่ผมก็เห็นหน้ามันในคลาสบ่อยๆ อยู่กลุ่มเดียวกันก็บ่อย ผมกับมันเลยคุยกันได้เรื่อยๆ
ความมหัศจรรย์ของคณะผมคือ ทุกคนสนิทกันมาก ไม่ว่าจะรุ่นพี่ รุ่นน้อง หรือรุ่นเดียวกัน
ผมโครตชอบเลย
“พี่เขาเป็นไงวะ” ไอ้เปรมเลิกคิ้วใส่ผมนิดๆ
“ก็ดี”
“กูขอละเอียดกว่านี้นิดหนึ่งได้ม่ะ”
“พี่เขาก็เทคแคร์ดูแลกูดีนะ เอาชีท เอาหนังสือมาให้ บางทีก็ให้มาเป็นสรุปเลย แต่กูโง่เองเลยไม่ค่อยได้อะไร” โอเคด่าตัวเองก็เป็นแหะ
“พี่เตชินท์เขามักจะเอาขนมมาให้ เพราะพี่เขาชอบกินขนมอ่ะ” ผมพยักหน้ารับ แต่ก็สัมผัสได้ว่าถ้าปล่อยให้ไอ้เปรมพูดไปเรื่อยๆ มันก็จะไหลไปไกลจากประเด็นที่ผมอยากรู้มากกว่านี้
“แล้วตอนพี่เขาเป็นว้ากอ่ะ”
“อ้อ ตอนกูรู้กูตกใจมากอ่ะ แบบ... พี่เตชินท์เนี่ยนะจะเป็นเฮดว้าก แต่กูรู้ว่าพี่เขาเก่ง ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร กูก็เลยไม่ค่อยห่วง พี่เขาก็ทำได้ดีด้วยนิ มึงน่าจะรู้ดีกว่ากูอีก” ผมเลิกหวังที่จะได้ความรู้อะไรใหม่ๆจากไอ้เปรมก็ตอนนี้
“จะมีก็แต่พี่ดินมั้ง ที่ทำให้กูห่วงพี่เตชินท์นิดๆ” ผมหันกลับไปมองไอ้เปรมทันที
“ทำไมวะ”
“พี่ดินเขาโหดจะตาย แถมยังคนล่ะสายกับพี่เตชินท์อีก ตอนที่พี่เตชินท์จะเป็นเฮดว้ากมันก็ต้องมาเทรนกับพี่ดินใช่ป่ะ พี่ดินบ่นพี่เตชินท์วันล่ะล้านเรื่อง ทั้งบ่น ทั้งดุและด่า พี่เตชินท์ต้องไปช่วยพี่ดินทำงานด้วยนะเว้ย ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นสายรหัสอะไรกันเลยด้วยซ้ำ บางทีกูก็ไปช่วยพี่เตชินท์ด้วย กูสงสารเขาอ่ะ” ผมชะงักไปเลย พึ่งรู้ว่าพี่ดินที่กวนส้นสุดๆนั้นจะโหดขนาดนี้
“ขนาดตอนนี้พี่ดินปี5แล้วยังหาเรื่องพี่เตชินท์อยู่เลยเหอะ กูก็เข้าใจนะว่าพี่ดินเขารักพี่เตชินท์มาก และก็ทำไปเพราะเป็นห่วงล้วนๆ บางครั้งลึกๆกูก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าเขาทำมากไป แต่... คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พี่เตชินท์เป็นเฮดว้ากที่ดีส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ดินนี้นะ” ผมนั่งฟังไอ้เปรมพูดไปเรื่อยๆ
“แล้วมึงถามทำไม” จนมันหันมาถามผมเนี่ย ผมยักไหล่
“ถ้าสมมติพี่เตชินท์ต้องไปทาบทามคนหนึ่งมาเป็นเฮดว้ากตามที่พี่ดินสั่ง แต่พี่เตชินท์ทำไม่ได้ มึงว่าจะเป็นยังไงวะ” ไอ้เปรมส่ายหัวหน่ายๆคืนมาให้ผม
“จะเป็นไงล่ะ ก็โดนพี่ดินด่าเละอ่ะดิ” ชิบหายล่ะ...
