ตอนที่ 1 : prologue
1
“ถ้าจะต้องพูดขอบคุณ คงต้องขอบคุณน้องๆทั้งที่เป็นสายรหัสและไม่ใช่ เพราะทุกคนช่วยพี่เลยทำให้พี่ทำงานส่งทัน คือถ้าพวกแกไม่ช่วย พี่ก็คงไม่จบอ่ะ ถึงจะต้องอดหลับอดนอนแต่ก็ขอบคุณมากที่ยังอุตสาห์ช่วยพี่จนผ่านพ้นไปนะ”
เสียงจากผู้ชายบนเวทีที่ผมเรียกตั้งแต่รู้จักว่า พี่ กำลังกล่าวคำลาในฐานะของประธานรุ่น95 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้พิธีรีตองอะไรมากตามแบบฉบับ แต่พี่เขาพูดสิ่งที่อยากพูดไปเรื่อยๆแบบนี้ ผมว่าเรียลกว่าการต้องมานั่งประดิดประดอยคำให้สวยหรู และผมก็แน่ใจว่าคนในหอประชุมต้องคิดเหมือนผมแน่
“ใช่สิว่ะ กูไม่ได้นอนสองวันเต็มๆเพราะช่วยธีสิสพี่ไผ่เนี่ย” ยกเว้นไอ้ที่ยืนข้างๆผมไว้คนหนึ่งแล้วกัน มันเป็นเบ๊พี่ไผ่มาตั้งแต่ก้าวขาเข้ามาในมหาลัยนี้ จะไม่ให้มันบ่นเลยก็คงจะเก็บกดไปสักหน่อยล่ะนะ
ก็พี่ไผ่เป็นปู่รหัสมันนี้นะ
“สุดท้าย... ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตหนึ่ง คนๆนี้... ได้รู้จักคำว่าเพื่อนตาย”
เสียงตบมือดังกึกก้องขึ้นมาเมื่อพี่ไผ่พูดจนจบ พูดได้ซึ้งกินใจจนอยากจะร้องไห้โชว์เลยจริงๆ
“พี่โก้ไม่ได้พูดเหรอวะ” พีทหันมาถามผม ซึ่งผมก็ส่ายหัวตอบไป
“มึงคิดว่าพี่โก้เนี่ยนะจะพูด” พี่โก้ ปู่รหัสรุ่น95ของผมเอง กำลังรวมกลุ่มถ่ายรูปโดยที่เจ้าตัวไม่ได้พูดกล่าวคำรู้สึกเลย พี่โก้นะ ถึงจะเป็นคนที่ทำงานในรุ่นเยอะพอๆกับพี่ไผ่ แต่เจ้าตัวกลับขี้อายมากกว่าที่เห็น ถ้าไม่รู้จักก็แทบไม่พูดเลยด้วยซ้ำ ถ้าถามว่ารู้จักล่ะ...
นอกจากพูดมากแล้วยังใช้งานเยอะอีกครับ
“ไปรอข้างนอกป่ะ” ไอ้พีทยืนมองอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนที่จะหันมาชวนผม เมื่อเห็นว่าพวกพี่จะทยอยออกจากหอประชุมในไม่ช้า ผมไม่ได้ตอบพีทกลับไป เพียงแค่เดินนำออกมาเท่านั้น ข้าวของที่แบกมาให้ปู่รหัสก็ต้องกอดเอาไว้ก่อน ถ้าจะให้เบียดเข้าไปให้ล่ะก็... ผมไม่ให้ยังจะดีกว่า
“หวัดดีคร้าบ มารับพี่รหัสเหรอพี่” ผมกับพีทตรงเข้าไปทักพี่รุ่น 97 ที่นั่งรวมกลุ่มกันอยู่ข้างนอก
“เออสิว่ะ เฮียแกสั่งว่ายังไงก็ต้องมาๆ พวกกูก็เลยต้องแบกร่างมา” พี่เมฆ เจ้าของตำแหน่งพี่รหัสของผมเองหันมาตอบและคว้าคอผมไปกอด ตอนนี้เองที่ผมพึ่งได้กวาดสายตาดูรอบๆว่าไม่ได้แค่พี่รุ่น97 แต่ยังมีรุ่น98แบบผมและน้องรุ่น99อีกด้วย ภายในโต๊ะจึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน และแน่นอนว่า เก้าอี้จำนวนน้อย ไม่เพียงพอกับผู้ชายตัวใหญ่ๆนับสิบคนแบบพวกผมแน่ แต่ทุกคนก็ยังพยายามเบียดๆกันจนเหลือช่องว่างให้ผมกับพีทนั่งจนได้
