คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : depend on
25
“นี้มึงหายล่ะเหรอ” ผมเปิดประตูเข้ามาก็เจอกับไอ้ซีที่นั่งเล่นเกมส์กดจอยยิกๆอยู่นี้ครับ
“หายแล้ว” มันตอบผมทั้งๆที่ยังกดจอยอยู่นั้นแหละครับ มันดูโอเคขึ้นจริงๆ หน้าเมื่อเช้าที่ซีดสุดๆเริ่มมีเลือดฝาด แม้จะไม่เยอะเท่าปกติ แต่ก็ดูโอเคขึ้นแหละ เว้นก็แต่เสียงที่ยังคงแหบเหมือนเดิมเนี่ยแหละ ผมวางของที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะและโยนกระเป๋าไว้บนโซฟา
“มึงซื้อลูกอมมาป่ะ” มันเองก็คงรู้ตัวแหละว่าเสียงไม่ไหวเลยถามถึงลูกอม
“เปล่าอ่ะ มึงจะเอาป่ะ เดี๋ยวลงไปซื้อให้”
“โอ้โหหหหห มึงจะใจดีไปล่ะ ตั้งแต่ซื้อยามาให้กูล่ะนะ”
“มึงกินแล้วใช่ป่ะ”
“อื้ม กินไปเมื่อตอนสายๆมั้ง กูสะดุ้งตื่นอ่ะ กูฝันร้าย”
“โหยยย น่าสงสาร ขนาดป่วยนอนพักแล้วยังมาฝันร้ายอีก”
“เอออ่ะดิ กูเป็นทุกครั้งที่ป่วยเลย แต่มันก็แค่ฝันอ่ะเนอะ” ผมเดินเข้าไปอังหน้าผากมันอีกครั้ง
“กูหายแล้ววว” ยืนยันแบบนี้คือยังครับ ตัวมันยังอุ่นๆอยู่เลยนะ
“ไข้เหลือเท่าไรล่ะ”
“ไม่รู้อ่ะ” มันตอบแบบนั้นผมเลยหันไปหยิบปรอทวัดไข้มาให้มันคาบไว้ และแย่งจอยในมือมันมาเล่นแทน
“อื้ออออ” คาบไว้แปปเดียวก็โวยวายล่ะไอ้นี้...
“39” ถือมายังมีอยู่ไข้อยู่แหะ
“จริงดิ ลดไปตั้งเยอะล่ะนะ เมื่อคืนตั้ง41”
“ห๊ะ....” นี้มันไข้หวัดแบบโครตไข้หวัดอ่ะ ผมปล่อยให้มันอยู่คนเดียวได้ไงวะเนี่ยยย ขายิ่งเดี้ยงๆอยู่
“จริง เมื่อคืน41อ่ะ กูวัดก่อนนอนเลย”
“ไข้มึงขึ้นตอนไหนวะ” 2ทุ่มมันยังคอลไลน์กับผมอยู่เลยนะ
“เกือบตี4มั้ง กูก็ว่ากูร้อนๆหนาวๆนะแต่ไม่คิดว่าจะมีไข้ ตอนตี4นี้หนักเลย กำลังปริ้นท์งานอยู่ แทบล้มทั้งยืนอ่ะ”
“มึงโครตอึดเลยนะ”
“ต้องอึดดิ ขาก็พังไปล่ะ จะให้ร่างพังไปด้วยได้ไงอ่ะ” ก็จริงของมันแหะ ร่างพังอีกอย่างไม่ต้องทำไรล่ะมึง
“เมื่อเช้ามึงไปโรงเรียนสายนะ ตอนกูไลน์ไปบอกริวยังไม่เห็นยาเลย แสดงว่ามึงเข้ามาทีหลังเหรอ” ผมมาร่วมวงเล่นเกมส์กับมันเรียบร้อยล่ะครับ
“เออ แต่จริงๆกูไปเช้านะเว้ย กูดันกลับมา มันเลยสาย” ผมกับซีเราไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมกันหรอกครับ เหมือนแต่ล่ะคนก็ถนัดตื่นคนล่ะเวลากัน จัดการเวลาแตกต่างกัน ดังนั้นแยกกันไปแล้วไปเจอกันที่โรงเรียนสะดวกกว่าครับ
“กลับมา? กลับมาหออ่ะนะ ลืมของเหรอ”
“เปล่า กลับมาเอายาให้มึงไง”
“เฮ้ยยยยจริงดิ” อยู่ๆมันก็ถือวิสาสะกดพักเกมส์เฉยเลยครับ กำลังหนุกเลยย
“เออดิ ถ้ากูยังไม่ได้ออกไปไหน กูจะไปซื้อยามาจากไหนล่ะ” ซีมันทำหน้าคิดตาม
“ก็จริง แต่มึงยอมย้อนกลับมาเพื่อเอายามาให้กูแค่นี้อ่ะนะ”
“เอารายงานไปส่งให้มึงด้วยไง” ซีมันหันไปหารายงาน นี้คือมันไม่รู้เหรอว่ารายงานหายไป
“จริงๆกูตามไปส่งทีหลังก็ได้นะ”
“ไม่มีใครเคยบอกมึงเรื่องวีรกรรมของครูอุไรรึไง มึงส่งช้าเขาให้0เลยนะ”
“แต่กูก็บอกเขาได้นะว่ากูป่วย”
