คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : มัวชักช้า มันจะไม่ทันการ
17
คืนวันศุกร์ใครเขานอนเร็วกันครับ
เพราะคิดแบบนั้น ตอนนี้เวลาเกือบตี2 ผมยังนั่งดูหนังอยู่เลย
หนังผีด้วย คนเดียวด้วย ง่อวง่อวว
แต่ตอนนี้กลัวมากเลยpauseไปแล้วครับ เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชมจะจบแล้วด้วยซ้ำ แต่เข้าใจฟีลมั้ย ว่ามันกลัวเกินลิมิตแล้วอ่ะ ถึงจะเหลืออีกแค่นิดเดียวก็ดูต่อไม่ไหวแล้ว จริงๆเรื่องนี้ผมตกลงว่าจะไปดูกับเฟรม รูท ยะ อาทิตย์น่า (มันเข้าอาทิตย์น่า) แต่อยู่ๆก็อยากดูตอนนี้ครับ เลยหาซับอังกฤษดูเอา ขนาดเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างยังกลัวเลย ตอนจบไว้ไปดูในโรงล่ะกัน
อารมณ์ค้างอยู่เหมือนกันแหะ หรือจะดูต่อให้จบดี
แต่ก็กลัวอ่ะ...
“มึง”
“เหี้ย! เข้าห้องคนอื่นคิดจะเคาะประตูบ้างป่ะ” หัวใจจะหลุดออกมาเด้งข้างนอกแล้วครับ ผมโครตตกใจอ่ะ อยู่ๆไอ้ซีก็โผล่เข้ามา โอ้ยยยยย ขวัญเอ๊ยขวัญมา โอ๋ๆนะเคียว
“มึงอยากให้คนเขาเคาะห้องก็ควรล็อกห้องป่ะวะ”
“กูจะล็อกห้องรึเปล่ามึงก็ควรเคาะมั้ยยังไงดี”
“ไว้ครั้งหน้าจะเคาะล่ะกัน เคป่ะ” ขอให้แม่งจริงล่ะกัน
“ดูหนังอยู่เหรอวะ”
“เออ แต่เลิกดูล่ะ กลัว”
“ดูหนังผีก็ต้องน่ากลัวป่ะวะ” ก็ใช่แหละ แต่ผมไม่อยากดูแล้วไม่เอาแล้ว ขวัญยังไม่กลับมาเลยเนี่ย
“งั้นมึงว่างช่ะ ไปเซเว่นกัน”
“มึงเอาเวลาที่ลงลิฟต์มาชั้น10ต่อมาชั้น16เป็นเดินไปเซเว่นกูว่ามึงถึงล่ะ”
“อาจจะ แต่นั้นกูไปคนเดียวไง นี้กูไปกับมึง”
“กูไปพูดตอนไหนว่าจะไป กูไม่ไปปปป” แค่จะเดินไปเข้าห้องน้ำยังคิดหนักเลยครับ จะมาชวนออกไปข้างนอกนี้ฝันไปเหอะ
“มึงแม่ง กูหิวอ่ะ” พร้อมกับทำลูบท้องและทำหน้าน่าสงสารใส่ผม ผมต้องรู้สึกผิดใช่ไหมเนี่ย
“เมื่อวานกูซื้อขนมตุนไว้อยู่ ลองไปดูบนโต๊ะอ่ะ”
“เคคค” ที่นี้แฮปปี้เลยนะมึง
“โยนอมยิ้มมาให้กูอันดิ”
“สีไร”
“สีไรก็แดกได้หมดอ่ะ” แล้วมันก็โยนอมยิ้มมาให้ผมตามที่ผมสั่งครับ ตอนแรกกะว่าดูหนังจบจะนอนล่ะแต่ตอนนี้ตาค้างแล้วครับ ไม่ง่วงสักนิด หยิบโทรศัพท์มาสไลด์ๆอาจจะง่วงก็ได้มั่ง
“เหมือนมีเซ้นเลยเนอะ” ไอ้ซีมันเดินกลับมาหาผมที่เตียงพร้อมๆกับกล่องเอแคลร์ในมือที่มันหยิบใส่ปากไปแล้วชิ้นนึง ส่วนประโยคนั้นของมันคงหมายถึงคนที่พึ่งทักไลน์ผมมาเมื่อกี้ ตอนดูหนังผมไม่ได้ตอบใครเลยครับ แต่พอเลิกดูบอสก็ทักมาเลย น่าจะมีเซ้นจริงๆแหละ
