ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #7 : EP.2 (2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 58


    07

    สวัสดีวันศุกร์

    อย่าถามว่าทำไมผมข้าม อ. พ. พฤ. ไป เพราะมันไม่มีอะไรเลยครับ ผมไปโรงเรียนเพราะต้องไปจริงๆนั้นแหละ การบ้านอีกไม่รู้เท่าไหร่ ไหนจะงานที่ชมรมอีก ย้ากกกก

    แต่ทุกอย่างจะจบลงได้เมื่อวันนี้วันศุกร์แล้วววววว เป็นศุกร์หลังเลิกเรียนซะด้วยยิ่งสุขเข้าไปอีก

    พอเลิกเรียนนะ ผมแทบจะพุ่งตัวออกจากห้อง แวะไปยัดงานอะไรก็ตามที่ต้องทำของชมรมใส่กระเป๋าแล้วก็ซิ่วกลับบ้านทันที ไม่จำเป็นต้องอยู่เครียงานจนดึกหรอกครับถ้าวันนี้วันศุกร์ ดี๊ดีไปอีก

    “พี่ก้องงงงง แผ่นเกมส์ผมอ่ะ” ตัดเรื่องมลพิษทางเสียงออกไปก็จัดได้ว่าเพอเฟกเลยล่ะ ผมนั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวตั้งแต่5โมงจนตอนนี้เกือบทุ่มล่ะ ยังไม่หยุดกินเลยครับ กินเผื่อพรุ่งนี้ไปเลยล่ะกัน พรุ่งนี้จะตื่นสาย ฮ่าๆ

    “พี่ก้องงงงง!” มันดังไปแล้วมั้ง... ผมเหล่ไปมองก้องที่นั่งอยู่ข้างๆผม ไอ้นี้ก็พอๆกันแหละครับ นั่งกินนู่นนี้นั้นกับผมแบบโครตติดลม ขนาดไอ้เต้แหกปากจนบ้านแทบแตกมันก็ยังแทะขาไก่ย่างแบบสบายอารมณ์ต่อไป

    “เต้! ลองไปดูในกระเป๋าไอ้ก้องดูดิ”

    “กระเป๋าพี่ก้องอยู่ไหนอ่ะพี่เคียว” พอมันตอบมาแบบนั้น ผมเลยต้องเริ่มมองรอบๆว่าไอ้ก้องมันไปวางกระเป๋าไว้ไหน แล้วก็บิงโก มันยังไม่ได้เอาไปไหนเลยครับ ถึงแล้วคงตรงมาที่โต๊ะกินข้าวเลยเพราะกระเป๋ามันยังวางอยู่ที่เก้าอี้ที่มันนั่งอยู่นั้นแหละครับ

    ผมแย่งกระเป๋าจากมันก่อนที่จะโยนไปให้ไอ้เต้ “นี้เต้! แล้วเลิกแหกปากด้วย” นั้นล่ะประเด็น เงียบๆหน่อยจะดีมาก

    “เออนี้พวกมึงมีงานวิชาการเมื่อไหร่” สมาชิกชมรมนั่งกินมาราธอนอีกคนครับ พี่เมษนั้นเอง หลังจากเจอหน้ากันแทบทุกวันตอนนี้พี่เขาเลยขึ้นกูมึงกับพวกผมเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ฮ่าๆ

    “ผมไม่รู้อ่ะพี่” ผมอืดจนกว่าจะกินอะไรต่อแล้วครับ ที่ยังนั่งอยู่นี้เพราะลุกไม่ไหวแล้วต่างหากล่ะ

    “มึงนี้รู้อะไรบ้างไหม เดือนน่าครับพี่” ประโยคมันน่าจะเป็นไอ้ก้องเคยไม่รู้อะไรมากกว่า

    “รู้ได้ไงวะ”

    “ปีนี้โรงเรียนกูเป็นเจ้าภาพไง เรื่องแบบนี้เขาคุยกันตั้งแต่เปิดเทอมแล้ว”

    งานวิชาการก็ยังต้องทำกันเป็นหมวดหมู่ครับ ทุกๆปีจะสลับโรงเรียนที่เป็นเจ้าภาพไปเรื่อยๆ โรงเรียนไหนเป็นเจ้าภาพก็ต้องคิดธีม จัดสถานที่ แล้วพวกผมก็ต้องย้ายสำมะโนครัวไปจัดบูธที่โรงเรียนเจ้าภาพ แค่ต้องไปจัดบูธโรงเรียนอื่นผมว่าเหนื่อยแล้วนะ แต่โรงเรียนที่เป็นเจ้าภาพนี้หนักหนากว่าเยอะเลยครับ อย่างที่ไอ้ก้องบอกนั้นแหละ มันต้องเตรียมงานกันตั้งแต่เริ่มๆเปิดเทอมเลย เหนื่อยยาวไปอีก

    เมื่อปีที่โรงเรียนผมเป็นเจ้าภาพนะ เด็กในโรงเรียนแทบจะนอนกันที่โรงเรียนทุกวันเลยแหละ

    “เดือนน่าแล้วเหรอวะ”

    “อื้ม นี้โรงเรียนกูก็ว่าจะแจ้งอาทิตย์น่านี้แหละ”

    “รายการเราน่าจะถ่ายทันใช่ป่ะ เออดีล่ะ งั้นพี่กลับล่ะ เฮ้ยๆ! พรุ่งนี้8โมงนะเว้ย!!