“มึงต้องมีใบรับรองแพทย์ แล้วอย่างมึงเนี่ย อย่าว่าแต่จะไปหาหมอเลย แค่ให้หายากินเองมึงยังกินแค่พาราเลย” รู้สึกว่าที่ผมกลับมาเอายาให้มันนี้ผมคิดถูกล่ะครับ ไข้ขึ้น41 แค่พาราต้องเอาไม่อยู่แน่ๆ
“ก็ใช่ แต่มึงไม่ต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้”
“แค่นี้เอง แลกกับมึงไม่ติด0กูว่าก็คุ้มอยู่ ยิ่งมึงเป็นเด็กแลกเปลี่ยนด้วย” ถ้าเด็กแลกเปลี่ยนมีปัญหานี้งานช้างเลยครับ ยิ่งถ้ามันมาติด0โรงเรียนผม แถมวิชาของครูอุไรแล้วยิ่งกว่างานช้างอีก อย่างไอ้เด็กบ.ค.ที่ผมต่อยมันไป เห็นว่าทางศ.ล.ส่งไปให้บ.ค.จัดการเองและมันก็โดนหักคะแนน โดนทำโทษไปเยอะอยู่ ถึงแม้ผมจะเป็นคนต่อยก็เหอะ จะว่าไปหลังๆนี้ผมไม่ค่อยได้เห็นหน้ามันเลยแหะ แต่ก็ดีแล้วแหละ เจอกันเดี๋ยวมือจะลั่นอีก
“มึงก็เข้าโรงเรียนสายอ่ะดิ”
“ก็เออ”
“ไม่โดนทำโทษเหรอ”
“จะเหลือเหรอ โดนลุกนั่งไป200เนี่ย นั่งๆอยู่ไม่รู้เข่าจะหลุดออกมาเปล่า” ปวดขามากครับตอนนี้โดยเฉพาะหัวเข่า
“ขอบคุณนะ” สายตาขอบคุณสุดๆนั้นมันอะไรวะเนี่ย
“เว่อร์ไปล่ะ ถ้าเป็นกูที่นอนป่วยอยู่ มึงก็คงกลับมาเอางานไปส่งให้อยู่ดี เผลอๆมึงอยู่เฝ้ากูด้วย แต่พอดีกูติดสอบว่ะ กูเลยอยู่เฝ้าไม่ได้ โทษทีนะ”
“แค่นี้ก็ขอบคุณจะแย่ ถ้ามึงอยู่เฝ้าอีกกูคงรู้สึกผิดโครตๆอ่ะ” ผมบอกแล้วครับว่าซีมันต้องคิดแบบนี้
“เออออออ กูรู้แล้วน่า หิวป่ะ กูซื้อของมานะ” มันพยักหน้ารัวๆส่งมาให้ ผมซื้อมาเยอะมากเลยครับ พอโรงเรียนปล่อย ผมก็กลับมาหอเลย อาศัยแวะซื้อร้านที่เดินผ่านเอา และเมื่อเราหิวสุดๆไอ้นู้นก็น่ากินไอ้นี้ก็น่ากิน รู้ตัวอีกทีก็ซื้อมาซะเต็มมือล่ะ
“กูล้างมือแปป” ผมกำลังจะเข้าไปช่วยพยุงซีให้ลุกขึ้นแต่มันดันลุกได้เองซะก่อน
“มึงเดินเก่งขึ้นนะเนี่ย” เทียบกับเมื่อวานแล้ว วันนี้ดูดีกว่ามากกกก เหมือนเฝือกเป็นอวัยวะที่33ของมันล่ะ
“แน่นอนนนน 2วันล่ะนะ เริ่มชินแล้ว” มันเดินกระเผลกๆอย่างคล่องแคล่วไปที่ห้องน้ำ ดูขัดๆกันนะเดินกระเผลกแบบคล่องแคล่ว แต่มันดูเป็นแบบนั้นจริงๆครับ ผมมองมันกระเผลกๆไปเรื่อยๆ เริ่มมั่นใจว่ามันเดินไหว ผมเลยเดินไปห้องครัวก่อน
“เฮ้ย!”
คลาดสายตาไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ยยย
ผมเบนเข็มจากไปห้องครัว เป็นห้องน้ำแทน ร่างกายเราจะหลั่งอะดรีนาลีนออกมาในตอนที่อยู่ในสภาวะฉุกเฉิน เช่น ไฟไหม้จะขนของหนักๆได้โดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ผมรู้เลยว่าอะดรีนาลีนในร่างผมกำลังพลุ่งพล่านสุดๆ ผมไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองวิ่งเร็วเลยนะ แต่ต้องเปลี่ยนความคิดแล้วล่ะ
ผมผลักซีออกจากสายน้ำของฝักบัว นี้มึงไปทำอีท่าไหนน้ำมันถึงเปิดเนี่ย
“อะไรของมึง! ขาเปียกขึ้นมาจะทำไง” รู้ทั้งรู้ว่าขาตัวเองใช้การไม่ได้ยังจะไม่ระวังตัวอีก
“ใจเย็นนนนน มันยังไม่เปียก” ซีมันพยายามพูดช้าๆให้ผมใจเย็น หงุดหงิดครับ ทำไมไม่รู้จักระวังตัวซะบ้าง
“หายใจลึกๆ ใจเย็นๆนะ” ผมสูดหายใจเข้าไปลึกๆตามที่มันแนะนำ และพ่นลดหายใจออกมาช้าๆ พอเริ่มกลับเข้าสภาวะปกติ ผมก็หันไปปิดน้ำ ก่อนที่จะสะบัดผมรัวๆ กูเปียกหมดเลยไอ้เวรนี้...
