ตอนที่ 14 : (again)
14
“เข้าใจไหมครับ”
“เข้าใจค่ะ!/ครับ!”
ผมยอมใจแทนไท
ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้กลับมายืนหน้าห้องและว้ากน้องในตำแหน่งเฮดว้ากอีกครั้ง จากที่ฟังไอ้แจนเม้าท์มา ปีหนึ่งทั้งชั้นไปนั่งคุกเข่าขอร้องอาจารย์มาครับ
คิดดู!
สุดท้ายอาจารย์ก็โทรมาสั่งให้ผมกลับมาว้ากน้องต่ออย่างงงๆ แต่เพราะเราเริ่มสนิทกันแล้วด้วยแหละ มาดเฮกว้ากพูดน้อยต่อยหนักของผมเลยไม่ค่อยจะสัมฤทธิ์ผลเท่ากับตอนแรกๆ แต่แลกกับการที่น้องๆทุกคน (รวมถึงแทนไท) ตั้งใจฟัง ผมก็โอเคแหละ
อย่างวันนี้แทนไทแม่งนั่งแถวหน้าสุดเลยครับ
“งั้นวันนี้พอแค่นี้ครับ”
“สวัสดีค่ะ!/ครับ!”
ช่วงนี้เป็นช่วงงานเดือดของพวกผมด้วย ดังนั้นการว้ากน้องเลยไม่มีอะไรมาก จะเหลือก็แค่เฟรชชี่เกมส์ และถ้าพวกปีหนึ่งทำให้คณะเราติดtop5ได้ ก็ปลดระเบียบ รับรุ่น แล้วก็จบรับน้อง การประชุมเชียร์หลังจากเลิกเข้าเชียร์ของพวกเราเลยไม่กินเวลามากมายเท่าแต่ก่อน เพราะประเด็นหลักตอนนี้คือทำงานให้ทันมากกว่าครับ
“บ้านมึงกี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ” ไอ้พีทหันมาถามผม หลังจากปายพึ่งประกาศเลิกประชุมทั้งๆที่พูดไปยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
“40%” ผมตอบกลับไป ผมเริ่มทำโมแล้วก็จริง แต่มันก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่ ยิ่งมีเรื่องน้องเข้ามาผมก็วุ่นๆจนไม่มีกะจิตกะใจทำโมสักเท่าไรด้วย
“ไม่ดิ... 30นิดๆเองมั้ง” พอคิดถึงสภาพโมที่ตั้งอยู่ที่ห้องแล้วก็ขอลดเปอร์เซ็นต์ลงหน่อยล่ะกัน
“ก็ยังดีว่ะ กูยังวาดแปลนไม่เสร็จเลย แม่งเอ้ย” ประเด็นหลักวันนี้ที่พวกผมคุยกันมีแต่เรื่องบ้านของคลาสพิเศษครับ เพราะdewส่งโมมันพรุ่งนี้แล้ว เมื่อคาบเช้าที่ผ่านมาเพื่อนหลายคนก็นั่งตัดโมกันยกใหญ่ (รวมผมด้วย)
“มึงทำทันอยู่ล่ะ” ไอ้พีทก็เป็นแบบนี้เสมอแหละครับ เรื่อยๆเปื่อยๆไม่รีบร้อนตามสไตล์มัน แต่เห็นมันทำงานช้าแบบนี้ มันก็ส่งงานทันตลอดนะครับ แม้จะไม่ได้นอนทั้งคืนก่อนส่งงานก็ตามที แต่ก็ถือว่ามันเอาตัวรอดได้มาตั้ง3ปีแล้วอ่ะเนอะ ผมเลยค่อนข้างแน่ใจว่ายังไงมันก็ทำทันอยู่แล้ว
“ประเด็นคือ คืนนี้กูมีปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนไง” ผมเลิกคิ้ว
“เพื่อนคนไหนของมึงอีก” และไอ้เวรนี้ก็เพื่อนเยอะแบบฟุ่มเฟือยมาก
