ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #27 : ชงแล้วดื่ม

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 546
      8
      11 ต.ค. 58

    27

              ผมไม่รู้หรอกครับแม่

              ผมตอบแม่ไปแบบนั้น ทั้งๆที่รู้คำตอบของคำตอบนั้นอยู่เต็มอก แต่จะให้ผมพูดยังไงล่ะ ถ้าจะให้ผมพูดว่า

              ผมเองครับ

              มันก็ไม่ใช่อ่ะเนอะ

              ปาร์ตี้จบแล้ว เราช่วยกันเก็บของสักพักก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมเข้าไปอาบน้ำและเดินออกมานั่งเล่นที่ระเบียบใหญ่ของชั้น2 บ้านซีนี้รวยระเบียงสุดๆเลยครับ ระเบียบในห้องนอน แล้วยังจะมีระเบียงใหญ่อยู่ข้างนอกอีก อากาศค่อนข้างเย็นลงมากๆเลยแหละครับ ตอนเที่ยงๆนี้เกือบ30องศา แต่ตอนนี้เหลือ23องศาเอง (ผมรู้เพราะพึ่งถามsiriเมื่อกี้) บรรยากาศกำลังเย็นสบายเลยล่ะ ผมเลยออกมานั่งเอ้อระเหยที่ระเบียงนี้ไง และที่สำคัญ ที่นี้ดาวสวยมาก ให้ผมนอนตรงนี้ก็ได้นะ ไม่น่าเสียเวลาจัดห้องเลย

              ผมนั่งหลับตาดื่มด่ำกับบรรยากาศไปแบบนั้นสักพัก จนรู้สึกได้ว่ามีคนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คงไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ ผมลืมตาขึ้นมาก็เจอคนที่ผมคิดอยู่แล้วกำลังตั้งหน้าตั้งตากับการเปิด...

              “เฮ้ยกินได้เหรอ” ผมคว้ามือมันไว้ก่อนที่มันจะเปิดสำเร็จครับ

              “ได้ดิ หรือมึงกินไม่ได้”

              “โถ่ กูเซียนมากไม่อยากอวด แต่กูหมายถึงเรากินกันที่นี้ได้เหรอ”

              “อื้ม นี้แม่กูเป็นคนหยิบให้เลยนะ” ผมมองกระป๋องเบียร์2กระป๋องในมือมันอย่างชั่งใจอยู่สักพัก แต่มันบอกเองนี้นะว่ากินได้ แล้วแม่ก็เป็นคนหยิบให้ด้วยใช่ป่ะ สักหน่อยล่ะกัน...

              “แม่กูสนับสนุนให้กินที่บ้านมากกว่ากินข้างนอกนะ ถ้าอยากกินแม่บอกให้กินที่บ้านมันซะเลย” เป็นแนวคิดที่ดีนะ กินที่บ้านไม่ต้องออกไปไหน ไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องการเดินทางอีก

              ผมรับกระป๋องเบียร์ที่เปิดแล้วมาจากซี บรรยากาศโครตเหมาะกับการจิบเบียร์

              “ที่นี้ดาวสวยนะ”

              “จริง กูเคยนั่งดูดาวตรงนี้จนหลับไปด้วย”

              “กูก็กำลังคิดว่าจะนอนตรงนี้อยู่เนี่ย”

              “ก็ดีนะ มึงจำวันที่กูชี้ดาวประจำราศีให้ดูได้ป่ะ”

              “ได้ดิ”

              “แล้วไหนดาวดวงนั้น” ผมหันไปมองแรงใส่มันทันที การที่จำวันนั้นได้ ไม่ได้หมายความว่าจะจำได้ป่ะว่ามันดวงไหน

              “ช่างดาวมันเถอะ” ซีมันขำ ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ผมชอบมองมันยิ้มครับ และผมก็คิดว่ามันรู้ตัวแหละ เพราะแม่งตั้งใจหันมาหาผมเลยเนี่ย

              เฮ้อน่ารัก

              คุณจะไม่ได้ยินคำนี้จากผมอีกแล้วครับ

              “แล้วบ้านกูเป็นไงเหมือนละครช่อง3ตอนเย็นๆป่ะ” ละครช่อง3ตอนเย็นๆมันยังไงวะ

              “ยังไงวะ”

              “ก็พวกลูกบ้านนู้นชอบลูกบ้านนี้ ลูกบ้านนั้นคบกับบ้านนี้” อ้อออออ ช่างเปรียบว่ะ

              “ฮ่าๆ นิดหนึ่ง”

              “ตลกเนอะ”

              “ไม่นะ ก็ดูเป็นเสน่ห์ป่ะวะ หมู่บ้านมึงจริงๆจะมีกี่หลังเอง ลูกบ้านนู้นบ้านนี้จะรักกันก็ไม่แปลกนะ”

              “แต่กูกับฟ้าไม่มีอะไรนะ” เอ๊ะแบบนี้เขาเรียกร้อนตัวป่ะ

              “ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยจา อย่าร้อนตัวสิจา”

              “เปล่าเว้ยยย”

              “มันจะมีไรได้ไง กูนั่งอยู่นี้” ไอ้ซีมันทำปากเป็นคำว่า ง่อวววววววววว ครับ

              “เชื่อป่ะ พรุ่งนี้แม่กูต้องปลุกแต่เช้าแน่เลย”

              “เพราะ?”

