ตอนที่ 16 : special part I
16
TIN
“มีเพื่อนในคณะมาสารภาพรัก ผมปฏิเสธไป ตอนนี้รู้แล้วครับว่าผมชอบเขา แต่เหมือนเขากำลังคบกับใครสักคนอยู่ ผมจะทำยังไงดีครับ”
“อะไรของมึง”
“กระทู้พันทิปเว้ย ดูๆ top comment คุณรู้ตัวช้าไปแล้วครับ ปล่อยเขาไปเถอะ” ผมคว้าโทรศัพท์จากมือไอ้เมฆมาและกดออกจากหน้านั้นทันที
“มึงทำอะไรของมึงเนี่ยยยยย” ไอ้เมฆโวยวาย แย่งโทรศัพท์คืนไปและพยายามหากระทู้นั้นอีกครั้ง
“หาไม่เจอเลยไอ้เหี้ย” มันหันมาด่าผม แต่ผมพอใจมากครับ มันจะได้เลิกพูดไม่หยุดสักที
“อาจารย์จะเข้าไหมวะ” เสียงไอ้ว่านที่นั่งอยู่ข้างหลังดังขึ้นมา ซึ่งผมก็อยากรู้เหมือนกัน อาจารย์คนนี้ปกติไม่เคยเข้าช้าเลยนะ
“โรงพยาบาลกูรออยู่นะ อาจารย์ยกคลาสก็น่าจะบอกสิ” ไอ้ว่านยังคงบ่นต่อไป พูดถึงโรงพยาบาลแล้วผมลอบปาดเหงื่อเลย ขนาดเป็นงานกลุ่มยังอภิมหายากเลยครับ กลุ่มผมนี้โดนแก้รอบที่3แล้ว
“มึงอ่ะบ่นมาก อาจารย์มานู้นล่ะ” ไอ้เมฆที่เห็นอาจารย์ก่อนหันไปบอกไอ้ว่านและหันกลับมานั่งตัวตรงเตรียมเรียน
จริงๆผมเห็นอาจารย์เกดก่อนไอ้เมฆอีก แต่คนที่เดินตามอาจารย์มาได้ลบคำพูดทุกอย่างของผมไปจนหมด รวมถึงหยุดความคิดทุกอย่างในหัวผมด้วย
“วรมินทร์ คุณไม่มีเรียนรึไง” อาจารย์เกดพูดขึ้นมา แต่เจ้าของชื่อนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงแค่นำโน้ตบุ๊คของอาจารย์มาต่อเข้าโปรเจคเตอร์เท่านั้น
“มีเรียนครับ แต่มาช่วยอาจารย์ก่อน” หลังจากหน้าจอฉายว่าพร้อมใช้งาน วรมินทร์ถึงได้หันไปตอบอาจารย์
“เธอนี้จริงๆเลยนะ” อาจารย์บ่นพึมพำออกมา
“ผมไปเรียนก่อนนะครับ ถ้าอาจารย์มีงานอะไรบอกผมได้เลย จะฝากรุ่นน้องไปบอกก็ได้ หรือไม่ก็โทรมาตามก็ได้ครับ ผมไปนะครับ สวัสดีครับ” เจ้าตัวพูดสรุปเองเสร็จสรรพพร้อมออกจากห้องไปโดยไม่ลืมหันมาปิดประตูให้
เสียงขำดังออกมานิดหน่อยเมื่อวาออกไป
“โครตด้าน” คำด่าติดตลกออกมาจากปากเมฆ
อาจารย์เริ่มสอนแล้ว แต่ในหัวผมยังไม่พร้อมที่จะรับความรู้อะไรทั้งนั้น