    “ห๊ะ!!” ประสานเสียงโดยมิได้นัดหมายเลยครับ นัดเช้าขนาดนั้นทำไมไม่บอกก่อน กินเข้าไปขนาดนั้นตื่นไม่ทันหรอกครับเพ่

    ความตกใจยังอยู่หลังความเอาตัวรอดครับ เพราะตั้งแต่ผมห๊ะจบ ผมก็วิ่งขึ้นไปชั้นบนโดยอัตโนมัติ อาบน้ำสิครับรออะไรอยู่ เดี๋ยวต้องไปแย่งกับพวกนั้นอีกกกก

     

    วันเสาร์

    ง่วงแบบถ้ายืนนิ่งๆนานๆคือหลับไปแล้วนะครับ

    “ตื่นยังเนี่ย”

    “ร่างอ่ะตื่นแล้วแต่ใจยังไม่อยากตื่น”

    “สู้ดิสู้”

    “เออๆ” ขอบวกซีให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ว่าจะตื่นเช้าขนาดไหนมันก็กลับเข้าสู่โหมดปกติได้ดีที่สุดอีกคนหนึ่ง ส่วนคนแรกที่ได้ตำแหน่งอ่ะเหรอ นู่นไง ไอ้เต้นู่น

    “ทุกคนจะเริ่มถ่ายแล้วนะ” รีบจนรู้สึกว่าเราจะถ่ายกันวันนี้วันสุดท้าย พวกผมถูกปลุกตั้งแต่ยังไม่7โมงดี สะลึมสะลือกันไปอาบน้ำ ลงมากินแซนวิชกันได้คนล่ะชิ้นก็ต้องไปนั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่น แล้วตอนนี้ก็...กล้องเดิน แอคชั่น

    “ตื่นกันยังเนี่ย” พี่เมษอ้าปากทักทายพวกผมพอเป็นพิธีทั้งๆที่เห็นหน้าตั้งแต่ตื่นเลย ต้องทักทายนิดหน่อยตามระเบียบนี้เนอะ

    “เดี๋ยวเริ่มเกมส์แล้วตื่นกันเองแหละเนอะ เพราะเกมส์นี้อยู่ที่สมองพวกแกล้วนๆไม่เกี่ยวอะไรกับถนัดไม่ถนัดทั้งนั้น” ค่อยดีหน่อย เรื่องใช้สมองเล่นเกมส์นี้เก่ง

    “แต่มันจะยากเกินไปถ้าเล่นคนเดียว ก่อนอื่นจับคู่ก่อนละกัน” พูดจบพี่เขาก็ยกกล่องใบหนึ่งขึ้นมาวางให้พวกผมทุกคนเห็น

    “ในนี้มีสลากอยู่6ใบ 3สี ใครได้สีเดียวกัน คู่กัน โอเค?” แค่นี้โอเคอยู่

    “แก่สุดจับก่อนล่ะกัน” อีกนานเลยดิ... เดี๋ยวนะ ผมแก่เป็นคนที่2เลยนี้ว้า ลืมไปเลย

    -สีเหลือง-

    ได้สีเหลืองแหะ เหล่ไปมองทางซ้ายที่เป็นเซนนั่งอยู่มันได้สีแดงครับ งั้นไม่ใช่เซนสินะ พอเหล่ไปทางขวาเจอไอ้เต้ได้สีดำ งั้นผมคู่กับใครล่ะเนี่ย

    “มึงได้สีเหลืองอ่ะดิ” กำลังมองๆอยู่ว่าใครได้สีเหลือง ซีรัสมันก็เดินมานั่งที่เต้เฉยเลยครับ ( เต้มันเดินไปนู่นล่ะ เห็นมันพูดว่าได้คู่เดล )

    “รู้ได้ไงวะ” แหนะ ไม่ตอบอีกครับ มันแค่ยักคิ้วให้ผมหนึ่งทีแล้วหันไปฟังพี่เมษพูดซะงั้น

    “ได้คู่กันครบแล้วเนอะ เดลกับเต้ ก้องกับเซน เคียวกับซี ถูกเนอะ งั้นพี่อธิบายเกมส์ล่ะนะ เกมส์นี้ชื่อ... Find my spy” ประโยคนี้ต้องหันไปพูดใส่กล้องครับ

    “กติกาง่ายๆคือ พี่จะให้คำใบ้3ข้อ ให้หาให้เจอว่าคำใบ้นั้นหมายถึงใคร ภายในหมู่บ้านนี้” โอ้โห ขอบเขตกว้างเกินไปเยอะเลยนะ ว่าแล้วก็ยกมือประท้วง

    “แล้วกะ... นั้นยกมือทำไมเคียว”

    “ขอบเขตมากไปครับ ลดได้มั้ย”

    “ไม่ได้ แต่ถ้าแกไม่มีความสามารถพอ จะลดให้ก็ได้นะ”

    “โห่ ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่ลดก็ไม่ลด ต่อตามความเคยชินเฉยๆ” ถ้าลดคนเดียวก็โดนหาว่ากากอ่ะดิ

    “ต่อนะ แต่คำใบ้แค่3ข้อมันอาจจะไม่พอ ถ้าใครอยากได้เพิ่มให้ส่งข้อความมาขอพี่ แลกกับลบ2คะแนน คะแนนเต็ม10 ถ้าขอเพิ่มข้อหนึ่งคะแนนที่จะได้จะเหลือ8 เก็ตเนอะ”

    “คร้าบบบบบบ”

    “งั้นมารับคำใบ้ แล้วก็ไปหาได้เลย”

                                                                 

    ผมกับซีเดินออกมาจากบ้านอย่างโครตไม่เร่งรีบ แต่เหมือนหางตาเมื่อกี้เห็นแวบๆว่าไอ้เต้กับไอ้เดลรีบวิ่งไปนู่นแล้ว รีบแต่ไม่รู้เป้าหมายนี้จะรีบให้เหนื่อยเพื่อ?