“แล้วเป็นไง สุนทรพจน์ของพี่ไผ่ เวิร์คป่ะ” พี่เมฆหันมาชวนผมคุยอีกครั้ง
“ก็ดีพี่ เขียนมาดี” ผมไม่ได้ตอบหรอกครับ ไอ้พีทมันแย่งผมพูดไปก่อน
“เออ เห็นว่าคิดตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม มึงอย่ายอมนะตินติน” เจ้าของชื่อตินตินของเพื่อนๆโบกมือปัดๆเป็นเชิงให้ผ่านเขาไป ผมขำกับท่าทางปลงตกกับเพื่อนสนิทของพี่เตชินท์ ใช่ครับ จริงๆพี่เขาไม่ได้ชื่อตินติน แต่ชื่อว่าติณห์ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ เพื่อนนับร้อยขนาดนี้ พอเจ้าตัวแนะนำตัวว่าชื่อติณห์ เพื่อนๆทุกคนก็จัดการตั้งชื่อตินตินให้ใหม่ เพื่อแก้ปัญหานั้น พี่ติณห์เลยบังคับให้น้องทุกคนเรียกว่าเตชินท์มันซะเลย
ผมเองก็เรียกพี่เตชินท์มาตั้งแต่เฟรชชี่เลย
“อีก2ปีพี่เตชินท์ขึ้นใช่ป่ะครับ” ไอ้เก่งน้องรุ่น 99 พูดขึ้นมา
“แน่นอนสิเก่ง ถ้าไม่ใช่ตินตินจะใคร” พี่เตชินท์ยังคงพูดไม่ทันพี่เมฆเหมือนเดิม แต่คราวนี้เจ้าตัวส่งมือไปตบหัวเพื่อนงามๆหนึ่งที
“ยังไม่รู้เลย แต่เลือกได้พี่ก็ไม่อยากขึ้นนะ” ในที่สุดพี่เตชินท์ก็ได้พูดกับเขาสักที
“ขึ้นไปถ่ายรูปเฉยๆแบบพี่โก้ดิพี่” ผมเสนอ
“คงงั้น” พี่เตชินท์ตอบกลับมา
“ว่าแต่พี่เกลอ่ะ” ไอ้พีทถามคำถามที่ผมสงสัยออกมาซะก่อน พี่เกลลุงรหัสรุ่น96ของผม เจ้าของตำแหน่งน้องรหัสของพี่โก้กลับยังไม่มาซะอย่างนั้น
“กำลังมา เห็นพี่เกลบอกว่าต้องเอางานไปส่งก่อน” พี่เมฆหันมาตอบแทน
“ปี4นี้หนักขนาดที่วันรับปริญญาต้องตามส่งงานแล้วเหรอ” ผมโพล่งออกไป รู้สึกสยองเกล้าขึ้นมาทันที
“แน่นอนสิว่ะ คนที่รับคือพี่ปี5ไม่ใช่ปี4ซะหน่อย” พี่เมฆตอบผมอีกครั้ง ทั้งๆที่จะเป็นว่าที่ปี5อยู่แล้วเนี่ยนะ... ผมลอบปาดเหงื่อ คิดภาพตัวเองต้องวิ่งแบกของให้พี่เมฆแถมยังต้องไปส่งงาน จะตายก่อนไหมเนี่ย
จบงานรับปริญญาก็ซัมเมอร์แล้วแท้ๆ
พูดถึงซัมเมอร์ มันก็ต้องไปเที่ยวทะเลใช่ไหมล่ะ นี้ผมกับเพื่อนก็แพลนเที่ยวไว้แล้วนะ
จะว่าไปถ้าพี่เกลมาถึง สายรหัสผมก็ครบองค์ประชุมเลยแหะ ผมนึกขึ้นมาได้ตอนหันไปเห็นไอ้แจนนั่งเบียดอยู่ริมโต๊ะ
เพื่อช่วยลดความสับสน ผมจะบรรยายให้ฟังอีกทีล่ะกัน