“สมัยมัธยมอ่ะ กูบอกแม่งไปล่ะด้วยว่าจะไป”
“มึงก็แค่บอกมันใหม่” ไอ้พีทหันขวับมามองหน้าผม
“ไม่ได้ดิว่ะ ไม่อยากทำร้ายจิตใจเพื่อน” แล้วแต่มึงเลย
“Fไปล่ะกันมึง” ผมส่ายหัวหน่ายใส่มันและเดินหนีแม่งเลย
“เฮ้ยๆ ไม่Fดิว่ะ นี้กูโทรเรียกมาทั้งสายแล้วเนี่ย บ้านหลังเดียวทำไม่เสร็จก็ให้มันรู้ไป” พีทวิ่งตามมาก่อนที่จะบ่นต่อ การเป็นสายรหัสพีทเป็นอะไรที่ซวยจริงๆ มันเป็นคนที่เรียกรวมสายบ่อยมากจริงๆครับ (เพื่อมาช่วยงาน)
“ของมึงเสร็จแล้วอย่าลืมถ่ายให้กูดูด้วย” โดยมันไม่ลืมหันมาสั่งผม
“เออ ไปไหนก็ไปเหอะ” ผมบอกออกไปเมื่อเห็นพาร์ทโบกมือให้แต่ไกลๆ
“กูไปล่ะ” พีทบอกลานิดหน่อยก่อนที่มันจะเดินเข้าไปหาน้องมัน ไอ้พาร์ทนี้ก็น่าจะโดนไอ้พีทใช้งานบ่อยจนตัดโมเซียนแล้วมั้ง
ผมยืนมองพีทและพาร์ทขับรถออกไป ก่อนที่ผมจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก
‘ไงคุณ’ เสียงปลายสายดังออกมา
‘คืนนี้พี่ว่างไหมครับ’ เสียงกุกกักจากฝั่งพี่ติณห์ดังออกมาเหมือนกำลังเก็บของอะไรสักอย่าง
‘ก็ว่างนะ มีไรเปล่า’
‘เรื่องโมที่พี่บอกจะช่วยผมเป็นการตอบแทนนะครับ... คืนนี้เลยได้ไหม’
ตีสี่ กับโมเดลบ้านที่พึ่งเสร็จ
“เสร็จสักที” พี่ติณห์บ่นออกมาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนทันที ผมเองก็อยากทำบ้าง แต่ถ้าทิ้งตัวนอนตอนนี้จะไปสามารถลุกขึ้นมาเก็บรายละเอียดได้ล่ะครับ ผมเลยจับโมหมุนไปมาพร้อมสอดส่องหาข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆที่ส่งผลต่อคะแนนอย่างมาก
“คุณนี้เจ้าระเบียบเหมือนกันนะ” ผมเลื่อนสายตาจากโมเป็นพี่ติณห์ที่พึ่งผุดลุกขึ้นมานั่งใหม่
“เปล่าหรอกครับ ผมก็แค่รู้สึกว่าข้อผิดพลาดนิดเดียวมันไม่คุ้มกับคะแนนที่โดนหักไป”
“ก็นั้นแหละเจ้าระเบียบ” ผมไม่ได้เถียงอะไรพี่ติณห์ต่อ แค่หันมาเก็บรายละเอียดให้เสร็จเท่านั้นเอง
โครกกก
ผมชะงักไปเมื่อเสียงหนึ่งดังขัดการทำงานของผมซะก่อน
“หิวเหรอครับ” เพราะแน่ใจมากว่าไม่ใช่เสียงท้องตัวเองผมเลยเงยหน้าไปทักพี่ติณห์
“หิวดิ กินข้าวตั้งแต่6โมงแล้วนี้ตี4” พี่ติณห์ตอบกลับมาพร้อมลูบท้องปอยๆ
“ต้มมาม่าไหมครับ” พี่ติณห์พยักหน้ารับอย่างไม่ปฏิเสธ
“งั้นผมต้มเลยนะ” คราวนี้เป็นผมที่พยักหน้ารับประโยคนั้นของพี่ติณห์ เมื่อพี่ติณห์ลุกขึ้นไปห้องครัว ผมก็หันกลับมาหมุนโมไปทางนู้นทางนี้อีกสักพัก ก่อนที่จะแน่ใจว่าไม่มีอะไรที่ควรจะแก้แล้ว ถึงได้กดถ่ายรูปและส่งไปให้ไอ้พีท รวมถึงหยิบแปลนที่วางแน่นิ่งแถวนั้นมาถ่ายส่งไปให้มันด้วย