“กูนึกว่าแม่งเลี้ยงลูกกรอก” ผมตอบซีไปและพิมพ์ตอบบอสไปด้วย
Boss :
นอนยังวะ
Kw :
ยังเลย แล้วทำไมยังไม่นอน
“กูว่ากูสัมผัสได้นะ”
“สัมผัสได้ว่า”
Boss :
นอนไม่หลับอ่ะดิ แล้วเคียวอ่ะ
Kw :
พึ่งดูหนังไปเลยไม่ค่อยง่วงอ่ะ
“ว่าบอสมันชอบมึงไง” ผมเลิกกดโทรศัพท์เปลี่ยนเป็นเงยหน้ามามองไอ้ซีแทน และมันก็กำลังมองอยู่ว่าผมพิมพ์คุยอะไรกับบอส
“ตลกไหมมึง”
“มึงอาจจะเป็นเป้าหมายเลยมองไม่ออกมั้ง แต่กูมองออกนะ”
“มึงเจอมันแค่กี่ครั้งเอง ขี้โม้ว่ะ”
“กูมองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วเหอะ มึงอ่ะซื่อบื้อมองไม่ออกเอง” อ้าวไอ้นี้
“กูกับมันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ม.4 ทำไมอยู่ๆมันต้องมาชอบกูเอาปีนี้ด้วย”
“มันอาจจะชอบมึงมาตั้งนานแล้ว แต่มึงซื่อบื้อไม่รู้ก็ได้” ทำไมเรายังไม่ผ่านประเด็นซื่อบื้อไปอีก
Boss :
หนังผีอ่ะดิ
Kw :
เออดิ รู้ได้ไงวะ
“ถ้ามันบอกชอบมึง มึงจะทำไง” ผมขมวดคิ้วกับคำถามนั้น เออผมจะทำไง เดี๋ยวๆผมยังไม่เชื่อเซ้นไอ้ซีหรอกนะ
“กูชอบมันไม่ได้หรอก”
“ทำไมอ่ะ”
“มันมีเหตุผลอยู่2ข้อ ที่กูชอบบอสไม่ได้” ซีมันพยักหน้ารับคำพูดนั้นของผม
“1. กูมองมันเป็นแค่เพื่อนมาตั้งนานแล้ว จะมาคิดอะไรแบบนั้นคงไม่ได้มั้ง”
“อ่าฮะ แล้วข้อ2อ่ะ”
“ซี กูไม่ได้ชอบผู้ชายนะ” คราวนี้ไอ้ซีที่ตั้งหน้าตั้งตากับการเลือกเอแคลร์ชิ้นต่อไปเข้าปากหันมามองหน้าผมแทน
“ผู้ชายทุกคน?” สมองสั่งการให้ผมหันหน้าหนีมันแล้วแกล้งทำเป็นตอบไลน์หรืออะไรก็ได้ที่จะเลี่ยงตอบคำถามนั้นได้ แต่ตัวผมเองกลับเลือกที่จะจ้องตามันอยู่อย่างนั้น อะไรบางอย่างมันบอกผม ว่าผมไม่ควรหนี
“เมื่อก่อนใช่” ผมคิดว่ามันชัดเจนมากพอแล้วนะ เพราะซีมันก็ไม่ได้ติดใจอะไรแค่หันกลับไปกินเอแคลล์ของมันต่อก็เท่านั้น
Boss :
นอนแล้วเรอะ
Kw :
ยังๆ
มัวคุยกับไอ้ซีเลยไม่ได้ตอบบอสเลย ผมดึงอมยิ้มมาถือไว้เพื่อที่จะพิมพ์ตอบบอสแบบจริงจัง
Boss :
แล้วนี้ทำไร
Kw :
แดกจ่ะ
Boss :
อ้วนแน่มึง
Kw :
อ้วนอะไร ไม่กลัวเว้ยยยย
