คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : get = did
19
“เราก็ต้องแยกมันก่อนใช่ไหมครับ เสร็จแล้วต้องทำยังไงครับนักเรียน?” เสียงอาจารย์นี้มันต้องมีความสามารถพิเศษที่ทำให้ง่วงนอนแน่เลย ตอนแรกที่ตื่นๆนี้ง่วงเฉย หนังท้องตึงหนังตาก็ต้องหย่อนเป็นธรรมดาใช่ไหมครับ งั้น...นอนเถอะ อย่าไปฝืนเลย
“คิรากร ออกมาทำข้อนี้หน่อยสิครับ” ผมว่านี้ก็ต้องเป็นความสามารถอีกอย่างหนึ่งของอาจารย์แน่เลย
และแล้วเวลาแห่งการพักผ่อนก็มาถึง หลังจากเรียนกันแบบยิงยาวตั้งแต่คาบ6จนถึงคาบ8 คาบ9ก็ว่างสักทีครับ ปกติคาบนี้มันเป็นวิชาคุณธรรมจริยธรรมอะไรทำนองนี้แหละ แต่พวกผมมันม.6แล้วนี้ครับ ให้ว่างบ้างเถอะ
“ซีโทรมาอ่ะ” ผมที่จะหลับไม่หลับแลต้องผงกหัวขึ้นมารับโทรศัพท์ที่ไอ้ยะโยนมาครับ บางทีผมก็คิดนะ ว่าทำไมโทรศัพท์ผมมันไม่เคยอยู่ที่ผมเลยแหะ เดี๋ยวคนนู่นก็เอาไปเล่นคนนี้ก็เอาไปเล่น
แต่ยังไม่ทันกดรับสายไอ้ซีดันวางไปซะก่อน ถ้าคิดจะให้โทรกลับนี้หวังไปเถอะนะ ตังกินข้าวยังลำบากเลยตอนนี้ ตังโทรศัพท์ใครเขาจะเติมกัน
“อ้าว มาไง” ผมกำลังจะหันไปยืมโทรศัพท์ไอ้เฟรมที่นอนอยู่ใกล้ๆแต่อยู่ๆไอ้ซีก็โผล่มาจับไหล่ผมไว้ซะก่อน
“เดินผ่านแล้วเห็นเนี่ย เลยเข้ามา ไม่มีเรียนแล้วเหรอวะ”
“เออว่างล่ะ แล้วมึงอ่ะ” ปกติพวกนี้เคยมีคาบว่างแบบชาวบ้านเขาซะที่ไหนล่ะครับ
“ยังอ่ะ แต่ห้องสภาเรียกว่ะ แล้วประเด็นคือ กูไม่รู้ว่าห้องสภาอยู่ไหนเลยจะโทรมาถามมึงเนี่ย”
“ไปดิ เดี๋ยวกูไปส่ง หิวพอดี จะลงไปหาไรกินด้วย” มันมีโรคกระเพาะรั่วบนโลกนี้จริงๆไหม ผมว่าผมต้องเป็นแน่ๆแล้วแหละ
“เฮ้ยๆ ไปไหน” ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงไอ้รูทแล้วลุกขึ้นยืนก่อนเลยครับ เดี๋ยวแม่งต้องฝากซื้อของแน่ๆครับ ดังนั้นเราต้องตีเนียน อยากซื้อก็ต้องไปซื้อเองดิ (ไม่เข้าใจทฤษฏีนี้เหมือนกันครับ แค่อยากให้มันลุกขึ้นไปด้วยเฉยๆ ถ้าผมต้องไปซื้อให้มันแล้วมันได้นอนชิลๆนี้ก็ไม่ยุติธรรมใช่ม่ะ ฮ่าๆ)
หลังจากตกลงกันนิดหน่อย ก็สรุปได้ว่าเราจะพาไอ้ซีไปห้องสภาก่อนแล้วค่อยลงไปซื้อของกินที่โรงอาหารครับ ผม รูท ซี เดินคุยนู่นคุยนี้กันไปตลอดทาง จนมาถึงห้องสภา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เรียกแค่ซีสินะ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะประกาศศึกนะครับ แต่สาบานได้ว่าผมเห็นไอ้ป๊อปป๊อปไรนั้นทำหน้ากวนตีนใส่ซีด้วย แล้วผมมันก็พวกรีเฟล็กซ์เร็วไง หน้าเลยบอกบุญไม่รับใส่มันทันที