              “กุหลาบจะบานอ่ะดิ” ผมมองมาสักพักล่ะครับแต่ไม่แน่ใจว่ามันคือต้นอะไร ถัดจากบริเวณที่เราปิกนิกกันเมื่อกี้ (เหมือนนะผมว่า) ก็เป็นสวนของต้นอะไรสักอย่าง ขนาดย่อมๆถึงใหญ่เลยแหละครับ แม่คงจะปลูกไว้ ดูจากท่าทางแล้วคงชอบต้นนี้มากๆเลยด้วย เพราะมีแค่ต้นแบบนี้แบบเดียวเท่านั้นครับ

              “แม่คงจะชอบกุหลาบมากเลยเนอะ”

              “โครตอ่ะ แม่ชอบเรียกทุกคนในบ้านออกมาดูตอนมันบาน แล้วกูก็ไม่เข้าใจนะว่าทำไมไอ้กุหลาบนี้ต้องมาบานตอนเช้าๆ”

              “แต่มึงก็ยอมลุกไปดูอยู่ดีใช่ป่ะ”

              “ก็เออ เดี๋ยวแม่งอน” ผมชอบความสัมพันธ์ของครอบครัวซีนะ

              “แม่ชอบเล่าให้ฟังว่าตอนพ่อจีบแม่นี้เสียตังซื้อกุหลาบไปหลายบาทเลย สุดท้ายพอจีบติดเลยซื้อต้นมาให้ปลูกเลย”

              “ฮ่าๆ แล้วถ้าจะจีบพี่มึงต้องเอาอะไรไปให้อ่ะ” ซีมันยื่นมือมาผลักหัวผมนิดหน่อย

              “กัสอ่ะนะ อุปกรณ์ทำขนมมั้ง พวกแป้งข้าวโพด แป้งอเนกประสงค์ อะไรงี้มั้ง แต่ห้ามซื้อแบบที่เสร็จแล้วนะ เพราะนางจะทำเอง” ผมขำ

              “พี่กัสเขากะจริงจังเลยใช่ป่ะวะ”

              “เออดิ ลองผิดลองถูกมาไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้วเนี่ย”

              “ทำไมไม่เปิดร้านขนมไปเลยอ่ะ” หลังจากที่ลองกินทาร์ตบลูเบอรี่ฝีมือพี่กัสไปเมื่อตอนเย็นก็ต้องยอมรับเลยแหละครับว่าอร่อยจริงๆ อร่อยแบบที่น่าจะเปิดร้านได้สบายๆแล้วยิ่งพี่เขาชอบทำขนมอยู่ตลอดอย่างนี้ด้วย

              “กัสก็คงอยากเปิดแหละ แต่ยังไม่กล้าพูดออกมาอ่ะ เห็นแบบนั้นแต่มันเป็นคนเก็บเรื่องเล็กๆมาคิดอยู่ตลอดเวลาเลยอ่ะ ตอนนี้คงมีเรื่องที่คิดว่ายังเป็นอุปสรรคต่อการเปิดร้านอยู่มั้ง”

              “เหมือนมึงเลยเนอะ... คิดเล็กคิดน้อย”

              “อื้มมม”    

              “แล้วถ้าจะจีบมึงงี้ ต้องเอาอะไรมาให้อ่ะ” ผมก็ไม่เข้าใจหรอกครับว่าทำไมวันนี้ผมเสี่ยวขนาดนี้...

              “จะจีบทำไมอ่ะ ติดแล้วนิ” ง่อววว สรุปว่าไม่ค่อยต่างกันเท่าไรอ่ะครับ

     

              ซีพูดถูกครับ

              ผมโดยแม่ซีปลุกตั้งแต่6โมงกว่า รู้สึกดีขึ้นมานิดหนึ่งเพราะไอ้ซีโดนปลุกให้ตื่นด้วยกัน ถามว่าคุ้มไหม ก็ดีนะครับ สวยดี กุหลาบหลากสีบานสะพรั่งไปหมด สวยจนผมถ่ายรูปไปหลายรูปและโดยถ่ายไปหลายรูปเหมือนกัน หลังจากถ่ายรูปเสร็จ เราก็ต้องอัพลงอินสตราแกรมกันหน่อย ก่อนที่ไอ้รูทจะโทรมาบ่นเรื่องที่มันต้องไปติวแล้วผมชีวิตดีรึเกิน

