คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : wherever
16
“มึงแหละ”
“มึงดิ ปีที่แล้วก็กูนะ”
“ก็อีกปีดิ”
“อะไรวะ มึงก็เป็นดิ”
“โว้ย! เอางี้ ปีนี้แดนมึงถือพานคู่กับเอก ปีที่แล้วไอ้กันมันเป็นไปแล้ว โอเคป่ะ” พอผมทนไม่ไหวเลยอดที่จะลุกขึ้นมาสรุปไม่ได้ ทีนี้ทั้งไอ้แดนกับไอ้กันก็ต้องยุติการปะทะฝีปากกันแต่โดยดี คือควรทำงี้ตั้งแต่แรก จะเถียงกันทำไม
ผมหันไปพยักหน้าให้ภีมที่เป็นหัวหน้าห้องพูดต่อ
ทุกปี ไม่ใช่สิ ทุกครั้งที่มีงานห้องอะไร ภีมมันมักจะคุมเพื่อนไม่อยู่ครับ ภีมมันสายเด็กเรียน ใส่แว่นหนาเตอะ เนิร์ดๆ ประมาณนั้น ไอ้พวกนี้เลยยิ่งไม่ฟัง ส่วนเหตุผลที่มันยังได้เป็นหัวหน้าห้อง ก็ต้องยอมรับนะครับ ว่านอกจากเรื่องคุมเพื่อนไม่อยู่ เรื่องอื่นมันก็ดีหมด มีแต่เรื่องนี้แหละที่ต้องช่วยๆมันหน่อย
“ตามที่เคียวบอกนะ สรุปไหว้ครูปีนี้ให้แดนกับกันถือพาน ส่วนแบบพาน เราลองไปหามาแล้ว ลองดูล่ะกันมาชอบแบบไหน” กิจกรรมไหว้ครูกำลังจะมาถึง ปีสุดท้ายของการไหว้ครู ก็ขอชนะพานที่1กับเขาบ้างล่ะกันนะ
“กูว่าไหว้ครู ไม่พีคเท่ากิจกรรมหลังจบไหว้ครู” ทุกอย่างเริ่มลงตัว ผมกับรูทเลยเริ่มหันมาคุยกันแทนที่จะสนใจที่ไอ้ภีมพูด (เพราะในห้องมีแต่คนแบบพวกผมนี้แหละไอ้ภีมเลยคุมไม่อยู่)
“ไอ้แลกเปลี่ยนอ่ะนะ” กิจกรรมนี้ก็ถือว่าเป็นกิจกรรมสานสัมผัสของ3โรงเรียนอีกกิจกรรมหนึ่งครับ (ไม่รู้จะสานสัมผัสอะไรกันนักหนา) พูดง่ายๆก็คือเป็นการส่งเด็กจากโรงเรียนตัวเองไปแลกกับอีก2โรงเรียนที่เหลือนั้นแหละครับ เป็นเวลา1เทอม เป็นแลกเปลี่ยนเล็กๆของพวกเรา3โรงเรียน
“นั้นแหละ ปีนี้อาจจะเป็นมึงก็ได้” ปกติจะใช้เด็กม.6 ปีอื่นพวกผมเลยชิลๆ แต่ไอ้ที่จะเป็นผมนี้...
“ถุ้ยเหอะ ให้กูทำไรนัก ถ้าเป็นกู กูก็ไม่ยอมไปแน่ๆแล้วอ่ะ”
“ก็ไม่แน่ ครั้งที่แล้ว มึงก็พูดงี้”
“มึงแหละรูท ว่างๆนักนะมึง ระวังกูส่งชื่อมึง” มันแค่ยักไหล่เพราะรู้ดีว่าผมไม่ส่งชื่อมันไปหรอกครับ แค่ทำงานกัน4คนก็เหนื่อยจะแย่ จะตัดกำลังให้เหลือแค่3ทำไม...