ผมตั้งใจตอบบอสจนลืมไปแล้วว่าไอ้ซียังนั่งอยู่ตรงนี้ มารู้ตัวอีกทีตอนมันขยับเข้ามาใกล้ๆแล้วงับอมยิ้มจากมือผมไปกิน แถมยังยื่นอมยิ้มคืนมาให้ผมกินต่อแล้วก็ยัดใส่ปากตัวเองอีกที กวนตีน... ผมเลยเลิกสนใจโทรศัพท์และกำลังจะหันไปโวยวายใส่ไอ้ซีว่าอมยิ้มกู แต่มันใกล้มาก แล้วระหว่างผมกับมันก็เหมือนมีแรงดึงดูดอ่อนๆ ผมละสายตาจากดวงตาของซีไม่ได้ โอเคผมชัดเจนกับความรู้สึกตัวเองแล้วแหละ ผมว่าจริงๆแล้วเราทั้งคู่คงรู้อยู่แก่ใจ แต่เราแค่ไม่ได้พูดออกมา การกระทำหลายๆอย่างมันก็บอกอยู่แล้วแหละ การกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะสำหรับผม แต่ผมไม่รู้ว่า สำหรับซี การกระทำของผมมันพอรึเปล่าหรือมันต้องการอะไรมากกว่านั้นเพื่อพิสูจน์
และถ้าสิ่งที่มันกำลังจะทำนี้เป็นการพิสูจน์
ผมก็ยินดี
แต่ผมว่าผมจะบ้าก่อน ไออุ่นจากจมูกของซีใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่มันช้าไป ช้าเกินไปมาก สายตาของมันเหมือนกำลังจะหลอมละลายผมแล้ว แต่ผมมันก็บ้าไม่หันหนีไง ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากหันหนีหรือหันหนีไม่ได้แล้วกันแน่
ผมอยากจะเป็นฝ่ายเริ่มมากกว่าอีกตอนนี้ ผมไม่ชอบการรอคอยเอาซะเลย โดยเฉพาะการรอคอยที่มีความรู้สึกเป็นตัวประกันแบบนี้ จะจูบก็จูบเลยเหอะขนาดนี้ล่ะ นี้ผมตั้งใจล่ะว่าถ้าอีก5วินาทีมันยังไม่จูบ ผมจะไม่ให้จูบแม่ง
แต่ความตั้งใจของผมคงไม่สำเร็จ เพราะผมรับรู้ได้ว่าริมฝีปากอุ่นๆนั้นกำลังประกบลงมา
ตึงตึงตึงตึ้ง!
และพัง ผมสะดุ้งเฮือกขึ้นมาทันที ใครโทรมาวะ! ไอ้ซียอมขยับออกห่างให้ผมได้รับโทรศัพท์แต่โดยดี แล้วโทรศัพท์แม่งวางอยู่บนอกผมไง ลองคิดดูว่าตอนมันสั่นพร้อมกับแผดเสียงนี้ผมจะตกใจขนาดไหน แม่งเอ้ยยยย
‘ว่า’
‘เคียววว มึงส่งไฟล์เพลงให้กูยังเนี่ย’ แล้วมันใช่เวลามั้ยยยยย
‘ไฟล์เหี้ยไร ยัง’
‘ไอ้สัส นี้กูรอมึงอยู่เนี่ย’
‘โอ้ยรูท เออๆ เดี๋ยวกูส่งให้’ ต้องโทษตัวเองใช่ป่ะที่ไม่ส่งงานให้มันเนี่ย ผมกำลังจะตัดสายแล้วหันไปส่งไฟล์เพลงให้แม่งสักที จะได้เสร็จๆไป
‘มึงๆ’
‘อะไร’
‘โชคดีนะ หึหึ’ ข้อเสียของการที่เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคือแค่ประโยคๆเดียวหรือคำพูดคำเดียว ก็สามารถดูออกแล้วครับว่าอะไรเป็นอะไร แล้วไอ้รูทนี้ก็ตัวเทพเรื่องพวกนี้ด้วยไง พังไปอีกพังงงง
‘เออออ’ ตัดสายแม่งเลย