“มึงพูดมากูก็อยากรู้เลยเนี่ย ว่าพี่ดินเขาเล็งใครในรุ่นเราวะ” ไอ้เปรมพูดไปก็ตักน้ำแข็งในแก้วผมเข้าปากไปพลาง
“กูเนี่ย” จนผมพูดออกไป ไอ้เปรมมันถึงชะงักและหันมามองหน้าผม
“จริงๆ พี่เตชินท์พึ่งมาบอกกูเมื่อกี้ แล้วกูก็ปฏิเสธไปแล้วด้วย”
“เฮ้ยยยยย แล้วมึงปฏิเสธทำไมวะ”
“ก็กูไม่อยากเป็นไง” ไอ้เปรมวางแก้วน้ำลงอย่างใส่อารมณ์สุดๆ
“เป็นเฮดว้ากมันฮอตอยู่นะ” ผมกลอกตา มันใช่ประเด็นไหมเนี่ย
“แต่เดี๋ยว... มึงบอกว่าปฏิเสธไปแล้วใช่ป่ะ แล้วพี่เตชินท์ว่าไง”
“เขาบอกกูว่าเขาจะไปเคลียร์กับพี่ดินเอง กูเลยอยากรู้ไงว่ามันไม่เป็นไรจริงๆเหรอ” ผมพูดจบ ไอ้เปรมก็ตบหน้าผากตัวเองไปหนึ่งที
“เวรแน่พี่กู โดนพี่ดินยำเละแน่”
ผมเดินถอดน่องกลับมาที่หอ ในหัวเหมือนคิดอะไรอยู่ตลอดแต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันฟุ้งๆไปหมด เหมือนคิดแต่จริงๆแล้วไม่ได้คิด... เคยเป็นไหม
มันมักจะเกิดขึ้นตอนผมคิดอะไรสักอย่างมากๆ จนสับสนไปหมด
และมันแย่มากถ้าเกิดตอนที่ต้องส่งงาน
ผมยังคงก้าวต่อไป ก่อนที่สายตาจะหันไปเห็นคนๆหนึ่งที่ยืนรออยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง ผมเปลี่ยนทิศทางเป็นเดินไปทางนั้นทันที
“พี่เตชินท์ครับ” พี่เตชินท์หันมาหาเมื่อผมทัก ซึ่งเจ้าตัวก็เพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น
“ป้าครับ เอาเหมือนคนนี้อีกที่หนึ่ง” ผมหันไปสั่งป้าคนขาย เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าผมเองก็ต้องหาข้าวเย็นกินเหมือนกัน
“ไม่สั่งใหม่เอาล่ะ มากินเหมือนกูทำไม” พี่เตชินท์หันมาถามผม
“ก็ถ้าสั่งเหมือนพี่ ป้าเขาจะได้ทำทีเดียว จะได้เร็วๆไงครับ” พี่เตชินท์ขมวดคิ้วกับคำตอบของผม
“แล้วถ้ามึงไม่อยากกินล่ะ”
“ผมกินได้หมดทุกอย่างงงงงงงเลยครับ” พี่เตชินท์ขำกับการลากเสียงยาวคำว่า อย่าง ของผม แต่ก็จริงนี้นะ ผมไม่เคยกินอะไรแล้วแพ้สักอย่าง จะมีก็แต่ภูมิแพ้นิดหน่อย บางทีร่างกายผมมันอาจจะได้รับสารอาหารหลายหลากประเภทมากจนมาสร้างภูมิคุ้มกันได้แล้วล่ะมั้ง
“ไปไหนมาอ่ะ” ไม่รู้ทำไมการที่พี่เตชินท์ชวนคุยมันส่งผลให้ผมกระตือรือร้นที่จะตอบสุดๆเลย
