คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : EP.3 (1/2)
08
“ทำไมกลับมาช้าจังวะ?”
ถามว่าช็อคไหม ช็อคครับ ตอนนี้เป็นเวลา5ทุ่มของวันอังคาร กว่าผมจะกลับจนถึงบ้านก็คิดไว้อยู่ล่ะนะว่าคนในบ้านคงหลับกันหมดแล้วแต่ในขณะที่ผมไขประตูบ้าน (เมื่อวานกลับถึงบ้านตอน4ทุ่ม ปรากฏว่าเจอพี่ทีมงานนั่งรอล็อคบ้านครับ ผมนี้สตั้นไปเลย บวกกับรู้สึกผิดระดับล้าน พี่เขาเลยแก้ปัญหาโดยการเอากุญแจมาให้ผมอีกชุดหนึ่งเมื่อเช้านี้ ผมเลยทำงานยาวจนกลับมาถึงบ้านตอน5ทุ่มนี้แหละ)
กลับเข้ามาเรื่องเดิม พอผมไขกุญแจเข้าบ้านแล้วกำลังถอดรองเท้า เสียงใครสักคนก็ดังขัดขึ้นมาซะก่อน คนยิ่งกลัวๆอยู่นะเว้ย ดีนะที่ยังเปิดไฟไว้พอให้เห็นอะไรบ้าง
“ซี?”
“อ่าฮะ”
“โถ่วไอ้สัส กูตกใจหมด”
“กลับบ้านดึกขนาดเนี่ย ยังกลัวผีอีกเหรอวะ”
“ไม่เคยมีใครบอกมึงหรือไง ว่าเข้าป่าอย่าพูดถึงเสือ”
“ก็ไม่ได้อยู่ในป่านี้” พอเดินมาใกล้ๆผมเลยพึ่งสังเกตว่ามันแค่ลงมาดื่มน้ำเฉยๆ กวนนักใช่ไหมแย่งน้ำแดกแม่ง
“แล้วนี้มึงมัวทำอะไรอยู่วะ ทำไมกลับดึกจังอ่ะ”
“มีงานที่ชมรมว่ะ กูเลยแบกไปทำที่คอนโดมา กว่าจะเสร็จก็เลยดึก”
“งานอะไรวะ ให้กูช่วยได้นะ”
“แหมมมมมมม เป็นห่วงเหรอจ๊ะ”
“กวนตีนนักก็ทำคนเดียวล่ะกัน”
“โอ๋ๆนะ ฮ่าๆ ไม่เป็นไรหรอก กูทำได้”
“มึงไหวแน่เหรอวะ กลับบ้านดึกมา2 3วันแล้วนะเว้ย ไหนต้องตื่นเช้ามาแย่งห้องน้ำกับพวกกูอีก แล้วไหนจะงานในห้อง สอบเก็บคะแนนอีก ไม่ใช่น้อยๆนะเว้ย”
“ถ้ากูไม่ไหวแล้วกูทำอะไรได้ว่ะ นอกจากทำให้ไหวอ่ะ” ไม่ได้พูดประชดหรืออะไรทั้งนั้น แต่พูดจริงๆ ไม่ได้ตัดพ้อเลยนะเนี่ย ไม่ได้เศร้าเลยด้วย แง้
“แน่นะ” ผมมองตากลมๆของไอ้ซีที่จ้องผมอย่างโครตจะจับผิด ฮ่าๆ อะไรของเมิงงง
“เอออออ ไปนอนเหอะ”
“ไม่ไหวเมื่อไหร่บอกนะ” แหนะ ยังหันกลับมาซ้ำอีก คราวนี้ผมไม่ได้ตอบอะไรแค่พยักหน้าคืนไปเท่านั้น แค่นี้ก็พอแล้ว สำหรับเชื้อเพลิงที่จะใช้ทำงานต่อวันพรุ่งนี้ คนเรามันไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอกครับตอนเราเหนื่อย นอกจากกำลังใจ
“เมื่อคืนมึงกลับกี่โมงวะ?”