“เช็ดขนให้ม่ะ”
“โอ๋~” มันคงเห็นผมทำตาตี๋ใส่มันเลยรีบโอ๋ครับ พอผ่านจากเหตุการณ์เสี่ยงดวงเมื่อกี้มาได้ ผมถึงได้สังเกตว่าผมผลักซีไปติดกำแพงส่วนตัวผมก็กันมันไว้อีกที จะสิงกันล่ะครับ
“ผ้าขนหนูอยู่ไหนวะ” เพื่อแก้เก้อผมเลยเปลี่ยนเรื่องคุยและหันกลับเตรียมเดินออกทันที ติดก็แต่มือของคนตรงหน้ามันเกาะเอวผมอยู่เนี่ย
“ตลอดนะมึงอ่ะ” ผมอดจะแขวะไม่ได้จริงๆ เพราะมันตั้งใจเกาะเอวผมไว้ พอผมหันกลับมาก็กอดเอวผมไว้ให้เข้าไปใกล้มันมากขึ้น แค่มองตาผมก็รู้แล้วครับว่ามันต้องการอะไร
ขนาดโดนผมแขวะมันก็ยังกอดผมไว้อยู่อย่างนั้น แถมสายตาก็ไม่ได้ละไปจากผมเลยสักนิด
โอเค ยอม
ผมพ่ายแพ้ต่อสายตานั้นของมันก่อนที่จะขยับเข้าไปใกล้และกดจูบลงที่ริมฝีปากนั้น
จูบอีกล่ะ นี้ผมจูบกับมันถี่ไปป่ะเนี่ย
ครั้งแรกผมยอมรับนะว่าผมทำอะไรไม่ค่อยถูก ดูจะเก้งๆกังๆไปบ้าง พอมาคิดดูแล้วก็แอบเสียดายเหมือนกัน ความจริงคือผมก็คบกับผู้หญิงมาเยอะระดับหนึ่งแล้วแหละ เรื่องจูบนี้ก็ผ่านมาตั้งเยอะ แต่จูบครั้งที่แล้วกลับไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งอาจเพราะว่าผมมักจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนมากกว่า พอมาโดนคนอื่นเริ่มก่อนมันเลยทำตัวไม่ถูก แต่ครั้งนี้มันครั้งที่สองแล้วครับ เริ่มมีประสบการณ์ล่ะ ผมเลยพยายามจะตัดเรื่องความเขิน ความไม่ชินอะไรออกไปให้หมด ผมอยากสัมผัสจูบของซีอย่างเต็มที่มากกว่าที่จะให้ความรู้สึกบางอย่างมากั้นไว้
ผมเลื่อนมือไปรั้งที่ท้ายทอยของซีไว้ ส่วนซีเองก็เลื่อนมือมาจับที่ต้นคอของผม ต่อไปนี้ถ้ามันจับคอผม ผมก็คงนึกออกอยู่เรื่องเดียวแล้วล่ะมั้ง
ซีมันร้อน ร้อนกว่าครั้งแรกที่เราจูบกัน ทั้งสัมผัส ทั้งรสจูบมันทำให้ผมรู้ว่ามันกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมไม่คิดที่จะห้ามมันหรอกนะ อีกทั้งยังส่งเสริมอีกต่างหาก เพราะไม่ว่ามันจะร้อนมาขนาดไหน ผมก็ยังคงจูบกลับไปอยู่ดี ผมชอบนะ ไม่ได้หมายถึงจูบ หมายถึงคนที่จูบ ถ้าเป็นคนอื่นผมก็ไม่รู้ว่าจะทำให้ผมใจเต้นแรงได้มากขนาดนี้รึเปล่า ไหนจะความรู้สึกไม่อยากหยุดนี้อีก
ผมเสพติดมันจริงๆแหละ
ซีมันรุกผมมากขึ้นเรื่อยๆ ริมฝีปากที่กดลงแบบเนิ่นนาบก็เริ่มหนักหน่วงขึ้น ส่งผลให้ทุกอย่างมันดูร้อนขึ้นไปอีกระดับ ทั้งผมและมันเหมือนอยู่ในจุดที่หยุดไม่ได้ เราต่างกดจูบแบบนั้นไปเรื่อยๆแบบไม่รู้จบ นี้มันจูบมาราธอนแห่งชาติหรือยังไงเนี่ย ทั้งๆที่รู้ว่าเวลาคงผ่านไปสักพักใหญ่ๆแล้วแต่เราก็ยังไม่หยุดแลกจูบกันอยู่ดี และคงเป็นอย่างนั้นอีกสักพักถ้าสติทั้งหมดในร่างผมมันไม่กลับมาซะก่อน
“สัส...” ผมผลักมันออกแทบจะทันทีที่สัมผัสได้ว่ามือร้อนๆของมันกำลังไล้อยู่ที่แผ่นหลังผม ผมหมายถึง มือมันอยู่ในเสื้อผมอ่ะนะ
นี้ผมเตลิดไปถึงไหนต่อไปแล้วเนี่ย
“ฮ่าๆๆ” แต่เจ้าตัวกลับขำแบบเต็มที่นี้คืออะไรครับ
“เล่นเห้ไร” มือแม่งอย่างร้อน วางลงบนหลังที่โครตเย็นของผม ผมก็ต้องสะดุ้งเป็นธรรมดา
“ก็เผื่อมึงเคลิ้ม”
“เคลิ้มเรื่อง?”
“ก็เผื่อเคลิ้มแล้วได้เรื่องอื่นด้วย” เรื่องอื่นของมันคงไม่ต้องให้ผมอธิบายหรอกนะ...