ใครดีมาก็ดีไปนะครับ ไม่ดีมาก็ไม่ดีไป แฟร์ๆอยู่แล้ว
‘ฮัลโหลลลล เกรซหรอ’ ด้วยความที่ห้องสภามันคนเยอะมาก พวกผมเลยยืนรอให้พวกข้างในออกมาก่อน และไอ้ตี๋ป๊อปนั้นก็ดันโทรคุยกับเกรซพอดิบพอดีเลยไง
“บังเอิญดี” บอกแล้วครับว่าผมมันพวกรีเฟล็กซ์เร็ว แล้วยิ่งฝ่ายนั้นเขาตั้งใจพูดดังให้พวกเราได้ยินด้วยแล้ว จะปล่อยให้เขาพูดคนเดียวมันก็ยังไงอยู่ใช่ไหมล่ะ
‘ศ.ล.หรอ ก็ดีนะ เดี๋ยวเย็นนี้เราไปรับเนอะ’ อาจจะเพราะเจอคนมามากมายด้วยมั้ง ยิ่งไอ้พวกเก่งแต่ปากพวกนี้เจอมาจนนับไม่ถ้วนเลยครับ ผมกับรูทเลยเพียงแค่พยักหน้างึกงักทำเหมือนตั้งใจฟังมันเสียงเต็มประดา คนแบบนี้ต้องปล่อยมันพล่ามไปครับอย่าไปขัด
‘ซีอ่ะนะ เจอดิ มันก็มาเป็นเด็กแลกเปลี่ยนเหมือนกันนิ’ ผมหันไปมองซีที่อยู่ข้างๆแทน ผมกับรูทนะเจอคนแบบนี้มาเยอะ แต่ผมไม่รู้ว่าซีมันโอเคกับคนแบบนี้รึเปล่า
‘มันเนี่ยนะ จะกล้าทำอะไรเราเกรซซซซซ แค่มองหน้าเรามันยังไม่กล้าเลย’ ผมหลุดถอนหายใจยาวๆออกมาทันที มันตั้งใจหาเรื่องกันชัดๆ แล้วเมื่อไรจะเข้าไปในห้องสภาได้เนี่ยยยย
‘จริงดิเกรซ แต่เนี่ยมันมีหมาตามเฝ้าด้วยอ่ะ ตลกดี ฮ่าๆ’ ผมคว้าแขนไอ้ซีไว้ได้ทันก่อนที่มันจะพุ่งไปต่อยปากไอ้ตี๋นั้น พอเห็นไอ้ซีมันทำตาขวางมาประทวงว่าผมห้ามมันทำไม ผมเลยทำได้แค่ส่ายหัวให้มันเท่านั้น มันไม่คุ้มหรอกครับเชื่อผม
“หึ คนมันอ่อนยังไงมันก็อ่อนอย่างนั้นแหละ ขนาดเกรซมันยังรักษาไว้ไม่ได้เลย ฮ่าๆ”
พลั่ก!
“ต้องเอาเลือดปากออกหน่อยใช่ป่ะ ถึงจะเลิกเห่าอ่ะ” ผมว่ารีเฟล็กซ์ผมมันเร็วไปหน่อยแล้วล่ะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้ตี๋นั้นมันนอนอยู่ที่พื้น เพราะโดยหมัดงามๆจากผมกระแทกเข้าที่ปากนั้นแหละ มันเป็นเสี้ยววิเลยนะ.... ที่ผมคิดว่าจะต่อยปาก หรือเสยคางมันดีเนี่ย
“มึง!!” พอมันตั้งสติได้ มันก็พุ่งเข้ามาหาผมเลยครับ มาดิมาเครื่องติดแล้วเหมือนกัน
“ก็เอาดิ ไม่ได้ต่อยคนมานานแล้วด้วย” แย่งซีนชิบหายเลยมึงเนี่ย ไอ้ตี๋ยังไม่ทันถึงตัวผมด้วยซ้ำ ไอ้รูทที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ดันผลักมันกลับไปซะก่อนครับ
“หมาหมู่นี้ว้า!”