“งั้นเคียว ไปซื้อดอกไม้ได้มั้ยอ่ะ”
“ได้ๆ จดมาดิว่าต้องซื้อไรบ้าง”
“เคๆ” แว่น (ไอ้ภีมนั้นแหละครับ) มันรีบจดให้ว่าต้องซื้ออะไรบ้าง ปกติไอ้หน้าที่นี้มันไม่ค่อยมีใครทำหรอกครับ ทั้งหนักทั้งเหนื่อย เผลอๆเข้าเนื้ออีก แต่ผมว่าไอ้การวิ่งซื้อของและต่อราคาป้าๆนี้มันสนุกดี หน้าที่ซื้อดอกไม้เลยกลายเป็นของกลุ่มผมไปโดยปริยาย
“ซีมันจะไปด้วยป่ะ” ช่วงนี้ไอ้ซีมันแวะมาโรงเรียนผมบ่อยจนเกินเหตุ เรียกได้ว่าแทบทุกวัน บางวันมันก็มานั่งๆนอนๆเงียบๆในห้องชมรมวันที่พวกผมเร่งปั่นงานกัน หรือถ้าวันที่พวกผมชิลๆแยกเกมส์น้องในชมรมมาต่อโทรทัศน์เล่นกัน มันก็จะมาร่วมวงด้วย หรือถ้าพวกผมจะไปซื้อของ ไปหาอะไรกิน มันก็จะไปด้วยครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามันเหมือนเป็นสมาชิกคนที่5ของกลุ่มผม ล่าสุดผมรู้ว่าไอ้ยะกับไอ้ซีแอบไปเล่นเกมส์ด้วยกัน (มันไม่ได้แอบหรอกครับผมไม่รู้เอง) เลยกลายเป็นว่าจะไปไหนมาไหนหรือทำอะไรก็มักจะชวนมันตลอด
“กูไลน์ไปล่ะ เดี๋ยวมันคงตอบ” บางครั้งก็ชวนมันโดยไม่ได้ผ่านผมแบบนี้ครับ
“ก็คงไปแหละ ไอ้เคียวไปนิ” ผมทำหน้าเซ็งใส่ไอ้เฟรม ต่อจากประเด็นที่ซีแวะมาที่นี้บ่อยๆก็คือประเด็นที่พวกนี้บอกว่าผมกับซีมีซัมติงกัน (มีจริงเปล่าไม่รู้แหละ) และมันแซวกันเป็นวงกว้างจนเพื่อนบางคนเริ่มรู้แล้วครับ และมันก็ยังไม่หยุดแค่นี้ด้วย ผมไม่รู้จะทำยังไงก็เลยปล่อยๆไป (เพราะบางทีที่มันแซวก็มีมูลความจริงอยู่) นอกซะจากว่ามันจะแซวเกินไปถึงได้ด่ามันสักที
“ซีไปด้วยนะ” ไอ้รูทหันมาหลิ่วตาใส่ผม
“กูบอกล่ะ” แล้วไอ้เฟรมก็รีบแทรกมาเลยครับ นี้เป็นตัวอย่างการแซวจริงจังเกินจริงของพวกมันครับ
“มึงส่งสร้างสรรค์หรือสวยงามอ่ะ” เสียงไอ้ซีทักขึ้นมาตอนที่ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาเลือกดอกไม้ (ที่แว่นไม่ได้สั่ง)
“สร้างสรรค์มั้ง ปกติส่งสร้างสรรค์แทบทุกปีอ่ะ”
“อ้ออออออ แต่ในลิสต์มันไม่ได้เขียนว่าต้องซื้อดอกนี้นะ” เอ๊ะมึงจะสงสัยทำไมเนี่ย
“กูเห็นสวยดี เผื่อได้ใช้ไง”
