ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    mindmate

    ลำดับตอนที่ #6 : EP.2 (1/2)

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 58


    06

    แดดส่องฟ้า เป็นสัญญาวันใหม่ พวกเราแจ่มใส เหมือนนกที่ออกจากรัง

    ร้องแค่นี้พอครับ เพราะร้องต่อไม่ได้ล่ะ ฮา

    ตอนนี้เป็นเวลา 6:00 น. ซึ่ง! ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว รีบมาก ฮ่าๆ ตอนนี้เลยลั้ลลาเป็นพิเศษ ไม่ต้องไปแย่งอาบน้ำกับคนอื่น ตื่นตี2มันก็ดีตรงนี้แหละนะ

    ผมว่าผมรีบแล้วนะ ยังมีคนรีบกว่าผมอีกครับ ผมกลับเข้าไปในห้องตอนตี5กว่าๆ แต่ไอ้ก้องอาบน้ำเสร็จแล้วครับ ผมนี้สตั๊นไปเลย มึงรีบรึไงงงงง แต่คนที่ตื่นเช้าจริงๆก็มีแค่ผม ก้อง ซี (ผมกับไอ้ซีนี้เหมือนไม่ได้นอนเลยมากกว่า) ดังนั้นไอ้พวกที่เหลือกว่ามันจะตื่นกันก็ปาไป6โมงแล้ว ตอนนี้ในห้องเลยโวกเวกโวยวายมากจนผมต้องเนรเทศตัวเองมาข้างนอก โชคดีที่ผมอาบน้ำเสร็จก่อนเลยค่อยไปช่วยก้องปลุกคนที่เหลือ ถ้าปลุกมันก่อนที่ตัวเองจะอาบน้ำนี้แลจะวุ่นวายกว่านี้

    ตอนนี้ผมเลยชิลๆ เหลือกินข้าวอย่างเดียว ว่าแล้วก็หิวข้าว ไปกินข้าวดีกว่า

     

    “แค่พวกผมไปโรงเรียน มันไม่ได้มีอะไรเลยนะพี่ ต้องถ่ายด้วยเหรอ?” เสียงไอ้ก้องนี้มาก่อนตัวอีก ผมยังเดินไม่ถึงห้องครัวเลยนะ

    พอเดินเข้าไปในห้องครัว ผมก็เจอกับเดล (ที่ยังไม่อาบน้ำ มันบอกว่าหิว ลงมาแดกก่อนค่อยอาบ) ก้อง และซี ที่นั่งรอบโต๊ะเตรียมกินเต็มที่ บนโต๊ะก็มีพวกอาหารที่เหมาะกับตอนเช้า อย่างซีเรียล ไข่ดาว แฮม ไส้กรอก แล้วก็แซนวิช มือผมนี้เอื้อมไปหยิบแซนวิชใส่ปากก่อนที่จะหาที่นั่งอีกครับ

    ผมคาบแซนวิชไว้ในปากแล้วพึ่งสังเกตว่าหน้าทุกคนตอนนี้คือเจื่อนสนิท ก้องพยายามเถียงอะไรกับพี่ทีมงาน เดลกำลังเคี้ยวอะไรสักอย่างที่มันยัดเข้าไปจนแก้มตุ่ยแต่ดูมันก็ยังสนใจบทสนทนาของก้องกับพี่ทีมงานอยู่ ซีกำลังราดซอสมะเขือเทศลงบนไข่ดาวแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ส่วนผม นั่งทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกอยู่ คุยเรื่องอะไรกันวะ จับใจความไม่ค่อยได้เลย

        “มีเรื่องอะไรเปล่าวะ?” ความอยากรู้ไม่เข้าใครออกไปจริงๆ ผมหันไปกระซิบถามเดลที่อยู่ข้างๆเพราะดูมันจะติดตามข่าวอยู่ น่าจะเล่าให้ผมฟังได้

    “พี่เขาบอกว่าจะให้กล้องตามถ่ายเราที่โรงเรียนด้วยว่ะ”

    “ห๊ะ!!” นี้มันไม่ใช่สารคดีตามติดชีวิตสัตว์โลกน่ารักนะ ไม่ต้องตามติดขนาดนั้น

    “เออดิ นี้ก้องมันก็เถียงอยู่ แต่กูดูท่าแล้วนะ...ไม่น่าได้ว่ะ” หรือบางทีพวกผมอาจจะดูเหมือนหมีแพนด้ารึเปล่าถึงต้องตามขนาดนี้