    “คำใบ้3ข้อ ข้อแรก ทีมงานทุกคนรู้จัก ข้อ2 ทุกคนน่าจะเคยเจอ เฮ้ย ข้อนี้เป็นคำใบ้ได้ด้วยเหรอวะ ข้อสุดท้าย เป็นผู้หญิง”

    “คำใบ้อะไรเนี่ยยยยย” ไม่โวยวายไม่ได้ล่ะครับ ถ้าคำใบ้จะไม่สามารถเรียกว่าคำใบ้ได้ขนาดนี้

    “ฮ่าๆ กูว่านะ ข้อแรกไม่น่าจะช่วยอะไรได้ เพราะทีมงานรู้จัก ใช่ว่าพวกเราจะรู้จัก ส่วนข้อ2 น่าจะเคยเจอ แสดงว่าต้องมีคนไม่เคยเจอ อาจจะเป็นเรา2คนก็ได้ใครจะไปรู้ แล้วยิ่งใช้คำว่าเคยเจอแสดงว่าอาจจะเจอแต่ไม่รู้จักก็ได้ใช่ม่ะ กูว่าข้อสุดท้ายแลจะมีประโยชน์สุด แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ผู้หญิงก็มีเยอะกว่าผู้ชายอีก สรุปว่า คำใบ้แค่3ข้อไม่ได้ทำให้เราเข้าใกล้สปายขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ ก็เอะใจไว้แล้วนะว่าทำไมต้องมีให้ขอคำใบ้เพิ่ม”

    “เฮ้อออออ ขอเลยไหม”

    “อย่าพึ่งรีบดิ กูกำลังคิดว่าทุกคนจะได้คำใบ้เหมือนกันไหม”

    “เหมือนป่ะพี่?” สงสัยก็ต้องถามสิครับเพราะพอฟังซีพูดจบ ผมเลยหันไปถามพี่ช่างกล้องที่ตามผมอยู่ตอนนี้ กล้อง1ตัวต่อพวกเรา1คนเลยนะ

    “ถ้า3ข้อแรกจะเหมือน ถ้าขอเพิ่มจะไม่เหมือนแล้ว”

    “อ้อออออ งั้นก็วัดๆกันไปเลยสินะว่าใครมีไหวพริบดีกว่าก็รอดไป เอาไงดีบัดดี้”

    “ทำไมกลายเป็นบัดดี้เฉยวะ” ผมแค่ยักไหล่คืนไป เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน

    “กูว่าเราน่าจะลองคิดดูก่อนเพราะคำใบ้มันอาจจะมีอะไรแฝงอยู่ เริ่มยังไม่ทัน2นาทีจะให้เสีย2คะแนนเลยเนี่ย ทำใจไม่ได้ว่ะ”

    “เห็นด้วยๆ นี้มึงแย่งกูพูดหมดเลยนะเนี่ย กูคิดเหมือนมึงทุกอย่างเลยยย”

    “ขนาดนั้นเลย ฮ่าๆ”

    “เออดิ กูพึ่งรู้นะ ว่ามึงคิดอะไรเหมือนๆกับกูเลย”

    “งั้นให้กูเดา ตอนนี้มึงคงคิดว่า ให้แกะคำใบ้เลยมันก็คิดไม่ออกใช่ป่ะ... งั้นไปกินติมกัน”

    “เฮ้ย เป๊ะเลย หน้าหมู่บ้านเนอะ”

    “เอาดิ” มีคนเคยบอกไว้ว่า ถ้าคุณเจอคนที่มีด้านร้ายๆเหมือนคุณ คุณจะไม่ชอบเขา บางทีอาจจะถึงขั้นเกลียด แต่ถ้าคุณเจอคนที่มีความคิดคล้ายๆกับคุณ ชอบอะไรคล้ายๆกับคุณ คุณจะสนิทกับเขาได้อย่างสนิทใจด้วยเวลาแค่นิดเดียว ผมพึ่งรู้วันนี้เอง ว่ามันจริง
     

    “ขอบคุณครับ” ไอติ๊มไอติม แค่รับมาจากมือแม่ค้าก็แฮปปี้แล้วววว

    ผมกับซีเดินมาหยุดที่ร้านคาเฟ่ร้านหนึ่งที่อยู่หน้าหมู่บ้าน เพื่อซื้อไอติมครับ พอได้ไอติมผมกับมันก็สิงกันอยู่หน้าร้านนี้แหละครับ มองคนเดินไปเดินมานี้มันเพลินดีเหมือนกันนะ

    “นั้นๆ ไอ้เต้กับไอ้เดล วิ่งไปไหนกันวะ” ยังไม่เลิกวิ่งกันอีกแหะ เหนื่อยแทน

    “พวกมันน่าจะขอคำใบ้เพิ่มแล้วมั้ง” คิดว่างั้นเหมือนกัน เพราะทั้งเต้และเดลนี้เป็นพวกบ้าชัยชนะพอๆกัน

    “ถ้าคำใบ้ข้อที่4มันไม่เหมือนกัน ทำไมไม่มีใครคิดที่จะแย่งข้อที่4ของกลุ่มอื่นเลยวะ เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้โกงซะหน่อย”

    “เฮ้ย!!