“ไปถ่ายรูปเล่นมาครับ” พี่เตชินท์พยักหน้ารับ ก่อนที่เขาจะปลายตามามองกล้องที่คล้องคอผมอยู่
“เฮ้ย Olympusเหรอ กูก็ใช้อยู่นะ”
“จริงดิ! ผมนี้ทาสอูลิมเลยนะพี่” ผมเคยได้ยินคนที่ใช้กล้องของOlympusเรียกตัวเองว่าอูลิมนะครับ ผมเลยเอามาเรียกตาม
“ลูกรักเลยเหอะ แต่ของกูเป็นem1” ผมพยักหน้ารัวๆ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่เตชินท์เล่นกล้องโอลิมปัสด้วย
“อันนี้em5 mark ii” ผมพลิกกล้องตัวเองให้พี่เขาดู
“em1 ก็อยากได้อ่ะ แต่จนเกิน” และพูดต่อ พี่เตชินท์ส่ายหัวใส่ผม ก่อนที่ป้าคนขายจะเรียกว่าได้ของที่พวกผมสั่งแล้ว
“เออ มึงใช้อูลิมก็ดี ไว้จะได้ยืมเลนส์”
“ได้เลยพี่ แต่ผมไม่ค่อยมีเก็บไว้เท่าไหร่หรอกนะ” เราสองคนรับของจากป้าและเดินกลับมาที่หอ โดยบทสนทนาก็ยังคงวนเวียนอยู่เรื่องกล้อง เรื่องเลนส์เป็นปกติ รู้ตัวอีกทีผมกับพี่เตชินท์ก็อยู่ในลิฟต์แล้ว
พอเข้ามาอยู่ในลิฟต์แล้วกลับไม่มีเรื่องจะคุยแหะ ผมรู้จักกับพี่เตชินท์มาตั้งแต่เฟรชชี่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากมายอะไรหรอกครับ แค่เห็นหน้าก็ทัก คุยกันพอเป็นมารยาท มีกิจกรรมที่ต้องร่วมกันทำบ้าง แค่นั้นเอง และถึงแม้ผมจะเป็นจอมพูดมากขนาดไหน เจอพี่เตชินท์นิ่งสุดๆผมก็ไม่รู้จะหยิบอะไรมาชวนคุยเหมือนกัน
ยิ่งในหัวผมตอนนี้มีแค่เรื่องเดียวที่อยากคุยกับพี่เตชินท์ด้วยแล้ว...
ติ้ง
ลิฟต์หยุดลงเมื่อมาถึงชั้นที่6 ซึ่งเป็นชั้นของผมเอง
“เจอกันครับพี่” ผมหันไปลาพี่เตชินท์ก่อนที่จะก้าวขาออกมาจากลิฟต์
เป็นแบบนี้ตลอดแหละ จะบังเอิญเจอกันสักกี่ครั้ง ก็แค่ขึ้นลิฟต์มาด้วยกันและก็แยกย้าย
แต่นั้นมันในกรณีที่ผมไม่มีเรื่องจะคุยกับพี่เขาป่ะวะ
คิดมาถึงตรงนั้น ผมก็หันไปกดเปิดลิฟต์ก่อนที่มันจะปิดลง พี่เตชินท์เลิกคิ้วใส่ผมนิดๆ
“ผมเปลี่ยนใจแล้วครับ” ฝ่ายนั้นมันคงเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อเหมือนเดิม
“เรื่องเฮดว้าก” พี่เตชินท์ยังคงนิ่งอยู่
“...พี่คงไม่ได้หาคนอื่นมาแทนแล้วใช่ไหม” เพราะพี่เตชินท์เอาแต่นิ่งและเงียบ ผมเลยพูดต่อ แต่ว่าเรื่องมันพึ่งเมื่อเช้าเองนะ ทำไมพี่หาคนแทนผมง่ายนักเล่า!