ผมเป็นนิสิตปี2 รุ่น98 ที่กำลังจะขึ้นปี3ในไม่กี่เดือนนี้ พี่รหัสของผมชื่อพี่เมฆ เป็นว่าที่ปี4 รุ่น97 ลุงรหัสของผมหรือพี่รหัสของพี่เมฆชื่อพี่เกล ว่าที่ปี5 รุ่น96 และปู่รหัสของผมหรือพี่รหัสของพี่เกล คือพี่โก้ บัณฑิตที่พึ่งจบในวันนี้ เป็นรุ่น95 รวมถึงน้องรหัสของผม ไอ้แจน ว่าที่ปี2 รุ่น99
แน่นอนว่าคณะที่เปิดสอน5ปีแบบนี้
พวกผมเป็นนิสิตคณะสถาปัตยกรรม สาขาวิชาสถาปัตยกรรมหลัก
พูดชื่อคณะแล้วมันฮึกเหิมดีนะ
ผมดึงตัวเองออกมาจากภวังค์เมื่อทุกคนบนโต๊ะเปลี่ยนประเด็นมาเรื่องจะเซอร์ไพรส์บัณฑิตพึ่งจบหมาดๆยังไงดี
‘สรุปมึงไม่ลงซัมเมอร์ใช่ไหม’ ผมได้ยินประโยคนี้จากปากไอ้พีทรอบที่ห้าแล้ว
‘เอออออออ กูบอกรอบที่ล้าน’
‘ก็กูกลัวมึงลงแล้วทิ้งกู’
‘กูจะทิ้งมึงทำเหี้ยไร กูจะกลับบ้าน’ ผมตอบมันกลับไป กดเปิดลำโพงและเดินไปหยิบปากกาที่มีตุ๊กตารูปม้าหมุนติดอยู่ตรงปลายด้าม ผมได้มาตอนไปสวนสนุกกับเพื่อนตั้งแต่ตอนเปิดเทอม2ใหม่ๆ ตั้งใจว่าจะเอากลับไปแกล้งแมวที่บ้านซะหน่อย เกือบลืมล่ะไง
‘มึงไม่ลงก็ดี อย่าให้กูรู้ว่ามึงไปแอบลงนะ’
‘ไม่ลงโว้ย จะกลับบ้าน นี้กูเก็บของเสร็จล่ะ’ ผมหันกลับไปมองกระเป๋าสะพายใบเก่งที่บัดนี้ถูกอัดแน่นไปด้วยข้าวของ
‘เออดี เจอกันก่อนเปิดเทอม’
‘เออ’ พีทตัดสายไปทันทีหลังจากผมตอบรับมันเสร็จ เหตุผลที่พีทบอกว่าเจอกันก่อนเปิดเทอมก็เพราะว่า พวกผมมีแพลนไปทะเลกันอย่างที่เคยเกริ่นไว้แล้ว
ตอนนี้ช่างทะเลมันก่อน กลับบ้านกันดีกว่า
ผมหยิบกล้องตัวเก่งขึ้นคล้องคอและหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เช็คภายในห้องอีกครั้งก่อนที่จะเดินออกมา
บ้านผมอยู่เพชรบูรณ์ครับ อยู่กลางเขาสุดๆ ถ้าผมกลับบ้านเนี่ยใครจะติดต่อผมก็จะยากเข้าไปอีกหลายสิบเท่าเลย แต่สำหรับผมมันคือข้อดีนะ ผมอยากใช้เวลาไปกับการอยู่เงียบๆบ้าง
ผมชะงักขาที่กำลังก้าวเมื่อลงมาชั้นล่างและเจอพวกพี่ๆนั่งกันอยู่หน้าร้านกาแฟเต็มไปหมด
เขามีงานอะไรแล้วผมไม่รู้ป่ะวะ
ผมเดินเข้าไปหาพวกพี่ทันที ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทักทายกันอยู่แล้ว เดี๋ยวจะถูกตราว่าไม่มีมารยาทกับรุ่นพี่นะครับ
“พวกพี่มาทำไรกันอ่ะ” ผมโพล่งออกไป พี่ทั้งกลุ่มหันมาทางผม พี่เมฆเป็นคนแรกที่ผมเห็น เขามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าและมองเท้าจรดหัวอีกรอบหนึ่ง อะไรวะนั้น...