    “อะไร!” เสียงดังทำไมวะ ตกใจหมด คนกำลังกินไอติมเพลินๆ

    “โกงกันป่ะ”

    “ห๊ะ?”

    “มึงเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ว่าเขาไม่ได้ห้ามโกง”

    “เขาไม่ได้ห้ามก็จริง แต่มันเป็นเรื่องของศีลธรรมไงงงง”

    “มึงมีด้วยอ่อ?”

    “โห่วววว ดูถูก เออ! กูไม่มี แต่มึงมีไง มึงคิดว่าคุ้มแล้วเหรอที่มึงจะต้องเสียภาพลักษณ์เพราะเกมส์เนี่ย”

    “ภาพลักษณ์ของกูที่มึงพูดเนี่ย กูไม่ได้เป็นคนสร้างเลยนะ มันมีคนอื่นพูดต่างหาก และกูก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดที่มึงพูดสักหน่อย กูก็มีความคิดชั่วๆเหมือนมึงนั้นแหละแล้วตอนเนี่ย กูก็กำลังคิดว่าเราควรที่จะโกงงงงง” ใครๆที่เห็นซีครั้งแรก มักจะคิดว่ามันเป็นคนดีของสังคม ชอบทำเพื่อส่วนรวม เป็นคนดีซะเหลือเกิน อะไรประมาณนี้ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเป็นคนแบบนั้นจริงๆอย่างที่ภาพลักษณ์มันสื่อรึเปล่า เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาพิสูจน์

    “มันต้องแบบนี้ดิ! โกงยังไงดีอ่ะ” ช่างภาพลักษณ์เป็นคนดีของไอ้ซีมันแล้วมายึดติดกับภาพลักษณ์เป็นคนเลวของผมดีกว่า

     

    “เต้!!

    “อ้าวพี่เคียว มีไรเปล่า” มีแน่นอนอยู่แล้ว หึหึ

    “แฮ่กๆ” แอคติ้งเหนื่อยแปป แม้การวิ่งจากร้านไอติมมาหาไอ้เต้มันจะไม่ถึง400เมตรด้วยซ้ำ

    “ใจเย็นๆพี่ หายใจเข้าลึกๆ ดูเหงื่อดิ ถึงลิตรป่ะเนี่ย” เยอะดิ อุตสาห์เสียตัง7บาทไปซื้อน้ำเลยนะ แต่เดี๋ยว ไอ้ซีมันพรมน้ำเยอะไปเปล่าวะ ไม่เนียนเปล่าเนี่ยยยยยยย แต่มาถึงขนาดนี้ต้องthe show must go onครับ

    “ก็ไอ้ซีอ่ะดิ แม่ง...”

    “ทำไมอ่ะพี่”

    “กูคู่กับมันใช่ป่ะ แล้วกูกับมันก็แยกกันไปหาสปาย แต่กูพึ่งนึกออกว่าชาร์ตแบตโทรศัพท์ไว้ที่บ้านว่ะ แล้วถ้ากูวิ่งกลับไปเอา กูต้องตายแน่เลย แค่วิ่งหาไอ้ซีก็เหนื่อยจะตายห่าแล้วเนี่ย”

    “พี่ใช้วิธีเดียวกับผมเลยแหะ... แล้วพี่จะเอาไงอ่ะ” วิธีเดียวกันอยู่แล้ว ผมอุตสาห์นั่งสังเกตการณ์ตั้งนานจนรู้ว่าไอ้เดลกับไอ้เต้มันจะแยกกันหาสปายครับ เป็นไงล่ะ เราต้องมีการเตรียมการก่อน รอบคอบอ่ะดิ

    “ยืมโทรศัพท์หน่อยได้ป่ะ”

    “แค่นี้เองพี่ เอาดิ” แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ให้ผมแบบไม่คิดอะไรเลยครับ คิดไว้อยู่ล่ะว่าคนแบบเต้เนี่ยถ้ามีคนมาขอความช่วยเหลือแล้วยิ่งเป็นพี่มันอีก มันคงไม่ตะขิดตะขวงใจอะไรอยู่ล่ะ ว่าแล้วก็ต้องจัดการ...กดเข้าข้อความ พี่เมษเขาพูดใช่ไหมว่าถ้าขอคำใบ้เพิ่มแล้วพี่เขาจะส่งให้ทางข้อความ

    แอคติ้งเดินไปคุยโทรศัพท์หน่อยล่ะกัน คงไม่แปลกอะไรเท่าไหร่หรอก

    “เต้! เป็นไงบ้างวะ ได้อะไรป่ะ” เสียงไอ้เดลนี้ว้า

    “ไม่เลยพี่ พี่อ่ะ เจอไรป่ะ”

    “ไม่อ่ะ แล้วนั้น...ไอ้เคียว?”

    “เออใช่พี่ พี่เคียวเขามาขอให้ช่วยอ่ะ”

    “ช่วยไรวะ”

    “อ๊ะ ขอบใจนะเต้”

    “เดี๋ยวๆ มึงให้มันยืมโทรศัพท์ทำไมเต้”

    “พี่เคียวเขาลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านอ่ะพี่เดล แล้วพี่เขาก็หาพี่ซีไม่เจอ ก็เลยยืมโทรศัพท์ผมโทรหาพี่ซี แล้วเป็นไงบ้างพี่เคียว”

    “เจอล่ะ ขอบใจมากเว้ย ไปล่ะนะ” ผมไม่ลืมที่จะตบบ่าไอ้เต้ไป2ที ขอบใจที่ทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นมาเยอะเลยยยย เสร็จแล้วก็ชิ่งสิครับ รออะไรอยู่ล่ะ