              นี้กูผิดใช่ไหมเนี่ย

              จะว่าไปก็มีแค่ไอ้รูท ไอ้เฟรม ไอ้ยะเท่านั้นเองนะที่รู้ว่าผมมาเชียงราย คนที่บ้านผมยังไม่รู้เลยเนี่ย ทำไมดูเป็นเด็กเลวขนาดนี้

              “ดูดีป่ะ” สิ่งที่น่าแฮปปี้อีกอย่างคือ พี่กัสมักจะทำขนมต่างๆมาประเคนผมตลอดเวลา อย่างเช่นตอนนี้ก็เป็นของง่ายๆอย่างบราวนี่ ผมได้เข้าไปช่วยด้วยแหละ แล้วก็คิดว่ารอกินดีกว่าเลยหนีออกมาเงียบๆ ขนาดทำง่ายๆของพี่กัสผมยังว่ามันยากเลยครับ

              เวลาสายๆของบ้านซีคือเวลาที่เกือบทุกคนในบ้านมานั่งดูละครกันครับ เป็นละครของเมื่อคืนที่นำกลับมาฉายนั้นแหละ ผมว่ามันเป็นภาพที่โครตอบอุ่นเลยอ่ะ ทุกคนอยู่ในห้องนั่งเล่น ดูทีวี กินขนมที่ลูกสาวคนโตของบ้านอบเอง

              แต่เดี๋ยว สมาชิกมันดูไม่ครบ

              “ซีอ่ะ” ผมหันไปถามพี่กัส

              “อยู่ในห้องมั้ง”

              “ปกติเหรอ”

              “อ่าฮะ ถ้ามันกลับบ้านมันก็มันจะอยู่ในห้องแหละ ออกมาแค่ตอนไปเรียก ตอนกินข้าว แค่เนี่ย แต่ครั้งนี้มันก็ออกบ่อยล่ะนะ อาจจะเพราะเคียวกลับมาด้วยแหละ”   

              “ไปตามนะ” ผมหยิบบราวนี่มางับชิ้นหนึ่งก่อนที่จะเดินขึ้นไปห้องซี

              “ทำไรวะ” ประตูห้องมันไม่ได้ล็อคครับ ผมเลยเปิดเข้ามาเลย

              “แต่งรูปอ่ะ” โหยยยมึงนี้

              “พี่กัสทำบราวนี่อ่ะ ลงไปกินดิ” มันหันมาอ้าปากใส่ผม นี้คือจะกินบราวนี่ในมือผมว่างั้น สงเคราะห์มันหน่อยล่ะกัน

              ผมยื่นบราวนี่ให้มันแต่มันส่ายหัวครับทั้งยังส่งเสียงอายาวๆออกมาอีก

              มือไม่มีรึไงวะ

              ผมยัดบราวนี่ใส่ปากมันด้วยความหมั้นไส้ล้วนๆเลยครับ และหันมาดูภาพที่มันแต่งอยู่แทน ส่วนมากเป็นภาพวิวทั่วไป ส่วนน้อยเป็นภาพคน ตัวอย่างเช่น ผมเอง

              “นี้กูเป็นนายแบบให้มึงเหรอ” ภาพส่วนมากผมไม่ได้ตั้งใจให้มันถ่ายสักนิด เป็นภาพเผลอๆซะมากกว่า

              “ประมาณนั้น” เฮ้ยภาพนี้หล่อแหะ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายจากจออีกทีครับ

              “เดี๋ยวกูส่งให้ก็ได้นะ” เออแหะ

              “อย่าลืมนะ” ยังพยักหน้า หันไปอีกทีมันก็กำลังงับบราวนี่คำสุดท้ายเข้าปาก นี้กูพึ่งกินคำเดียวเองนะ

              “กูพึ่งกินไปคำเดียวเองนะ”

              “อ้าวเหรอ” มันงับบราวนี่เข้าไปแค่ครึ่งเดียวแล้วยื่นอีกครึ่งหนึ่งมาป้อนผม โหยยยถ้าจะขนาดนี้ก็ไม่ต้องไหม แต่มันอุตสาห์ป้อนล่ะครับ กินก็ได้ว่ะ

              “ลงไปข้างล่างกัน” กว่าจะได้ลง มัวคุยอยู่เนี่ย

     

              “ซี เคียว มาดูละครสิลูก” ผมกับซีเดินลงมาแม่ก็ทักเลยครับ ผมไม่ได้ตอบแค่หันไปหยิบบราวนี่อีกชิ้นหนึ่งและกระโดดไปนั่งข้างๆแม่ มันเป็นโซฟายาวนะครับ ก่อนที่จะหันไปส่งซิกให้พี่กัสที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวข้างๆให้ส่งหมอนมาให้ที

              “มึงดูด้วยเหรอวะ” ซีถือบราวนี่ไว้ในมือและทิ้งตัวลงนั่งโซฟาเดี่ยวอีกด้านหนึ่ง

              “ไม่ดูอ่ะ แต่แม่ชวนก็ห้ามปฏิเสธสิครับ”