“แน่ใจเหรอ?” มองผมเสร็จพี่เมฆก็หันกลับไปพูดกับเพื่อนในกลุ่ม เล่นเอาผมถึงกับงงเข้าไปใหญ่ พี่เตชินท์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผม กำลังกินชาเขียวอยู่ ผมไม่แปลกใจที่เจอพี่เตชินท์เท่าไร ผมรู้อยู่แล้วว่าพี่เตชินท์อยู่หอเดียวกับผม และก็มักจะเจอพี่เขาที่ร้านกาแฟใต้หอบ่อยๆด้วย แต่ที่แปลกใจคือตั้งแต่ผมอยู่หอมา ผมยังไม่เคยเจอกลุ่มพี่เตชินท์มาชุมนุมกันหน้าร้านกาแฟขนาดนี้มาก่อนเลย
“ทำไงได้วะ พี่เขาสั่งมา” พี่อิฐทำลายความเงียบขึ้นมาอีกครั้ง แถมยังทำนิ้ววนๆเป็นเชิงให้ผมหมุนตัวอีกด้วย ผมขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่ แต่ก็ดันยอมหมุนตัวตามที่พี่อิฐสั่ง
“ไม่เลวร้ายหรอก” พี่ว่านพูดปิดท้ายออกมา ตอนนี้คือพี่ทั้ง4คนบนโต๊ะยังคงมองผมชนิดเดียวกับคำว่าจับจ้อง ผมที่ยืนเป็นแบบให้พี่เขาสำรวจอยู่สักพัก ก็เริ่มไม่เข้าใจว่าตัวเองจะมายืนหมุนๆตรงนี้ทำไม
“ผมไปก่อนนะพี่” ชิ่งก่อนดีกว่า
“เดี๋ยวสิว่ะ กูยังไม่ได้คุยกับมึงเลย” พี่ว่านที่นั่งติดผมที่สุดเข้าประชิดตัวผม กดให้ผมนั่งลงที่เขาและเขาก็ยืนจับไหล่ยึดผมเอาไว้อีกที
“อะไรของพวกพี่” ผมบ่นออกมา เริ่มหงุดหงิดกับการอมพะนำของพวกพี่ๆขึ้นมานิดหน่อย
“แต่ใจร้อนไปหน่อยป่ะวะ” แถมประโยคต่อมายังไม่ได้ตอบคำถามผมอีกด้วย ผมทำตาตี่ใส่พี่อิฐและสวนออกไปทันที
“ไม่ใช่แค่ใจนะพี่ อากาศก็ร้อนด้วย” คราวนี้ทั้งโต๊ะถึงกับกริบเลย
“มุกควายมาก เลิกเดี๋ยวนี้กูสั่ง” และพี่เมฆก็ทำลายความเงียบขึ้นมา
“ก็อะไรของพวกพี่ล่ะ ผมจะกลับบ้าน” เล่นมุกก็แป้กอีกชีวิต
“กลับบ้าน ไม่ลงซัมเมอร์เหรอ?” พี่เตชินท์ทักขึ้นมา
“ไม่อ่ะครับ กลับบ้านดีกว่า” เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าการลงเรียนซัมเมอร์จะทำให้จบเร็วขึ้น แต่ใช้ไม่ได้กับคณะผมครับ ผมเลยไม่คิดจะลงอีกเลย
“น้องกลับบ้านนะพวกมึง” พี่เตชินท์หันไปบอกเพื่อนซ้ำประโยคที่ผมพึ่งพูดไป ว่าแต่สนใจผมกันแค่นี้เหรอ
“เออ แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อน” พี่เมฆสรุปและหันมามองผมอีกครั้ง
“มึงตั้งใจฟังกูดีๆนะวา” ผมพยักหน้ารับ รอฟังมานานแล้วเนี่ย ช่วงนี้ได้ยินคนเรียกแต่มึงๆ จนเกือบลืมไปแล้วว่าชื่อจริงๆของผมคือ วา ไม่ใช่มึง
แล้วผมชินมึงมากกว่านะ โดนเรียกชื่อจริงๆแล้วมันหวาดระแวงแปลกๆ