ผมไม่รู้ว่าสรุปเรื่องคลาสพิเศษของวาเป็นยังไงบ้าง ผมรู้เพียงแต่อาจารย์เกดเป็นคนสอนคลาสนั้น และบางทีอาจารย์อาจจะเสนออะไรใหม่ที่ไม่ใช่ลงเรียนใหม่ในเทอม2 ไม่งั้นวาคงไม่ตั้งใจขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นั้นก็เป็นเพียงการสันนิษฐานของผมเท่านั้นครับ เพราะเจ้าตัวไม่ได้เล่าให้ผมฟังเลย
3วันแล้วที่ผมไม่ได้คุยกับวา
ตั้งแต่แยกกันวันนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันเลย แทบจะไม่ได้เจอกันด้วยซ้ำ จากที่บังเอิญเจอกันบ่อยๆจนเป็นเรื่องบังเอิญที่น่าตลก กลับไม่เจอกันเลยแม้แต่สักครั้ง บางทีโลกเรามันก็แปลกแบบนี้ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งก็เพราะผมตั้งใจไม่ไปในที่ที่จะเจอวา พยายามไม่กลับหอเวลาเดิม และผมก็เชื่อว่า วาก็คงตั้งใจหลบหน้าผมเหมือนกัน เราจึงไม่ได้เจอกันเลย
นี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันนั้นที่ผมได้เจอวา
ผมคิดเรื่องวาประมาณล้านตลบต่อวัน มันวุ่นวายไปหมดจนกลายเป็นความหงุดหงิด บางครั้งผมก็อดที่จะนึกขึ้นมาไม่ได้ว่า วาจะคิดแบบผมรึเปล่า หงุดหงิดแบบนี้บ้างรึเปล่า เพราะการที่วาดูชิลๆมันยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด
ผมลำบากจะแย่ แต่วากลับดูสบายๆเนี่ยนะ?
วาอาจจะสรุปกับตัวเองได้แล้วว่าไม่ได้ชอบผม และถ้าวันที่เรากลับมาคุยกันมาถึง วาอาจจะบอกผมชิลๆว่า พี่ติณห์ ผมไม่ได้ชอบพี่แล้ว เรากลับไปเป็นพี่น้องกันเนอะ หรืออะไรแบบนั้นก็ได้ และถ้าวาพูดแบบนั้นจริงๆ ผมก็คงต้องยิ้มแหย่ๆกลับไปและตอบว่า โอเคเลย แบบนั้นแน่ๆ และถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ
แม่งเป็นคำตอบที่โง่ที่สุดในชีวิตผม
ใครมันจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้วะ
ถึงผลสุดท้ายเราอาจจะไม่ได้ชอบกันจริงๆก็ตามเหอะ แต่มันข้ามจุดที่เป็นพี่น้องกันไปแล้ว กลับไปเป็นได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว
ผมถอนหายใจออกมา ผมมักจะเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาทุกครั้งที่คิดมาถึงจุดนี้
และผมก็จะหยุดคิด เพราะมันปวดหัวเกินไป