“ใครบอกมึงว่าหมาหมู่ มึงกับกูตัวๆก็ได้นะ ถ้ามึงคิดว่ามึงจะต่อยกับกูในถิ่นกูแล้วชนะอ่ะ” ผมดันให้ไอ้รูทหลบไปก่อนที่จะประจันหน้ากับตี๋อีกที ตอนนี้ทั้งรุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน มามุงกันเต็มไปหมดล่ะครับ ไทยมุงนี้มันอยู่ในสายเลือดคนไทยทุกคนจริงๆนะ
“เคียว...” แต่ผมอาจลืมไปว่าเราต่อยกันอยู่หน้าห้องสภา สุดท้ายบอสก็พยายามฝ่าไทยมุงเข้ามาถึงตัวผมจนได้ อีกนิดจะเริ่มยก2กันอยู่ล่ะ
บอสมันเลิกคิ้วใส่ผมเหมือนจะถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ผมไม่มีอะไรจะอธิบายเพิ่มเติมหรอกครับ ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าผมต่อยเด็กใหม่และถ้าดูแบบไม่ใช่เหตุและผลอะไรมาก ผมก็ผิดจริงที่เริ่มก่อนแล้วยิ่งเป็นเด็กแลกเปลี่ยนด้วยเนี่ย ยิ่งผิดเข้าไปอีก แถมยังต่อยกันในโรงเรียน ตรงหน้าห้องสภาแบบไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้นอีก
“ไปเลยมึง ฝ่ายปกครองเรียกพบอ่ะ” เป็นประโยคที่ผมควรสำนึกผิด หรือเคร่งเครียดอะไรประมาณนั้นนะ แต่พอผมเห็นหน้าไอ้ฟ่าที่ยิ้มกว้างไปถึงหู แล้วผมดันเครียดไม่ลงซะงั้น ต่อยไปแล้วนิครับ ทำอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรมอยู่แล้ว
แต่หมัดเมื่อกี้น้ำหนักได้นะ ยังเจ็บมืออยู่เลยเนี่ย ถือว่าคุ้มอยู่แหละเว้ยยย
“ที่ครูพูดไปนะ หัดจำแล้วเอาไปปรับปรุงบ้างนะ”
“คร้าบบบบบ นี้ครูพูดยาวขนาดนี้ ผมไม่อยากฟังก็ต้องฟังแหละ”
“เธอนี้มัน… เฮ้อ” ครูคงปลงกับผมมากจริงๆแหละครับ เพราะครูเขาพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไปก่อนเลย
นั่งนานจนเมื่อยไปหมดล่ะเนี่ย จาก3โมงกว่าๆตอนนี้5โมงกว่าล่ะครับ ครูฝ่ายปกครองนี้เขาต้องมีความสามารถในการโยงเรื่องราวร้อยพันมาบ่นแน่เลย ตอนแรกๆผมว่ามันก็เกี่ยวกับเรื่องที่ผมต่อยเด็กใหม่อยู่นะ ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงเริ่มไม่ใช่ เรื่องนู้นเรื่องนี้มาจากไหนนักไม่รู้
มันเลยพึ่งมาจบเอาตอน5โมงกว่าๆนี้ไง
พอลุกขึ้นยืนได้ก็ขอบิดขี้เกียจสักหน่อยครับ หยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย มองความเรียบร้อยนิดหน่อย (ผมมาถึงจุดที่โดนบ่นยาวจนต้องรอปิดห้องพักครูแล้วครับ) หลังจากมองรอบๆอยู่สักพักและคิดว่าคงไม่มีอะไรแล้วผมเลยหันหลังมุ่งหน้าไปที่ประตูครับ มือก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรไปด้วย พนันได้ว่ารูท เฟรม ยะ มันต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่ไม่ใช่หน้าห้องนี้แน่ๆแหละครับ
นอกจากรูท เฟรม ยะ ผมคงลืมไปอีกคน
“โอเคป่ะ” ผมมองหน้าตาตื่นๆของซีแบบงงๆ เปิดประตูออกมาก็เจอมันนั่งอยู่หน้าห้องครับ ผมเลยวางมือบนไหล่มัน เป็นการบอกว่าผมออกมาแล้ว
“ครูเขาว่าไงมั้งอ่ะ แล้วมึงโอเคป่ะ นี้ทำไมมึงไม่พูดกับกู โกรธกูเหรอ เคียววววว กูขอโทษจริงๆ” งงหนักกว่าเดิมอีกครับ
“ให้กูพูดไรวะ” มาถึงก็ยิงคำถามใส่รัวๆเลยไอ้นี้
“โอเคป่ะ”
“โอเคดิ ต้องเป็นไรอ่ะ”