     

    “พี่ถ่ายวันนี้แค่วันเดียวเองน้องก้อง ให้พอมีบรรยากาศบ้าง วันอื่นก็ไม่ตามไปถ่ายแล้ว และวันนี้พี่ก็คงอยู่ช่วงเช้าถึงสายๆเอง” เหมือนพี่เขาจะรู้ว่ากำลังจะมีแนวร่วมแอนตี้วิธีนี้เพิ่มอีกคนเลยพูดแทรกขึ้นมาซะดัง แต่เราอย่าไปยอมเว้ย เราไม่ใช่หมีแพนด้า

    “ก็ได้ครับพี่” เดี๋ยวๆ ทำไมอยู่ๆมึงก็ยอมง่ายๆงี้เลยอ่ะ

    “กูบอกแล้ว ว่าเราแพ้ชัวร์” ไม่ต้องย้ำได้ไหมเดล กูได้ยินแล้ววววว

    เอาเถอะครับ ยังไงก็ถ่ายแค่วันเดียว เราต้องเข้าใจด้วยว่าพี่เขาต้องเก็บบรรยากาศ จะไปดื้อทุกเรื่องก็ไม่ดี เฮ้อ

     

    “กูอาบน้ำก่อนนะ”

    “มึงควรไปนานละเหอะ” พอเดลแยกไปอาบน้ำ พวกที่เหลือก็ลงมากินข้าวพอดี จริงๆแล้วถือว่ามันกะเวลาเป๊ะอยู่นะ

    โต๊ะอาหารเลยเต็มไปด้วยพวกเรา ยกเว้นแค่เดล ผมพึ่งได้เห็นพวกเราใส่ชุดนักเรียนก็วันนี้แหละ ชุดนักเรียนของพวกเราแทบจะมีโครงสร้างเหมือนกันหมดทุกอย่างเลยครับ เสื้อสีขาว กางเกงสีน้ำเงิน อักษรย่อชื่อโรงเรียนอยู่ด้านขวา ข้างบนรหัสนักเรียน กระเป๋าเสื้ออยู่ด้านซ้าย จะต่างกันก็ตรงเข็มกรัดที่ติดอยู่บนกระเป๋าเสื้อเท่านั้น ของผมกับเต้เป็นสีแดง-เงิน ก้องกับเซนเป็นสีน้ำเงิน-เงิน ส่วนซีรัสเป็นสีทอง-เงิน ให้ทายว่าเดลก็คงสีเดียวกับซีนั้นแหละ พึ่งมารู้ว่าใครมาจากโรงเรียนเดียวกันนักก็วันนี้เอง

    จะว่าไปโรงเรียนทั้ง3มันเหมือนกันขนาดนี้เลยแหะ

     

    ตอนนี้ 7:00 น. ทุกคนอาบน้ำกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ได้เวลาเดินทางไปโรงเรียน ผมหันไปยิ้มให้กล้องที่เดินตามผมแบบก้าวต่อก้าว คงจะเริ่มถ่ายกันจริงจังล่ะ

    ผมกับเต้ตกลงกันว่าจะขึ้นBTS ตอนเวลาแบบนี้คนคงยังไม่เยอะมากหรอกมั่ง หรือถ้าบางทีคนมันเยอะพี่ช่างกล้องอาจจะเปลี่ยนใจไม่ตามผมไปที่โรงเรียนแล้วก็ได้ (ความหวังเล็กๆน้อยๆของเคียว) พวกที่เหลือก็มีไปกับรถทีมงานบ้าง เพื่อนมารับบ้าง แต่ผมขี้เกียจไปนั่งรถติดบนถนน ขึ้นBTSไปดีกว่าง่ายดี

    “ไปโรงเรียนกันเถอะ” อย่าไปใส่ใจกับกล้องอันใหญ่ๆนี้เลยครับจะอึดอัดไปเปล่าๆ ว่าแล้วก็หันไปดึงไอ้เต้ที่อยู่ข้างๆมากอดคอบิ้วตัวเองสักหน่อย

    “ไปครับพี่ไป” แต่ไอ้นี้แลไม่ชินแหะ เต้ที่ปกติพูดเป็นน้ำไหลไฟดับจนพวกผมแทบจะหาอะไรมาอุดปากมันไว้ วันนี้มาซะเงียบเชียว ผมไม่เห็นมันจะทำอะไรนอกจากเดินตามผมและตอบคำถามที่ผมถามแบบคำต่อคำด้วยนะ