    “เดี๋ยว...” เดลนี้คิดว่าตัวเองเป็นโคนันหรือยังไง

    “เมื่อกี้กูเห็นมึงกับซีนั่งกินไอติมอยู่ร้านตรงนู่นนะ อยู่ๆมึงหลงกับมันได้ไง” ช่างสังเกตแหะ ผมนึกว่ามันไม่ทันเห็นซะอีก

    “เดล..” ผมเดินเข้าไปหาเดล เดลมันยิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปใหญ่ครับ เฮ้อน่าสงสารจริงๆที่มาเจอคนอย่างผม “มึงอ่ะ ดีนะที่ช่างสังเกต แต่มึงรู้ไหม...” ตบบ่าพอเป็นพิธีนิดหนึ่ง “มึงช้าไปนิดหนึ่งว่ะ ขอบใจสำหรับคำใบ้นะ ฮ่าๆ” หัวเราะเยาะใส่หน้ามันเสร็จ ผมก็วิ่งเลยครับ จะอยู่ให้โดนมันด่าทำไมล่ะครับ

    “ไอ้เคียว!!” ผมยังคงหัวเราะใส่มันต่อไปแม้จะวิ่ง4คูณ100หนีมันอยู่ จริงๆมันไม่ได้น่าสงสารแค่มาเจอคนอย่างผมหรอกครับ มันน่าสงสารที่มาคู่กับคนที่โครตจะซื่อแบบไอ้เต้อีกต่างหาก แต่จริงๆแล้วคนซื่อๆมันก็ดีแหละ มันไม่ดีตรงที่คนแบบผมใช้ความซื่อของมันในทางที่ผิดมากกว่า

              
    “เป็นไง” ผมไม่ได้ตอบ แต่แย่งน้ำจากมือมันมาดื่มก่อน เหนื่อยจริงแล้วครับงานนี้

    “นี้แวะไปพรมน้ำมาเปล่าเนี่ย ฮ่าๆ” ไม่ได้เป็นคนทำแล้วยังมากวนอีกกกก

    “อ้าวๆ ใจเย็น เดี๋ยวก็สำลัก” หมดขวดเร็วจังแหะ

    “สรุปว่าไง”

    “นี้ใคร นี้เคียวนะครับ คำใบ้ที่4…ขายของ”

    “แม่ค้าเหรอ”

    “อืม ถึงว่าทำไมพวกมันมาเดินอยู่แถวๆนี้” พวกร้านค้าต่างๆนะจะอยู่หน้าหมู่บ้านซะส่วนใหญ่เลยครับ แล้วถ้าตามหาแม่ค้าไม่ตามหาจากร้านค้าก็คงจะไม่เจอ

    “งั้นก็งานเข้าแล้วว่ะ”

    “ทำไมอ่ะ”

    “วันนี้มีถนนคนเดิน...” เอาสิ้ จะลดลงให้เหลือวงเล็กๆไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย

    “แต่ก็ยังดีป่ะวะ” ยังพอมีแนวทาง

    “แต่ก็ยังไม่พอ เราต้องหาอีก...”

    “ยังไง?”

    “มึงลืมก้องกับเดลไปแล้วเหรอ” ไม่ลืม แต่ไม่คิดจะไปโกงกับคนอย่างมัน2คนมากกว่า

     

    “กูอยู่ตรงร้านไอติมเลย เออๆ เร็วๆนะ” ผมส่ายหัวหน่ายๆให้ไอ้ซี มันคิดยังไงจะโกงก้องกับเซนว่ะ ผมยังไม่กล้าคิดเลย เหอะๆ ขนาดผมบอกมันว่าอย่าเลยแล้วนะ มันก็พูดแค่ เอาน่า มึงนั่งเฉยๆไปเหอะ เดี๋ยวกูเครียเอง แล้วผมก็นั่งเฉยๆจริงๆครับ โกงกับไอ้พวกนั้นผมไม่เอาด้วยหรอก

    ว่าแล้วเมื่อกี้เลยเดินไปซื้อไอติมมากินพลางๆอีกโคนหนึ่ง จะทำอะไรก็ทำเดี๋ยวเราจะกินไอติมรออยู่ตรงนี้เองงง

    “ว่าไง มีอะไรไอ้หนุ่ม” ไอ้ก้องมาล่ะครับ พอก้องมาเซนก็มา แต่มันยืนอยู่หลังก้อง คงจะคิดว่าไม่อยากเข้าไปยุ่งพอๆกับผม เพราะตัวผมตอนนี้แม้จะนั่งอยู่ไม่ห่างจากพวกมันมากแต่ก็ไม่ได้เข้าไปอยู่ในวงสนทนาโดยตรง พี่บอกแล้ว พี่จะนั่งกินไอติมรออยู่ตรงนี้

    “กูมาคิดๆดูล่ะนะ กูกับเคียวแค่2คนไม่น่าจะคิดออกว่ะ มึงมาเป็นพันธมิตรกับกูป่ะ” เอาเลยยยย อยากทำอะไรทำเลย พี่จะไม่ขัดนะน้องซี

    “พันธมิตร? แล้วมึงมีอะไรมาแลก”

    “กูขอคำใบ้เพิ่มแล้ว เผื่อมึงจะยังไม่รู้ คำใบ้ที่4มันจะไม่เหมือนกันนะ” หรือพูดให้ถูกคือไปแย่งคำใบ้มาจากคนอื่นเรียบร้อยแล้วมากกว่า

    “มึงเอาคำใบ้มึงมาก่อนดิ”