“พวกกูรับสารมาจากพี่96อีกทีนะ” ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง เป็นการอธิบายของพี่เมฆที่ช้าที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมาล่ะ
“เขาบอกให้พวกกูมาทาบทามมึง... เป็นเฮดว้ากของปีหน้า”
“ไม่เอา” ไม่ต้องรอจนพี่เมฆพูดจบ ผมก็พูดแทรกออกไปทันที ยอมรับแหละว่าตงิดๆตั้งแต่พวกพี่4คนมารวมตัวกันแล้ว ก็นี้มันแก๊งพี่ว้ากปีที่แล้วชัดๆ พวกพี่มองหน้าผมนิ่งๆกันอยู่อย่างนั้นสักพัก ถ้าอยากเอาตัวรอดจริงๆก็ตอนนี้แหละมั้ง
“ผมกลับก่อนนะพี่ ถ้าอยากให้ช่วยเสนอคนก็บอกได้ หวัดดีครับ” ผมรีบชิ่งบอกลาและไหว้ก่อนที่พวกพี่จะรู้สึกตัว แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง เมื่อพี่อิฐคว้าแขนผมไว้และกดให้นั่งอีกครั้ง
“มึงคิดก่อนก็ได้ไง พวกกูไม่รีบ” ผมถอนหายใจออกมา
“ผมคิดแล้วพี่ คิดดีแล้วด้วย”
“ไอ้ปฏิเสธทันทีนี้มันอะไรวะ กูตกใจนะ” พี่เมฆคงพึ่งหาสติตัวเองเจอก็ตอนนี้
“ก็ผมไม่อยากเป็นนนน พี่ดูหน้าผมนะ... หน้าอย่างนี้ให้ไปว้ากคนอื่นเหรอ” พวกพี่มองหน้าผมตามที่ผมบอกและยิ้มฝืนๆออกมา
“กูก็คิดเหมือนมึง แต่อย่างที่บอกว่า96สั่งมา พวกกูแค่รับสารและทำให้ได้เท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ตะขิดตะขวงใจสักหน่อย” พี่ว่านบ่น
“ผมก็รู้นะว่าผมก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ แต่ผมสร้างสิทธิ์ให้ตัวเองได้ครับ และผมขอใช้มันด้วย” สถาปัตยกรรมสอนผมว่าถ้ามันไม่มี ก็สร้างมันขึ้นมาซะ
“ทำไมไม่อยากเป็นเบอร์นั้นวะ” พี่อิฐถามผม ท่าทางของพวกพี่ทำให้ผมรู้ว่าพวกพี่พร้อมฟังผมแล้ว
“ผมเซนซิทีฟอ่ะพี่ ไม่ได้ตอแหลนะ แต่จริงๆ ให้ผมไปว้ากจนน้องร้องห่มร้องไห้หรือลงโทษน้องแรงๆ ผมเนี่ยจะร้องไห้แทนน้อง”
“แต่เราไม่ได้ว้ากสนุกๆนะเว้ย มันมีจุดประสงค์ของมันอยู่” พี่เมฆช่วยพูดอีกแรง
“ผมรู้พี่ ผมก็ว่ามันเจ๋งดี และผมมั่นใจว่าต้องมีคนเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าผมแน่นอน” ในหัวผมมีชื่อเพื่อนในภาคที่เหมาะกับตำแหน่งเฮดว้ากเป็นสิบ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเป็นผม
“อีกอย่าง... หน้าผมไม่โหดด้วย”
“มึงดูหน้าไอ้ติณห์ โหดมากมั้ง” พี่เมฆชี้นิ้วไปที่พี่ติณห์ ชาเขียวในแก้วของพี่เตชินท์โดนกินจนหมดไปแล้ว ทั้งๆที่พี่เขาควรจะเป็นคนที่ไซโคผมที่สุด แต่กลับเงียบและรับฟังเฉยๆซะงั้น ทำไมนะเหรอ ก็พี่ติณห์นะ...