พี่เตชินท์ยังคงไม่ตอบอะไรผม เขาเพียงแค่เดินออกมาจากลิฟต์ และปล่อยให้ประตูลิฟต์ปิดลงเท่านั้น
“ทำไมเปลี่ยนใจล่ะ”
“ผมแค่...”
“ผมแค่ไม่อยากให้พี่โดนดุนะครับ”
“อันดับแรก ไปลงซัมเมอร์ซะ”
พี่เตชินท์พูดมาแบบนั้น ผมถึงได้กลับมานั่งเรียนอีกครั้งทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะเรียนเลยสักนิด ก็เอาเถอะครับ ผมคงต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะจากพี่เตชินท์จะให้เอาเวลามาทุ่มกับพี่เตชินท์ก็คงไม่ได้ ถ้าลงซัมเมอร์ด้วย ผมจะได้ไม่ว่างจนเกินไป
“อันดับสอง ผมจะกระทำกับคุณเหมือนพี่ว้ากปฏิบัติกับปีหนึ่ง”
ตอนแรกผมก็งงกับข้อนี้เหมือนกัน แต่เมื่อได้ยินพี่เตชินท์แทนสรรพนามว่า ผมกับคุณ แทนที่จะเป็น กูกับมึง ผมก็เข้าใจทันที
นี้เป็นประสบการณ์เป็นน้องปีหนึ่งของพี่เตชินท์ครั้งแรกของผมเลยอ่ะ ปกติเราห่างกันแค่ปีเดียวเองครับ และเวลาแค่ปีเดียวมันก็เลยไม่เคร่งครัดอะไรขนาดนั้น
ถึงอย่างนั้น มันก็ดูน่าสนใจดี
ฟังกฎสองข้อแรกผมก็รู้สึกสนุกขึ้นมาแล้ว
“ไหนว่าไม่ลงซัมเมอร์” ไอ้เปรมเดินเข้ามานั่งข้างๆผมเมื่อเห็นว่ายังมีที่ว่างอยู่
“เปลี่ยนใจล่ะ” ผมตอบมันกลับไป
“ไอ้พีทไม่บ่นตายห่าเลยเหรอ” ผมชะงักมือที่กำลังจดตามอาจารย์ ยังไม่ได้บอกมันเลยนี้ว้า ถ้าบอกแม่งต้องบ่นเป็นหมีกินผึ้งแน่ๆ
“กูว่าก็น่าจะตายห่าแหละ” มันเป็นเหตุสุวิสัยไอ้พีทมันคงเข้าใจแหละ (ให้กำลังใจตัวเอง)
ผมกลับมาจากเรียนตั้งแต่บ่าย กลับมาถึงห้องก็นั่งเล่นนอนเล่นไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน รู้ตัวอีกทีตอนตื่นขึ้นมานั่งเมาขี้ตาสักพักและนึกขึ้นมาได้ว่า
พี่เตชินท์นัดไว้ตอน5โมง
“ขอโทษที่มาสายครับ” ผมออกวิ่งทันทีที่นึกขึ้นมาได้ จุดมุ่งหมายคือร้านกาแฟใต้หอที่เป็นสถานที่นัด ผมถึงกับวิ่งลงบันไดมาเลย เพราะลิฟต์ตัวเดียวของหอดันมีคนใช้งานอยู่ กว่าจะวิ่งลงมาจนถึงชั้นล่างและวิ่งเข้าร้านกาแฟมา ก็เล่นเอาเหงื่อท่วมตัวเลย
“แฮ่กๆ” ผมทิ้งตัวลงนั่งหลังจากยืนหอบอยู่สักพัก
“ผมอนุญาตให้คุณนั่งแล้วเหรอ” ผมนี้ถึงกับเด้งตัวขึ้นมายืนอีกรอบเลย
“ขอโทษครับ” ผมตั้งใจจะอ้าปากเถียงกลับไปสักหน่อย แต่พอโดนสายตาดุๆของพี่เตชินท์จ้องมา ผมก็หุบปากแทบไม่ทัน พี่เตชินท์นั่งมองผมอยู่สักพักก่อนที่จะส่ายหัวออกมา
“นั่งสิ” สุดท้ายก็ให้นั่งอยู่ดีป่ะวะ