“ครูเขาดุไรมึงเปล่า”
“ก็ดุนะ ยาวเลยอ่ะ แถมยังชักแม่น้ำทุกสายมาบ่นเพิ่มด้วย”
“แล้วโดนลงโทษอะไรป่ะ”
“ทั่วไปอ่ะ” เห็นสายตาคาดคั้นนั้นแล้วรู้เลยครับว่าตอบแค่นี้คงไม่พอ “พวกบำเพ็ญประโยชน์ หักคะแนนความประพฤติ โทรแจ้งผู้ปกครองไรงี้”
“เฮ้ย แล้วพ่อแม่มึงไม่ว่าอะไรเหรอ” ผมว่าถ้าผมปล่อยให้มันถามไปเรื่อยๆคงไม่ได้กลับบ้านกันอ่ะครับ สุดท้ายผมเลยแก้ปัญหาด้วยการเดินเข้าไปกอดคอมัน แล้วลากมันเดินไปด้วย
“พ่อแม่กูอยู่ต่างประเทศ คนที่เป็นผู้ปกครองกูก็จะเป็นพี่ชาย แล้วพี่กูมันก็ไม่ค่อยมาสนใจอะไรมากนักหรอก มันขอแค่ไม่โดนไล่ออกก็พอ หรืออย่างมากมันก็ถามแค่ว่าทำไมถึงต่อย แค่นั้น ดังนั้นมึงไม่ต้องห่วง แล้วก็เลิกโทษตัวเองว่าความผิดมึงด้วย เพราะมันไม่ใช่คามผิดมึงเลยเว้ย มึงไม่ได้สั่งให้กูต่อยมันนี้”
“แต่มึงก็ต่อยมันเพราะกูป่ะ”
“กูต่อยมันเพราะว่ามันปากหมา”
“อ้อ คือไม่เกี่ยวกะกูงี้” เดี๋ยวนะ...
“ปากหมาใส่มึงไง” ทำไมเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยแล้วสามารถเอาทุกอย่างมาน้อยใจได้ขนาดนี้ ต่อไปจะพูดไรนี้ต้องคิดแล้วคิดอีกนะ
“สรุปคือมึงก็ต่อยมันเพราะกูใช่ไหมล่ะ” ผมกรอกตาใส่มันไปทีหนึ่ง
“กูต่อยมันเพราะมันปากหมาใส่มึง ใส่กู และใส่รูทด้วย”
“แล้วมึงห้ามกูทำไมวะ” ผมคิดไว้อยู่แล้วแหละว่ามันต้องถามคำถามนี้
“ถ้ามึงต่อย มันไม่คุ้มหรอกซี ทางโรงเรียนเขาต้องส่งเรื่องไปให้โรงเรียนมึงจัดการเองอยู่แล้ว ยิ่งม.ส.มันโหดมากเลยไม่ใช่ไง? มาต่อยเด็กโรงเรียนอื่น ในโรงเรียนของคนอื่นแบบเนี่ย มึงคงโดนอะไรที่หนักหนากว่ากูอ่ะ กูเลยทำแทน” ซีมันพยักหน้ารับ แต่ไม่รู้ว่ามันเข้าใจจริงๆรึเปล่านะ
“ขอบใจนะ”
“มึงไม่จำเป็นต้องขอบใจด้วยซ้ำ” มันเลิกคิ้วใส่ผม
“แค่ต่อยคนแย่ๆคนหนึ่ง มันไม่ได้มากมายอะไรด้วยซ้ำ คำขอบใจของมึงมันมีค่ากว่านั้น” แล้วมันก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ เก๊กมาตั้งนานนะเมิงงงง แต่ก็ดีแล้วแหละ ผมชอบมันตอนยิ้มมากกว่าเยอะ
“มึงแม่งทำให้ทุกอย่างมันหยุดยากไปหมดแล้วเนี่ย” มันพูดแค่นั้นก่อนที่จะเปลี่ยนมาคว้าคอผมไปจับไว้แทน ใช่ครับ...จับ มันแค่จับคอผมไว้เฉยๆ
“มึงจะจับคอกูไว้ทำไม”
“จับไม่ได้หรอ” ถามอย่างนี้จะตอบอะไรได้ล่ะครับ ผมเลยปล่อยๆมันไป ยอมมันหน่อยล่ะกัน มันอุตสาห์นั่งรอผมตั้งนาน แล้วดูเพื่อนผมสิ เออว่าแต่มันอยู่ไหน ลืมโทรถามจนได้เนี่ย
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมเหมือนแชร์ห้องอยู่กับรูมเมท
“การที่มึงทำอาหารไม่เป็นไม่ได้หมายความว่ามึงจะไม่มีอะไรในตู้เย็นเลยนอกจากน้ำเปล่าได้นะเว้ย” และถ้าต้องแชร์ห้องกับรูมเมทคนนี้ ผมขออยู่คนเดียวเหมือนเดิมแหละดีแล้วครับ
“มึงบ่นเรื่องนี้จะชั่วโมงล่ะนะ”
“ดูมึงดิ”
“อ้าววววว ก็กูทำไม่เป็น จะให้กูซื้อของมาทำไม”
“พวกอาหารแช่แข่งอะไรแบบนี้ก็ได้ป่ะวะ”
“กูไม่ชอบ”
“สมมติว่าร้านลุงเขาปิด มึงจะแดกอะไร”
“เดินออกไปอีกหน่อย ก็เจอร้านอาหารแล้วป่ะ”
“ถ้าร้านอาหารมันปิดอีก”
“ก็ไปห้าง”
“ถ้าห้างมันปิด?”