pete :
เชี่ยยยยยย กูยังเหลืออีกเยอะเลย
พีทอ่านและตอบทันทีที่ผมส่งไป
va :
สู้เขา
พีทส่งสติกเกอร์มาด่าผมที่ผมไม่ได้สนใจเพราะกลิ่นหอมที่ช่วยเรียกน้ำย่อยในพุงผมได้ดีมาก จนต้องเดินไปดูเลย
พี่ติณห์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต้มมาม่า
เชื่อผมเถอะ
“พี่ดูเป็นคนที่ต้มมาม่ามาตลอดชีวิต” แค่แปบเดียวมาม่าที่พี่ติณห์ทำก็เสร็จสมบูรณ์พร้อมด้วยไข่สองฟองและหมูสับกับไส้กรอก
“ก็ถูกนะ ทำเป็นอย่างเดียวไง” พี่ติณห์พูดพร้อมกับหัวเราะและตักมาม่าใส่ถ้วย
ติ้ง
ติ้ง
ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูว่าใครส่งข้อความมา ซึ่งก็คือไอ้พีทนั้นแหละครับ มันกำลังบ่นเรื่องว่าต้องอดนอนแน่ๆและเผลอๆต้องไปทำหน้าห้องส่งงานด้วย
“ตีสี่ยังคุยไลน์อีกเหรอ” พี่ติณห์ยกมาม่าถ้วยของผมมาให้ก่อนที่จะก้มหน้าลงกินของตัวเอง บางทีพี่เขาอาจจะแค่ถามเฉยๆ โดยไม่ต้องการคำตอบ
แต่ผมกลับชอบแหะ
“ไอ้พีทนะครับ มันบ่นว่าน่าจะทำไม่ทัน” ผมตอบกลับไปและหันมากินมาม่าบ้าง
ติ้ง
ผมเงยหน้าขึ้นไปตามเสียงทันที แน่ใจมากว่าไม่ได้มาจากเครื่องผม
“พี่ก็ไม่ต่างกับผมป่ะ” พี่ติณห์ยักไหล่ ก่อนที่จะพิมพ์ตอบกลับไป
“ใครเหรอครับ” ดูขี้เสือกมากไปอีก ปกติผมเป็นคนไม่ค่อยใส่ใจเรื่องชาวบ้าน ผมมักจะไม่ทันข่าวอะไรทั้งนั้นถ้าหลิวกับไอ้พีทไม่มาเล่าให้ฟัง แต่ในกรณีของพี่ติณห์ ผมอยากรู้ไปซะทุกเรื่อง อยากรู้ว่าพี่เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทำอะไรอยู่ หรือแม้แต่คุยกับใคร
ผมเป็นเอามากแล้วใช่ไหม
“เน” พี่ติณห์ตอบแค่นั้นและวางโทรศัพท์ที่คงพิมพ์ตอบไปแล้วไว้บนโต๊ะ แต่คำตอบสั้นๆนั้นกลับแช่แข็งผมไปเลย
“เน... 0032 ปี1เหรอครับ”
“อ่าฮะ” ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์อยากอาหารอะไรทั้งนั้น ยิ่งพี่ติณห์ยืนยันกลับมาแล้วด้วย
“สรุปว่าพี่คบกับน้องเขาเหรอ” พี่ติณห์เงยหน้าขึ้นมามองผมเมื่อผมถามออกไป โครตแน่ใจว่าน้ำเสียงคงต้องการคำอธิบายสุดๆ
ควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
“ตอนนี้ยัง แค่คุยๆกัน” พี่ติณห์เลิกคิ้วและตอบกลับมา
“คุณจะโกรธผมทำไมเนี่ยยยยยย” เมื่อผมยังคงเงียบ พี่ติณห์ถึงได้ถามกลับมาอีก
แต่ผมก็ยังคงเงียบอยู่ดี