“หลับอยู่เหรอ ตื่นเนอะ” อีกนานนนนนครับ ผมยังไม่พร้อมตอนนี้
“ก็เผื่อไง ถ้าได้ก็กำไร ไม่ได้ก็เท่าทุน” ผมกรอกตาใส่ความกวนส้นของมัน นี้ผมเคลิ้มจูบกับมันไปได้ยังไงตั้งนานวะ
“พออออ” ผมถอยหลังหนีเมื่อเห็นมันทำเหมือนจะดึงผมเข้าไปกอดอีกครั้ง กวนตีนดีนักพอเลยมึง
“โหยยย โกรธเหรอ” ไม่ว่าเปล่ามันยังขยับตัวทีเดียวประชิดตัวผมและดึงผมเข้าไปกอดเหมือนเดิม นี้มือคนหรือหนวดปลาหมึกเนี่ยยยย
“เปล่าาา” ไม่ได้โกรธครับ แค่หมั่นไส้นิดหน่อย
“เอาน่าาา กูไม่ขืนใจมึงหรอก ถ้ามึงไม่พร้อมกูก็ไม่บังคับ” แล้ววันที่กูจะยอมก็คงอีกนานอ่ะ
“แบบจูบเนี่ย กูรู้ว่ามึงชอบกูก็เลยจูบ”
“มึงไปเอาความมั่นมาจากไหน... โอยยยย” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค ไอ้ซีมันก็งับริมฝีปากบนผมไว้และดึงให้เข้าไปหามันอีกต่างหาก มันเจ็บนะเว้ยยย
“อูเอ็บบบ (กูเจ็บ)” สุดท้ายมันก็ยอมปล่อยริมฝีปากผมให้เป็นอิสระแต่โดยดี เจ็บครับ บวมป่ะเนี่ย ไอ้นี้ก็งับไม่เกรงใจเลย
“มึงไม่ชอบเหรอ กูชอบนะ” นี้เรายังไม่จบเรื่องจูบอีกเหรอ
“ไม่เคยจูบกับใครแล้วไม่ต้องประดิษฐ์ขนาดนี้อ่ะ นี้กูแค่จูบมึงในแบบที่กูอยากจูบ และมึงก็ดันโอเคอีก”
“หรือบางทีจูบมันอาจจะไม่ใช่ประเด็น มึงตั้งหากที่เป็นประเด็น” ผมงับริมฝีปากบนของมันและลากตามที่มันทำบ้าง แม้มันจะบ่นเอ็บบบๆผมก็ไม่สนใจครับ ผมดึงปากมันไปมาแบบนั้นสักพักก่อนที่จะยอมถอนออก เพื่อกดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง
จูบสั้นๆแต่โครตมีความหมายเลย
“พอใจยัง” ผมถามมัน หลังจากที่จูบปิดท้ายเรียบร้อย แล้วฝ่ายนั้นก็ดันพยักหน้าคืนมาอีก ผมขำมันนิดหน่อย ก่อนที่จะช่วยพยุงมันออกจากห้องน้ำ นี้หัวผมเปียกจนจะแห้งแล้วเนี่ย
ผมมองหาผ้าขนหนูแต่ก็ไม่เห็นวี่แววเลยครับ จนไอ้ซีมันโยนมาลงหัวผมพอดี พอผมจะหยิบมาเช็ด มันก็ดันหยิบหนี เป็นอย่างนี้อยู่ครั้งสองครั้งจนผมเริ่มรำคาญ คิดว่าจะไปหาผ้าขนหนูผืนอื่นมาเช็ด แต่ซีมันกลับจับไหล่ผมไว้ กดให้ผมนั่งลงเก้าอี้แถวๆนั้นและเช็ดผมให้ โอ้โหหหหห โอป้าสุด
“เออเคียว”
“ว่า?” ระหว่างที่นั่งให้มันเช็ดผม ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คทวิตไปเพลินๆด้วยครับ
“เป็นแฟนกันนะ” ทวีตที่ผมอ่านอยู่ดูจะหมดความหมายไปเลย ผมเงยหน้าขึ้นไปมองหน้ามันทันที
“นี้มึงพูดจริง?” แม้สายตามันจะบอกว่าพูดจริง ผมก็อดที่จะถามซ้ำไม่ได้ อยู่ๆทำไมถึงมาพูดเอาซะดื้อๆแบบนี้อ่ะ
“อ่าฮะ จริงๆกูคิดจะขอตั้งแต่ก่อนจูบครั้งแรกล่ะ”
“แล้ว?”
“กูอดใจไม่ไหว” ผมเงียบ คือผมควรตอบยังไง...
ซีมันนั่งยองๆลงตรงหน้าผม เหมือนมันกำลังรอให้ผมตอบ เดี๋ยวๆ นี้ผมต้องตอบเหรอ ตอบอะไรอ่ะ
“มึงทันป่ะเนี่ย” หน้าผมคงจะลำดับเหตุการณ์ไม่ทันสุดๆ ซีมันถึงได้ถามพร้อมกับขำไปด้วย
“ทันดิ”
“ทันว่า?”