              “เคียวนี้รู้ใจแม่จัง” เรื่องเอาใจผู้ใหญ่นี้ผมก็ไม่แพ้ใครนะครับ

              “แน่นอนครับแม่ ผมกินข้าวฝีมือแม่ไปตั้ง2มื้อแล้ว เรื่องแค่นี้สบายมาก” หรือเรื่องง่ายๆว่าเรื่องประจบนั้นแหละครับ

              “ฮ่าๆ เย็นนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมลูก แม่ทำเต็มที่เลยนะ”

              “ทำไมต้องเย็นนี้อ่ะครับ”

              “อ้าว แม่ยังไม่ได้บอกเหรอ เย็นนี้น้องฟ้าจะมากินข้าวที่บ้านเรานะจ๊ะ” สรุปนี้แม่จะบิ้วซีกับฟ้าไรนี้ให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย

     

              “มันหมุนแบบนี้ใช่ไหมเนี่ยเจ้” ความสนิทเพิ่มขึ้นสรรพนามก็จะเปลี่ยนไปเองครับ วันนี้ทั้งวันผมอยู่กับพี่กัสมากกว่าน้องพี่เขาอีก ไปๆมาๆผมเลยเรียกพี่เขาว่าเจ้เรียบร้อย เพราะถ้าปกติอยู่บ้านผมก็จะเรียกคิวว่าเฮียเหมือนกัน ส่วนไอ้คิมนี้ก็เรื่องคิมนี้แหละครับ กูมึงกันเป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่ามันเหมือนเพื่อนผมคนหนึ่งมากกว่าพี่ชายผมอีก แล้วเฮียคิวก็ดันเหมือนพ่อผมมากกว่าพ่อผมจริงๆซะอีก สับสนดีเนอะบ้านผม

              ถ้าถามว่าทำไมผมถึงเรียกพี่ว่าเฮีย มีเชื้อจีนรึเปล่า ไม่มีครับ จริงๆก็มีนิดหนึ่งแหละ เราส่วนมากก็มีเชื้อสายมาจากจีนใช่ไหมล่ะ อย่างยายผมเนี่ยมีต้นตระกูลมาจากจีนเลยแต่ด้วยความที่ผมอยู่กับครอบครัวพ่อมาตั้งแต่เด็กๆเลยไม่ใช่เคร่งว่าต้องเรียกทุกคนแบบจีนหมด

              ส่วนเรื่องที่เรียกเฮีย เพราะอยากเรียกครับ เห็นคนอื่นๆเขาเรียกเฮีย เรียกเจ้แล้วน่ารักดีเลยอยากเรียกมั้ง บางทีเคลิ้มๆผมก็เรียกพ่อว่าป๊า เรียกแม่ว่าม๊าเหมือนกันนะ สรุปคืออยู่ที่อารมณ์ผมตอนนั้นอยากเรียกอันไหนมากกว่าครับ  

              “อื้ม แบบนั้นแหละ” ผมกับเจ้มารวมกันที่ห้องทำขนมอีกครั้ง ครั้งนี้เรากำลังทำไอติมกันครับ คงไม่ต้องถามใช่ไหมว่าใครขอ ก็ผมอยากกินอ่ะ แล้วบ้านซีมันก็สันโดษเกินกว่าจะไปหาไอติมในร้านขายไอติมอีกด้วยเลยทำเองมันซะเลย แต่ดูๆมันก็ไมน่ายากป่ะครับ แค่ใส่ๆคนๆ

              ความจริงคือผมแค่ทำตามที่เจ้บอกครับ และตอนนี้ก็ได้รับมอบหมายให้คนเท่านั้นเอง

              “ส่องขนาดนั้นออกไปดูเลยก็ได้นะ” เธอตอบผมทั้งๆที่ยังส่องๆอยู่ที่หน้าต่างอยู่เลยครับ

              “ก็อยากรู้อ่ะ ว่าเขาคุยอะไรกันบ้าง” โดนผมแซวเข้าหน่อย เธอก็เดินปึงปังมานั่งข้างๆผมแทน

              “เดี๋ยวค่อยไปถามซีเอาก็ได้” ฟ้า และพ้องเพื่อน (จริงๆไม่มีพ้องเพื่อนอะไรทั้งนั้นอ่ะครับ ผมอยากเติมเอง) พึ่งมาถึงเมื่อกี้ครับ พอเธอมาถึงก็เข้าไปช่วยแม่ทำกับข้าวในครัว แล้วไอ้ผมเนี่ยดันอยากกินไอติมขึ้นมาเลยต้องมานั่งช่วยเจ้ทำอยู่นี้แหละครับ (ผมพึ่งได้ความรู้ใหม่มาว่าบ้านซีพึ่งต่อเติมเมื่อไปกี่ปีที่แล้วเองครับ ดังนั้นบ้านและห้องหลายๆห้องมันเลยมีความเป็นซีเยอะมาก เพราะซีเข้าไปออกแบบด้วย และด้วยความรักพี่ของมัน มันเลยอ้อนแม่จนสร้างห้องทำขนมเล็กๆให้พี่สาวมันได้ แต่จริงๆก็ไม่ได้เล็กมากนะ ผมว่าน่ารักดีออก)