ผมเลื่อนสายตาไปมองหน้าต่างที่สะท้อนภาพท้องฟ้าสีคราม เมฆสีขาวปุกปุย และแสงแดดเจิดจ้า นี้ขนาดหน้าต่างติดฟิล์ม ยังรู้เลยว่าข้างนอกร้อนขนาดไหน
“เย็นนี้มึงไปป่ะ”
“ไปไหนวะ” ผมตอบเมฆกลับไปโดยไม่ได้หันไปมอง
“รวมสายไง” คราวนี้ผมหันกลับไปมองมันแล้ว
“เย็นนี้แล้วเหรอวะ”
“เออดิ พี่เป้อไม่บอกเหรอ” พี่เป้อเป็นพี่รหัสผมเองครับ
“บอก แต่ลืม”
“แล้วมึงจะไปป่ะ” รวมสาย... จริงๆก็ควรไปนะ พวกพี่ปี5อุตสาห์สละเวลาฝึกงานและคิดธีสิสอันมีค่ามานัดเจอน้องๆนี้หนา และพี่เป้อต้องบ่นผมตายแน่ๆถ้าผมไม่ไป
“อาจจะ” ผมตอบกลับไป ก่อนที่จะคิดอะไรขึ้นมาได้
“สายมึงไปด้วยเหรอ”
“เยส พี่เป้อกับพี่เกลเขาแก๊งเดียวกันอยู่แล้วป่ะวะ” ก็ใช่ ผมรู้จักเมฆเพราะพี่เป้อนี้แหละครับ ผมกับพี่เป้อเคยเจอกันตอนติวเข้ามหาลัย ตอนนั้นพี่เป้อม.6 ผมม.5 ไม่รู้เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายของผม ที่ดันเข้ามหาลัยเดียวกัน แถมยังเป็นน้องรหัสพี่เป้ออีก เพราะสนิทกันอยู่แล้วพี่เป้อเลยพราวทูพรีเซนต์น้องรหัสเพื่อนสนิทให้ผมสุดฤทธิ์ ซึ่งก็คือไอ้เมฆนั้นเอง พี่เป้อบอกว่าตอนรวมสายจะได้หารกันง่ายๆครับ
ผมคงไม่ติดใจอะไรเลยถ้าน้องรหัสไอ้เมฆไม่ใช่ใครสักคนที่ผมพยายามหลบหน้าแทบตาย
“วาไปป่ะวะ” ผมถามออกไป
“ไม่รู้มัน พี่เกลชวนไอ้วาก่อนกูอีก ลูกรักชิบหาย” เมฆตอบกลับมา
“แต่เห็นๆมันบ่นว่าคีพลุคพี่ว้ากอยู่นะ ไม่รู้จะไปเปล่า พวกปี1ต้องไปด้วยพอดี เดี๋ยวเสียลุค” และเมฆก็พูดต่อ แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าคำตอบของคำถามผมอยู่ตรงไหนอยู่ดี
“สรุปมันไปป่ะล่ะ” ถ้าวาไป ผมจะได้ไม่ไปครับ
“กูไม่รู้ครับเพื่อน” ผมส่ายหัว เลิกพยายามจะหาคำตอบจากไอ้เมฆและหันมาคิดว่าจะไปดีไหม
“ทำไมวะ มึงก็สนิทกับไอ้วาไม่ใช่เหรอ” เมฆถามออกมา
“ก็ไม่ค่อยนะ” พอผมตอบแบบนั้น เมฆก็หันขวับมามองหน้าผมเลย
“ไม่ค่อยเหี้ยไร ตัวติดกันขนาดนั้น”
“ตอนนี้ไม่แล้วป่ะวะ” ไม่เห็นหน้ากันด้วยซ้ำเหอะ
“เออ ทำไมวะ... ทะเลาะกันเหรอ กูว่าจะถามหลายรอบล่ะ” ผมส่ายหัวพรืดทันที