เช้าที่วุ่นวาย ผมที่กำลังขยี้ตาไล่ความง่วง ง่วงจริงๆครับ ง่วงมาก ร่างกายต้องการนอนต่อ เดี๋ยวๆอย่าพึ่งนอน เมื่อกี้ใครทักนะ อ๋อ เซนๆ คุยกับมันหน่อยล่ะกันเดี๋ยวมันน้อยใจ
“ไม่ถึง4ทุ่มอ่ะ” ใช่เหรอเคียวใช่เหรอ...
“เหรอ...” เฮ้ย ทำไมคิดแล้วมันดังออกมาวะ ผมหันขวับไปตามเสียงแล้วก็เจอ มันนั้นแหละ มีอยู่คนเดียว คนนั้นที่พวกคุณคิดนั้นแหละครับ ใช่เลย ไอ้ซีนั้นแหละครับ
“มึงรู้ใช่ป่ะซี กี่โมงวะ” ซีไม่ได้ตอบทันทีครับ มันแค่ชายตามามองผมนิดหนึ่ง ถ้าจะประจานก็เอาเลย เอาที่สบายใจ ผมเลิกคิ้วใส่มันแล้วเดินนำเข้าห้องน้ำไปก่อน ทำไมต้องมายืนคุยกันหน้าห้องน้ำด้วยวะเนี่ย
“ตามนั้นแหละ” มันไม่ได้ประจานแถมยังช่วยผมอีกต่างหาก ทำให้ผมอดที่จะขอบคุณมันในใจอีกครั้งไม่ได้ ไว้มีโอกาสค่อยบอกล่ะกัน
ผมไม่ได้อยากปิดบัง และไม่ได้มีความลับอะไร ผมทำงานก็คือทำงานจริงๆ ไปไหนมาบอกตรงๆอยู่แล้ว แต่เหตุผลที่ผมไม่ยอมบอก เพราะกลัวพวกมันเป็นห่วงมากกว่า เหมือนไอ้ซีเมื่อคืนไง ผมไหวจริงๆนะ ไม่ไหวจะบอกเองแหละ ไม่อยากให้มีใครมากังวลเรื่องของผมเพิ่มมากขึ้นไปอีก ผมโอเคจริ๊งจริงนะ
“พี่เคียวมีคนโทรมา!” ให้อาบน้ำก่อนได้ไหมล่ะ
“เออๆ เดี๋ยวโทรกลับ!” ขออาบน้ำก่อนเถอะ
“พี่ครับ พี่เคียวบอกว่าเดี๋ยวโทรกลับ” เดี๋ยวๆ คือรับไปแล้วว่างั้น เต้นี้มันเต้จริงๆ ช่างมันล่ะกัน อาบน้ำก่อนล่ะ เดี๋ยวสายยยย
“ไหนโทรศัพท์กูอ่ะ”
“พี่เดลเอาลงไปเล่นข้างล่างอ่ะ” นี้โทรศัพท์ผมหรือโทรศัพท์สาธารณะวะเนี่ย บ่นไปก็เดินลงไปหาไอ้เดลข้างล่างอยู่ดีแหละครับ
“โทรศัพท์กูอ่ะ” ผมทิ้งตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆเดล ผมเดินลงมาจนถึงตอนนี้ ยังไม่เห็นโทรศัพท์ตัวเองเลยครับ หายเฉยเลย
“รับ” นั่งตรงข้ามกันแค่นี้จำเป็นต้องโยนมาไหม แต่นี้ก็บ้าจี้รับเฉย ฮ่าๆ
เฟรมโทรมาครับ งานเข้าตั้งแต่ยังไม่7โมงด้วยซ้ำเนี่ย
ผมกดโทรกลับหามันพร้อมๆกับยกนมขึ้นมาดื่ม ความหิวนี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แล้วมันโทรมาตั้งแต่เช้าขนาดนี้ วันนี้อาจจะได้กินแค่นมแก้วนี้ก็เป็นได้
ว่าแล้วก็แยกตัวเองมาคุยโทรศัพท์ที่ห้องนั่งเล่นหน่อยล่ะกัน (อยู่ติดกับห้องกินข้าวเลยครับ)
‘อยู่ไหนนนน’