“คุณชอบเนเหรอ” ผมละสายตาจากพี่ติณห์และตักมาม่าที่ไม่อยากกินแล้วเข้าปาก เพราะผมไม่มีคำตอบให้คำถามนั้น แถมยังหงุดหงิดกับคำถามนั้นอีกตั้งหาก
คิดได้ไงเนี่ย
“ถามจริง คุณชอบเนเหรอ” เพราะผมเมิน พี่ติณห์เลยเตะขาผมไปหนึ่งที และไม่ใช่เบาๆด้วยครับ
“พี่จะบ้าเหรอ ผมไม่ได้ชอบเน” ผมลูบตาตุ่มปอยๆก่อนที่จะยอมตอบไป
“แล้วจะโกรธผมทำไม” สายตาที่ไม่เข้าใจมองตรงมาที่ผม ผมมองตอบกลับไป สำรวจแววตาคู่นั้นอยู่สักพักก่อนที่จะตอบออกไป
“ลองทายดูสิครับ” พี่ติณห์จ้องตาตอบผมแบบนั้นสักพักก่อนที่จะหลบตาไป
อะไรก็ตามที่สิงผมเมื่อกี้ รีบออกไปได้ล่ะ
เรากลับมานั่งเงียบๆและต่างฝ่ายก็ต่างกินมาม่าถ้วยตัวเองต่อไป แต่ผมไม่อยากจะเชื่อ คำพูดของพี่ติณห์เหมือนเป็นการยืนยันข่าวที่หลิวเล่าให้ผมฟัง ก็ไม่ใช่ว่าเนไม่น่ารักอะไรหรอกนะ น้องน่ารักมาก แต่ผมแค่ไม่คิดว่าพี่ติณห์จะชอบน้องจริงๆ
“พี่จีบเนอยู่เหรอครับ” ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ถามออกไปอีก
“ไม่เชิง ก็แค่คุยๆกันอ่ะวา คุณเข้าใจสถานะใช่ไหม” ผมพยักหน้ารับ
“มันเป็นสถานะก่อนที่จะพัฒนาใช่ไหมครับ” พี่ติณห์ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้ม
“ประมาณนั้น แต่ก็มีทั้งพัฒนาและไม่พัฒนา” ผมพยักหน้ารับ รู้สึกได้เลยว่าพี่ติณห์แค่พยายามพูดให้ผมไม่นอยด์แดกไปอีกรอบ
“ถ้าพี่คบกับเน ผมจะเป็นหมาหัวเน่าเลยรึเปล่า” บอกให้ออกไปได้แล้วไง อะไรสิงวะเนี่ยยยย
“คุณจะบ้าเหรอวา” พี่ติณห์ตอบกลับมาพร้อมส่ายหัวรัวๆ
ใครจะไปรู้ ถ้าพี่ติณห์คบกับเนผมอาจจะเป็นหมาหัวเน่าจริงๆก็ได้
“แล้วคุณกับพิ้งค์ล่ะ” ผมเลิกคิ้ว
“ผมกับพิ้งค์? ทำไมครับ”
“คุณก็คุยๆกันอยู่ไม่ใช่เหรอ” ผมส่ายหัวพรืดทันที
“เปล่าครับ แค่พี่น้อง” พี่ติณห์หลิ่วตาแบบโครตจับผิดใส่ผม
“ผมพูดจริงๆครับ ถ้าผมชอบพิ้งค์ผมก็บอกพี่ตรงๆไปแล้ว” ผมตอบไปตามความจริง ผมไม่ได้คิดอะไรกับพิ้งค์เลย แม้แต่นิดเดียวก็ไม่มี แค่รู้สึกว่าเธอเป็นคนที่เก่งมากๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง
“ผมจะยอมเชื่อล่ะกัน” พี่ติณห์ตอบ ก่อนที่จะเอื้อมมือมาคีบไส้กรอกจากถ้วยผมไปกิน
“พี่ถามทำไมครับ” ผมถามกลับไป พี่ติณห์ไม่ได้ตอบกลับมา นี้เราผลัดกันไปตอบใช่ไหมอ่ะ
“พี่ก็กลัวเป็นหมาหัวเน่าเหมือนกันใช่ไหมล่ะ”
สรุปว่าอะไรสักอย่างที่สิงผมมันก็ไม่ยอมออกไปจริงๆสินะ