“ก็... มึงขอกูเป็นแฟนไง”
“ถูก แล้วมึงจะตอบว่าไง”
“กู... ต้องตอบด้วยเหรอ” นี้จากไม่งงจะกลายเป็นงงแล้วเนี่ย
“อ้าวววว มึงจะไม่ตอบได้ไง นี้กูอุตสาห์รวบรวมความกล้าขอล่ะนะ”
“ใครบอกให้มึงขอล่ะ”
“อ้าววววว มึงแม่งงงง” ถึงมันจะบ่นแต่มันก็ยังไม่หุบยิ้มเลยครับ
“กูไม่คิดว่ามึงจะขอ”
“กูก็ไม่เคยคิดว่าจะขอ”
“แล้วทำไมถึงขอ”
“แค่อยากให้มันชัดเจนมั้ง หึงมึงได้ หวงมึงได้ จูบมึงได้ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ ประมาณนี้ และก็...”
“ตกลง” ผมพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ซีมันจะพูดจบอีกครับ
“ตกลงเรื่อง?”
“หัวหมองมากไหมสัส จะเรื่องอะไรล่ะ ก็เรื่อง... เป็นแฟนกัน” คราวนี้มันยิ้มกว้าง และดึงมือผมไปจับไว้ มันจับมือผมแบบนั้นอยู่สักพัก
“ขอบคุณนะ” และเปลี่ยนเป็นผสานมือของมันเข้ากับมือผม
ผมปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่างส่งผ่านมือของเรา สุดท้ายผมก็รับความรู้สึกมากมายทุกอย่างไว้ไม่ไหว จนต้องผ่อนลมหายใจยาวๆออกมา ส่งผลให้ซีที่นั่งมองมือของเราอยู่แบบนั้นเงยหน้ามามองที่ผมแทน
“ขอบคุณเหมือนกัน” ผมเปลี่ยนจากนั่งบนเก้าอี้เป็นนั่งที่พื้นเหมือนมันแทน
ผมเลื่อนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ไปลูบท้ายทอยของซี จริงๆแค่นั่งมองหน้ากันเฉยๆก็อิ่มจะแย่ล่ะนะ
“ขอบคุณที่ให้อะไรมาตั้งมากมาย โดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน ขอบคุณที่อยู่ข้างๆเสมอ ขอบคุณที่ทำให้กูได้คบกับคนที่ดีมากๆคนหนึ่ง” ซีมันยิ้ม มันยิ้มไม่หยุดเลย ยิ้มจนผมต้องยิ้มตาม ผมขยับเข้าไปหามัน จรดหน้าผากของเราเข้าด้วยกัน พอเวลาแบบนี้ดันทำอะไรไม่ถูกนอกจากยิ้มเนี่ยนะ ขอได้แต่ไปต่อไม่ได้ซะงั้น จะว่าไปก็ตลกดีแหะ เหมือนสลับกับเมื่อกี้เลย ผมที่ตอนแรกทำอะไรไม่ถูกกลายเป็นคนรุกมันซะงั้น ส่วนเจ้าตัวคนขอกลับทำอะไรไม่ถูกจนต้องปล่อยให้ผมเป็นคนดำเนินต่อแทน
ซีคนเก่งทำอะไรไม่ถูกทั้งที ผมจะปล่อยโอกาสนี้ไปได้ยังไง ผมใช้ปลายจมูกไล้ไปตามสันจมูกของซี และกดริมฝีปากที่ปลายจมูกของมัน ผมพึ่งได้รู้ความหมายของจูบที่ปลายจมูกเมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่เลื่อนๆอ่านทวีตอยู่ ก็ดันไปเจอทวีตหนึ่งบอกว่าจูบที่ปลายจมูกแปลว่า คุณน่ารักมาก นี้คงเป็นสิ่งที่มันอยากจะบอกผมในครั้งแรกที่เราจูบกัน ในครั้งนี้ผมจะบอกมันบ้างล่ะกัน
ต้องยอมรับว่าตอนแรกผมตั้งใจแกล้งให้มันทำอะไรไม่ถูกมากกว่าเดิมเท่านั้น แต่พอเริ่ม กลับเป็นผมเองที่หยุดไม่ได้ ผมกดจูบลงที่หน้าผาก ไล่ลงมาที่ขมับ แก้ม คาง ต้นคอ ไหปลาร้า และหัวไหล่ ผมคงจะเลื่อนลงไปเรื่อยๆถ้าซีมันไม่ประคองหน้าผมไว้ และจรดหน้าผากของเราเข้าชิดกันอีกครั้ง
“กูจะตายอยู่แล้ว” ผมเชื่อว่ามันหมายความแบบนั้นจริงๆ ผมยิ้มกลับไปให้มัน ผมตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว สุดท้ายผมก็จบทัวร์จูบด้วยการกดริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของมัน
“กูรักมึงนะ” ทันทีที่ถอนริมฝีปากออกซีมันก็กระซิบชิดริมฝีปากของผม เหมือนเป็นยาชาที่ฉีดเข้ามาในเส้นเลือดใหญ่ ส่งผลให้ผมชาไปทั้งตัว ความกล้าบ้าบิ่นทั้งหมดในตัวเหมือนถูกสูบออกไปจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
“กูก็รักมึง” เหลือเพียงเคียวที่เป็นแมวเชื่องๆของซีตัวหนึ่งเท่านั้น
ซีมันยังคงยิ้มให้ผม และดึงผมเข้าไปกอด มันซบหน้าลงกับหัวไหล่ของผม ผมกอดตอบมันไว้ในอ้อมแขน และเกยคางไว้บนไหล่ของมัน เป็นการกอดกันที่จริงจังที่สุดของเราเลยมั้ง
ผมไม่ต้องการอะไรแล้วจริงๆ
เรากอดกันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ผมจะงับติ่งหูมันเข้าให้ หูมันแดงมากอ่ะ
“โงยยย” แล้วมันก็บ่น
“หูมึงแดงมาก”
“ก็กูเขิน” เออออออตรงประเด็นดี
“หูมึงก็แดง” แล้วยังโบ้ยมาให้ผมอีกแหนะ
“พนันได้ว่าหูมึงแดงกว่า”
“คงงั้นมั้ง มันโครตร้อนอ่ะ” มันเลื่อนมือไปปิดหูไว้ เห็นมันปิดหูแล้วผมก็หลุดขำออกมาครับ เอ็นดูอ่ะ ฮ่าๆ พอผมขำมันก็ดันขำด้วยซะงั้น
“มึงมีลักยิ้มด้วยเหรอ?”