‘บ้าน’ เช้าขนาดนี้จะอยู่ไหนล่ะ นอกจากบ้าน
‘บ้าน own label หรือบ้านมึงหรือคอนโดมึง’ เอ๊ะ ทำไมฟังๆดูมีหลายบ้าน
‘own label’
‘จะมากี่โมง’
‘นี้มึงอยู่โรงเรียนแล้วเหรอ’ รีบทำไมเนี่ย มีสอบมีส่งงานอะไรแล้วผมลืมป่ะวะ
‘เออ เอาใบเบิกมาให้อาจารย์ กูลืมว่าเขาให้เอาไปให้เมื่อวานเลยรีบมาก่อนที่เขาจะมาเนี่ย เผื่อแถได้’
‘เลววว’ พวกผมนี้สีข้างไม่เหลือล่ะนะ แถกันอย่างเดียวเลยตอนลืมส่งงาน
‘เรื่องของกู แล้วมึงจะมากี่โมง’
‘มีไรเปล่า’ ไปเร็วไปช้าแปรผันตรงกับต้องทำอะไรรึเปล่าครับ
‘เผื่อมึงลืมว่าต้องอธิบายงานเดือนนี้กับครูสุจิตราเช้านี้นะ’ ครูสุจิตราเป็นครูที่ปรึกษาประจำชมรมผมเอง จะทำงานอะไรต้องไปแจ้งครูเขาก่อน ใช่ครับ แล้วงานที่ตอนนี้รัดตัวจนผมกลับบ้านดึกเนี่ย คืองานของชมรม พวกผมกำลังเริ่มทำงานเพื่อสังคมประจำเดือนนี้ มันเลยวุ่นวายนิดหน่อย หรือมากหน่อยก็ไม่รู้แหละ
‘ไม่ลืมๆ กูคิดไว้ล่ะ’
‘มึงลองมาพูดให้กูฟังก่อนดิ’
‘มึงไม่มีเพื่อนก็บอก’
‘เอออออ’
‘โทษที พอดีกูไม่รีบ กูพูดให้มึงฟังตอนนี้เลยล่ะกัน’
‘เออๆก็ได้ว่ะ’ ในขณะที่ผมกำลังรวบรวมคำพูดอยู่ สายตาก็หันไปเห็นไอ้ซีกำลังเดินมาทางนี้อยู่ แต่มันจะมานั่งที่ห้องนั่งเล่นก็ไม่แปลกใช่ไหม ตอนนี้ห้องกินข้าวคงคนเยอะแบบสุดๆ ผมเลยไม่ได้สนใจแล้วหันมาคุยกับไอ้เฟรมต่อ
‘เดือนนี้นะครับ ผมคิดเอาไว้แล้วครับครูว่าเราไปสร้างห้องสมุดก็แล้ว สร้างห้องน้ำก็แล้ว...’ แต่ไอ้ซีมันคงไม่ได้มานั่งเฉยๆแล้วล่ะ เพราะมันกำลังจิ้มไส้กรอกจากจานมันแล้วจ่อใส่ปากผมอยู่ อิ่มแล้วเหรอวะ พอดีเลย กูหิว ว่าแล้วก็งับไส้กรอกจากมือมันโดยไม่ได้ปฏิเสธอะไร บอกแล้วว่าความหิวมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
‘เดือนนี้ผมเลยคิดว่าเราน่าจะทำอะไรง่ายๆอย่าง...’ และงับไข่ดาวต่อ
‘ถึงไหนแล้วนะ’ ลืมเลยเฮ้ย กินเพลิน นั้นมันกำลังพยายามจิ้มแฮมให้ผมอีก ตอนแรกว่าจะหยุดกินล่ะนะ แต่นั้นแฮมเลยนะ อีกสักคำล่ะกัน
‘ถึงทำอะไรง่ายๆ’
‘อ้อๆ อะไรง่ายๆอย่าง...’ เอาอันนู่นอันเบคอน เพราะคุยโทรศัพท์อยู่ ผมเลยอาศัยใช้สายตาและปากบอกใบ้เอาว่าอยากกินเบคอน และไอ้ซีนี้ก็มีความสามารถมากพอที่จะเข้าใจและเลิกพยายามหั่นไข่ดาวมาจิ้มเบคอนให้ผมแทน