เป็นเฮดว้ากของปีที่แล้ว
หรือพูดง่ายๆก็คือ ตอนผมปี2 พี่ติณห์เป็นเฮดว้ากปี3 และนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมพี่ติณห์ต้องมาด้วย (แม้จะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม)
“แต่มึงไม่ได้ว้ากคนเดียวนะเว้ย มันยังมีพี่ว้ากอีกตั้งเยอะตั้งแยะที่คอยช่วยมึงนะ” พี่ว่านยังคงหาเหตุผลมากล่อมผมต่อไป
“และก็มีคนอีกตั้งเยอะที่เหมาะกว่าผมด้วย” ผมย้ำอีกครั้ง
“กูพูดตรงๆนะวา พวกกูโดนสั่งมา และพวกกูก็ต้องเอามึงไปเป็นเฮดว้ากให้ได้ ถือว่าทำเพื่อพวกกูล่ะกัน” พี่เมฆแทบจะยกมือไหว้ผมแล้วครับ
“พี่เขาไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง” ไม่รู้จะพูดทำไม มันดูไม่ช่วยอะไรเลยนะว่าไหม
“ไม่ว่ากับผีอ่ะดิ ต้องกระทืบพวกกูจมดินแน่” ว่าแต่ทำไมพี่ดิน เฮดว้ากรุ่น96 ต้องมาเลือกผมเป็นเฮดว้ากด้วยวะ นี้ถ้าพี่เขาเลือกไอ้พีทผมจะไม่แปลกใจเลย เห็นพี่เขาสนิทกับมันรึเกิน
คณะของผมมีธรรมเนียมที่สืบทอดกันมานานและไม่มีใครคิดจะแก้ไขคือระบบการว้ากน้อง พี่ปี3ที่ว้ากน้องปี1จะมีสิทธิ์ได้เลือกว่าอยากให้น้องในรุ่นนั้นคนไหนเป็นเฮดว้ากตอนน้องขึ้นปี3 เป็นแบบนี้มานานนมแล้ว และก็เป็นที่รู้ๆกันโดยปริยายว่าถ้าใครถูกเลือก จะไม่สามารถปฏิเสธได้
แต่ผมจะทำเนียนเป็นไม่รู้ล่ะกัน
“เดี๋ยวผมลองถามพีทให้” เหมือนเคยได้ยินมันพูดว่าอยากเป็นว้ากอยู่นะ
“ไม่ได้สิโว้ย พี่ดินเขาสั่งมาชี้เฉพาะเลยว่าต้องมึงเท่านั้น” ผมถอนหายใจอีกครั้ง พยายามจะหาทางรอดจากการโดนบังคับนี้
“เอาเหอะถ้าน้องไม่อยากเป็นก็อย่าบังคับเลย” ทุกเสียงเงียบกริบ เมื่อพี่เตชินท์พูดออกมา พี่เตชินท์หันมามองหน้าผม
“พวกกูก็ผิดด้วยที่ไปบอกพี่ดินว่าจะเอาเด็กที่พี่เขาอยากให้เป็นเฮด มาเป็นเฮดให้ได้ เป็นขวัญกำลังใจสำหรับการฝึกงาน แต่กูก็แค่เห็นว่าพี่ดินเป็นคนว้ากมึง ยังเลือกมึงเป็นเฮดว้าก แถมตอนปี2มึงก็เป็นพี่เนียน ถ้าจะมีใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับประชุมเชียร์และการว้ากสุดๆ มึงก็เป็นคนต้นๆที่พวกกูจะคิดอยู่แล้ว แต่ถ้ามึงไม่อยากเป็นมากๆ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูบอกพี่ดินเอง” สรุปคือที่พยายามลากเหตุผลเป็นล้านมาพูดก็เพราะพวกพี่ไปบอกพี่ดินว่าจะเอาผมเป็นเฮดให้ได้เป็นขวัญกำลังใจการฝึกงานให้พี่เขาสินะ!