“วา! อาจารย์เกดเรียกพบอ่ะ” ผมเลิกคิ้วใส่ไอ้เพชรที่ตะโกนบอกผม
“มีอะไรอ่ะ” เพชรยักไหล่
“ไม่รู้ดิว่ะ ลองไปหาดูดิ” ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะผละออกมาจากกลุ่มเพื่อน โชคดีนะที่อาจารย์ประจำคลาสนี้ยังไม่เข้า ผมเลยสามารถแว่บไปหาอาจารย์เกดได้
“อาจจะเรียกไปชมรึเปล่าครับ” ไอ้พีทที่นั่งอยู่ข้างๆคงได้ยินบทสนทนาทุกอย่างก่อนที่จะหันมาแซวผม เพราะว่าอาจารย์เกดเป็นอาจารย์ประจำคลาสพิเศษ ที่พวกผมต้องทำโมบ้านนั้นแหละครับ และเมื่อเช้าเราก็พึ่งส่งโมไปเองด้วย
“เว่อร์ล่ะๆ” ผมตอบมันกลับไป และผละออกมา บางทีผมอาจจะบอกเลขประจำตัวนิสิตไม่ชัดหรืออะไรแบบนั้นรึเปล่า
“ขออนุญาตครับ” ผมโผล่เข้าไปแค่ครึ่งหนึ่งก่อน เมื่ออาจารย์เกดหันมาเห็นผมก็พยักหน้าให้เข้าไปได้
“อาจารย์เรียกผมมีอะไรรึเปล่าครับ” ท่าทางจริงจังของอาจารย์ทำให้ผมเข้าโหมดจริงจังไปด้วย
“อาจารย์ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ไงนะวรมินทร์” อาจารย์พูดแค่นั้นก่อนที่จะส่งไอแพดที่อาจารย์ดูอยู่มาให้ผม ในนั้นเป็นโพสต์ของใครสักคนหนึ่ง แต่สิ่งที่สะดุดตาผมที่สุดคงเป็นรูปภาพในโพสต์นั้นที่เป็นรูปแปลนและภาพโมเดลของผมเอง
“จารย์ไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอโกรธเกลียดอะไรอาจารย์รึเปล่าถึงได้ทำแบบนี้” ผมเข้าใจเรื่องที่อาจารย์จะพูดทันที
“ผมไม่ได้ก๊อปงานมาส่งนะครับอาจารย์” ไม่มีทางจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
“จารย์ก็ไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนั้นหรอกนะ แต่เธอก็รู้กฎของจารย์ดีใช่ไหม” กฎของคลาสนี้คือห้ามก๊อปงานที่มีรูปในอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด จริงๆก็ไม่ใช่แค่คลาสนี้ แทบจะทุกคลาสเลยด้วยซ้ำ สถาปัตย์เป็นคณะที่เราต้องคิดและทำทุกอย่างออกมาด้วยตัวเราเอง อาจจะดูงานของคนอื่นเป็นแรงบันดาลใจได้ แต่ไม่ใช่การก๊อปงานของคนอื่นมาแน่นอน
“ครูคงต้องให้เธอลงเรียนใหม่”
“แต่อาจารย์ครับ นี้มันความผิดครั้งแรกของผมนะครับ แถมเรายังพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าผมก๊อปงานของคนอื่นมา และผมมั่นใจมากๆว่าผมทำงานชิ้นนี้ด้วยตัวเอง” ผมอดหลับอดนอนกับมันมาตั้งเยอะนะ
“ประเด็นคือ ไม่ว่าเธอจะก๊อปมารึเปล่า แต่มันไม่ควรหลุดไปอยู่ในอินเตอร์เน็ตก่อนที่จะส่งอาจารย์ เธอเข้าใจไหม”