‘อย่าง...’ เบค่อนอร่อยจริงว่ะ เอาอีกๆ
‘เฮ้ย ทำอะไรอยู่วะ ตั้งใจหน่อยดิ’
‘เออ ทำอะไรวะไอ้ซี กูคุยงานอยู่เนี่ย’ โยนเลยครับโยน แล้วไอ้ซีก็ทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกใส่ผม สงสารรร ฮ่าๆ
‘เอาเป็นว่ากูเตรียมไว้แล้วแหละ ขอบใจที่เตือนแล้วกัน เจอกันที่โรงเรียนเว้ย’ ผมไม่ได้ฟังว่าไอ้เฟรมมันบ่นอะไรต่อ แต่มันบ่นแน่ๆแหละผมว่า ส่วนผมก็หันมากินต่อแบบจริงจัง ถ้าไม่ได้กินอะไรเลยมันพอทนหิวได้อยู่นะแต่พอมีอะไรเข้าปากแล้วมันต้องกินต่อจนกว่าจะอิ่มแล้วล่ะ
“เป็นไง” คนพวกนี้มันทำอะไรไม่ให้ซุ่มให้เสียงตลอดเลยเนอะ นี้ตกใจไงงงง คนมันขวัญอ่อน หึหึ
“ระดับเคียวนะครับคุณยะ”
“ผ่านช่ะ?”
“เยส”
“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว ทำใบติดต่อสถานที่ ใบขออนุญาตอะไรไปหมดล่ะ ถ้าเสนอไม่ผ่านนี้ทำใหม่หมดเลยนะ”
“บอกแล้วว่าไม่พลาด” เมื่อเช้าผมยังไม่ทันก้าวขาเข้ามาในโรงเรียนดีเลยครับ ไอ้ยะ ไอ้เฟรม ไอ้รูท ก็พุ่งตัวเข้ามาหาจนผมกับไอ้เต้นี้เหวอไปเลย จะรีบอะไรขนาดนั้น แล้วพวกมันก็จัดการลากผมไปพูดเสนอให้พวกมันฟัง เสร็จแล้วผมก็มาเสนอครูครับ จริงๆผมไม่ได้คิดมากเพราะคิดว่ายังไงก็ผ่านอยู่แล้ว (ครูใจดีมากครับ) แต่พอเห็นพวกมันกลัวกันขนาดนี้ผมเลยแอบเกรงๆนิดหน่อย แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีครับ พวกผมเสนองานผ่านเรียบร้อยที่เหลือก็แค่ทำจริงๆ
อ้อ ผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าเราเสนองานอะไรไป งานเดือนนี้เราจะไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กกำพร้าครับ ไม่ยากมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะง่าย นี้พวกผมก็วุ่นๆกันอยู่แต่คิดว่ามันน่าจะจบก่อนถึงวันจริงสัก2วันเป็นอย่างต่ำ งานนี้พวกผมคิดว่าจะจัดกันวันเสาร์นี้แล้วครับ รีบทำให้มันเสร็จเวลาที่เหลือของเดือนนี้มันจะได้ว่าง
“พวกใบขออนุญาตอะไรที่ทำเสร็จแล้วอ่ะ ส่งได้เลยนะ จะได้ไม่ต้องมาเร่งทีหลัง”
“ได้!” งานหลักๆมันไม่น่าจะเหลืออะไรแล้วมั้ง เหลือไปบอกพวกน้อยๆในชมรมว่ามีใครอยากไปไหมอะไรยังไงอีกนิดหน่อยแล้วคงจะสบายขึ้นหน่อย
“เออมึง แต่งานมันจัดวันเสาร์นะ”