“แม่งเผื่อแบบเนี่ยทุกปี แล้วก็เหลือ เปลืองตังห้องมั้ย” ผมหันไปจิ๊ปากใส่ไอ้ยะ จะไม่เผากูสักวันได้มั้ยเนี่ย
“ถึงเหลือก็ขายห้องอื่นได้โว้ย แค่นี้ก็ได้ตังคืนล่ะ เผลอๆได้กำไร” ข่มไอ้ยะเสร็จผมกะว่าจะได้หน้าชื่นชมจากไอ้ซีสักหน่อย แต่มันกลับกำลังส่องกล้องไปที่กองดอกไม้อยู่
“ชาติไหนกูถึงจะได้เห็นแกลเลอรี่ของมึงเนี่ย” เริ่มจากเมื่ออาทิตย์ที่แล้วผมรีบมากแต่ต้องมายืนรอมันถ่ายรูปครับ สุดท้ายก็ทนไม่ได้ แขวะมันไปว่าจะถ่ายไปตั้งแกลเลอรี่เลยป่ะ แต่มันกลับไม่ได้โกรธแค่บอกผมว่าภาพที่มีตอนนี้ก็ตั้งแกลเลอรี่ได้แล้วเหอะ
“เออน่า รอว่างๆจะพาไปดู”
“ขอภายในชาตินี้นะ” ต้องยอมรับแหละว่าจากตอนแรกที่เบื่อแกมรำคาญไอ้มนุษย์พกกล้องที่เอะอะก็ถ่ายรูป ถ่ายรูป ตอนนี้เริ่มชินๆล่ะ กลายเป็นว่าภาพซีที่เอาแต่หันกล้องถ่ายคนอื่นไปมา น่าจดจำจนผมเคยเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายมันอยู่เหมือนกัน คนที่เอาแต่ถ่ายสิ่งรอบตัวแบบมันคงไม่คิดจะหันกล้องมาถ่ายตัวเองเท่าไรหรอกครับ
ทุกครั้งที่ซีมันหันกล้องไปถ่ายอะไรสักอย่าง มันจะทำเหมือนว่าโลกหยุดหมุนไปแบบนั้น ไม่มีการรีบร้อน มันบอกว่ายิ่งเรารีบ ภาพมันก็จะรีบตาม แล้วคิดว่าภาพรีบๆมันสวยตรงไหน (ตอนนั้นผมไม่รู้เลยตอบไปว่าภาพรีบๆเป็นไงวะ ขอดูบ้าง ก่อนที่จะโดนมันมองแรงใส่) มันเลยดูกลายเป็นคนชักช้าไปบ้าง แต่ความช้านั้นของมันก็มักจะถูกวิเคราะห์เอาไว้หมดแล้วล่ะนะ
เป็นเรื่องที่ผมบอกใครต่อใครได้เลยว่าไอ้มนุษย์กล้องซีนี้มันเจ๋งตรงนี้
“เออซี โรงเรียนมึงส่งใครมาอยู่ศ.ล.วะ” ดูไอ้รูทมันจะตื่นเต้นกับเรื่องนี้จริงๆแหะ
“โรงเรียนกูจะบอกตอนไหว้ครูเลยว่ะ แบบเซอไพรเลยอ่ะ”
“ม.ส.นี้โหดสุดจริงด้วยว่ะ” ผ่านการจัดอันดับกันเองของพวกผมว่าโรงเรียนที่โหดสุดคือม.ส. รองมาคือโรงเรียนผม ศ.ล. ท้ายสุดก็คงเป็นบ.ค.ตามระเบียบ
“เออดิ ก็หวังว่ากูจะไม่โดนเซอไพรนะ” ผมเห็นใจซีมันนะ ฟังจากไอ้เดลพูด มันคงโดนยิงงานพวกนี้ใส่บ่อยๆ ยิ่งเป็นคนปฏิเสธคนไม่เป็นอีก
“ไม่ต้องเครียดเว้ยมึง ถ้ามึงถูกส่งมาอยู่ศ.ล.เดี๋ยวกูดูแลเอง” พร้อมๆกับตบบ่าให้กำลังใจมันนิดหน่อย