“เห็นด้วยเหรอ”
“เออ เห็นนิดๆ” รอยบุ๋มเล็กๆที่แก้มข้างขวาเพียงข้างเดียว ปกติไม่เคยเห็นนะ หรือไม่เคยสังเกตวะ
“ลักยิ้มกูมันเป็นลักยิ้มพิเศษนะ”
“ยังไง?” ผมสำรวจลักยิ้มมันไปด้วย ฟังมันไปด้วย
“ถ้ายิ้มปกติ ยิ้มตามมารยาท มันจะไม่เห็นเว้ย...”
“มันจะเห็นเฉพาะตอนที่กูมีความสุขจริงๆ ยิ้มที่มาจากใจ อย่างตอนนี้” มันพูดจนจบแล้วเลื่อนมือมาผสานกับมือผมไว้อย่างนั้น
ผมไม่น่ารู้ความลับเรื่องลักยิ้มพิเศษของซีเลย
เพราะตอนนี้ผมเห็นลักยิ้มนั้นชัดมาก และมันเป็นเครื่องยืนยันกับผมว่ามันกำลังมีความสุขจริงๆ
มีความสุขจากความรู้สึกของมันจริงๆ
"ฮัดชิ้ววว” จามครั้งที่สิบของวันแล้วเนี่ยยย ผมทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพิมพ์รายงานต่อไป
เรากำลังอยู่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนไฟนอลครับ รายงานเอย สอบเก็บคะแนนเอย แล้วยิ่งพวกผมต้องทำสรุปรายงานที่ไปเข้าค่ายกันมาอีก ยิ่งทวีความวุ่นเข้าไปใหญ่ วันนี้ผมเลยยกให้เป็นวันเคลียร์รายงานค่าย เพราะวันนี้ทั้งวันพวกผมมานั่งทำรายงานกันอยู่ในห้องชมรมครับ เข้าเรียนเฉพาะคาบที่สอบเท่านั้น และตอนนี้งานก็ดำเนินไปประมาณ60%แล้ว คิดว่าน่าจะเสร็จภายในเย็นนี้พอดีแหละ
“ไม่สบายเหรอวะ” ใช่ว่าผมจะนั่งอยู่ในห้องคนเดียวนี้นะ พอผมจามทีพวกมันก็ต้องไปยินอยู่ล่ะ แล้วนี้ผมจามกี่ครั้งล่ะวะ
“นิดหน่อย” ผมตอบไอ้รูทไป พยายามทำเหมือนปกติ ทั้งๆที่เสียงอยู่ในคอสุดๆ ทั้งน้ำมูกทั้งเสลดอุดการหายใจและการพูดของผมไปเกือบหมด
“กินยายัง” รูทมันทำหน้าแหยงใส่ผม ผมบอกแล้วว่าเสียงผมมันสุดๆล่ะ ไอ้ที่ผมตอบไปนั้นก็ตอแหลล้วนๆ
“กินล่ะ”
“ทำไมอยู่ๆมาป่วยวะ” ไอ้เฟรมที่นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย
“ตอนไปค่ายมันตากฝนไง”
“นั้นมันสักพักล่ะนะ มึงควรป่วยจนหายป่วยได้ล่ะ” แล้วไอ้ยะก็เข้ามาร่วมด้วยอีกคน แถมยังวิเคราะห์มาเต็มอีก
“เออใช่...” ไอ้รูทมันทำท่าคิดและหันมาจับผิดผม ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ นอกจากทำนิ่งๆไป
“จะว่าไปไอ้ซีมันป่วยหลังกลับจากค่ายใช่ม่ะ...” นั้นไง มึงโยงมาได้ไงเนี่ยรูทททท
“มันหายเร็วดีเนอะ เคียวววว มึงว่าป่ะ” ปล่อยกูไปเถอะเพื่อนนน
“เก็ตล่ะ! มึงติดหวัดไอ้ซีมาใช่ป่ะ” ในขณะที่รูทวิเคราะห์ไอ้เฟรมกับไอ้ยะก็คิดตามไปด้วย สุดท้ายยะมันก็เก็ต
“งั้นมั้ง” ผมต้องยอมตอบให้ประเด็นมันจบครับ
“เชื้อหวัดเดี๋ยวนี้มันร้ายกาจเหมือนกันนะ แปบเดียวมึงติดขนาดนี้เลยดิ” มึงจะพูดร้ายกาจแบบรอน วิสลีย์ เพื่ออะไรเฟรม