พี่เตชินท์ก็พูดถูกอยู่แหละ ตอนปี1พี่ดินเป็นคนว้ากผม พูดได้เลยว่าโครตพ่อโครตแม่กวนตีน เอะอะสั่งลุกนั่ง อากาศร้อนก็สั่งวิ่งรอบสนาม เอาเป็นว่าเจ้าตัวสามารถหยิบทุกอย่างมาลงโทษพวกผมได้ และกว่าจะได้รุ่นมาก็เล่นเอาสายตัวแทบขาด แต่พอการรับน้องจบลง พี่ดินก็เป็นรุ่นพี่ที่ดีคนหนึ่ง สุดท้ายพวกผมก็พร้อมใจกันพยายามลืมๆไปว่าเคยโดนกลั่นแกล้งมากมายขนาดไหนตอนอยู่ปี1 พอขึ้นปี2 หน้าที่หลักๆคือพี่สันทนาการ ที่คอยร้อง คอยเต้น คอยสอนน้องร้องเพลง ฟังดูก็ง่ายดี แต่ผมขี้เกียจไปปั้นหน้ายิ้มแย้ม คอยเต้น คอยร้อง คอยปลอบน้อง สุดท้ายผมก็เลยเลือกเป็นพี่เนียนแทนที่จะเป็นพี่สัน
แต่พอมาเป็นพี่เนียนจริงๆ ผมว่าผมก็คิดผิดอยู่นะ ลองคิดภาพว่าผมต้องโดนลงโทษแบบปี1อีกรอบหนึ่งดิ
อย่างน้อยๆผมก็ได้ใจพวกปี1มาเยอะ จนสนิทกับน้องรุ่น99แบบไอ้เก่ง ไอ้แจนแบบสุดๆ (ข้อเสียคือตอนนี้แม่งไม่เคารพผมแล้ว) ส่วนอีกข้อหนึ่งที่ผมนับว่าเป็นกำไรคือ ผมได้นั่งเก้าอี้คิงไซส์ดูการทำงานของพวกพี่ปี97 ที่ผมต้องยอมรับเลยว่าทุกคนทำได้ดีมากๆจริงๆ ไม่ว่าจะฝ่ายพยาบาล หรือฝ่ายพี่ว้ากเอง
ที่สำคัญ พี่เตชินท์เป็นพี่ว้ากที่ดีมากๆ ขนาดผมที่รู้จักพี่เขาอยู่แล้วยังเผลอกลัวเลยอ่ะ พวกน้องๆนี้กลัวพี่เตชินท์กันสุดๆ พี่เขาเหมาะกับหน้าดุๆได้ถึงขนาดนั้นได้ยังไง สำหรับผมที่โดนว้ากมาสองปีติด ไม่ว่าจะจากพี่ดินหรือพี่เตชินท์ มันทำให้ผมรู้เลยว่า เราแต่ล่ะคนจะมีสไตล์การว้ากไม่เหมือนกัน
อย่างพี่ดินนี้จะสไตล์กวนส้น ส่วนพี่เตชินท์จะนิ่งๆ แต่กรีดใจตรงๆเลย ประมาณนี้
“แต่มึงไม่ต้องคิดมาก ไม่อยากทำก็ไม่ต้องฝืน” พี่เตชินท์ตบบ่าผมนิดหน่อย ก่อนที่พี่เขาจะลุกนำเพื่อนๆออกไป
“ถ้าเปลี่ยนใจมาบอกได้นะ” พี่เมฆยังไม่วายบอกผมก่อนที่จะเดินจากไป
เปลี่ยนใจเหรอ... คงไม่หรอกมั้ง
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
หวัดดีค่า สำหรับเรื่องนี้แต่งสนองนี้ดตัวเองล้วนๆ เพราะอยากแต่งมากกกกจริงๆ 555 สิ่งที่อยากจะบอกก่อนที่จะเริ่มอ่านกันคือ อย่าไปซีเรียสกับรุ่นมากนัก เพราะมันอาจจะงงได้ 5555 แต่ถ้ามีคนสนใจเรื่องรุ่น เราก็อาจจะทำแผนผังน้องรหัส พี่รหัส ลุงรหัส ปู่รหัส ยันทวดรหัสอะไรเลยให้ก็ได้ ต้องรอดูก่อน สุดท้ายในแต่ล่ะตอนใช้เวลาแต่งฟุ่มเฟือยโดยใช้เหตุมากเพราะพยายามเรียบเรียงคำออกมาให้ดีที่สุด คงอีกสักพักกว่าจะลงล็อค ขอโทษไว้ก่อนเลยนะคะถ้าอัพช้า
ท้ายสุดไปอี๊ก ฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะ 5555
จะติชมอะไรบอกได้เลยนะคะ (อย่าติเรื่องตัวละครเยอะเลย เราพยายามแล้ว 5555 เดี๋ยวมันจะลดลงตามลำดับนะ)
เจอกันเร็วๆนี้นะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เป็นกำลังใจให้นะคะ
ถึงจะเคยอ่านแล้ว แต่ยังอ่านไม่จบ
และคิดว่าจะต่อจากที่ค้างไม่ได้ เพราะลืมไปแล้ว 555555 อ่านใหม่แหละ ดีสุดดด
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวขอไปอ่าน >>>กระดึบๆ