“เอ้อ ทำไมอ่ะ” แล้วจำเป็นต้องทำน้ำเสียงจริงจังแบบนั้นไหมรูท มันหวั่นๆนะ
“ก็มึงอ่ะ ไม่ต้องอัดรายการเหรอ”
“ชิบ...” ลืมครับ ลืมไปเลยว่าต้องทำภารกิจทุกๆวันเสาร์ เอาแล้วไง ทำไงล่ะทีนี้
“มึงไม่ไปไม่ได้นะเว้ย”
“กูรู้แล้วครับยะ” ถึงได้คิดหนักนี้ไงว่าจะทำไงดี
“เอาไงอ่ะ เลื่อนไหมยังทันนะ” ผมส่ายหัวรัวๆใส่เฟรม เราเลื่อนวันไม่ได้เพราะนั้นหมายความว่าเราต้องเปลี่ยนเอกสารใหม่ทั้งหมด ไม่ไหวหรอกกก
“เดี๋ยวกูลองคุยกับพี่ทีมงานดูล่ะกัน”
ผมอุตสาห์คิดว่ากว่าจะได้คุยกับพี่ทีมงานก็คงตอนเย็นหรือไม่เผลอๆอาจจะไม่ได้คุยกันวันนี้ก็ได้ เพราะผมยังไม่พร้อมบอกสักเท่าไร
แต่โชคไม่เข้าข้างครับ
วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเครียสักอย่าง พอมีก็มีคนมารับผิดชอบไปทำหมด สรุปผมเลยกลายเป็นคนว่างงานจนโดนไอ้รูทไล่ให้มาคุยกับพี่ทีมงาน เพราะถ้าไม่ได้ยังไงจะได้คิดหาวิธีแก้ไขได้ แต่ผมไม่อยากมีปัญหานี้ว้า เอาจริงๆถ้าผมแยกร่างได้ปัญหามันคงจะจบแล้วแหละ แต่ผมทำไม่ได้ เฮ้อ เอาว่ะ ลองคุยดูก่อน
“เคียวววววว กลับบ้านก่อน6โมงเป็นด้วยเหรอวะ” จ้าๆแซวเลย พี่ขอถอดรองเท้าก่อนแล้วเดี๋ยวจะเล่นด้วย
“เออออ เทพป่ะล่ะ” ไอ้เดลปาอะไรสักอย่างใส่ผม แต่ผมไม่ได้สนใจจะไฝว้อะไรกับมันต่อแค่หันไปมองรอบๆห้องมากกว่า พวกเราเกือบทุกคนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ยกเว้นแต่ก้องที่พึ่งเดินออกมาจากห้องกินข้าวแล้วเลิกคิ้วใส่ผมอยู่ ไอ้นี้ก็คงงงๆว่าทำไมผมกลับเร็วนั้นแหละ
“พี่ทีมงานอ่ะ” ผมถามขึ้นมาลอยๆแบบไม่เจาะจงใครทั้งนั้น ใครจะตอบก็ได้ครับแค่ขอสักคน
“ห้องครัวอ่ะ พี่เมษมากับช่างกล้อง2คน” ไอ้เซนเป็นคนตอบผม ห้องครัวนี้ผมแทบจะไม่เคยเข้าไปเลยเพราะทำอาหารไม่เป็นครับเลยไม่รู้จะเข้าไปทำไม แต่ห้องกินข้าวนี้ผมอยู่บ่อยมาก ฮ่าๆ
“พี่เมษ...”
“อ้าว ว่าไงมึง กลับเร็วก็เป็นนะมึงอ่ะ” จะมีใครไม่ทักสักคนไหม
“ผมมีเรื่องจะบอกอ่ะ” พูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างไปถึงหูใส่พี่เมษ แต่พี่เมษกลับมีรีแอคชั่นด้วยการขมวดคิ้วใส่ผมแทน ผมไม่เนียนเหรอหรือยังไง
“อะไร”
“เสาร์นี้ผมมีงานที่ชมรมอ่ะพี่ คงอยู่ถ่ายไม่ได้ ไม่มีผมสักEPจะได้ไหมอ่ะ...”
“ไม่ได้!”