จริงๆถ้ามันแค่ใช้ออกซิเจนร่วมกัน อยู่ด้วยกัน มันคงไม่ติดหวัดแบบเฉียบพลันขนาดนี้หรอกครับ แต่มันไม่ใช่ไง ผมจูบกับมันนะ ให้ทายว่าจะรอดจากการติดหวัดได้ยังไง
แล้วอะไรดลใจให้ผมจูบกับมันตอนมันป่วยวะเนี่ย
“ถ้าไม่ไหวมึงนอนได้นะ พวกกูทำต่อเองได้” สภาพผมคงดูแย่มาก ยังไงพวกมันก็รู้ล่ะ ผมเลยเลิกทำเหมือนไม่เป็นอะไรและฟุบตัวนอนกับโต๊ะแม่งเลย จมูกยังเอาไว้ใช้หายใจอยู่ใช่ไหมเนี่ย
“หายใจไม่ออกกกกกกก” ทำอะไรไม่ได้ก็โวยวายออกมาให้พวกแม่งฟังล่ะกัน
ผมคงจะบ่นอีกยาวถ้าโทรศัพท์ที่ผมวางไว้บนโต๊ะไม่สั่นขึ้นมาก่อน แต่ด้วยความขี้เกียจผมเลยไม่ยกหัวขึ้นไปดูว่าใครโทรมาแค่เอื้อมมือไปคว้ามากดรับโดยไม่มองคนโทรเข้ามาแทน
‘รูปที่มึงจะเอาอ่ะรีบป่ะ’ ไอ้ซีนี้เอง ตายยากจริงนะมึง เมื่อเช้าผมพึ่งบอกให้มันเซพรูปตอนไปค่ายให้หน่อย มันต้องเอามาใช้ในรายงานอ่ะครับ
‘ก็รีบนะ’
‘มึงโอเคป่ะเนี่ย’ เสียงผมคงไม่ไหวล่ะ
‘เออไม่ตายหรอก’ แค่ใกล้ตายเฉยๆ
‘อ่าๆ รูปอ่ะ มึงจะเอาตอนนี้เลยป่ะ กูจะได้แวะเอาไปให้ เพราะเดี๋ยวคาบต่อไปกูสอบแคลคูลัส’
‘มึงก็สอบไปก่อนดิ กูไม่ได้รีบขนาดนั้นหรอก’
‘แน่ใจนะ?’
‘อ่าฮะ’
‘งั้นเดี๋ยวกูสอบเสร็จ แล้วเอารูปไปให้นะ’
‘อื้มมมมม’
‘กินยาด้วยนะเคียว’
‘กูพึ่งกินไปเนี่ย’
‘กูจะวางล่ะนะ’ จะวางก็วางดิว่ะ จะบอกทำไมเนี่ย
‘อื้อ’
‘ไม่บอกอะไรกูหน่อยเหรอ’
‘บอกอะไรอ่ะ’
‘อวยพรกูหน่อยดิ กูจะสอบแล้วเนี่ย’
‘โหยยย มึงทำได้อยู่ล่ะ’ ล่าสุดผมให้มันสอนผม มันก็สอนไปบ่นไปเรื่องไม่มีพื้นฐานบ้างล่ะ ทำไมทำง่ายๆไม่ได้บ้างล่ะ บ่นงุ้งงิ้งๆจนผมแทบจะหาครูคนใหม่เลย แล้วพอตัวเองจะสอบดันมาขอคำอวยพรซะงั้น
‘ข้อสอบมันอาจจะยากจนกูทำไม่ได้ก็ได้’’
‘เกินไปปป มึงทำไม่ได้ใครจะทำได้’ ซีมันเก่งจริงๆครับ ผมยอมรับเลย
‘อวยพรหน่อยเร็ววว’
‘อ่ะๆ ขอให้ได้ข้อสอบง่ายๆล่ะกัน’
‘สาธุ~ ไปล่ะ เสร็จแล้วเดี๋ยวไปหา’ ซีวางสายไปแล้ว ผมส่ายหัวให้ความบ๊องของมัน ผมคงจะคุยกับซีจนเพลินเลยไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของทุกคนในห้อง เพราะตอนที่ผมเงยหน้าขึ้นมา ทุกคนก็พร้อมใจกันมองมาที่ผม ใช่คำว่าจ้องผมก็คงได้แหละ
เมื่อกี้ผมเผลอหลุดพูดอะไรหวานๆออกไปป่ะเนี่ย...
ก็ไม่มีนะ
ผมไอแก้เก้อก่อนที่จะพรมนิ้วลงบนคีย์บอร์ดอีกครั้ง
“กูถามจริง” ยังพิมพ์ได้ไม่กี่คำ ไอ้รูทก็จับเก้าอี้ผมหมุนไปหามันซะก่อน ข้อเสียของเก้าอี้มีล้อมันก็เป็นซะแบบนี้แหละครับ
“ว่า?”
“มึงกับซี ยังไง?”