    เฮ้อ สร้างปัญหาให้กูอีก

    “แล้วเย็นนี้มึงกลับกี่โมง” หาเรื่องมาคุยล่ะกัน บรรยากาศมันจะได้ผ่อนคลายลงหน่อย

    “ยังไม่รู้เลยว่ะพี่ ไม่รู้ว่าต้องซ้อมบอลเปล่า” นี้คือบทสนทนาจบแล้ว ไม่หาเรื่องคุยต่อหน่อยเหรอ ชวนคุยฝ่ายเดียวมันหนื่อยนะเว้ย

    “แค่นี้เหรอ” ผมหันไปทำหน้าเซ็งใส่มัน

    “เอ่อ... แล้วพี่กลับกี่โมง”

    “เย็นๆนะ”

    “แค่นี้เหรอ”

    “เออ!” ผมเลิกกอดคอมันล่ะ อยู่ๆก็คิดไม่ออกว่าจะคุยอะไรเลยพอมีกล้องมาตามจ่อแบบนี้

     

    พอไม่รู้จะคุยอะไรกัน เราเลยเดินเงียบๆจนมายืนอยู่บนBTSแล้วครับ แล้วนั้น! แจ็คพอตมีที่นั่งพอดีเลย ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีด้วยเถิดดดด

    “อ้าว มึงมีสอบเหรอ”

    “มีสอบย่อยนิดหน่อยอ่ะพี่”

    “กูไม่เห็นมึงจะอ่านหนังสือเลยนะเมื่อคืน” ไอ้เต้มันหันมาส่งสายตาชิ้งๆใส่ผมเลยครับ feeling – อันตราย เออๆ ไม่พูดก็ได้

    “พี่นอนเร็วขนาดนั้นจะไปรู้อะไร”

    “จ้าๆ กูพลาดเองแหละ” ยอมมันหน่อยล่ะกัน

    “เออพี่ ติวให้ผมหน่อยดิ”

    “วิชาไรวะ”

    “ชีววิทยาอ่ะพี่”

    “อ้ออออ เอาดิ” ไหนๆก็ว่างอยู่ล่ะ ทำตัวเป็นพี่ที่ดีสักหน่อยล่ะกัน


               ผมติวให้เต้ได้เท่าที่เวลาพอจะมี ซึ่ง...มีน้อยมาก

    “แล้วเย็นนี้เจอกันนะพี่” ผมโบกมือปัดๆให้มันพอเป็นวิธี เอาจริงเย็นนี้คงเจอกันที่บ้านเลยนั้นแหละ

    มาถึงโรงเรียนปุ๊บ ผมก็แยกกับเต้ปั๊บ แล้วต้องไปถึงไหนครับ ผมถึงจะแยกกับพี่ช่างกล้องข้างๆนี้ได้ แง้

    “ปกติเคียวมาถึงโรงเรียนเช้าขนาดนี้ป่ะ?” เยปโป้ เขาอนุญาตให้พี่ช่างกล้องพูดได้ ทำไมไม่พูดตั้งนานแล้ว ปล่อยผมเดินเหงาๆมาตั้งนาน

    “ไม่อ่ะครับ ปกติผมมานี้เพลงมาร์ชขึ้นล่ะ บางทีมาถึงเขาสวดมนต์กันแล้ว”

    “ฮ่าๆ บ้านอยู่ไกลเหรอ?”                                                   

    “ผมอยู่คอนโดอ่ะพี่ เดินไม่ถึง5นาทีก็ถึงBTSแล้ว แต่ที่ผมมาสายเนี่ย เพราะตื่นสายล้วนๆไม่มีอย่างอื่นผสมเลยครับ ฮ่าๆ”

    “แล้วถ้าเช้าๆแบบนี้ จะทำอะไรอ่ะ”

    “คงไปห้องชมรมอ่ะ ผมไม่ได้คุยกับเพื่อนมา2 3วันล่ะ ไม่รู้มีงานอะไรเปล่า” ว่าแล้วขาก็ก้าวไปตามทางที่จะไปห้องชมรมทันทีครับ

     

    แต่ว่า

    ห้องชมรมหายไปแล้วครับ...