“ผมขอสั่งน้ำได้ไหมครับ” ผมรู้สึกได้เลยว่าคิ้วพี่เตชินท์กระตุกขึ้นมาเลยเมื่อผมพูดแบบนั้น ก็ดูดินั่งยังต้องขอ สั่งของกินก็น่าจะต้องขอใช่ป่ะล่ะ
พี่เตชินท์ไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่พยักหน้ารับนิดหน่อยเท่านั้น
“ผมขอ... คาราเมล มัคคิอาโต แล้วก็บลูเบอร์รี่ชีสเค้กด้วยครับ” พี่พนักงานยิ้มรับและเดินกลับไป หลังจากหายหอบผมก็หันกลับมาบนโต๊ะใหม่ บนโต๊ะมีแก้วชาเขียวที่หมดไปแล้ววางอยู่ ผมมาช้าขนาดนั้นเลยเหรอวะ
“ผมขอขยับเก้าอี้ได้ไหมครับ”
“วา” โดนดุจนได้ เห็นหน้าตึงๆของพี่เขาแล้วผมอดจะแหย่ไม่ได้นี้หนา ผมยอมยกมือเป็นเชิงยอมแพ้
“ผมคงต้องพยายามลดความแพ้ไม่เป็นของคุณลดก่อน”
“ผมเปล่านะครับ” ผมก็แค่แซวเล่น
แน่นอนว่าผมป๊อดเกินกว่าจะพูดออกไป
“และเรื่องความต่อล้อต่อเถียงของคุณด้วย” ผมถึงกับอ้าปากพะงาบๆเลยเมื่อพี่เตชินท์เอาประเด็นอื่นมาพูดต่อ
ประเด็นเก่ายังไม่เคลียร์เลยเถอะ
“พี่เอาอะไรมาเป็นเกณฑ์เนี่ยยย ผมไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงนะ”
“ที่คุณทำอยู่นั้นแหละ... เขาเรียกว่าต่อล้อต่อเถียง” ผมหุบปากฉับลงอีกครั้ง ไม่เคยเข้าใจประโยคที่ว่า พูดก็ผิด ไม่พูดก็ผิด มากมายขนาดนี้มาก่อนเลย
โชคดีที่พี่พนักงานเอาน้ำกับเค้กมาเสิร์ฟก่อน ผมกับพี่เตชินท์เลยยุติสงครามประสาทลงแต่เพียงเท่านี้
“คุณมาช้าไป18นาที” น้ำที่ผมกินอยู่แลจะฝืนคอขึ้นมาเลยเมื่อพี่เตชินท์พูดขึ้นมา
“ผมขอโทษจริงๆครับ และผมก็นึกว่าพี่จะโทรมายืนยันนัดอีกรอบ” ปกติถ้าเรานัดกันแบบพูดลอยๆก็จะต้องโทรมายืนยันนัดอีกรอบใช่ไหมล่ะ แต่นี้พี่เตชินท์ไม่ได้ทำและผมก็ไม่รู้ด้วยว่าสรุปพี่เขาจะมาหรือไม่มา ผมเลยเผลอปล่อยตัวให้หลับไปไง
“เป็นความผิดผมสินะ” ผมส่ายหัวรัวๆทันที
“เปล่าครับ ผมแค่พูดเฉยๆ”
“แสดงว่าคุณยอมรับผิดที่คุณมาสาย” ผมพยักหน้ารับ
“ผมก็ลงโทษคุณได้สิ” เงียบ... พี่ที่เขาบอกว่าจะปฏิบัติเหมือนพี่ว้ากกับปีหนึ่ง นี้คงหมายความตามนั้นจริงๆเลยใช่ไหมเนี่ย
“ครับ” สุดท้ายผมก็ทำได้เพียงแค่ตอบรับไปเท่านั้น
“ผมจะถือว่านี้เป็นความผิดครั้งแรก และก็เป็นความผิดของผมส่วนหนึ่งที่ไม่ได้โทรไปยืนยันอีกครั้ง ดังนั้นผมจะลงโทษคุณเบาๆก่อนล่ะกัน” คงไม่ใช่ลุกนั่ง100ที หรือกระโดดตบ อะไรแบบนั้นหรอกใช่ไหม
“คุณว่าพี่พนักงานเขาต้องทำงานหนักขนาดไหนกันนะ ตอนที่เก็บร้าน”
“ครับ?”