              “ซีปากหนักจะตาย ไม่เล่าหรอก ถ้าเล่าก็คงเล่านิดเดียว” พอฟ้ามาที่นี้แม่ก็อยากให้ซีช่วยทำครัวเฉยเลยครับ อยู่มาตั้ง2วันไม่เห็นอยากจะให้ซีไปช่วยเลย

              “โหยยยย มีเคียวอยู่ตรงนี้ทั้งคน”

              “เออจริงด้วย” เธอยิ้มมีความสุขขึ้นมาทันที

              “ว่าแต่ เคียวรู้เรื่องซีกับฟ้าป่ะ”

              “ไม่รู้ก็ต้องรู้แหละ แม่เชียร์ซะขนาดนั้น”

              “ไม่ใช่เรื่องนี้สิ”

              “แล้วเรื่องไหนอ่ะ”

              “ซีกับฟ้าเคยคุยๆกันจริงๆนะ แบบที่เกือบจะคบกันอ่ะ” ผมหันไปมองเจ้ เพื่อดูว่าเธอพูดจริงรึเปล่า แต่ดูจากท่าทางมั่นใจสุดๆนั้นของเธอแล้ว น่าจะจริงแหะ

              “จริงดิ” พูดกันก็พูดเถอะ ฟ้าเป็นผู้หญิงสวยนะครับ ผมไม่คิดว่าเด็กที่ซีเล่าให้ฟังจะสวยขนาดนี้ แต่เธอสวยจนไม่กล้าแตะเลย ประมาณว่าถ้าคนเลวๆอย่างผมเข้าไปจีบเธอคงจะเหวี่ยงจนผมเหนื่อยเลยล่ะ

              “จริง! ซีเล่าให้เจ้ฟังเองเลยนะ”

              “เมื่อไหร่อ่ะ”

              “ตอนเลิกกับเกรซใหม่ๆมั้ง”

              “เฮ้ย รู้จักเกรซด้วยเหรอ” น่าจะรู้จริงแหะ

              “รู้จักดิ ซีมันคบกับใครมันบอกเจ้ตลอดนะย่ะ ไม่อยากจะอวด” เธอจะรู้ตัวไหมว่าเธอกำลังอวดอยู่

              “แล้วรู้เหรอว่าตอนนี้มันคบกับใครอยู่” ผมตั้งใจจะถามลองเชิงดูเฉยๆครับ เพราะผมแน่ใจว่าเธอไม่รู้หรอก ผมไม่รู้ว่าซีบอกเรื่องของเรากับใครบ้าง ตัวผมเองยังบอกแค่รูท เฟรม ยะเท่านั้นเอง ผมไม่ซีเรียสหรอกครับว่าคนอื่นจะรู้ไหม ผมกับมันรู้อยู่แก่ใจก็พอแล้ว

              “สรุปว่าซีคบกับใครสักคนอยู่จริงๆใช่ป่ะ!” ผมไปจุดประเด็นใช่ไหมเนี่ย ผมทำเป็นเนียนไม่ได้ยินและหันมาสนใจคนต่อ มันเริ่มเข้าใกล้คำว่าไอติมแล้วครับ

              “เดี๋ยวต้องถามซีให้ได้ แต่บางทีนะ คนที่เคียวรู้ ซีมันอาจจะยังไม่จริงจังก็ได้เลยไม่บอกเจ้” ไม่จริงจังนี้พามาบ้านกันล่ะเหรอคนสมัยนี้

              “ไม่รู้ดิ มันอาจจะแค่ไม่อยากบอกเจ้ก็ได้นะ”

              “ไม่จริงอ่ะ เรามีไรก็บอกกันตลอดนะ” นี้ผมทำให้เจ้คิดมากรึเปล่าเนี่ย

              “แต่พูดก็พูดเหอะนะ แม่เชียร์ซีกับฟ้าออกนอกหน้าขนาดเนี่ย ซีมันจะไม่หวั่นไหวบ้างเหรอ คนเคยคุยกันมานะ” ผมก็คงจะคิดแบบนั้นแหละครับ ถ้าผมไม่ใช่คนที่คบกับมันอยู่ ไม่มีอะไรมาค้ำประกันหรอกนะ แต่ผมเชื่อใจมันสุดๆ และผมก็ไม่เห็นวี่แววที่มันกับฟ้าอะไรนี้จะกลับมางุ้งงิ้งกันเหมือนเดิมได้สักนิด

              “ก็ต้องรอดูแหละ” แต่เรื่องที่ซีกับฟ้าเคยจีบกันนี้ข่าวใหม่เลยนะ มันไม่คิดจะบอกผมด้วยซ้ำ แถมเมื่อวานมันยังย้ำกับผมอีกว่ามันกับฟ้าไม่มีอะไรจริงๆ บางทีมันอาจจะมีอะไรในกอไผ่ที่ผมยังหาไม่เจอก็ได้นะ