    ห้องที่มันควรจะเป็นห้องชมรมของผม กลายเป็นห้องเก็บของซะงั้น หายไปวันสองวันชมรมโดนยุบแล้วเหรอวะ

    ไม่น่าใช่ โทรไปถามเพื่อนล่ะกัน

    เช้าขนาดนี้ยะน่าจะยังไม่ตื่น บ้านแม่งอยู่ห่างจากโรงเรียนนิดเดียว เดินแปปเดียวก็ถึง มันเลยล่อตื่นซะ7:30 ผมนี้เชื่อมันเลย ส่วนเฟรม เอาแน่เอานอนอะไรกับคนอย่างมันไม่ได้หรอกครับ ตัดช้อยไป ผมขอเลือกรูทเป็นคำตอบสุดท้ายคร้าบบบบบ

    หายหัวไปเลยนะมึง นึกว่าตายห่าล่ะดูคำทักทายมัน ซึ้งใจจจจจ

    หยาบคายเสมอต้นเสมอปลายจริงนะเมิงงงงง

    เออออ แล้วนี้มึงมีไร                                                                  

    มึงอยู่ไหนวะ

    ‘BTSว่ะ มีไรรรร

    กูมีปัญหานิดหน่อยว่ะ

    ว่า?

     ตอนนี้กูอยู่โรงเรียนแล้วเว้ย แล้วกูก็กำลังจะไปเครียงานที่ห้องชมรมใช่ไหม แล้วที่นี้...

    แล้วที่นี้?

    ห้องชมรมหายไปไหนว่ะ

    มึงลืมใช่ป่ะเนี่ย

    เรื่องไรวะ

    มึงเป็นคนอนุเคราะห์ห้องชมรมใหม่ให้พวกเราเองไม่ใช่รึไงอนุเคราะห์ห้องชมรม? อนุเคราะห์อะไรวะ

    ห๊ะ

    แล้วมึงไปตกลงอะไรกับครูอุษาไว้ล่ะ

    เฮ้ย เออว่ะลืมเหมือนความทรงจำเริ่มออสโมซิสเข้ามาสู่สมองน้อยๆของผม ผมลืมไปได้ยังไงว่ะว่าที่ยอมไปเข้ารายการอะไรนี้เพราะไปต่อรองขอห้องชมรมไว้ แล้วนี้พวกมันย้ายของเร็วจังวะ ตกใจหมดเลยเนี่ยยยย

    นั้นแหละ ห้องริมสุด ชั้น2 ตึกใหม่นะ นี้กูจะถึงโรงเรียนล่ะเนี่ย เดี๋ยวเจอกัน

    เออๆเดี๋ยวเจอกัน

     

    เคียวกับห้องชมรมที่หายไป

    แต่ตอนนี้ไม่หายไปล่ะนะ หาเจอล่ะ

    และก็ต้องขอบคุณที่ไอ้รูทมาถึงพอดีเพราะถ้ามันมาไม่ถึง ผมจะเข้าห้องยังไงล่ะครับ มัวแต่คิดเรื่องหาห้อง ลืมไปเลยว่าถึงหาห้องเจอก็เปิดไม่ได้อยู่ดีนี้ว้า

    “อ่ะ นี้กุญแจมึง เป็นประธานไม่มีกุญแจอ่ะ อายชาวบ้านเขามั้ย”

    “กูยังไม่เคยมานี้ว้า แล้วนี้มึงจัดห้องดีป่ะเนี่ย”

    “พวกกูชอบล่ะกัน แต่มึงชอบไหมเนี่ย กูไม่รู้นะก็มึงไม่มาช่วย” ดูเหตุผลมัน กูมาได้มั่ง ผมอ้าปากพะงาบๆด่ามัน กูก็อยากมามั้ยแต่มาไม่ได้ไงงงง

    พูดก็พูดเหอะ เพื่อนกันยังไงมันก็เพื่อนกันวันยังค่ำ พอผมเปิดประตูห้องชมรมเข้ามาประโยคนี้ก็เด้งไปเด้งมาในสมองผมทันทีเลย เพราะห้องชมรมใหม่เนี่ย ถูกจัดแบบที่ผม... ชอบมากเลยยยย

    แต่ต้องเก็บอาการไว้ ทำท่าดีใจมาก เดี๋ยวพวกมันเหลิง เหอะๆ

    โอ้โห แล้วนั้นมันกองกระดาษอะไรเต็มโต๊ะผมวะ ไม่เอาดิ ยังไม่ทันทำไรนี้มีงานอีกล่ะเหรอ