    “อ้าวได้ไงล่ะครับคุณก้อง มึงบอกของมึงมาก่อน” มึงใช้วิธีนี้คงสำเร็จหรอกเนอะ แล้วแต่เลยแล้วแต่ บอกแล้วว่าพี่จะไม่ขัดข้องใดๆทั้งสิ้น

    เดี๋ยวนะ นั้นไอ้เซนมันเป็นอะไร อะไรเข้าตาหรือยังไง

    ผมมัวแต่กินไอติมแล้วตั้งใจฟังบทสนทนาของซีกับก้องไปด้วยเลยไม่ได้สังเกตว่าไอ้เซนที่อยู่ข้างหลัง มันพยายามที่จะ...ส่งสัญญาณอะไรสักอย่างให้ผม ให้ผมเนี่ยนะ ผมจริงเปล่าวะ ว่าแล้วก็มองซ้ายขวาหน้าหลังนิดหนึ่งว่ามันส่งสัญญาณให้ผมจริงๆหรือคนอื่น แต่มันไม่มีใครแล้วนะ ผมจริงดิ ผมชี้ตัวเองเป็นเชิงถามไอ้เซนว่ากูเรอะ แล้วมันก็พยักหน้า

     

    “เออได้ ถ้ามึงไม่เชื่อใจกูอ่ะ เราไม่ต้องมาเป็นพันธมิตรกันก็ได้นะ”

    “ได้เลยยย เตรียมตัวแพ้ได้เลยนะคู่มึงอ่ะ” จ้าๆ ตอนนี้ยังเก่งได้อยู่ พอก้องมันพูดจบมันก็เดินไปเลยครับ พร้อมๆกับไอ้เซนนั้นแหละ

    “ได้เรื่องป่ะ!” เสียงตื่นเต้นไปไหมเนี่ย แต่ดูหน้ามันตื่นเต้นมากกว่าอีกครับ นี้ย้อนกลับไปเป็นซีรัสวัย5ขวบรึเปล่า

    “เออได้... แต่มึงบอกกูมาก่อน ว่ามึงทำยังไงให้ไอ้เซนมันบอก”

    “อ๊าว มึงรู้จากเซนเหรอ”

    “มีใครเคยบอกมึงป่ะ ว่ามึงแอคติ้งได้ติดลบมาก บอกมา!

    “ฮ่าๆ เมื่อวันพุธตอนไปโรงเรียนอ่ะ ไอ้เซนมันบอกว่ามีสาวแอบมองกูอยู่ กูก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่มันดันขอให้กูไปขอไลน์ให้หน่อย กูเลยต่อรองกับมันว่า กูจะขอให้แต่ถ้าคราวหลังกูขออะไรมัน มันห้ามปฏิเสธ”

    “แล้วมึงทำยังไงให้ไอ้ก้องไม่รู้ว่ะ”

    “ก็โทรหาไอ้ก้องแล้วไลน์หาไอ้เซน แค่นี้ไอ้ก้องก็ไม่รู้ล่ะ” แยบยลอีก

    ตอนนี้ผมรู้แล้วครับว่าเซนมันพยายามส่งสัญญาณอะไรให้ผม มันอ้าปากพะงาบๆบอกคำใบ้ผม ส่วนทำไมไอ้เซนมันถึงมาช่วยเรา ผมคิดว่าทุกคนคงรู้ไปพร้อมๆกับผมแล้วเนอะ

    “แล้วสรุป คำใบ้ว่าไง”

    “ขนมหวาน”

    “แม่ค้าขายขนมหวาน... ใกล้เข้ามาแล้วดิ”

    “ถูก! และตอนนี้ที่เราควรทำก็คือออ ไปเดินสำรวจถนนคนเดินหาแม่ค้าขนมหวานกันดีกว่า”
     

    “ป้าครับอันนี้อะไรอ่ะ” ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ากินอะไรเข้าไปบ้าง แต่รู้ว่า อร่อยหมดเลยโห้ยยยย

    “มึงๆ ลองกินนี้ดู” ผมที่กำลังง่วนกับการเลือกของกินเลยไม่ได้สนใจไอ้คนที่พูดๆอยู่ข้างหูผมนี้เท่าไร ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับที่เอาแต่กิน ไอ้ซีก็ใช่ย่อย

    “เฮ้ย เคียวววว”

    “อะไรเล่า กูเลือกของอยู่มึงไม่เห็นไงงง”

    “กินหน่อย กินๆ” แล้วมันก็ยัดอะไรสักอย่างที่อยากให้ผมกินซะเหลือเกินเข้าปากผมเสร็จสรรพ แต่เฮ้ย...อร่อยดี เอามากินอีก

    “ร้านไหนวะ อร่อยยยยย”

    “ป้าตรงนู่นอ่ะ นี้เขาให้กูชิมฟรีเลยนะ” ผมสตั้นมือที่กำลังตักอะไรสักอย่างนั้นเข้าปากไปเลย เกิดเป็นซีนี้มันดีจริงๆ ในขณะที่ผมต้องต่อแล้วต่ออีก มันแค่ยืนยิ้มหวานให้ป้าเขาก็ได้กินฟรีเฉย เฮ้ย ทำไมโลกมันไม่ยุติธรรมขนาดนี้ ผมก็หล่อนะป้า ทำไมป้าไม่เคลิ้มกับรอยยิ้มของผมบ้างเลยยยยย

    “ชิมฟรีอีกแล้วนะมึง จ่ายตังบ้างเหอะ”

    “ก็ป้าเขาให้ฟรีเองอ่ะ จะให้กูทำไง” คำพูดว่ากวนแล้ว มันเสือกยักไหล่แล้วยักคิ้วกวนตีนส่งมาให้ผมอีก เอากับมันสิ้ครับ

    “แล้วมึง ว่าคนไหนเป็นสปายวะ” บางทีเราก็ต้องมีสาระกันบ้างอะไรบ้าง

    “กูว่าป้าคนนั้นแหละ”

    “ทำไมวะ”

    “ขนมป้าเขาอร่อยดี”

    “เหตุผลอะไรของเมิงงง แต่กูว่าพี่คนนั้น”

    “เพราะ?”