“ทะเลาะไรวะ ตลกล่ะ” แค่เสนอข้อตกลงกันเฉยๆ
“ไม่ทะเลาะก็ดี ถ้ามึงกับไอ้วามาพ่อแง่แม่งอนกัน กูคงขนลุก” ผมตบหัวมันเบาๆไปหนึ่งที (ตบดังไม่ได้ครับ เดี๋ยวอาจารย์ด่า นี้ก็คุยกันแบบกระซิบโครตๆแล้ว)
“ไปไกลล่ะมึง” ถ้าผมกับวาพ่อแง่แม่งอนกันจริง ผมก็ขนลุกนะ
“ถามจริง?” เมฆเท้าคางถามผม มันอาจจะไม่ได้ขยายความเพิ่ม แต่ผมรู้ดีเลยล่ะว่ามันหมายถึงอะไร
“จริง” เมฆหลิ่วตาใส่ผมก่อนที่จะยอมหันกลับไป
“งั้นก็ไปดิว่ะ ไม่เห็นต้องคิดมากเลย”
มึงรู้ไม่หมดก็พูดได้ดิ
ผมต้องมารวมสายจริงๆ ก็พี่เป้อนะสิครับ เล่นโทรมาดักทางผมไว้ ผมเลยต้องยอมตกลงมาแต่โดยดี เพราะพี่เขาเล่นบทโศกใส่ผมด้วย ตอนนี้ผมเลยยืนอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ไม่ต้องถามก็รู้ว่าพี่เป้อเป็นคนเลือกร้าน เพราะพี่เขาชอบกินซูชิมากครับ อาจจะเป่ายิงฉุบชนะพี่เกลหรืออะไรแบบนั้น ผมเดินเข้าไปในร้าน ไม่ทันกวาดสายตามองก็เจอกลุ่มสายรหัสนั่งเฮฮากันอยู่กลุ่มใหญ่ ผมถึงได้เดินตรงไป
“ช้าจังวะตินติน” พี่เป้อหันมาทักผมก่อน ผมตั้งใจมาเลทเพราะไม่อยากมาก่อนวานะครับ ผมไม่รู้จะทำหน้ายังไงตอนวาเดินเข้ามา แต่กลับไม่มีวาอยู่ที่โต๊ะ บางทีวาอาจจะไม่มาก็ได้มั้ง
“แปบเดียวเองพี่” ผมแก้ตัวปัดๆไป และเดินเข้าไปนั่งที่ว่างข้างๆพี่เป้อ พวกพี่เล่นต่อโต๊ะยาวกันเลยทีเดียว ไอ้เมฆที่กำลังจ้อกับน้องปี1สักคน (ปี1มันจะหงิมๆครับ ดูออกไม่ยากหรอก) ยังคงพูดอย่างออกรสออกชาติ และไม่สนใจเพื่อนใดๆทั้งนั้น
“หวัดดีครับพี่เกล” ผมยกมือไหว้พี่เกล ซึ่งเจ้าตัวก็แค่พยักหน้ารับเท่านั้น จากที่กวาดสายตามองคร่าวๆ สายผมมาครบแล้ว ส่วนสาย0022ยังขาดปี3อยู่อีกคน หรือบางทีอาจจะไม่มาด้วย
“วาไม่มาเหรอวะ” พี่เป้อทักขึ้นมาถูกประเด็นที่ผมอยากรู้พอดี
“ไม่แน่ใจดิพี่ ไอ้วามันเป็นตัวแทนไปประชุมกับพวกสาขาอื่นอ่ะ” เปรมเป็นคนตอบกลับไปในขณะที่ยังเคี้ยวแก้มตุ่ยอยู่เลย
“ประชุมเรื่องไรกันวะ” พี่เป้อถามออกไปอีก
“แสตนเชียร์อ่ะพี่” อ้อ... ผมก็พึ่งรู้ครับ
“มาดิว่ะ กูย้ำมันประมาณล้านรอบ ไม่มากูจะตัดสายมัน” พี่เกลโพล่งออกมา