    “กล้องนี้จะเลิกถ่ายเมื่อไหร่วะ” ผมยังไม่ทันนั่งด้วยซ้ำ ไอ้รูทนี้เดินมาสิงผมเลยครับ

      “อีกสักพักมั้ง เขาบอกว่าจะอยู่ไม่นานนะ แต่ตรงส่วนที่มีมึงอ่ะ กูจะลองคุยกับพี่ทีมงานเขานะ ถ้าเทปมันออกอากาศไป มึงอาจจะซวย เดี๋ยวให้เขาตัดออกล่ะกัน”

    “เออดีมาก แล้วช่วยเร่งให้เขากลับเร็วๆด้วยนะ อึดอัดสัสๆเลย” พอจะเข้าใจแหละขนาดตัวเองยังอึดอัดเลยเนี่ย

    “รูท แล้วกองอะไรเต็มโต๊ะกูเนี่ย”

    “งานมึงทั้งนั้นแหละ นี้ครูพรรณีเขามาทวงรายงานที่เราไปจัดค่ายมาครั้งที่แล้วด้วยนะ มึงยังทำไม่เสร็จอีกเหรอวะ”

    “เฮ้ย กูว่ากูส่งไปแล้วนะ”

    “มึงลองไปหาครูเขาดูดิ เขาอาจจะลืม หรือหาไม่เจอ หรือทำหายก็ได้”

    “ทำหายก็ซวยดิ ให้ไอ้ยะแวะไปดูหน่อยดีกว่าว่ะ” ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ไปสั่งให้มันแวะไปดูสักหน่อย

    “เออมึงแล้วงานเดือนนี้ มึงจะทำอะไร”

    “ครูเขาให้ถามมาแล้วเหรอวะ”

    “กูเนี่ยถามเอง เผื่อมึงไม่อยู่แล้วครูเขามาตาม กูจะได้ตอบได้”

    “กูยังคิดไม่ออก ไว้คิดออกแล้วบอก” ปัญหาอีกอย่างของชมรมจิตอาสาคือเราต้องทำงานให้สังคมตลอด แล้วไอ้พวกงานที่ทำแต่ล่ะอย่างเนี่ย พวกเราต้องคิดเอง ขออนุญาตสถานที่เอง ติดต่อเอง ยื่นเรื่องให้โรงเรียนเอง แล้วยังต้องของบเองอีก งานแต่ล่ะงานนี้งานช้าง เหนื่อยกันแทบตาย แล้วคิดภาพว่าต้องเกิดเหตุการณ์เฉียดตายแบบนี้ทุกเดือนสิครับ แค่คิดก็... เฮ้ออออ

    “เออ เมื่อคืนมึงไม่เล่น โครตมันส์”

    “เฮ้ยจริงอ่อวะ” แล้วช่วงเวลาแห่งการเจรจาธุรกิจเรื่องเกมส์ก็เริ่มขึ้นครับ ฮ่าๆ

     

    “เฟรมมันไปเอางานถึงไหนวะ”

    “มึงถามกูครั้งที่3แล้วนะเคียว”

    “ก็มันช้าเกิน...” เมื่อคุณหงุดหงิดโลกจะหมุนช้าขึ้นเท่าหนึ่ง เชื่อผมเถอะ นี้ผมรู้สึกเหมือนนั่งรอเฟรมมาชาติเศษ ทั้งๆที่พอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามันพึ่งผ่านมาแค่10นาทีกว่าๆเอง แต่มันก็รู้ไงว่าผมรีบ ยังไปช้าอีก กลับมาพ่อจะใส่ไม่เลี้ยงเลย

    ปัญหามันเกิดตอนที่พวกผมเลิกเรียน ยังไม่ทันก้าวออกจากห้องเรียนเลยครับ ไอ้กัม น้องที่ชมรมอยู่ๆก็วิ่ง4คูณ100มาทางพวกผม พร้อมประโยคที่ผมไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้

    “พี่ๆ ครูสุจิตราเขาบอกว่าบัญชีที่พี่ส่งไปมันผิดอ่ะ ให้ไปเอามาแก้ ด่วนนนนน!