“โถ่วพี่ทำไมอ่ะ ไม่มีผมแค่เทปเดียวคงไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ดิว่ะ พวกมึงมีกัน6คน อยู่ๆเหลือ5 จะให้กูแก้ต่างว่าไง”
“ก็บอกไปดิพี่ ว่าผมไม่ว่าง”
“เฮ้อ มึงเข้าใจป่ะวะเคียว คอนเซปมันมี6คน กูไม่มีสิทธิ์ไปตัดไปลดอะไรทั้งนั้นแหละ 6ก็คือ6”
“แต่งานนี้มันก็จำเป็นกับผมนะพี่ แล้วผมก็ไม่ไปไม่ได้เหมือนกัน”
“แล้วมึงจะเอาไงอ่ะ... ช่วยกูคิดหน่อยสิ”
“อืมมมมมมม” คิดไม่ออก แงงงง
“ถ้าเรา...เดินคนล่ะครึ่งทางล่ะ” เฮ้ย นี้ไม่ใช่เสียงผมนะ เสียงพี่ทีมงานอีกคนที่นั่งฟังอยู่แถวๆนี้ (ผมไม่รู้จักหรออกครับ ทีมงานมีเยอะเกิน ผมจำไม่ได้)
“ยังไง” นั้นดิ ผมก็อยากรู้นะ
“ทำไมเราไม่ไปถ่ายรายการกันที่งานของเคียวเลยล่ะครับ” เดี๋ยวนะเดี๋ยว
วันศุกร์
ตอนแรกวันนี้ผมคิดไว้ว่าจะโดดครึ่งวันไปจัดสถานที่ แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันจะไปขอออกจากโรงเรียนเลยครับ อยู่ๆครูที่สอนคาบบ่ายก็สั่งสอบย่อย วุ่นเลยครับวุ่น ไม่ได้วุ่นอ่านหนังสือนะ วุ่นหาแนวจากห้องอื่นเนี่ย เรื่องอ่านหนังสือนี้อย่าพูดถึง เรามันพร้อมอยู่แล้ว พร้อมลอก ฮ่าๆ
เป็นเวลา4โมงกว่าๆที่พวกผมกำลังขนของทุกอย่างที่จะเอาไปจัดสถานที่ใส่รถไอ้เฟรม ดีหน่อยที่บ้านเด็กกำพร้าที่เราจะไปมันอยู่ไม่ไกลมากนัก เราเลยไม่ค่อยรีบเท่าไร
นั่งยังไม่ทันหลับก็ถึงซะแล้วเนี่ย
“มึงไม่ต้องมาวุ่นแถวนี้ ไปนู่นๆ ไปเขียนป้าย”
“เออๆ” เขียนป้ายก็เขียนป้ายว่ะ
“นี้น้ำกับขนมนะจ๊ะ”
“ขอบคุณคร้าบ” ปกติถ้าพวกผมไปจัดสถานที่ที่ไหนก็มักจะมีคุณป้า คุณลุง หรือบางทีก็คนรุ่นเดียวกันนี้แหละ เอาน้ำเอาขนมมาให้ คนไทยไม่สิ้นน้ำใจหรอกครับ
“ถ้ามีอะไรให้ช่วย บอกได้เลยนะจ๊ะ”
“คร้าบบบบบ” และพร้อมใจกันหันไปยิ้มแฉ่งให้ป้าที่ดูแล
ผมเลยกลับมาขะมักเขม้นกับการเขียนป้ายต่อ รูทกับยะกำลังมุ่งมั่นกับการสูบลูกโป่ง ส่วนเฟรมก็กำลังเอาลูกโป่งไปตกแต่งอีกที แต่เหมือนผมลืมอะไรไป
เฮ้ย ลืมจริงด้วย
“เออพวกมึง” ไม่มีเสียงใดๆหลุดรอดออกมา นอกจากการหันมามองเป็นคำตอบว่าพวกมันฟังอยู่แทน
“พรุ่งนี้อ่ะ กองถ่ายเขาจะยกกันมาถ่ายที่นี้นะ”
“ห๊ะ!!!”
“เฮ้ย เบาๆหน่อย”
“แล้วมึงพึ่งมาบอกตอนนี้เนี่ยนะ” โยนลูกโป่งในมือตัวเองใส่ผมอีกตั้งหาก
“มันวุ่นๆอ่ะ กูเลยลืมนิดหน่อย”
“ไม่ควรลืมไหมวะ เรื่องสำคัญขนาดนี้”
“กูขอโทษ...”