     

              “ไอติมเสร็จล่ะเหรอ” ผมพยักหน้า ซีมันจะลุกลี้ลุกลนที่เห็นผมทำไมเนี่ย ผมกับเจ้พึ่งทำไอติมเสร็จและผมก็ได้รับหน้าที่เอาไอติมมาแช่ ตู้เย็นมันอยู่ที่ห้องครัวอ่ะครับ (ห้องครัวกับห้องทำขนมอยู่ติดกัน) เมื่อกี้แม่เรียกไปที่โต๊ะแล้ว ผมเลยนึกว่าทุกคนจะอยู่ที่โต๊ะแล้ว แต่พอผมเปิดประตูห้องครัวออกมา กลับเจอไอ้ซีที่กำลังจะเดินออกมาพอดี แล้วมันก็ทักซะไม่รู้เลยยยยย ว่ามีพิรุธ

              “ซีค่ะ เดี๋ยวฟ้าขอให้แวะไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” เธอยืนอยู่หลังซีครับ เธอตัวเล็กมากจนซีบังมิดเลย แต่พอเธอพูดแบบนั้นทั้งผมและซีเลยหลบให้เธอเดินออกมา ตอนเธอเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะส่งยิ้มให้ผมนะครับ เธอก็ดูอัธยาศัยดีอยู่นะ

              “ร้อนตัวนี้อะไร นอกใจเหรอ” พอฟ้าเดินออกไป ผมก็ก็เห็นไอ้ซีแอบพ่นลมหายใจออกมาครับ ผมเลยแซวไปงั้นและแทรกตัวเข้าไปในครัว แต่ไม่คิดว่าจะได้ผลเกินคาด

              “เฮ้ยเปล่า! บอกแล้วไงว่าไม่มีไร”

              “เออ! รู้แล้ว กูล้อเล่น มึงร้อนตัวจนกูเริ่มคิดจริงล่ะนะ”

              “ไม่มีอะไรจริงๆ” ผมมองว่ายิ่งซีมันปฏิเสธก็ยิ่งตลกครับ มันดูร้อนรนจนตลก

              “เออออออ ยังไม่ได้คิดไรเลย” มันคงรู้ว่ามันควบคุมตัวเองไม่ได้จนดูตลก มันเลยเงียบและมองหน้าผมเฉยๆแทน

              “กูพูดจริง กูรู้ว่ามึงไม่ได้คิดไร มึงแค่โดนบิ้ว และมึงก็กำลังกังวลว่ากูจะคิดมาก มึงเลยร้อนรนจนดูร้อนตัวแบบนี้” มันพยักหน้า ซียังไงก็ยังเป็นซีครับ มันมักจะกังวลเรื่องความรู้สึกคนอื่นมากๆเสมอ

              “แม่เขาคงอยากให้มึงคบกับคนดีๆแหละ”

              “มึงก็ดี”

              “อันนี้กูก็รู้” มันกรอกตาใส่ผม ดูมันจะสงบลงเยอะแล้วแหะ

              “กินข้าวเหอะ อย่าคิดมาก กูเชื่อใจมึงอยู่แล้ว”

              “ขอบใจนะ” ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องขอบใจเลย ผมผลักหลังให้มันเดินนำออกไป แต่อยู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่จะก้าวพ้นขอบประตู ผมก็คว้ามือซีมาจับและยกขึ้นมากดจูบเบาๆที่หลังมือ และทุกการกระทำผมก็ไม่ลืมที่จะสบตากับซีไว้

              ผมแค่อยากบอกมันว่าผมรู้แล้วเรื่องของมันกับฟ้า

              ผมเลยชิ่งประทับตรามันไว้ก่อนไง

     

              ปกติที่นั่งบนโต๊ะอาหารของผมมันจะอยู่ข้างๆซีครับ แต่วันนี้ทำไมมันไปอยู่ข้างๆเจ้ได้ แต่ผมไม่ค่อยแปลกใจหรอกนะ ผมคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าต้องถูกเนรเทศ นั่งตรงไหนก็ได้ครับไม่ซีเรียส ตรงไหนก็มีข้าวกินเหมือนกัน

              “ปีนี้ฟ้าก็จบม.6แล้วใช่ไหมจ๊ะ คิดไว้รึยังว่าจะเรียนคณะอะไร”

              “ฟ้าอยากเรียนพวกศิลปกรรม หรือไม่ก็พวกดีไซน์อ่ะค่ะ พอดีถนัดทางนี้”

              “จริงเหรอจ๊ะ ซีก็ชอบด้านนี้นะลูก” ผมนี้ยอมใจแม่เลยนะ แม่ชงจนผมอยากให้ซีมันคบๆกับฟ้าไปเลย