“คุณไม่คิดจะช่วยเขาหน่อยเหรอ”
“ผม... เหรอครับ”
“ใช่ ช่วยล้างจาน ล้างแก้ว เช็ดโต๊ะ ยกโต๊ะ มันคงไม่ใช่งานยากอะไรสำหรับคุณใช่ไหม” ผมจำต้องคลี่ยิ้มฝืนๆออกมา
“ใช่ครับ...” แล้วก็ต้องตบปากรับคำอีกแล้วเนี่ยยยยย
“พี่ครับ! ร้านปิดกี่โมงเหรอ” ผมช็อคเข้าไปใหญ่เมื่อพี่เตชินท์หันไปถามพี่พนักงาน
“2ทุ่มค่ะ”
“แล้วเก็บร้านกี่โมงเหรอครับ”
“ตั้งแต่1ทุ่มมั้งค่ะ”
“อ้ออออ พอดีน้องคนนี้เขาอยากอยู่ช่วยนะครับ” แน่นอนว่าตรงคำว่า น้องคนนี้ พี่เตชินท์หันมามองหน้าผม
“เอ่อ... คือ”
“ผมฝากน้องด้วยนะครับ” และปิดท้ายเองเสร็จสรรพทั้งๆที่พี่พนักงานยังไม่ทันได้ตอบอะไรกลับมาเลย ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าไอ้ท่าทางพวกนั้นของพี่เตชินท์มันมีความสนุกที่ได้แกล้งผมแฝงอยู่
ทั้งๆที่โดนลงโทษแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกดี
ความรู้สึกที่เรากำลังสนิทกับใครสักคน มันกำลังพองโตอยู่ในใจผม
“เรามาเข้าเรื่องที่พี่นัดผมเลยดีไหมครับ” ผมเท้าคางมองพี่เตชินท์ที่ขอช้อนเพิ่มและตักบลูเบอร์รี่ชีสเค้กของผมเข้าปากด้วยท่าทางมีความสุขแล้วก็อดที่จะขัดไม่ได้
“อ้อ ผมไม่ได้เก่งขนาดที่มาสอนคุณหรอกนะ และผมก็ยังอ่อนประสบการณ์มากเมื่อเทียบกับพี่ปีอื่น สิ่งที่ผมให้คุณได้คือสิ่งที่คุณควรทำและไม่ควรทำเท่านั้น” ผมเริ่มรู้แนวแล้วว่าคราวหลังผมคงต้องทำผิดอะไรสักอย่างให้พี่ลงโทษ หรือไม่ก็สั่งขนมสักอย่างมากิน เพราะพอมีสองสิ่งนี้พี่เตชินท์ก็ลดความตึงกับผมลง
แม้จะไม่มากก็เถอะ
“ครับ”
“กฎเหล็กของการเป็นเฮดว้ากคือ คุณห้ามทำร้ายร่างกายหรือพูดคำหยาบกับน้องโดยเด็ดขาด”
“แต่พี่ดินก็พูดคำหยาบนะครับ” จากการโดนพี่ดินว้ากมาผมรู้เลยล่ะว่าพี่ดินพูด แถมพูดเยอะด้วย
“นั้นมันเรื่องของเขา แต่คุณห้ามพูด”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ” พี่เตชินท์ทำตาตี่ใส่ผม คงไม่ได้กำลังคิดว่าผมต่อล้อต่อเถียงอยู่หรอกนะ
“ผมห้ามสงสัยด้วยเหรอครับ” พี่เตชินท์ถอนหายใจพรืดยาวออกมา