    “พี่เขาสวยดี”

    “มึงก็ไม่ได้ดีกว่ากูเลยครับ” อ้าว เรื่องแบบนี้มันทำอะไรไม่ได้นอกจากเดาหรอก ฮ่าๆ

    “กูว่านะ เราขอคำใบ้กันเหอะ”

    “ขอจริงๆอ่ะนะ”

    “เอออออ แล้วถ้ารู้สึกว่าคนไหนก็เอาเลย อย่าไปคิดมาก เดี๋ยวจะผิด” จะชนะหรือแพ้ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้วครับ เราเล่นเอาสนุกมากกว่า

    “มึงขอเลย” ซีมันยื่นของที่มันถืออยู่ทุกอย่างให้ผมถือแทน ของที่มันได้ฟรีมานั้นแหละครับ ส่วนมากเป็นพวกขนมที่เขาบอกว่าให้เอากลับไปกินที่บ้านนะหนู ดี๊ดีไปอีกไหมล่ะ

    “คำใบ้ที่6...” พี่เมษตอบเร็วขนาดนั้นเลย ผมยื่นหน้าเข้าไปดูหน้าจอโทรศัพท์ของมันด้วยอีกคน ไหนดูดิ คำใบ้ที่จะทำให้พวกผมชนะ ( ชนะหรือแพ้ไม่สำคัญจริ๊งจริง )

    “มีลูกสาว” ผมกับซีอ่านออกมาพร้อมกัน มีลูกสาวเหรอ... นี้ต้องกลับไปถามที่ล่ะร้านไหมเนี่ย

    “ป้าคนนั้น!

    “มึงรู้ได้ไงว่าป้าเขามีลูกสาว”

    “ก็ป้าเขาบอกว่า ให้กูกินฟรีเพราะว่าคราวหน้ากูจะได้มาซื้ออีก เผื่อจะเจอลูกสาวเขา” ที่ให้กินฟรีคือมัดจำไอ้ซีไว้ให้ลูกสาวตัวเองนี้เอง

    “สรุปว่าเลือกป้าคนนั้นเนอะ” แล้วมันก็ดึงแขนผมให้ตามมันไปหาป้าคนนั้นของมันทันที แต่ผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว ผิดก็ดี จะได้หลับไปนั่งตากแอร์ที่บ้าน เริ่มร้อนล่ะ แต่ถ้าชนะก็ดีขึ้นไปอีก แค่นั้นเอง

     

    เกมส์จบไปแล้วครับ สรุปว่าคนที่ชนะคือ...

    ผมกับซี

    นี้ยังตกใจอยู่เลยนะ

    ป้าคนนั้นเป็นสปายจริงๆและไอ้ซีก็คิดถูก เลยชนะสวยๆไป2คน ส่วนของรางวัลนี้ผมกับมันขอติดไว้ก่อน เพราะคิดไม่ออกจริงๆครับ ( ยังงงอยู่เลยว่าชนะได้ไง ) พอผมกับซีชนะ กระแสดราม่าก็ตามมาทันที เพราะไอ้เดลกับเต้ดันโวยวายขึ้นมาว่าพวกผมขี้โกง ไปกระตุ้นให้ไอ้เซนออกมาเรียกร้องว่าโดนโกงเหมือนกัน ส่งผลให้ไอ้ก้องนี้งงเป็นไก่ตาแตก ไอ้เซนคงจะลืมไปว่าไอ้ก้องไม่รู้ ที่นี้เลยกลายเป็นศึกย่อมๆของเซนและก้อง จนไอ้ก้องลั่นวาจาว่าไอ้เซนเป็นคนทรยศ ฮ่าๆ ทุกอย่างดันจบลงง่ายๆเมื่อพี่เมษพูดขึ้นมาว่า ไม่ได้ห้ามโกงสักหน่อย เรียกเสียงโห่จากทุกคนได้ยกเว้นผมกับซี ที่หันมาตีมือกันสบายอารมณ์และหัวเราะเยาะเย้ยพวกมันพอเป็นพิธีอีกนิดหน่อย

    วันเหนื่อยๆนี้น่าจะจบลง ถ้าไม่มีสัมภาษณ์เดี่ยวอีกที ยังดีที่สัมภาษณ์หลังกินข้าวแล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะโวยวายจนกว่าจะได้กินข้าวนั้นแหละ

    “น้องเคียว คิวน้องเคียวแล้วนะ”

    “คร้าบบบบ” ผมรีบกินน้ำก่อนจะวิ่งไปยังห้องที่พวกพี่เขาใช้สัมภาษณ์

    ห้องนั่งเล่นก่อนที่จะถึงระเบียงที่ผมชอบนั้นแหละครับ ถูกดัดแปลงนิดหน่อย ให้ด้านหนึ่งเป็นโซฟา อีกด้านเป็นกล้องต่างๆนานา ตัวผมก็ต้องไปนั่งตรงโซฟาอยู่แล้วครับ สัมภาษณ์จบก็เป็นอันจบงานวันนี้สักที