“โหพี่! ทีผมอ่ะพี่ขู่จะตัดสายอยู่ทุกวัน” เมฆบ่นออกมา
“มีปัญหาเหรอครับเมฆ!” พี่เกลตอบกลับ ซึ่งไอ้เมฆก็ต้องยกมือยอมแพ้ซะงั้น ดูเหมือนพี่เกลจะรักวามากจริงๆแหะ
“ปี1 ชื่อไรอ่ะ” ผมถามออกไป ไม่ได้ตามข่าวน้องเลยครับ ไม่รู้เลยเนี่ยว่าเหลนรหัสตัวเองชื่ออะไร
“เจครับ” ปี1ตอนผมกลับมา ผมพยักหน้ารับและหันกลับมาคีบซูชิเข้าปาก
“เลข2แม่งมีอาถรรพ์ป่ะวะ” พี่เป้อพูดออกมา
“ทำไมอ่ะพี่” เจเป็นคนตอบพี่เป้อกลับไป
“ก็มึงดู ทั้ง0002และ0022แม่งมีแต่ผู้ชาย” ใช่ครับ รหัสของผมคือ0002 พี่เป้อเคยบอกว่าทักพี่เกลครั้งแรกเพราะเลขรหัสมัน2เหมือนกันนี้แหละครับ และก็จริงอย่างพี่เป้อว่า เพราะทั้งสายผมและสาย0022มีแต่ผู้ชายจริงๆ ในคณะก็มีผู้หญิงเพิ่มขึ้นทุกปีนะ ทำไมไม่มาอยู่สายเลข2บ้างเลย อาจจะเป็นอาถรรพ์จริงๆก็ได้แหะ
“วา!!! ทางนี้!” ผมหันไปตามเสียงเรียกของพี่เกล ก่อนที่จะเจอกับเจ้าของชื่อนั้น ในชุดธรรมดาที่คนอื่นใส่ก็ดูธรรมดา
แต่ไม่ใช่กับวา
ผมยอมรับว่ามันหล่อมาก ไม่สิ ไม่ใช่หล่อแต่เป็นคนมีเสน่ห์โครตๆแบบไม่น่าเชื่อ คนที่ทำหน้านิ่งๆก็ดูหน้าค้นหา ยิ้มทีโลกก็สดใส แถมหน้าตอนตั้งใจทำอะไรสักอย่างโครตเท่จนดูไม่ยุติธรรม คนที่ทำให้พวกผมกลายเป็นคนหน้าตาธรรมด๊าธรรมดาซะงั้น
แล้วคนแบบนั้นเนี่ยนะสนใจผม...
ชอบผม...
บ้าไปแล้ว
วาทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่เกล คงจะเป็นโชคร้ายของผมที่มันตรงข้ามกับผมพอดี อาจจะไม่ถึงกับตรงกันเป๊ะๆแต่ถ้าเงยหน้าก็เห็นแน่ๆ ผมเลยก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว
“รีบสุดล่ะนะ มีไรให้กินบ้าง” วาพูด แต่ผมไม่รู้หรอกครับว่าวากำลังทำท่ายังไง ก็ผมเอาแต่กินอยู่ไง
“พี่ครับขอน้ำแดงนะ” ผมชะงักมือที่กำลังคีบแซลมอนเข้าปาก ทำไมยังกินน้ำแดงอยู่อีก...
“พี่ครับ! เปลี่ยนเป็นคาลาเมล มัคคิอาโตล่ะกัน” เมนูที่ถูกเปลี่ยนกะทันหันทำให้ผมลอบบุ้ยปาก ถึงจะสงสัยว่าทำไมถึงยังกินน้ำแดงอยู่ก็เถอะ แต่ก็ไม่ควรเปลี่ยนเมนูปุบปับขนาดนี้ไหมอ่ะ สรุปว่าชอบกินน้ำแดงจริงๆป่ะวะ
แล้วนี้ผมจะหงุดหงิดทำไม!