“...อาจารย์ขอโทษนะวรมินทร์”
ผมเดินกลับมาที่คลาสด้วยความหงุดหงิดที่พร้อมระเบิดสุดๆ ผมต้องลงเรียนคลาสพิเศษใหม่ในเทอม2 ต้องยอมติดF ต้องอดเกียรตินิยม เพียงเพราะภาพแปลนของผมหลุดออกไปในอินเตอร์เน็ต
และผมส่งภาพให้แค่คนๆเดียว
“เป็นไงมึงงงง อาจารย์ไม่เข้าด้วยแหละ” เสียงไอ้พีทดังขึ้นมาทันทีที่ผมเดินเข้าไปถึง ผมไม่ได้สนใจประโยคนั้น เพียงเดินเข้าไปหามันและส่งโทรศัพท์ที่เปิดโพสต์นั้นอยู่ให้มันดู
“เหี้ยไรวะ...” พีทบ่นออกมา ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่แม่ง... โครตหงุดหงิด
ตึง
“กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเหี้ยอะไร” เพราะหงุดหงิดมากๆผมเลยลงกับการตบโต๊ะไปหนึ่งที ทำให้พีทเลื่อนสายตามามองผมทันที
“มึงคิดว่ากูทำเหรอวะ”
“กูส่งภาพให้มึงคนเดียว”
“มึงก็เลยคิดว่ากูทำใช่ป่ะ! กูจะปล่อยภาพแปลนมึงออกไปทำไมวะ” ไอ้พีทลุกขึ้นมายืนเถียงกับผมแล้ว
“กูบอกว่ากูส่งภาพให้มึงคนเดียว” ไอ้พีทเองก็ดูหงุดหงิดไม่ต่างจากผม
“ถ้ามึงปักใจว่ากูเป็นคนทำ แล้วต้องการอะไรจากกูวะ” สายตาที่โครตจะเจ็บปวดจากพีท ทำให้ผมยกมือขึ้นมาเสยผมลวกๆ แม้แอร์จะเย็นขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดอารมณ์กรุ่นโกรธในใจผมได้เลย
“กูติดF ต้องลงเรียนใหม่ นี้คือสิ่งที่มึงรับผิดชอบเหรอวะ” พีทขมวดคิ้วจนยุ่งไปหมด ต่างจากผมที่ตีหน้านิ่งแม้จะโกรธจนแทบตาย แต่เพราะผมรู้ดีว่าไอ้พีทมันเกลียดหน้านิ่งๆแบบนี้ของผมขนาดไหน ผมถึงได้ทำ
“กูไม่ได้ทำ! จะให้กูรับผิดชอบเหี้ยไรวะ” พีทคงหมดความอดทนกับผมแล้ว เพราะมันพุ่งตัวมาคว้าคอเสื้อผมไว้
“มึงก็เป็นแบบเนี่ย ไม่เคยรับผิดชอบเหี้ยไรสักอย่าง” พีทขบฟันแน่นจนน่ากลัว ผมแปลกใจอยู่นิดหน่อยที่มันไม่ปล่อยหมัดใส่หน้าผมสักที
“มีแต่กูใช่ไหม ที่ต้องคอยแก้ปัญหา คอยรับผิดชอบเรื่องที่มึงทำ!” ผมตะโกนใส่หน้ามัน เพื่อนๆกำลังล้อมรอบผมกับพีทไว้ แต่ไม่มีใครเข้ามาห้ามสักคน ซึ่งนั้นก็ดีแล้วล่ะ ผมอยากเคลียร์กับไอ้พีทให้จบก่อนมากกว่า
“กูคงผิดเองอ่ะ ที่ดีไม่เท่ามึง” พีทปล่อยคอเสื้อผมลง ไม่ได้แม้แต่จะต่อยผมสักหมัดด้วยซ้ำ ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่จ้องหน้ามันแบบนั้น จนพีทเป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อน