“แล้วพวกกูทำไงอ่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก กองถ่ายเขาก็ถ่ายส่วนของเขา พวกมึงก็อยู่ส่วนพวกมึง ไม่น่าจะเป็นไรนะ แล้วจะได้มีคนช่วยงานเพิ่มไง ไม่ดีเหรอ”
“ถึงไม่ดี พวกกูก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะมั้ง”
“ง่อวววว ตัดพ้อด้วย” ทุกคนมีรีแอคชั่นกับประโยคนี้ของผมด้วยการแวะมาทักทายหัวผมกับคนละที2ที หู้ยยยยยรักกันแรงมาก
วันเสาร์
และแล้วเวลานี้ก็มาถึง
ผมไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนเราจัดสถานที่เสร็จกันกี่โมง เอาจริงๆคือผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านอนไปกี่ชั่วโมง เพราะพอรู้สึกว่าจะหลับล่ะ ไอ้ยะก็โทรมาปลุกซะก่อน แล้วมาลากผมไม่เอากับข้าวที่สั่งไว้ด้วยกัน มันไม่ใช่หน้าที่ผมเลยนะเนี่ยยยย แต่ก็เอาเถอะครับ จบวันนี้จะนอนยาวไปถึงวันจันทร์เลย
“ไอ้รูทมันบอกว่ามันจะเป็นคนไปรับครูสุจิตรากับพวกที่จะไปเองนะ”
“เออดีล่ะ” ให้เทียวไปเทียวมานี้ไม่ไหวหรอก เหนื่อย แต่ที่มากกว่าเหนื่อยอ่ะนะ ขี้เกียจเนี่ยแหละ
เอากับข้าวเสร็จ ผมกับยะเลยมุ่งหน้าไปบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเลยครับ ปรากฏว่ามาถึง2คนแรกเลย เตรียมของเลยล่ะกัน เดี๋ยวจะไม่ทันเที่ยง
“ยะๆ มีคนโทรมาว่ะ แปปๆ” ดีมากจะไม่ได้ต้องช่วยถือกับข้าวเข้าไป
‘ฮัลโหล’
‘มึงอยู่ไหนเนี่ย’
‘อยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วอ่ะพี่เมษ’
‘เรอะๆ แล้วบ้านมันอยู่แถวไหนอ่ะ’
‘ผมบอกไม่ถูกว่ะพี่ แปปนะ’
“ยะ! มึงมาบอกทางมาที่นี้ให้พี่เมษหน่อยดิ”
“เมษไหนวะ”
“ทีมงานอ่ะ”
“อ้อออ ได้ๆ งั้นมึงถือเข้าไปด้วยนะ” สรุปว่าคนที่ต้องถือกับข้าวทั้งหมดเข้าไปก็กลายเป็นผมอยู่ดี นี้ไม่ใช่สายใช้แรงงานนะเฮ้ย แต่จะให้บอกทางก็บอกไม่ถูก ไปดิไป ไปถือของ
“กินเยอะๆนะ ไม่อิ่มมาเติมได้อีกรู้เปล่า”
“คร้าบบบบ”
“พี่เคียวๆ”
“อะไร ไม่เห็นเหรอว่ากูวุ่นอยู่” แค่วุ่นวายกับการตักอาหารให้น้องๆนี้ยังไม่พอแหะ ไอ้กัมกับไอ้เกมส์พยายามจะสิงผมกันอยู่ ไม่รู้จะแย่งกันสงสัยอะไรนักหนา
“พี่จะยกกองมาถ่ายที่นี้ทำไมไม่บอกก่อนอ่ะ”
“กูก็คิดว่าจะบอกก่อนนะ แต่พวกมึงมาช้าเอง กูเลยไม่ได้บอก” แต่จริงๆจะบอกหรือไม่บอกก็ไม่ต่างกันป่ะวะ พวกในกองกำลังวุ่นกับการเล่นกับเด็กที่ต่อแถวเอาอาหารกัน พวกมันแทบจะไม่ได้วุ่นกับการทำงานของเด็กในชมรมผมเลยด้วยซ้ำ กลับบ้านไปต้องชมหน่อยล่ะ
“แล้วพี่รู้จักกับพี่ก้องด้วยเหรอ”
“เออ มันก็เป็น1ใน6เหมือนกันอ่ะ”
“เหรอออออ” พวกมึงตื่นเต้นจริงจังไปไหมเนี่ย
“เฮ้ย!”