“คุณก็รู้ว่าพี่ดินเขาเป็นแบบนั้น แล้วมันก็ผ่านไปแล้ว จะไปเปลี่ยนอะไรได้ล่ะ”
“สรุปคือพี่ดินทำได้ แต่ผมห้ามทำสินะ”
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นเลย”
“พี่ไม่ได้พูดครับ แต่พี่กำลังสื่อแบบนั้น”
“คุณควรเรียนนิติศาสตร์มากกว่านะ”
“พี่กำลังจะสื่อว่าผมวาดรูปไม่เก่งรึเปล่า” ผมรู้แหละว่าพี่เตชินท์แค่จะแซะเรื่องที่ผมช่างหาเหตุผลมาเถียงได้ตลอด แต่ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าผมกวนกลับไปพี่เขาจะทำยังไง
“หรือไม่ก็คณะศิลปศาสตร์” ผมขมวดคิ้ว
“แต่คุณคงเรียนไม่จบหรอก เพราะคุณแปลไม่ได้เรื่องเลย”
ความรู้สึกที่โดนต่อยด้วยคำพูด มันเป็นแบบนี้สินะ
ผมปิดคลาสวันแรกกับพี่เตชินท์ด้วยความมาคุ แถมหลังจากพี่เขากลับไปแล้วผมก็ต้องมาช่วยเก็บร้านจริงๆด้วย ขนาดผมมาขอช่วยยังโดนใช้ให้ล้างจานซะมือเปื่อย บวกกับยกโต๊ะ ยกเก้าอี้ จนมือเปื่อยๆของผมแทบจะหลุดลอกไปเลย
นี้ขนาดแค่ลงโทษขั้นเบสิกนะเนี่ย
กว่าจะเก็บร้านเสร็จก็ปาไป3ทุ่มแล้ว ผมที่ยังไม่ได้กินอะไรสักอย่างก็ต้องแบกร่างไปปากซอย เพราะแค่น้ำแก้วเดียวกับบลูเบอร์รี่ชีสเค้กไม่ถึงชิ้น ท้องผมมันย่อยหมดตั้งแต่เริ่มล้างจานใบแรกแล้วล่ะครับ
บนความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่นิดหน่อย
ผมแย่งชิงหอนี้แทบเป็นแทบตายเพราะใต้หอมีร้านกาแฟ เดินไปไม่ถึง200เมตรก็ถึงปากซอยที่มีร้านค้าตั้งขายของกันจนแน่นไปหมด ช่วงเย็นๆนี้คนเยอะมากๆ พอข้ามถนนไปก็เป็นมหาลัยของผมแล้ว ถึงแม้จะเป็นหอนอกแต่ก็ไม่ได้กินเวลาเดินทางมากสักเท่าไหร่
ส่วนเหตุผลที่ผมเลือกอยู่หอนอกก็เป็นเรื่องของการเข้าออกหอนั้นแหละครับ ตอนกลางคืนดึกๆผมหิวก็อยากจะออกมาซื้ออะไรกินที่ไม่ใช่เซเว่นใต้หอบ้าง บางครั้งติสท์มากๆ คิดงานไม่ออก ผมถ่อไปเยาวราชยังมีเลย แถมยังมีไวไฟทุกชั้นอีก ไม่ต้องไปแย่งกันเล่นกับคนในหอในที่มีเยอะกว่าเกือบเท่าหนึ่ง ด้วยเหตุผลพวกนี้ผมเลยเลือกอยู่หอนอกในที่สุด