“พี่ครับ ขอน้ำแดงนะครับ” ผมโพล่งออกไป หมั้นไส้จนอยากจะสั่งตัดหน้าเลย ไม่ใช่แค่อยากด้วย ผมสั่งไปแล้ว
“วันนี้ไม่กินชาเขียวเหรอวะ” ไอ้เมฆตะโกนถามผม
“อยากกินน้ำแดง” ผมตอบมันกลับไปและก้มหน้าก้มตากินต่อ ไม่ได้แม้แต่จะปลายตาไปมองวา ทำไมนะเหรอ ผมกลัวว่าถ้าผมหันไปแล้ววาไม่ได้มองมานะสิ ผมเลยไม่มองเป็นการตัดปัญหา
บทสนทนาบนโต๊ะมีแต่เรื่องสัพเพเหระที่ส่วนมากไม่ค่อยมีสาระเท่าไร ที่ผมสนใจฟังสุดๆก็คงเป็นเรื่องฝึกงานที่พี่เกลกับพี่เป้อพร้อมใจกันบอกให้ผมกับเมฆเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี เล่นเอาผมถึงกับลอบกลืนน้ำลายเลย บวกกับเรื่องธีสิส ที่สรุปเป็นประโยคสั้นๆว่า กูกลัวจะไม่จบเนี่ย ที่ผมถึงกับยิ้มแหย่ออกมาเลย
“แล้วเรื่องสาวๆเป็นไงบ้างวะ” พี่เกลเปิดประเด็น ได้เสียงตบมือสนับสนุนจากพี่เป้อ และน้องๆที่พร้อมใจกันก้มหน้า
“มึง2คนก่อนเลย พี่สุดล่ะ” พี่เป้อต่อและตบหัวผมไปหนึ่งที ผมลูบหัวปอยๆและส่ายหัว
“ไม่มี” มีแต่หนุ่มๆพี่อยากฟังไหมล่ะ
แน่นอนว่าผมไม่มีทางพูดออกไป
“จริงเหรอวะเมฆ” พี่เป้อไม่เชื่อผมง่ายๆ แถมหันไปถามไอ้เมฆอีก
“พี่เชื่อมันเหรอไอ้ติณห์อ่ะ น้องเนนี้ใครนะมึง” เพื่อนเวร... ทั้งโต๊ะฮิ้วกันยกใหญ่และหันมากดดันผมทันที
“พี่น้อง” ผมตอบกลับไป คราวนี้ทุกคนพร้อมใจกันโห่เลยครับ
“พี่น้องท้องติดกันเหรอพี่” ไอ้เปรมถาม ดูมันถาม... เหมือนไม่ใช่น้องรหัสผม
“กูไม่ใช่มึงนะ” ผมตอบเปรมกลับไป
“สรุปตินตินนี้เขาอะไรยังไงกับน้องเนอยู่เหรอ เนไหนวะ อัพเดตดิ” พี่เป้อไม่ฟังผมและหันไปถามไอ้เมฆต่อ
“ปี1พี่ รุ่น100อ่ะ ดาวคณะด้วยนะครับบบบ” พี่เป้อหันมาอ้าปากพะงาบๆใส่ผมว่าไม่เบานะมึง ไม่เบาอะไรล่ะ! บอกว่าพี่น้องๆ ฟังกันบ้าง!
“แล้วมึงอ่ะเมฆ” ยังไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัว พี่เกลก็ยิงคำถามใส่เมฆซะก่อน
“นิดหนึ่ง” เมฆตอบ ซึ่งคำตอบของมันก็ทำเอาปากผมคันยิกๆ
“นิดหนึ่งจริงเหรอวะ ไหนมึงว่าไปห้องเขามาแล้วไง แววอ่ะ” ผมใส่ฟืนเข้าให้ ซึ่งทุกคนก็ไฟลุกโชนและหันไปจี้ไอ้เมฆทันทีว่าแววไหน ไปห้องเขาทำไม รวมถึงด่ามันก็มี
“เปรมอ่ะ” เราจบประเด็นเรื่องเมฆและมาต่อกันที่เปรม
“โหยยยย ผมนับไม่ถ้วนอ่ะพี่ ยืมมือหน่อย” ไอ้แจนที่นั่งอยู่ข้างๆทำทีเป็นยื่นมือให้นับ ไอ้เปรมนี้ผมยอมใจจริงๆครับ เบ้าหน้าดีหน่อยก็เจ้าชู้โครตๆเลย
“ระวังเหอะมึง สุดท้ายจะไม่เหลือใคร” พี่เป้อบอกเปรมนะ แต่ทำไมผมจี๊ดๆไม่รู้