ถึงจะพูดแบบนั้น
แต่ผมก็ไม่คิดว่ามันจะถูกส่งมาจริงๆ
มึงควรปฏิเสธคนบ้างได้แล้วนะซี ว่างๆจะเปิดคอร์สสอนให้มันล่ะ
พอพวกผมไหว้ครูเสร็จก็ทยอยกันลงมาจากหอประชุม แล้วผมก็ปังงงง เจอไอ้ซียืนอยู่กับไอ้บอส เห็นแบบนั้นผมก็เริ่มปะติปะต่อเรื่องได้ทันที หน้าที่กำลังเฮฮากับเพื่อนของผมก็เหลือ2นิ้ว พร้อมประโยคในหัวที่ว่า ‘ความซีเอ๊ยยยยยย’
“มึงมาทำไร” ยังไงก็อดแซะไม่ได้จริงๆ
“ถามทำเหี้ยไร” อ้าวเหวี่ยงเว้ยยยย แสดงว่ามันก็เซ็งอยู่เหมือนกัน พอเห็นมันเซ็งๆผมเลยเลิกความคิดที่จะแซะมัน
“เดี๋ยวเราจัดการต่อเองบอส ขอบใจนะ” ไอ้บอสมันเลิกคิ้วงงๆใส่ผม เห็นหน้ามันงงตั้งแต่ผมเดินเข้ามาทักไอ้ซีล่ะ
“รู้จักกันหรอวะ”
“อ้ออออ ไอ้เคียวกับไอ้ซีป่ะ อีกนิดจะสิงกันแล้วเว้ยบอสสสสสส” แน่นอนว่าเสียงนั้นไม่ได้มาจากผม แต่มาจาก ไอ้ยะ.... แล้วผมก็ขอบคุณการตอบคำถามแทนของมันด้วยการหันไปอ้าปากพะงาบๆใส่มันว่า เผือก
“ก็พอรู้อ่ะนะว่ารู้จักกัน แต่รู้จักขนาดสนิทกันเลยเหรอ” ทำไมผมรู้สึกว่าระดับความดังมันลดลงเรื่อยๆ แต่พอผมจะอ้าปากตอบไอ้บอส ก็โดนแทรกขึ้นมาอีกครับ เอาเลยยยย เอาที่เพื่อนสบายใจ “ไม่ใช่แค่สนิทนะบอส แค่มันสนิทกันมากกกกกกๆ จน...จนอะไรนะเคียว” แล้วดูเฟรมมันเหลือให้ผมตอบ แล้วผมจะทำอะไรได้นอกจากรอกตาใส่แม่ง
“อย่าไปเชื่อพวกมันบอส เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราเครียทางนี้เอง ไหนๆบอสก็ต้องขึ้นไปหอประชุมอีกรอบใช่ป่ะ” เป็นประธานนี้ครับ ขึ้นมันทุกรอบนั้นแหละ
“...อ้อ อื้ม ขอบใจนะเคียว”
“เฮ้ยเรื่องแค่นี้เอง” ผมยิ้มกว้างคืนให้บอส ก่อนที่ฟ่ามันจะเดินเข้ามาลากบอสออกไปพอดี เลยเหลือแค่พวกผม4คนกับซี
“ต้องไปเอาหนังสือก่อนเนอะ” ผมหันไปถามไอ้ซี ซึ่งมันก็ส่ายหัวคืนมาให้ รู้ไรบ้างวะ...
“เออเคียว เดี๋ยวมึงไปจัดการเรื่องไอ้ซี พวกกูไปสอบซ่อมก่อนนะ”
“วิชาไรวะ”
“เรื่องที่มึงพราวทูพรีเซนอ่ะ” ผมนึกอยู่เสี้ยววิก่อนที่จะคิดขึ้นมาได้ว่าวิชาไร ชีววิทยานั้นเองครับ ก็มีอยู่วิชาเดียวนี้แหละที่ผมเก่ง...