แม้เวลาจะผ่านเลยไปจน3ทุ่มแล้ว แต่ผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อของก็ยังคงเนืองแน่น ส่วนมากจะเป็นนิสิตที่ลงเรียนซัมเมอร์ แต่ถึงคนจะเยอะก็ยังน้อยกว่าช่วงเปิดเทอมที่มีนิสิตเยอะกว่านี้หลายพันเท่า ผมเลยเดินชิลๆไปร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำที่มีคนยืนรออยู่ร่วมสิบคน
“ป้าครับ เอาไข่เจียวหมูสับครับ” ผมโผล่หัวเข้าไปสั่งป้าไว้ เลือกสั่งเมนูที่ทำง่ายที่สุดเผื่อจะได้เร็วขึ้นมาอีกหน่อย
“อ้าวน้องวา! ป้านึกว่าจะไม่มาแล้วซะอีก”
“ผมมีธุระนิดหน่อยนะครับ” ผมยิ้มแหย่ๆตอบป้าไป
“มีคนฝากของไว้ให้นะจ๊ะ” ผมเลิกคิ้ว ฝากของไว้ให้ผมเนี่ยนะ... ก่อนที่ป้าจะผละไปหยิบกล่องข้าวที่ใส่ถุงแล้วเรียบร้อยมาให้ผม ผมรับมาอย่างงงๆและเปิดดูข้างใน ซึ่งข้างในก็เป็นเมนูหมูทอดกระเทียมพริกไทยที่ผมพึ่งกินไปเมื่อวานนี้เอง
“ใครฝากไว้เหรอครับ” ผมหันไปถามป้าอีกครั้ง แม้ในใจจะมีรายชื่อของคนๆหนึ่งอยู่แล้วก็ตาม
“น้องที่หล่อๆนะจ๊ะ ที่ชื่อ...” ป้านึกไปด้วยและทำกับข้าวไปด้วย
“เอาลักษณะก็ได้ครับป้า” ผมรีบขัด เมื่อดูจากลาดเลาแล้วป้าคงไม่น่าจะจำชื่อได้
“เขาหล่อนะ ดูดี หน้าตานี้สะอาดสะอ้าน ตอนเขายิ้มนี้ดูหล่อออออมากๆ” ผมยังคงฟังป้าพูดต่อไปแม้มันจะกว้างมากก็ตาม
“จริงสิ! เขาคือคนที่คุยกับน้องวาเมื่อวานไงจ๊ะ”
เมื่อวานที่ร้านนี้ผมหยุดคุยกับคนๆเดียวเท่านั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทาดาาาา เห็นคอมเม้นที่เขียนว่ารอๆ แล้วมีพลังแต่งต่ออ่ะ ฮืออออ ขอบคุณที่รอนะคะ สำหรับบทนี้ก็... สงสารพี่เตชินท์นะที่ต้องมาเทรนให้วา 55555 บทต่อไปคิดว่าจะขอปิดเรื่องที่เคยแต่งก่อนแล้วจะมาต่อเรื่องนี้นะ อย่าลืมรอกันด้วยล่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ดูท่าพี่เตชินท์จะคิดอะไรกับน้องวาแฮะ
สนุกดีนะ เรื่อยๆ
อุ่นใอรักในรั้วมหาลัย 555 ได้ความรู้เยอะเลยเพราะเรากำลังจะก้าวสู่ชีวิตเฟรชชี่ เลยต้องเตรียมตัวกันบ้าง อิอิ😤😤
ปล.เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า
ขอโทษนะตัวเอง...
หนุกดีๆ เตชิน x วา! สินะ -..-
โมเมนต์ตอนแกล้งวานี่ตลกดี 5555
ไรต์รีบมาอัพต่อนะค่ะ