“มึงอ่ะวา นั่งเงียบเชียว” วาเลิกคิ้ว คีบซูชิหน้าปลาไหลเข้าปากอย่างไม่รีบร้อน ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะหันหน้าหนี แต่ถ้าหันหนีตอนนี้ได้โดนไอ้เมฆจี้เรื่องทะเลาะกับวาแน่ๆเลยต้องทำเนียนๆไปครับ
“ไม่มี” คำตอบที่เหมือนผมเป๊ะๆ เรียกเสียงโห่ได้ทันที
“อ้าว! ก็ไม่มีจริงๆ” วาพูดย้ำอีกที
“เหรอๆ แล้วพิ้งค์อ่ะพี่” เป็นแจนที่พูดออกไป รอยยิ้มของผมดูฝืนขึ้นมาทันทีเมื่อชื่อบุคคลใหม่ดังขึ้นมา จนต้องแสร้งยกแก้วน้ำแดงขึ้นมาจิบ
ทั้งผมและวาก็ต่างมีผู้หญิงที่เป็นประเด็นด้วยกันทั้งนั้น มันไม่น่าจะมีทางที่เรามาสับสนความสัมพันธ์ของเราได้เลย ไม่รู้อะไรที่ทำให้อะไรบางอย่างระหว่างเรามันเปลี่ยนไป
ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากย้อนเวลากลับไปลบสิ่งนั้นทิ้งซะ
“คุยๆกัน” เสียงฮิ้วดังขึ้นมาทันที
“ตามึงล่ะแจน”
บทสนทนาดำเนินต่อไป แต่ผมไม่ได้สนใจ ความจริงคือไม่มีเสียงไหนที่แทรกเข้ามาในหัวผมได้อีก คำตอบของเราสลับกัน ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมกำลังวิ่งในขณะที่วากำลังเดิน หรือไม่ก็หยุดเดินไปแล้ว ตามที่ตกลงกัน เราตั้งใจเว้นระยะห่างเพื่อให้เราต่างรู้ว่าเราต้องการอะไร และมันก็เป็นไปได้ในทุกทาง รวมถึงทางที่วาชอบน้องพิ้งค์... ผมรู้เรื่องนั้นดี ถ้าผลสุดท้ายแล้ว มันเป็นผมที่รู้สึกไปเองคนเดียว ผมที่อยากคุยกับเขา อยากอยู่ข้างๆเขา ผมแค่คนเดียวที่ต้องการสิ่งเหล่านั้น ผมก็ต้องยอมรับให้ได้
อย่างน้อยๆผมอยากให้เขาบอกผมหน่อย
ถ้าผมชอบเขาไปแล้ว ผมต้องทำยังไงต่อไป
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กำหนดอัพคือพรุ่งนี้ แต่พอแต่งตอนนี้จบแล้วแบบ อยากอัพ! อยากอัพมาก เลยอัพก่อนมันซะเลย 55555 สำหรับตอนนี้เป็นspecial partของพี่ติณห์ หวังว่าจะทำให้ทุกคนเข้าใจและรู้จักพี่ติณห์กันมากขึ้น ว่าภายใต้ความนิ่งของพี่เขานี้ในหัวคิดอะไรอยู่ และตอนนนี้ชอบเขียนติณห์มาก แต่ตอนต่อไปต้องกลับเป็นวาแล้วไง ต้องจูนตัวเองแปบ 55555
เจอกันคร้าบบบ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เอ้าาาา กลายเป็นติณห์ชอบวาซะแล้ว คุยกันซะเถอะ ก่อนจะวุ่นไปมากกว่านี้
และไรท์ด้วย สู้ๆนะค้าาา
รีบมาอัพน้าาา
วาช่างเยือกเย็นจริงๆ
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 12 เมษายน 2559 / 20:24
มาต่อเถอะะะะ
พี่ติณของน้องงง
ทำไมวาเย็นชา
กินชาเย็นสูตรเฮดว๊ากเยอะไปใช่มั้ย
#ตบ 55555