คราวนี้ไงต่อ ห้องนี้เงียบขนาดที่ผมแทบจะได้ยินเสียงแอร์อยู่ล่ะ เดดแอร์ของแท้มันต้องแบบนี้ ผมว่า... ผมส่งไฟล์เพลงให้รูทดีกว่า ผมหันไปหยิบโน้ตบุ๊คมาเปิด แต่ก็อดที่จะแอบมองคนข้างๆไม่ได้อยู่ดี ซีมันก็ดูปกติดีนะ ทำไมมีแค่ผมวะที่ลุกลี้ลุกลนเหมือนไปทำอะไรผิดมาเนี่ย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แล้วใจนี้ก็เต้นเสียงดังจังเว้ย หนวกหู
ผมกดsentไฟล์ให้ไอ้รูท รอจนมันขึ้นเวลาถึงได้กดออก ตอนแรกกะว่าจะปิดเลย แต่ถ้าปิดแล้วผมจะทำอะไรแก้เก้อล่ะ อาการประทวงภายในร่างกายผมมันสงบลงไปบ้างแล้วก็จริง แต่ผมว่ามีอะไรทำก็ยังดีกว่านั่งเฉยๆแล้วฟังเสียงแอร์อ่ะนะ หรือบางทีนั่งเฉยๆจะดีกว่า... เฮ้ยยยยยย ผมห้ามสับสนดิ แล้วอมยิ้มผมไปไหนวะ
ผมหันซ้ายหันขวาก่อนที่จะเห็นอมยิ้มของผมอยู่ในมือคนที่นั่งเงียบๆอยู่ข้างๆ อมยิ้มผมนิ ผมต้องเอาคืนดิ
ผมเลยขยับเข้าไปงับอมยิ้มจากมือซีแบบที่มันทำเมื่อกี้ พอเห็นผมทำแบบนั้นไอ้ซีที่เก๊กขรึมอยู่ตั้งนานก็หลุดยิ้มออกมา
“เลิกเก๊กแล้วเรอะ”
“จะเลิกนานล่ะ รอมึงนิ่งอยู่” พังซ้ำพังซ้อน
“กูขอโทษล่ะกันนะ ที่ไก่อ่อน” ความจริงคือผมไม่ได้ไก่อ่อนนะ แต่ส่วนมากผมเป็นฝ่ายรุกไง พอมาโดนรุกแล้วมันก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
“ฮ่าๆ มึงไม่อ่อนหรอกกูรู้” ง่อวววว รู้ด้วยเว้ย ก่อนที่มันจะถามต่อว่า “ครั้งนี้ก็ชวดช่ะ”
“งั้นมั้ง ต่อไม่ติดแล้วอ่ะ”
“กูต่อติดนะ”
“กูไม่ให้มึงต่อเนี่ยยยย ชักช้าสัส”
“อ้าว กูจะไปรู้ป่ะว่าต้องเร็วๆ ถ้ามึงตกใจถีบกูตกเตียงขึ้นมาทำไง หรือถ้าแย่หน่อยมึงโวยวายเลิกคบกูงี้ทำไง”
“มึงพูดเหมือนไม่รู้เลยนะว่ากูคิดอะไร” มันข้ามผ่านจุดที่ต้องพูดอ้อมๆกันแล้วครับ ตรงๆเครียๆไปเลยดีกว่า
“กูรู้ไง กูถึงได้ทำ แค่คิดเผื่อๆไว้ถ้ากูคิดไปเอง”
“มึงจะคิดไปเองได้ก็ต้องมีมูลเหตุป่ะวะ”
“คงงั้น แต่ตอนนี้แม่งชัดเจนล่ะ ว่ากูไม่ได้คิดไปเอง” ซีมันพูดแค่นั้นก่อนที่จะเลื่อนมือมาจับมือผมไว้ มันบีบเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นประสานมือมันกับมือผมแทน
จริงๆแค่จับมือก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกโป่งที่ถูกอัดลมจนแน่นแล้วนะ มากกว่านี้จะแตกมั้ยเนี่ย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอไม่พูดอะไรมากล่ะกันสำหรับตอนนี้ เกร้ดดดดด เขิน (แต่งเองเขินเอง)
เจอกันเร็วๆนี้ค่าาาาา
คอมเม้นต์ คอมเม้นต์ คอมเม้นต์ เย่
#คอมเม้นต์หน่อยนะจ่ะ
ความคิดเห็น