“เคคคค” สุดท้ายผมก็โบกมือลาพวกมันก่อนที่จะหันกลับมาที่ซี
“งั้นเดี๋ยวกูดูแลมึงเองเนอะ” มันขำ ดูเหมือนว่าอารมณ์จะfeel goodขึ้นแล้วสินะ
“เยอะขนาดนี้เลยอ่อเนม”
“ก็ไม่เยอะนะมึง” ผมกวาดตามองหนังสือกองใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงนี้และหันกลับมาบอกเนมอีกครั้ง
“ให้พูดใหม่อีกที นี้ไม่เยอะ?” มองยังไงมันก็เยอะ เยอะกว่าห้องผมเกือบเท่าหนึ่งมั่ง
“ห้องนี้มันก็หนังสือประมาณนี้แหละมึง” ผมชะงักไปกับประโยคนั้นของเนม
“ห้องไหนนะ”
“15อ่ะ” ชัดเลย...
“พูดอีกทีดิมึง”
“สัสสสส อะไรของมึงเนี่ยเคียวววว 15ไง” ชัดเข้าไปอีก
“เดี๋ยวกูมาเอาหนังสือนะ แปป” ผมเลิกคุยกับไอ้เนมแล้วเดินออกมาจากห้องเอกสาร ผมมีเรื่องต้องเครียกับคนอื่นล่ะ ไม่ใช่ไอ้เนม
“ไปไหนอ่ะ” แต่พอเปิดประตูออกมา ไอ้ซีที่รออยู่หน้าห้องก็ขว้างแขนไว้ก่อน พอเห็นมันถือหนังสืออีกหลายเล่มไว้อยู่ ผมเลยจัดการแย่งหนังสือพวกนั้นมาและวางไว้บนพื้นก่อน
“เดี๋ยวกูมา รอแปป”
จากวิ่งไป กลายเป็นเดินอืดๆกลับมา ในหัวยังกรอประโยคที่คุยกับบอสเมื่อกี้ซ้ำไปซ้ำมา
‘ทำไมซีมันได้อยู่ห้อง15อ่ะ’
‘ตอนอยู่ม.ส.ซีเขาอยู่ห้องนี้ พอแลกเปลี่ยนมาโรงเรียนเราก็ต้องอยู่ห้องเดิมดิ’
‘ห้อง15มันควรถูกยกเลิกรับเด็กแลกเปลี่ยนไปได้แล้วนะ’
‘มันยกเลิกไม่ได้อ่ะดิ’
‘บอสสสส แกก็รู้อ่ะ’
‘เรารู้ และเข้าใจด้วย แต่เราคงช่วยอะไรมากไม่ได้ ขอโทษนะเคียว’
ห้อง 15 ของศ.ล. คือห้องคิงครับ ขึ้นชื่อเรื่องความฉลาด ความเป็นลูกรักของครูในโรงเรียน แล้วยังไปแข่งขัน ได้รางวัลมามากมายเยอะแยะไปหมด แต่ข้อเสียคือ ความเฟรนลี่ของเด็กห้องนี้ติดลบมาก กับเพื่อนในปีเดียวกันอาจจะดีหน่อย ถ้ามีงานอะไรก็พร้อมจะช่วย แต่กับเด็กต่างโรงเรียนนี้ถือว่าเข้าขั้นวิกฤตเลยครับ จำได้ว่าครั้งหนึ่งมีเด็กมาแลกเปลี่ยนแล้วได้อยู่ห้องนี้นี่แหละครับ สุดท้ายไม่มีเพื่อน ขอกลับโรงเรียน เป็นเรื่องใหญ่โต ผมก็นึกว่าทางโรงเรียนจะระวังเรื่องนี้มากกว่านี้ซะอีก ที่ไหนได้ ก็เหมือนเดิม ไม่มีการแก้ไขอะไร แถมยังเป็นไอ้ซีอีกที่ถูกส่งไปเนี่ยยยยย
ทำบุญบ้างเถอะ
“ไปไหนมาวะ” ผมเลิกคิดประโยคซ้ำๆในหัวแล้วหันมาสนใจคนที่นั่งรอผมอยู่นี้แทน แล้วลงทุนนั่งพื้นทำไมเนี่ย
“นั่งพื้นทำไมวะ”