“ร้านอาหารทุกร้านบนโลกมันคงไม่พร้อมใจกันปิดขนาดนั้นมั้ยคุณซีรัส” นี้เถียงจนเหนื่อยแล้วนะ
“กูแค่สมมติ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ มึงจะแดกอะไร”
“ก็ขึ้นไปบอกให้มึงทำอะไรให้กินไง”
“ถ้ากูไม่อยู่?”
“มึงไปไหนล่ะ กูจะได้ไปด้วย” คราวนี้ซีมันเงียบครับ แต่มันก็ยังทำหน้าหน่ายๆใส่ผมอยู่
ผมแยกกับเพื่อนตอน6โมง (แวะไปเล่นบอลมาครับ) ระหว่างทางกลับก็คุยกันเรื่องจะกินอะไรดี อย่างแรกที่ผมเสนอคือมาม่าครับ (จะหมดเดือนแล้วครับ เริ่มช็อตแล้ว) แต่ซีมันก็เสนอว่าถ้าจะกินมาม่า ทำอะไรง่ายๆกินดีกว่า ผมเลยตอบไปว่าทำอาหารไม่เป็น เท่านั้นแหละครับ ซีมันก็เริ่มถามว่า ไม่เป็นทั้งหมดเลยอ่ะนะ (ผมตอบไปว่าถ้านับการต้มมาม่าด้วยน้ำร้อนจากกาต้มน้ำเป็นการทำอาหาร ผมก็ทำได้อย่างหนึ่งครับ) คราวนี้มันก็ร่ายยาวเลยครับ ว่าผมอยู่หอที่มีห้องครัวทำไมถ้าไม่ได้ใช้ (ผมก็คิดอยู่ครับ) แล้วซื้ออาหารกินทุกมื้อมันเปลืองตังขนาดไหน บลาๆๆ
จนสุดท้ายมันก็บอกว่าจะสอนผมทำอะไรง่ายๆสักอย่างสองอย่าง แล้วก็ตรงมาที่ห้องผมเลยครับ
แต่เพราะว่าผมทำไม่เป็น และก็ไม่ได้อยากทำเป็นด้วย ในห้องผมมันเลยไม่มีอุปกรณ์อะไรเลย นอกจากไมโครเวฟ ตู้เย็น อ่างล้างจาน แล้วก็กระทะไฟฟ้า (ผมเคยจับแค่ตู้เย็นแล้วก็ล้างมือนิดหน่อยเท่านั้นครับ ถ้าเขาให้ของพังมา ผมก็ไม่รู้หรอก)
มันไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า เลยต้องย้ายจากทำอะไรกินในห้องผม เป็นห้องซีแทน
ขนาดมันบอกว่านานๆทำที ผมยังรู้สึกว่ามันหยิบนู้นหยิบนี้แบบคล่องแคล่วสุดๆ (ปากก็บ่นผมไปด้วยมันยังไม่หยิบอะไรผิดเลยครับ)
“จะกินไร” ผมรอคำนี้นี่แหละ
“อยากกินไข่พะโล้ว่ะ”
“ง่ายกว่านั้นหน่อยได้ป่ะ” อ้าวไข่พะโล้นี้ทำยากเหรอ
“ผัดเปรี้ยวหวานไง!”
“ง่ายกว่านั้นอีก” ง่ายกว่านี้อีกเหรอ...