“อะไรของเมิงงง” หันไปโบกหัวไอ้กัมไปทีหนึ่ง
“พี่รู้จักพี่ซีด้วยเหรอ”
“เฮ้ยไหนวะ”
“พวกมึงไปคุยกันตรงนู่นไหม” มาคุยกันข้ามหัวกูอยู่ได้เนี่ยยยย
“พี่เคียวๆแต่พี่ซีนี้เจ๋งมากเลยนะ เป็นตำนานเลยอ่ะ” มึงพูดเฉยๆไม่ต้องพยายามเขย่าตัวกูได้ไหม ถ้าตักหกนี้โดนรูทด่านะเว้ย นี้มันก็ส่งสายตาชิ้งๆมาอยู่เนี่ย
“เออๆ สรุปพวกมึงจะไปคุยกันตรงนู่นใช่ม่ะ”
“พี่เคียววววว พี่ซีเขาเป็นคนยังไงอ่ะ”
“เกมส์ๆ มึงเดินไปคุยกับไอ้ซีตรงนู่นเองไหม”
“พี่เคียวๆ” โอ้ยยยยย เลิกถามกันได้แล้วววว
“ไอ้เคียว มากูตักเอง มึงรู้ไหมว่าถ้าหกนี้ต้องเช็ดเองด้วยนะเว้ย” โดนไล่ที่จนได้ ผมส่งทัพพีให้เฟรมแทน ส่วนตัวผมก็โดนไอ้กัมกับไอ้เกมส์ลากแขนไปคนล่ะแขน
“พวกมึงนี้ปัญหาเยอะกว่าวันปกติอีกนะ”
“พี่เคียวพี่ยังไม่รู้อ่ะดิ”
“รู้เรื่อง?”
“พี่ซีอ่ะ เป็นตำนานเลยนะพี่”
“ตำนานอะไรของมึงวะ”
“นี้ไง! ผมว่าแล้วว่าพี่ต้องยังไม่รู้”
“รู้เรื่องอะไรล่ะ”
“พี่เขาโครตเจ๋งเลยนะ”
“เจ๋งเรื่อง?”
“เจ๋งทุกเรื่องงงงงง” เหมือนตอนไม่ได้อธิบายเป๊ะเลย
“แต่คนเจ๋งๆอย่างพี่ซียังไม่มีแฟนเลยเนอะ คนกากๆอย่างพี่เคียวจะไม่มีก็ไม่แปลก” มือลั่นเลยครับ ลั่นไปตบหัวมันเนี่ย มันกลับมาเรื่องผมได้ไงวะ
“มันมีแล้ว มันเคยบอกกู”
“นั้นๆ ข่าวช้าอีกล่ะ”
“พี่ซีเขาเลิกกับแฟนสักพักแล้วพี่”
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขออนุญาตลดEPเหลือแค่5พอ เพราะว่าตอนนี้คิดออกได้อีก2ล่ะ แต่คิดอีกอันไม่ออกจริงๆ เลยสรุปกับตัวเองเสร็จสรรพว่าตัดมันออกไปเลยล่ะกัน 5555 สรุปว่าown labelจะมีแค่5ตอนนะ ถึงจบown labelมันก็ยังไม่จบเรื่องอยู่ดี พอจบรายการแล้วจะมีอะไรอีกก็ต้องรอติดตามเนอะ
แล้วก็แต่งเรื่องสั้นส่งเข้าประกวดแบบชาวบ้านเขาด้วยนะ รบกวนแวะเวียนไปอ่านกันหน่อยนาาาาา
สุดท้าย คอมเม้นต์จ๊ะ ว้อนมากเลยแง้
ซียูวววว
ความคิดเห็น