“มึงถามอีกล่ะเหรอ” ผมรู้สึกเหมือนพึ่งตอบไป
“นั้นก็สักพักล่ะนะ ต้องอัพเดตหน่อยดิ อะไรยังไง” แม้คนถามจะเป็นรูทแต่ทั้งยะและเฟรมก็แสดงออกอย่างชัดเจนเลยว่าตั้งใจฟังอยู่
“คิดว่าไง” ผมถามรูทกลับ ถ้าเป็นคนอื่นคงมองว่าผมกวนตีนหรืออะไรแบบนั้น แต่นี้เป็นรูทไงผมถึงได้ถาม เพราะผมอยากรู้จริงๆครับว่ามันมองแบบไหน
“คบกันแล้ว?” มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามผม แต่ผมยังคงนิ่งมันเลยพูดต่อ
“มันก็ต่างอยู่นะ แล้วยังไงอ่ะ คบยัง” มันคงหมดความอดทนกับผมแล้วเพราะแม่งเตะขาเก้าอี้ผม จนผมไถลไปไกลเลย แต่ผมก็ยังไถลกลับมาที่เดิมจนได้ครับ
“ก็เออ”
“กูว่าล่ะ!” รูทมันลุกขึ้นตบโต๊ะไปหนึ่งที อะไรมันจะขนาดนั้นนนน
“เมื่อไหร่ๆๆ” ยะคงจะทนฟังอยู่เงียบๆไม่ไหว
“เมื่อวาน” เมื่อวานจริงๆครับ ผมถึงสงสัยไงว่าทำไมพวกนี้จับกลิ่นได้เร็วจัง
“มึงรู้ป่ะ ทำไมพวกกูถึงรู้” มันส่ายหัวส่งไปให้รูท ผมอยากรู้อยู่เนี่ย
“ซีมันชัดเจนกับมึงเสมอ เพราะมันพวกกูเลยดูออก มันแสดงออกชัดมากว่านี้รู้จักกัน นี้เพื่อน นี้สนิทกัน นี้คุยๆกัน นี้ชอบกัน หรืออย่างตอนนี้ก็คบกัน”
“ต่างกับมึง มึงเหมือนเดิมหมดดด พวกกูเลยต้องสังเกตไอ้ซีแทน” รูทพูดจบเฟรมก็ต่อเลยครับ
“สงสารซีว่ะ” แล้วอะไรของมึงเนี่ยยะ ผมคว้าหมอนได้ก็ขว้างใส่มันทันที
“พวกมึง... ไม่โกรธเหรอวะ” เป็นเรื่องที่ผมอยากถามมาตั้งนานแล้ว
“โกรธเรื่อง?” และก็โดนรูทถามกลับ
“ทุกเรื่อง”
“ถ้าเรื่องที่มึงไม่ยอมบอก จนพวกกูต้องมาถามก็นิดหนึ่งนะ แต่ว่ามึงก็พึ่งคบกัน พอจะผ่อนผันกันได้”
“แล้วถ้าเรื่องที่กูคบกับซีอ่ะ” ผมรู้ว่าพวกมันเข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่อ
“เอาจริงๆนะ กูแปลกใจมากกว่า เราก็รู้ๆกันว่ามึงมันสายม่อสาวขนาดไหน” เดี๋ยววววว ผมไม่เคยเถอะ
“อยู่ๆมึงมาคบกับผู้ชาย กูก็แค่สงสัยว่าคนๆนั้นมันมีดีขนาดไหน ดีจนมึงเปลี่ยน...รสนิยม” ผมรู้ว่ารูทมันคงพยายามหาคำพูดที่ดีที่สุดแล้ว
“แต่ก็นั้นแหละ มันเรื่องของหัวใจนี้ว้า มันไม่เกี่ยงว่าเพศไหน ถ้ามันจะรักมันก็รักอ่ะเนอะ” รูทพูดจนจบ
“สำหรับกู เพราะกูได้รู้ว่าคนๆนั้นมันดีจริงๆด้วยแหละ กูเลยไม่อยากขัดอะไรมึง จะมีผู้หญิงที่ดีขนาดนี้รึเปล่าเถอะ” และยะก็รับช่วงต่อ
“ถ้าเพื่อนกูมันมีความสุขอ่ะ กับใครไม่สำคัญหรอก กูรู้ว่ามึงฉลาดพอที่จะเลือกคนที่ดี” ปิดท้ายด้วยเฟรม
ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตอนนี้ยังไง ถ้าวันหนึ่งเพื่อนในกลุ่มผมเกิดคบกับผู้ชายขึ้นมามันก็คงแปลกๆนะ พวกเราแข่งกันจีบสาวมาก็เยอะ คบกับผู้หญิงมาก็เยอะ อยู่ๆเปลี่ยนมาคบผู้ชายซะงั้น แต่ถามว่ารับไม่ได้เลยรึเปล่า ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ น่าจะแค่ทำตัวไม่ค่อยถูกมากกว่า ขนาดผมลองคิดดูยังไม่รู้จะต้องทำตัวยังไงดีเลย แล้วพวกมันต้องเจอจริงๆ แถมยังไม่มีท่าทีแปลกๆกับผมและซีด้วยซ้ำ
มันคงเป็นความรู้สึกขอบคุณมั้ง
ผมโชคดีที่มีเพื่อนแบบพวกมัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในที่สุดก็ปิดเทอมแล้วววว แต่ก็ยังต้องไปโรงเรียนอยู่ ฮาาา เป็นปิดเทอมที่คงต้องจริงจังกับการอ่านหนังสือสักที แค่คิดก็เหนื่อยแล้วชีวิต สำหรับบทนี้เป็นไงบ้างงงงง มีแฟนคลับบางคนรอซีนนี้อยู่ ไม่รู้จะถูกใจไหมนะ 5555 แล้วมีคนอันเฟบ ฮือออออ เจ็บเหมือนโดนทิ้งไว้กลางทาง แต่ไม่เป็นไรค่ะ เขาคงไม่ถูกใจอะไรสักอย่างอ่ะเนอะ ไม่ว่ากันๆ ไม่ใช่ว่าอันเฟบกันหมดไม่ได้นะ ไม่ดีๆ 5555
คอมเม้นต์ค่าาาา
เม้นต์คนล่ะนิดคนล่ะหน่อยคนล่ะมือคนล่ะไม้นาาา
เจอกันเร็วๆนี้ค่ะ
ความคิดเห็น