“เฝ้าหนังสือไง”
“หนังสือมันมีตีนเดินหนีมึงรึไง”
“ไม่รู้หรอ แล้วมึงไปไหนมาเนี่ยยยย ยังไม่ตอบกูเลยป่ะ” ผมเพียงแค่ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆมันเท่านั้น ผมถือว่าผมพยายามที่สุดแล้วล่ะนะ อาจจะช่วยอะไรไม่ได้มาก แต่ก็พยายามที่สุดแล้ว สิ่งต่อไปที่ผมพอจะทำได้ “ไม่ต้องห่วงนะมึง กูไม่ทิ้งมึงแน่” ก็คงมีแค่นี้ล่ะมั้ง
มีเรื่องหนึ่งที่ผมยอมใจห้อง15มากแบบไม่คิดสู้เลย คือ
ความขยัน
ผมช่วยซีขนหนังสือขึ้นไปที่ห้อง และมันก็เรียนเลยครับ แบบไม่มีการพักอะไรทั้งนั้น ไหว้คงไหว้ครูอะไรจบไปแล้วไง เรียนต่อเลย
คราวนี้ผมเลยย้ายตัวเองมาหาอะไรกินที่โรงอาหาร เชื่อเถอะครับว่าห้องผมมันไม่เรียนกันหรอก (ถึงครูสอนก็ไม่เรียนอยู่ดี)
ข้อดีของวันไหว้ครูอีกอย่างก็คือโรงอาหารจะขายกันตลอดวันนี้แหละ หิวก็มาหาไรกินได้เลย แต่นี้ก็พึ่งกินไปไง กินอะไรเบาๆหน่อยล่ะกัน....
นมล่ะกัน เบาๆดี แม้ขวดจะใหญ่ชนิดที่วันไหนรีบๆกินนม2ขวดก็อยู่ยาวได้ทั้งวันก็เถอะ
“เคียว!” ผมกำลังตั้งหน้าตั้งตาคิดว่าจะกินนมรสอะไรดี ยังไม่ทันได้สั่งก็มีเสียงทักขึ้นมาซะก่อน “ว่าไงประธาน”
“ประธานอะไรเล่า” ผมหันไปคุยกับบอสแทน นมไว้ก่อนล่ะกัน จะว่าไปช่วงนี้ผมเจอบอสบ่อยๆเกินไปป่ะวะ...
“ก็เป็นประธานไม่ใช่รึไงงงง”
“เออก็ใช่แหละ”
“ม.5ไหว้เสร็จแล้วหรอ”
“อื้ม นี้ก็พัก5นาทีอ่ะ”
“อ้ออออ เหนื่อยหน่อยนะท่านประธาน” บอสมันส่ายหัวปลงๆใส่ผม มันไม่ชอบให้ใครเรียกมันว่าประธานครับ (ถ้าเป็นผม ผมก็คงไม่ชอบ) แต่อย่างว่า ผมมันคนประเภทยิ่งเห็นมันไม่ชอบก็ยิ่งทำไง
“แล้วนี้ไม่ไปไหว้ครูที่ปรึกษาหรอ”
“เดี๋ยวจะไปแล้วเนี่ย กินก่อน” เรื่องกินสำคัญกว่าอะไรทั้งปวงจริงๆครับ
“อ้ออออ เอ่อ...” หรือว่ามีเรื่องอะไรรึเปล่านะ
“มีไรป่าวววว”
“เราขอโทษนะที่ช่วยอะไรเรื่องซีไม่ได้เท่าไรอ่ะ”
“เฮ้ย ไม่ต้องเครียดๆ เราเข้าใจๆ”
“แต่เคียวดูเป็นห่วงซีมากเลยนี้”
“มันซวยซ้ำซวยซ้อนอ่ะ ถ้าช่วยได้ก็อยากช่วย แต่ถ้าไม่ได้ก็คงทำไรไม่ได้มั่ง” ผมยิ้มให้บอส มันจะได้ไม่เอาเรื่องนี้มาคิดมาก ผมก็ปลงๆแล้วแหละ ดวงคนมันจะซวยนี้เนอะ
“โอเค งั้นเราไปก่อนนะ”
“เคคค ไว้เจอกัน”
“ไว้เจอกันนะเคียว” มันยิ้มให้ผมส่งท้ายก่อนที่จะวิ่งกลับไปอีกทาง
“เคียว!”