    นั้นคือจุดเริ่มต้นของความหงุดหงิดของผมตอนนี้ เพราะอะไรๆมันดูประดังประเดมาทางผมหมดเลย พอไอ้กัมวิ่งมาแจ้งหายนะเรื่องบัญชีที่ต้องแก้แล้ว ไอ้เกมส์ น้องที่ชมรมอีกคน แล้วไอ้เกมส์นี้เป็นแฝดนรกกับไอ้กัมครับ เห็นหน้าพวกมันวิ่งตื่นๆมาทีไรเป็นต้องมีเรื่องทุกที รวมถึงครั้งนี้ก็ไม่เว้นครับ หายนะครั้งใหม่ที่เกมส์มาบอกคือผมโดนครูคนไหนสักคนเรียกให้ไปพบเรื่องไหนสักเรื่อง นี้เป็นเนื้อหาที่มันบอกผม ผมนี้ไม่รู้จะด่ามันยังไง ถ้ามันจะรับคำสั่งมาโดยไม่รู้อะไรสักอย่าง มันอย่ารู้เลยเถอะ ถึงจะอย่างนั้น ผมก็ต้องรีบไปหาครูอยู่ดีครับ

    หลังจากที่ผมคุยงานกับครูจนกลับมาถึงห้องชมรมแล้ว ( ห้องชมรมเปลี่ยนตึกใหม่ วันนี้ผมเดินผิดตั้ง2 3รอบ แน่นอนว่าครั้งนี้ก็ผิดอีกครับอย่าให้เหลือ เหนื่อยซ้ำเหนื่อยซ้อนไปอีก ) พอผมเปิดประตูเข้าไปในห้องชมรมจึงรู้ว่าเฟรมเป็นคนอาสาไปเอาบัญชีที่ต้องแก้ครับ แต่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดคือ มันไปก่อนผม ทำไมยังไม่ถึงห้องชมรมสักที

    ถ้างานมันเร่งอย่างที่ไอ้กัมพูดจริงๆแล้วครูเขาให้ส่งเย็นนี้ แต่จนถึงตอนนี้มันยังไม่มาเนี่ยนะ มึงจะกลับบ้านกี่โมง ตี2รึไงงงงง

    ในเรื่องร้ายมักจะมีเรื่องดีๆเพียงเล็กน้อยเสมอ เพราะพี่ช่างกล้องกลับไปตั้งแต่เข้าแถวเสร็จ

    “เคียววววว”

    “หายหัวไปซะนานเลยนะมึง แค่ไปเอาบัญชีเนี่ย”

    “เดี๋ยวมึงจะต้องเป็นหนี้บุญคุณกู กูนั่งคิดนอนคิดตะแคงคิดเลยนะว่าบัญชีเรามันผิดตรงไหน จนกูคิดออกแล้วเนี่ย ถ้ามัวแต่มานั่งงมในห้องชมรมอ่ะนะ ชาติไหนมันจะเสร็จ นี้ๆเดี๋ยวกูโชว์เลย” พูดจบมันก็พุ่งตัวมาแย่งเก้าอี้ผมแล้วแก้งานทันทีครับ ถือว่ามึงทำดีหรอกนะ กูถึงอภัยให้

     

    ไอ้เฟรมแก้บัญชีเสร็จด้วยตัวเองจริง แล้วเอาไปส่งทันด้วย แต่ก็กินเวลาไปเยอะจนตอนนี้6โมงกว่าๆแล้วครับ ถ้าเป็นปกติผมคงไม่รู้สึกว่ามันเย็นอะไรมากมาย ดีซะอีก เพราะเวลาประมาณนี้BTSคนไม่เยอะมาก แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่คอนโดแล้ว เวลานี้ถ้ากลับไปถึงบ้านถือว่าเย็นมากเลยนะ

    “เจอกันเว้ยเจอกัน” คงทำอะไรไม่ได้นอกจากเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเท่านั้นแหละครับ

     

    กว่าจะถึงบ้าน เวลาก็เลยจนทุ่มกว่าๆเกือบ2ทุ่มล่ะครับ ขอบคุณที่ยังมีคนอุตสาห์เปิดไฟไว้ให้ผมพอจะเห็นทางในบ้านบ้าง เป็นวันเหนื่อยๆอีกหนึ่งวันที่กำลังจะหมดไปสักที เย้  



    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    เพราะอากาศมันร้อนใช่มั้ยถึงทำให้คอมเม้นต์ระเหย แง้ ไม่เอาดิ เม้นต์อีกๆ รออ่านอยู่นะะะ ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆถึงมากที่สุดยังไงก็ดูแลตัวเองกันดีๆนะ เดี๋ยวจะป่วยเอา ไว้เจอกันEPต่อไปนะ ซียูววววววว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×