              “ก็คิดว่ามันเท่ดีนะ แต่วาดรูปไม่ค่อยเก่งหรอก”

              “เลยหันมาถ่ายรูปแทนใช่ปะ” และฟ้ากับซีก็ขำขึ้นมาพร้อมกัน เอาจริงก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยแหะ

              “เจ้บอกแล้วว่าต้องมีลุ้นบ้างแหละ” เจ้นี้ก็คอยหันมากระซิบผมอยู่ตลอดเลย

              “คุณแม่สบายดีใช่ไหมจ๊ะ วันนี้แม่นึกว่าแม่จะมาด้วยซะอีก”

              “พอดีแม่ติดธุระค่ะเลยส่งฟ้ามาเป็นตัวแทน” แม่กับฟ้าคุยกันยาวววว จนผมกินอิ่มเลยครับ แต่ดูจากท่าทางแม่กับฟ้าคงกินไปได้ไม่กี่คำเองมั้ง

              นี้ผมเหมือนไม่อยู่ในบทสนทาขนาดนี้ได้ไงเนี่ย โชคดีที่เจ้ก็ไม่ได้เข้าไปร่วมวงอะไรมาก แค่ยิ้มๆและเสริมแม่นิดๆหน่อยๆ ผมเลยมีเพื่อนนั่งเงียบๆ แต่ให้นั่งฟังคนอื่นเขาคุยกันยาวๆมันก็เริ่มจะเบื่อแล้วนะครับ ผมถอดสายตาผ่านโต๊ะอาหารมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมอยากไปนั่งมองวิวที่ระเบียงห้องตัวเองจัง

              ผมคงจะเหม่ออีกนาน ถ้าไม่โดนเตะหน้าแข้งเข้าซะก่อน ใครวะ

              ไม่ต้องหาคำตอบอะไรมากเลยครับ ผมหันกลับมาก็เห็นไอ้ซีมันเลิกคิ้วมองมาที่ผมอยู่ ผมเลยยิ้มตอบกลับไป ไม่อยากให้มันคิดมากไปอีก

              “จริงสิ เคียวกับกัสทำไอติมไว้ไม่ใช่เหรอลูก ไปเอามาชิมหน่อยสิ” ในที่สุดผมก็ได้ทำอะไรสักที

              “ครับแม่” ผมรับคำแม่ และรีบไปเอาไอติมมาจัดใส่ถ้วยทันที

              ไอติมนี้มันอร่อยเพราะผมเป็นคนทำแน่ๆ

              “นี้พี่กัสทำเองเลยเหรอคะ อร่อยมากเลยอ่ะ”

              “ใช่จ๊ะ พี่ช่วยทำกับเคียวนะ ถ้าอร่อยก็กินอีกได้นะ พี่ทำไว้เยอะเลย” พอเจ้ตอบกลับไปแบบนั้น ฟ้าเธอก็มีท่าทีอึกอักขึ้นมาทันที แต่ผมยืนยันว่าไอติมนี้มันอร่อยจริงๆดังนั้นผมว่าไม่ใช่ประเด็นนี้

              “โหยยยเจ้ กินไอติมเยอะๆตอนเย็นๆมันอ้วนไม่รู้เหรอ ไปชวนให้ฟ้ากินเยอะๆได้ไง” ผมสังเกตดูจากที่เธอกินข้าวเข้าไปน้อยมาก เน้นกับข้าวซะส่วนใหญ่ และเธอก็ตักไอติมทีล่ะน้อยๆ

              “อ้าวเหรอ แต่ฟ้าไม่อ้วนเลยนะ ดูอย่างเคียวสิ อ้วนจะตายยังกินไม่หยุดเลย” ผมแค่ตักไอติมมา2สคูปเองนะ นี้ว่าจะไปเอาเพิ่มด้วย

              “เคียวไม่อ้วนนะเจ้ เจ้เหอะ ทำขนมตั้งเยอะ ทำแล้วก็ชิมอีก อุตสาห์ไม่ทักล่ะนะ” ผมพูดจบ เจ้ก็ฟาดมือลงบนแขนผมทันทีเลยครับ ผู้หญิงกับน้ำหนักนี้ไม่ควรทักจริงๆสินะ

     

              “ห้องตัวเองไม่มีอยู่รึไง” ตอนนี้2ทุ่มแล้ว ฟ้ากลับไปตั้งแต่ทุ่มนิดๆครับ พอฟ้ากลับไป ผม เจ้ และก็ซีก็ออกมานั่งกินลมกันหน้าบ้านและกินไอติมไปด้วย ผมว่าผมกินเข้าไปหลายสคูปมากอ่ะ ทั้งที่ตักมาเอง และช่วยเจ้กับไอ้ซีกินอีก พอใกล้2ทุ่มแม่ก็มาไล่ให้พวกผมแยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมเลยขึ้นมาอาบน้ำ เตรียมพักผ่อนเต็มที่ แต่เปิดประตูห้องน้ำออกมาดันเจอไอ้ซีนอนอ่านการ์ตูนอยู่บนเตียงผมซะงั้น