     
    Interview I

    “วันนี้เป็นไงบ้าง”

    “สนุกดีครับ เหนื่อยดีด้วย แดดก็ร้อนซะเหลือเกิน ครั้งหน้าเราเล่นเกมส์กันในบ้านก็พอนะครับ เชื่อผม”

    “ฮ่าๆ แล้วรู้สึกยังไงบ้างที่วันนี้ได้เป็นผู้ชนะ”

    “นี้ผมยังงงอยู่เลยนะ พอพี่เมษพูดว่าผมกับซีชนะ ผมก็รู้สึกผิดนะ เพราะผมโกงใช่ไหมล่ะ แต่พอพี่เมษพูดว่าไม่ได้ห้ามโกง ผมก็ยังรู้สึกนะ รู้สึกว่าตัวเองฉลาด ฮ่าๆ”

    “ได้คู่กับซีรู้สึกยังไงบ้าง”

    “ดีครับ... ดีมากเลยล่ะ ถ้าผมไม่ได้คู่กับมัน ผมไม่คิดว่าตัวเองจะชนะด้วยซ้ำ”

    “ทำไมล่ะ”

    “ซีมันเก่งนะผมว่า มันมีไหวพริบ ช่างสังเกต กว่าตัวผมเยอะเลยอ่ะ อะไรที่ผมไม่เห็น ผมไม่รู้ มันก็มักจะรู้เสมอ และมันก็จะบอกให้ผมได้รู้ ถ้าผมไม่ได้คู่กับมัน ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะได้รู้อะไรขนาดนี้รึเปล่า แล้วมันก็คิดอะไรคล้ายๆผมด้วยแหละเลยทำให้ไปด้วยกันได้ง่ายขึ้น ผมว่าวันนี้ผมโชคดี ที่ได้คู่กับมัน”

    “ทำไมพอถามถึงซีแล้วตอบยาวจัง”

    “เฮ้ยๆ ไม่เกี่ยวล่ะ”

    “จริงๆนะ”

    “ถามถึงคนอื่นผมก็ตอบยาวได้พี่ ไม่ต้องชงเลยนะ”

    “ฮ่าๆ โอเค งั้นวันนี้พอแค่นี้ ทำได้ดีมากเลยเคียว”

    “ขอบคุณคร้าบ” ผมยกมือไหว้ไปรอบๆแต่ในหัวก็ยังคิดถึงคำถามสุดท้ายเมื่อกี้อยู่ พี่ทีมงานเขากำลังจะชงผมกับซีว่ะ ผมต้องทำอะไรสักอย่างป่ะ... แต่พอคิดดูดีๆ จิ้นกับซีก็ยังดีกว่าโดนจิ้นกับคนอื่นนะ งั้นช่างมันล่ะกัน

     
    Special Interview

    “น้องซี ถึงคิวน้องซีแล้วนะ คิวสุดท้ายของวันนี้ล่ะ”

    “คร้าบ”

    “งั้นพี่เริ่มเลยนะ”

    “โอเคครับ”

    “วันนี้เป็นไงบ้าง”

    “สนุกดีครับ ผมชอบนะ ชอบทำอะไรแบบนี้ มันคงไม่ได้ทำสักเท่าไรในชีวิตจริง”

    “แล้วรู้สึกยังไงบ้างที่วันนี้เป็นผู้ชนะ”

    “ตลกดี คนชนะคือคนที่ร้ายที่สุด ฮ่าๆ”

    “ได้คู่กับเคียวรู้สึกยังไงบ้าง”

    “อยากคู่อีก”

    “ทำไมล่ะ”

    “อยู่กับมันแล้วสนุกครับ เป็นคนที่มีของเยอะแล้วมันก็พร้อมที่จะโชว์ตลอดเวลาด้วยนะ พอมันทำอะไร พูดอะไร ก็ดูน่าสนใจ ดูน่าทำตามไปหมดเลยอ่ะ พอผมบอกให้มันทำอะไร มันก็ทำด้วยนะ ฮ่าๆ ไม่มีลังเล ไม่มีอิดออด เป็นคนที่มองโลกในแง่ดี จนบางทีเราก็อยากมองโลกในแง่นั้นดูบ้าง การได้อยู่กับคนแบบมันเลยทำให้เราพลอยมีความสุขไปด้วยเลย ถ้าได้คู่กับมันอีกก็คงจะดีนะครับ”


     




    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    มีแต่คนบิ้วให้เคียวคู่กับเต้คือไร 5555 ปล่อยให้เคียวกับเต้มันเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันก็พอเนอะ เรามาจิ้นเคียวซี ซีเคียวกันดีกว่า 555 ไรท์ว่าจะลองแต่งนิยายสั้นส่งประกวดฤดูร้อนกับชาวบ้านเขาดูบ้าง แต่จะพยายามอัพอย่างต่อเนื่องนาาาาา ยังไงก็ฝากติดตามนิยายสั้นที่กำลังcoming very soonนี้ด้วย
    สุดท้ายมีอะไรมาให้เล่นใหม่ๆ ถ้าใครที่อยากคุยกับไรท์ (จะมีมั้ย 555 ) เรามาคุยกันในทวิตดีกว่าเนอะ ฝากติดแท็ก #mmate ในทวิตเตอร์ตอนพูดถึงนิยายด้วยนะะะ แล้วมาเม้าท์กานนนน
    ฉันยังรอคอยคอมเม้นต์ เชื่อว่าวันหนึ่งจะมาถึง 55


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×