“หลบ!!!” พีทเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงผมที่ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น
“มีเรื่องอะไรกันเหรอวา” ปายเป็นคนเข้ามาถามผม แต่ผมยังไม่อยากคุยกับใครตอนนี้ จึงเพียงแค่เดินแยกออกมาเท่านั้น
ผมต้องไปทำบุญแล้วมั้ง
ผมนั่งนิ่งๆอยู่ร้านกาแฟใต้หอมาชั่วโมงกว่าแล้ว หลังจากทะเลาะกับพีทผมก็ไม่ได้กลับมาเข้าเรียนอีก โชคดีที่วันนี้ไม่มีเข้าเชียร์ด้วย เพราะผมไม่รู้จะไปปั้นหน้าเจอไอ้พีทยังไงที่ห้องเชียร์
ผมกับพีทสนิทกันตั้งแต่ปี1 พีทเป็นคนเดินเข้ามาทักผมก่อน เพราะผมเดินวนไปวนมาอยู่ที่เดิมตั้งสามสี่รอบ มันก็เลยเข้ามาช่วย หลังจากรู้ว่าอยู่คณะเดียวกัน แถมยังสาขาเดียวกัน เราก็สนิทกันด้วยความรวดเร็ว อาจจะเพราะผมเป็นคนเงียบๆ ยังไงก็ได้ กับไอ้พีทที่เป็นคนพูดมากสุดๆ เราก็เลยเข้ากันได้ดี ตลอดสามปีที่สนิทกันมา พีทมักจะหาเรื่องมาให้ผมตลอดเวลา ตั้งแต่ทำงานไม่ทัน จนจีบสาวที่มีแฟนแล้วให้ผม
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนปีสอง ผมโดนแฟนของผู้หญิงคนนั้นต่อยด้วยแหละ แต่ไอ้พีทก็ยำเขาซะเละเหมือนกัน เรื่องของเรื่องคือผมกับพีทไม่รู้ว่าเธอมีแฟนแล้วนะครับ ถึงแม้เรื่องคราวนั้นจะยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราโกรธกัน
ทุกครั้งที่พีททำผิด มันจะขอโทษผมเสมอ และผมก็ไม่ติดใจอะไรกับคำขอโทษหรอก มันขอโทษก็จบเท่านั้นเอง
แต่ครั้งนี้มันไม่แม้แต่จะพูดคำว่าขอโทษที่มันพูดบ่อยๆ
ผมรู้ว่าถ้าพีทเป็นคนปล่อยรูป มันก็คงจะปล่อยไปนานแล้ว เพราะนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมส่งภาพแปลนให้มัน แต่ผมถือว่ารูปอยู่ในการควบคุมของมัน ไม่ว่าใครก็ตามที่เอารูปไปลงได้ มันต้องได้รูปมา ไม่จากผมก็พีท และมันไม่ใช่ผมแน่นอน
ผมถึงได้โกรธที่มันไม่คิดจะทำอะไรสักอย่าง
หรือแม้แต่ขอโทษผมสักคำ
ผมนั่งมองน้ำแดงที่สั่งมาแต่ไม่ได้กินสักอึกจนตอนนี้มันละลายจนแทบจะล้นแก้วออกมาอยู่แล้ว
โทรศัพท์ยังคงสั่นอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้ผมไม่ได้ปิดโทรศัพท์เพียงแค่ปิดเสียงไว้และปล่อยให้มันสั่นไปมาบนโต๊ะเท่านั้น
“ร้านจะปิดแล้วนะคะ” ผมยิ้มบางๆที่โครตฝืนให้พี่พนักงานก่อนที่จะคว้าแก้วน้ำและเดินออกมาจากร้าน
ว่าแต่ผมจะหยิบแก้วน้ำออกมาทำไม ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจจะกินอยู่แล้ว