“ว่าไง” วิ่งไปแล้ววิ่งกลับมาเฉยเลยแหะ
“ไม่ต้องพูดสุภาพกับเราก็ได้นะ”
“อ้าวทำไมอ่ะ”
“ไม่รู้ดิ แค่พูดคำหยาบกับเราเหมือนเพื่อนคนอื่นๆก็ได้” ปกติผมพูดคำหยาบกับเพื่อนแทบทุกคนอยู่แล้วครับ ไม่ว่าจะสนิทมากสนิทน้อย แต่บอสนี้เป็นข้อยกเว้น ก็ดูมันเป็นคนเรียบร้อยขนาดนี้ แล้วมันยังไม่ค่อยพูดคำหยาบกับใคร จะให้ผมไปหยาบใส่มัน ผมก็ตงิดๆอยู่นะ
“เออเคๆ เจอกันเว้ยมึง” จบประโยคนั้น บอสก็ยิ้มกว้างกลับมา เออยิ้มง่ายดีแหะ “เจอกันนะเคียว” ผมพยักหน้ารัวๆตอบกลับไป ผมไม่เคยคิดว่าจะพูดคำหยาบกับบอสหรอกนะ แต่มันขอให้พูดขนาดนี้ พูดให้มันหน่อยล่ะกัน ต่อไปจะได้ไม่ต้องระวังคำพูดด้วย (ฮา)
‘อยู่ไหนวะ’ ผมกินนมเสร็จก็ไปไหว้ครูที่ปรึกษากับเพื่อนในห้องครับ พอไหว้เสร็จก็พักเที่ยงพอดี ผมที่กินนมไปบ้างแล้วเลยไม่ค่อยหิว นั่งคุยเล่นกับเพื่อนไปเรื่อยๆและก็พยายามมองหาไอ้ซีไปด้วย แต่นั่งรอสิบนาทีก็แล้ว ยี่สิบนาทีก็แล้ว มันก็ยังไม่มากินข้าวครับ ผมขี้เกียจรอแล้วเลยโทรไปถามมันซะเลยว่ามันอยู่ไหน (ควรทำนานแล้ว)
‘ห้องสมุดอ่ะ มีไรป่าว’ แล้วอยู่ๆโผล่ไปห้องสมุดได้ไงเนี่ยยย
‘กินข้าวแล้วเรอะ’
‘ไม่ค่อยหิวว่ะ’ แปลไทยเป็นไทยได้ว่ายังครับ
‘ไม่หิวก็ต้องแดกป่ะวะ’
‘มาหาหน่อยดิ’ จงหาความสอดคล้องของประโยคที่แล้วกับประโยคนี้ (5 คะแนน)
‘แปป’ แล้วผมก็เสือกใจง่ายไปอีกไง
จะแวะไปหาเฉยๆมันก็ยังไงๆอยู่ ซื้ออะไรไปให้มันกินหน่อยล่ะกัน ยังไงก็ต้องไปหาอยู่แล้วนี้ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นไปซื้ออะไรหน่อยดีกว่า “ไปไหนวะ” ลืมไปแล้วว่าไอ้พวกนี้จับตาดูอยู่ ปกติผมจะลุกไปไหนมาไหนมันไม่สนใจหรอกครับทีอย่างนี้มาสนใจ ดีจริงๆ
“ต้องรายงานหรอวะ” ผมเลิกคิ้วกวนตีนใส่ไอ้รูท ซึ่งมันก็ไม่ได้สะทกสะท้านเพราะมันแค่ยกยิ้มแบบที่มั่นใจว่ามันจะเป็นผู้ชนะแน่นอน
“ไม่ต้องก็ได้ มึงก็คงไปหาแค่คนเดียวนั้นแหละ” ฟายยยย มึงชนะ ผมแค่พยักหน้าแบบยอมให้มันชนะก่อนที่จะลุกขึ้นจริงจังสักที ไอ้พวกนี้อย่าไปเถียงมันมากครับ เหนื่อยเปล่าๆ