“มึงว่าไรดีอ่ะ” คิดไม่ออกแล้วครับ กินอะไรก็ได้ล่ะกัน หิวจะตายแล้วครับ
“ถ้าพวกข้าวผัด ไข่ตุ๋น ไก่ทอด ยำ อะไรงี้ก็พอทำได้นะ”
“งั้น ไข่ตุ๋น กับยำไข่ดาว” มันทำท่าโอเคมาให้ครับ จะได้กินสักทีสินะ
ใช้เวลาไม่นานของทุกอย่างก็พร้อมให้ผมกินครับ หน้าตาไม่ได้ดูดีมากมายอะไร จะเอาดูดีอะไรมากล่ะครับ กินเพื่ออยู่นิ ว่าแล้วก็ขอลองไข่ตุ๋นหน่อยล่ะกัน
“เฮ้ย ไข่ตุ๋นโอเคเลยนะ แต่กูว่าข้าวมันแข็งๆ”
“จริงดิ ต่อไปต้องแก้ล่ะ แต่มึงเป็นคนหุงนะเคียว” เกลียดการที่มันทำหน้าเหมือนทำผิดมาก ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นคนหุง แล้วผมดันลืมได้ไงว่าตัวเองเป็นคนหุง…
“แข็งๆก็เหมือนกินข้าวเหนียวไง”
“สัส ฮ่าๆๆ”
“แดกๆเข้าไป อย่าบ่นมาก” ซีมันยังคงขำต่อไปอีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะเริ่มกิน ถ้ามันช้ากว่านี้ผมว่าผมนี้แหละจะกินหมดก่อน
“ทำไมทำอาหารอร่อยวะ” ผมอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้าวหมดไปแล้วครับ และผมก็กำลังจะกินไข่ตุ๋นเล่นให้หมด
“มันต้องฝึกฝนเว้ย นี้กูโดนพี่ด่าจนหูชายังได้แค่เนี่ย”
“แค่เนี่ยเห้ไร มึงดูกู...”
“ฮ่าๆ เอาจริงกูก็ทำเป็นไม่กี่อย่างหรอก เอาอะไรที่พอทำได้ง่ายๆแล้วก็กินบ่อยๆได้มากกว่า”
“เดี๋ยวนะ มึงมีพี่?”
“อื้ม พี่สาวอ่ะ”
“เหยดดด สวยม่ะ”
“จะสำคัญอะไรล่ะ มึงมีกูก็พอแล้ว” ผมทำท่าอ้วกใส่มัน พูดออกมาได้นะ
“ฮ่าๆ ทำไมอ่ะ ทีมึงยังชอบจีบกูบ่อยๆเลย”
“กูไม่ได้จีบ กูแค่พูดจริงๆ”
“กูก็พูดจริงๆ” โอเค ผมจะจดชื่อซีไปในคนที่ไม่ควรหวังทะเลาะชนะเข้าไปอีกคนล่ะกัน พูดก็พูดเหอะ พอมาคิดๆดูแล้วผมแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับซีเลยแหะ
“มึง เล่นเกมส์กัน”
“เกมส์ไร” มันเก็บจานทั้งหมดก่อนที่จะเดินไปในครัว สนใจกูหน่อยเถอะ
“มันชื่อว่าQ and A” พอผมยังตามตื้อเข้าไปคุยกันมัน มันก็จัดการหยิบจานขึ้นมาถูแล้วส่งต่อให้ผมล้างน้ำครับ เออช่วยล้างก็ได้ว่ะ
“เกมส์นี้มึงคิดขึ้นมาเองช่ะ” ทำไมมันรู้วะ...