              “ก็มีอ่ะ แต่ห้องกูไม่มีมึงไง” ผมทำท่าอ้วกใส่มัน ก่อนที่จะกระโดดลงไปนอนบนเตียงและแย่งการ์ตูนจากมือมันมาอ่าน

              “มึง”

              “ว่า”

              “มึงรู้เรื่องที่กูกับฟ้าเคยคุยๆกันแล้วใช่ป่ะ”

              “ช่าย”

              “กัสบอกใช่ป่ะ”

              “ช่าย”

              “แล้วโกรธป่ะที่กูไม่บอกเอง” ผมปิดการ์ตูนและหันไปมองมันแทน

              “แค่งงๆ”

              “กูไม่อยากให้มึงคิดมากอ่ะ ยิ่งแม่กูชงขนาดนี้ด้วย” ผมคิดไว้อยู่แล้วล่ะว่าต้องเหตุผลนี้

              “กูว่าล่ะ”

              “ไม่โกรธเนอะ”

              “ไม่อ่ะ แต่มึงกับฟ้าก็น่ารักดีนะ”

              “โหยยยไม่เอาดิ” ผมขำ ผมแค่จะแกล้งมันเฉยๆครับ แต่พอมันทำท่ารู้สึกผิดสุดๆใส่ก็แกล้งไม่ออก

              “ล้อเล่น มึงกับกูน่ารักกว่าอีก” คราวนี้ซีมันขำ มันเลื่อนมือมาจับมือผมไว้และกดริมฝีปากที่หลังมือของผม ทำแบบที่ผมทำกับมันเป๊ะเลยล่ะ

              “พรุ่งนี้ไปไร่องุ่นกันไหม” จริงๆแล้วผมก็ยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนจริงจังเลยนะ อยู่แค่ที่บ้านเนี่ย

              “ไร่องุ่นของที่บ้านมึงอ่ะนะ” ถ้ามองจากบ้านลงไปก็เห็นอยู่นะครับ

              “อื้ม ไร่องุ่น ไร่ชา ไร่สตรอว์เบอร์รี ไปไล่กินให้หมดเลย” ผมพยักหน้ารัวๆคืนไปให้ แต่จะว่าไป องุ่นกับสตรอว์เบอร์รีนี้จะมีลูกให้กินรึยังนะ

              “มึงอยากไปที่ไหนอีกเปล่า พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”

              “ที่ไหนก็ได้อ่ะ กูไปได้หมดแหละ”

              “กูคิดเล่นๆไว้อยู่แล้วนะ พรุ่งนี้เช้าเรากินข้าวเสร็จก็ไปเดินๆดูไร่ของที่บ้านกูเสร็จแล้ว เราก็เข้าเมืองกัน ไปวัดพระธาตุดอยตุง พระตำหนักดอยตุง วัดร่องขุ่น วัดพระแก้ว อะไรดังๆไปให้หมดเลย ม.6มันต้องทำบุญเอาไว้เยอะๆรู้ป่าว หาอะไรกินไปด้วย ถ้ามันเย็นๆแล้วเราจะอยู่เดินถนนคนเดินกันก็ได้ ถ้าเหนื่อยแล้วค่อยกลับบ้าน”

              “นี้มึงไม่ได้คิดไว้เล่นๆแล้วมั้ง คิดจริงจังเลยเนี่ย”

              “ทำไมอ่า กูว่าน่าสนุกดีออก ไปเนอะ” ยังมาทำหน้าอ้อนอีกแหนะ  จนผมอดที่จะยื่นมือไปดึงแก้มมันไม่ได้

              “เอาดิ ไปเที่ยวกันเนอะ” เกือบมุ้งมิ้งล่ะครับ ถ้าซีมันไม่ยื่นมือมาดึงแก้มผมคืน แล้วมันดึงเจ็บมากอ่ะ จะเอาใช่ไหม

              เริ่มศึกดึงแก้ม

     

     

     

     

     

     

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ทำไมเด็กดีไม่ยอมย่อหน้าให้ นี้มันเริ่มเป็นปัญหาระดับชาติล่ะนะ 3บทแล้วมั้งที่ไม่ย่อให้จนต้องมาtabเอา ตอนแต่งในwordก็ย่อนะ ให้มีวิธีแก้ไขลงขายที่OLXนะคะ ล้อเล่นจ่ะ เม้นต์บอกนี้แหละ ตอนแรกเรากะว่าจะลงบทนี้ก่อนแล้วค่อยไปติวใช่ป่ะ แต่ไปๆมาๆไม่ทันเหว่ยเลยไปติวก่อน แต่ตอนนี้กลับมาล่ะ จะพยายามอัพอย่างต่อเนื่องนาจา

    คอมเม้นต์หน่อยนะค่า

    ซียูวเนททามมมมม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×