ผมปล่อยตัวให้ล่องลอยไปเลื่อนๆและเดินไปกดเปิดลิฟต์
“อ้าววา” พี่ติณห์ยืนอยู่ในนั้น ผมเพียงแค่ยิ้มแบบเดียวกับที่ยิ้มให้พี่พนักงานคืนไปและเข้าไปยืนในลิฟต์ด้วย
น่าแปลกที่ลิฟต์ถูกกดไปชั้น6ตั้งแต่แรก
ลิฟต์เลื่อนขึ้นไปแล้ว แต่เราสองคนก็ยังคงยืนเงียบๆใส่กัน จนพี่ติณห์เลื่อนมือมาคว้าแก้วน้ำจากมือผมไปดื่ม ผมหันไปมองพี่ติณห์อย่างงงๆ เพราะว่าน้ำในแก้วเป็นน้ำแดง และมันก็ละลายจนเกือบหมดแล้วด้วย
“คุณผ่านไปได้อยู่แล้ว” พี่ติณห์ดูดน้ำเข้าไปตั้งเกือบครึ่งก่อนที่จะส่งแก้วคืนมาให้ผม พี่ติณห์น่าจะรู้เรื่องแล้วสินะ
“ผมไม่แน่ใจสิครับ” ผมตอบกลับไปอย่างเบาหวิว และรับแก้วน้ำกลับมาแต่ก็ยังคงไม่ได้กินเข้าไปอยู่ดี รอไม่นานลิฟต์ก็มาหยุดอยู่ที่ชั้น6 ผมก้าวออกมาจากลิฟต์โดยไม่ได้หันไปโบกมือลาพี่ติณห์ก่อน ผมอยากนอน อยากอาบน้ำ อยากลืมให้หมด
ผมเหนื่อยรึเกิน
แต่ผมก็ต้องหยุดความคิดไว้ เมื่อพี่ติณห์ที่ควรจะกดลิฟต์ขึ้นไปคว้าข้อมือผมไว้
“ไม่เป็นไรนะ” พี่ติณห์เลื่อนมือมาลูบหัวผมเบาๆ นี้มันเหมือนจุดอ่อนของผมแล้วอ่ะ ทุกครั้งที่พี่ติณห์ลูบหัว ผมก็รู้สึกว่ากำแพงที่โครตบางของผมมันพังทลายไปหมด เหมือนผมไม่จำเป็นต้องทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าคนๆนี้
ทุกอย่างถูกปลดล็อค ผมดึงพี่ติณห์เข้ามากอดและซบหน้าลงกับไหล่กว้างนั้น ผมหลับตาลง ปล่อยให้ความอบอุ่นของพี่ติณห์ช่วยไล่ความหนาวเหน็บในใจผมออกไป พี่ติณห์ดูตกใจไม่น้อยที่ผมกอดเขา แต่ก็ไม่ได้ผลักผมออก ซึ่งผมขอบคุณมากๆ
ถ้าพี่ติณห์ผลักผมออก ผมคงไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี
“ไม่เป็นไรนะ” พี่ติณห์พูดประโยคเดิมซ้ำๆและลูบหัวผมไปมา มันอาจจะแค่คำพูดสั้นๆที่ช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่สำหรับผม
แค่นี้ก็มากพอแล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรารักวานะ 55555 แต่วาจะต้องเจออะไรแบบนี้ไปอีกเยอะเลยลูก ชีวิตจะวนเวียนอยู่แต่เรื่องขัดใจไปๆมาๆเนี่ย แต่วาจะผ่านไปได้ อย่างที่พี่ติณห์บอกแน่นอน วาเป็นตัวละครที่รักคนอื่นมากๆแต่ก็เก็บความรู้สึกมากๆบางทีครั้งนี้พีทอาจจะมองไม่เห็นก็ได้ (ฮือออออ) ขอย้ำอีกทีว่ารักวานะ และจะชวนวาไปทำบุญด้วย 555555555
เจอกันวันที่7นะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รีบๆมาต่อนะค่ะ สนุกมากกกก
ถ้ากูรู้นะ จะไปเผาบ้านแม่งเลย