“ก็เออ กล้าเล่นป่ะล่ะ”
“มึงเริ่มเลย” มันต้องอย่างนี้สิ
“มึงมีพี่สาวแล้วมีพี่ชายอีกม่ะ ชื่อไร ห่างกันกี่ปี แล้วขอไอจีได้ป่ะ” พอผมถามจบ มันก็หันมามองหน้าผมเลยครับ ผมอยากรู้นี้ผิดด้วยเหรอ
“มึงเป็นสำมะโนครัวเหรอออออ”
“กฎคือมึงห้ามไม่ตอบเด็ดขาดเว้ย”
“มึงแม่งงงง เออก็ได้ มีพี่สาวคนเดียว ชื่อซูกัส ห่างกัน3ปี ส่วนไอจี... ล้างจานเสร็จเดี๋ยวให้” ดีมากเลยเพื่อนนน
“ตากูนะ กูถามเหมือนที่มึงถามเมื่อกี้เลย” เหมือนมันไม่ได้คิดคำถามเลยครับ
“มีพี่ชาย2คน ชื่อคิมกับคิว คิมห่าง4ปี ส่วนคิวนี้6 แล้วไอจี... มึงจะเอาด้วยหรอ” แล้วมันดันพยักหน้าคือไรครับ “เดี๋ยวให้ล่ะกัน”
“ทำไมถึงชอบถ่ายรูปวะ” เป็นเรื่องที่ผมสงสัยมาก สำหรับผมกล้องถ่ายรูปมันก็เป็นอุปกรณ์เจ๋งๆอย่างหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดแทบจะเอามานอนด้วยแบบซีนั้นแหละ
“มึงเคยเห็นทวิตที่เขียนว่า เพราะกล้องเป็นอุปกรณ์อย่างเดียวที่มนุษย์ใช้หยุดเวลาได้ ป่ะ กูว่ามันโครตจริงอ่ะ พอเรากลับมาดูรูป ความทรงจำต่างๆที่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในภาพหรือคนที่อยู่ในภาพ มันก็กลับมาด้วย แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่กับเราแล้วก็ตาม และความพิเศษอีกอย่างของกล้องคือ มึงอาจทำให้ใครสักคนยิ้มให้มึงไม่ได้ แต่มึงทำให้เขายิ้มให้กล้องของมึงได้” โอ้โห ตอบดีจนผมต้องตบมือให้เลยครับ เผลอๆมันเนี่ยจะทำให้ผมรักกล้องไปด้วย
“มึงแพ้หรือมีโรคประจำตัวอะไรบ้างป่ะ” ตาซีถามครับ
“ถ้าอาหารก็หอยอ่ะ แพ้หนักเลย กินแล้วอาจตายได้ ถ้าโรคประจำตัวก็เป็นไมเกรน อันนี้ก็อาจตายได้เหมือนกัน จริงๆเป็นคนขี้โรคว่ะ โรคอะไรมาใหม่ๆกูมักจะเป็นหมดเลย” น่ารักป่ะล่ะ เป็นพวกร่างกายอ่อนแอมากๆครับ แม้ภายนอกจะดูไม่ใช่ก็ตาม แล้วนี้ผมถามอะไรดี
“แล้วทำไมมึงอยู่หอวะ กูหมายถึงพ่อแม่พี่สาวมึงอ่ะ” เออเล่นไอ้เกมส์นี้คุ้มครับ เพราะบางเรื่องนี้อยากรู้แต่ถ้าถามขึ้นมาเฉยๆ มันจะดูแปลกๆ พอมาเล่นไอ้เกมส์นี้แล้วจะถามอะไรขึ้นมาก็ได้
“อยู่บ้านไง”
“กูรู้แล้วป่ะ กูหมายถึงว่าบ้านมึงอยู่ไหน”
“อ้อออออออ บ้านกูอยู่เชียงรายอ่ะ” เดี๋ยววววว ไปซะไกลเลยเฮ้ย
“แต่ว่าตอนม.ต้นกูมาเรียนในกรุงเทพ ตอนช่วงแรกๆก็อยู่บ้านญาติ แต่พอเริ่มทำอะไรได้แล้ว ก็เลยย้ายมาอยู่หอแทน แล้วก็หางานอะไรทำบ้าง แค่แม่ทำงานกับพี่ก็เหนื่อยกันจะแย่ล่ะ จะให้ส่งเงินให้กูอีก กูก็เกลียดตัวเองว่ะ”
“งั้นพวกค่าใช้ค่าไรงี้ มึงก็หาเองหมดเลยดิ”
“ก็พยายามจะให้เป็นแบบนั้น แต่แม่กูเขาชอบแอบโอนมาให้กู พอโดนกูดุก็หยุด พอสักพักก็โอนมาอีก” ผมขำ คนเป็นแม่นี้ครับ แล้วยิ่งจริงๆบ้านมันอยู่เชียงราย มาเรียนไกลบ้านขนาดนี้ จะให้ลูกหาเงินใช้เองทั้งหมดก็ต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว
“อ้าว แล้วพ่ออ่ะ”
“ตายตั้งแต่กูป.5มั่ง” นั้นไง... แกก็น่าจะเอะใจไหมเคียว ถามทำไมมมม
“โทษที”
“ไม่เป็นไรๆ กูเฉยๆแล้วแหละ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานล่ะ” ซีมันต้องเข้มแข็งขนาดไหนกัน มันอาจจะทำเฉยๆ แต่ผมรู้เลยว่าคนอย่างมันคงต้องไม่อยากให้แม่หรือพี่สาวมากังวลเรื่องของมันแน่ๆ คงจะต้องพยายามทำตัวเข้มแข็ง ทั้งๆที่ตอนนั้นมันก็ยังเด็กอยู่ แถมเป็นเด็กผู้ชายก็คงจะติดพ่อเป็นธรรมดา แต่พ่อจากไปเร็วขนาดนี้มันคงต้องคิดว่ามันเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน
แล้วคงพยายามดูแลแม่กับพี่อย่างสุดความสามารถของมันแน่ๆ
“แล้วมึงอ่ะ พ่อแม่อยู่ต่างประเทศใช่ม่ะ ทำไมอ่ะ”
“ดูแลกิจการอ่ะ แต่กูว่าจริงๆพ่อกับแม่กูเขาก็แค่เบื่อเลี้ยงพวกกูมากกว่า พ่อกูชอบพูดว่าเลี้ยงลูกชายบ้าๆ3คนไม่ใช่ง่ายเลยนะ เพราะมัวแต่เลี้ยงพวกแกเลยไม่ได้สวีตกับเมียเลย พอมีเวลาต้องไปหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ” พอผมพูดจบ ซีมันก็ขำแบบเอาจริงเอาจังมากครับ
“กูไม่แปลกใจเลยว่ามึงเอานิสัยวอนๆของมึงมาจากใคร” มันว่างั้นครับ
“แล้วพี่ชายมึง คิมกับคิวป่ะ ทำงานไรอ่ะ”
“คิมเรียนหมอ อยู่ปี3ล่ะ”
“เฮ้ยยยยยยยย” ตอนมันบอกผมว่าติดหมอแล้ว ผมก็เป็นเหมือนไอ้ซีตอนนี้แหละครับ ตอนมันม.6แล้วผมม.4 เราเคยนั่งดูหนังเรื่องอะไรสักอย่าง (จำไม่ได้แล้ว) ด้วยกัน ในหนังตอนจบนางเอกประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต จำได้ว่าคิมพูดว่า หมอเขารักษาดีแล้วหรอวะ ตอนนั้นผมตอบไปว่าก็หนังไหมมมม มันก็บ่นๆอยู่สักพักว่าถ้าหมอเขาไม่ตั้งใจรักษางี้ก็ได้ดิวะ พอฟังมันบ่นไปบ่นมาผมเลยตัดบทด้วยการบอกว่าหมอเขาก็ต้องมีจรรยาบรรณป่ะ หรือถ้ามึงมีปัญหามาก ก็ไปเป็นหมอเองเลยดิ
แล้วก็ดันเป็นหมอจริงๆ
ผมนี้ยอมใจเลย
“คิวจบล่ะ ดูแลพวกงานที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ ที่บ้านกูทำพวกบริษัทส่งออกอ่ะ” ซีมันพยักหน้ารัวๆ
“แล้วที่บ้านมึงทำงานไร”
“มีไร่อ่ะ องุ่น ชา แล้วก็ทำไวน์บ้างนิดหน่อย ส่วนมากจะเปิดให้คนมาเที่ยวอ่ะ”
“อยากไปปปป” เป็นจังหวะที่ซียื่นจานใบสุดท้ายให้ผมล้างน้ำพอดี
“ปิดเทอมเล็กไปกันป่ะล่ะ” ล้างจานเสร็จสักที
“นี้ชวนป่ะ”
“อ่าฮะ ชวนอยู่” เจ้าบ้านเขาอุตสาห์ชวนแล้วนี้นะ ผมเลยเพียงแค่ยิ้มกว้างกลับไปและยืนยันคำตอบ “ได้! ปิดเทอมเล็กไปกัน”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เป็นตอนที่ใช้เวลาอัพนานมาก 55555 ไม่รู้ว่าเพราะไม่ค่อยมีเวลาหรือหัวไม่แล่น... แต่มันก็100%แล้วครับ น้ำตาจะไหลลลลล ขาดอะไรรู้ไหม ขาดคอมเม้นต์ไงงง
คอมเม้นต์หน่อยนะคะะะะ
เจอกันค่าาา
ความคิดเห็น