ผมนี้ลักลอบเอาของมากินในห้องสมุดบ่อยจนเซียนแล้วครับ แต่ที่ยากกว่าการเอาของกินเข้ามากินในนี้คือหาว่าไอ้ซีอยู่ตรงไหนของห้องสมุดมากกว่าครับ ผมเดินเข้าซอยนู่นออกซอยนี้จนคิดว่ามันอาจจะกลับไปแล้ว (ถ้ามันกลับไปโดยไม่รอผมนี้ผมจะฆ่ามัน) ในขณะที่ผมคิดว่าจะไม่หาแล้วกลับล่ะ ผมก็เจอมันนั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆที่โต๊ะหลังสุดครับ
“ไงมึง วันแรกก็ฟิตเลยเหรอวะ” ผมมองหนังสือฟิสิกส์ เคมี คณิต ต่างๆนานาบนโต๊ะอย่างโครตชื่นชมเลยครับ คุณไม่มีทางได้เห็นภาพแบบนี้จากผมแน่นอน
“ฟิตดิ ไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ”
“เรียนไม่ทันเหรอวะ” ห้อง15นี้เรียนกันด้วยความไวแสงจริงๆครับ
“อื้ม เร็วกว่านิดนึง”
“โถ่วววว นิดเดียวเองมึง” ถ้าเป็นผม ผมคงไม่ซีเรียสหรอกครับ
“นิดเดียวเรื่องที่มันใหญ่มากอ่ะดิ” พอจะเข้าใจแหละ ยิ่งเรียนสูงขึ้นเรื่องที่เรียนก็เหมือนจะต่อๆกันไปหมดเลยนี้หนา
“แล้วมีเพื่อนบ้างป่ะ” เรื่องที่ผมกังวลไม่ใช่ว่าเรียนทันรึเปล่าหรอกครับ แต่คือเรื่องที่มันจะไม่มีเพื่อนนี้แหละ
“ก็มีนะ”
“เฮ้ยจริงดิ ใครวะ”
“ชื่อเน” ผมที่ตอนแรกตาโตเหลือตาตี่ทันที แหม่ไอ้เนเนี่ยนะ
“นั้นมันหัวหน้าห้อง ยังไงมันก็ต้องคุยกับมึงอยู่แล้วป่ะ”
“ดีกว่าไม่มีใครคุยด้วยเลยป่ะล่ะ” เออๆ ก็ดีกว่าจริงๆแหละ เหมือนผมลืมอะไรไปบางอย่างแหะ อ้อออออ ว่าแล้วผมเลยหยิบนมกับขนมปัง (ที่ซ่อนไว้) ขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“คือ?” มันน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วป่ะ
“แดกไง”
“ซื้อให้กู?” เจอคำถามนี้ขึ้นไปผมถึงกับต้องเกาหัวแก้เก้อเลย ผมคงซื้อมาให้น้องม.ต้นคนนู่นกินมั้ง
“แล้วจะให้กูซื้อให้ใครหรอออออ” ซีมันยิ้มโชว์ฟันกลับมาให้ผม
“ขอบใจนะ”
“อื้ม” เห็นมันดีใจกับอะไรเล็กๆน้อยๆขนาดนี้ ผมเลยแกล้งทำเป็นหันหนังสือที่มันอ่านอยู่มาดูแทน (ดูเฉยๆไม่ทำหรอกครับ)
“จริงๆไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ตราบใดที่มึงยังไม่ลาออกจากโรงเรียนเนี่ย”
“ทำเป็นพูดไปมึง ใช่ว่ากูจะอยู่โรงเรียนทุกวัน วันไหนที่กูไม่อยู่ขึ้นมามึงจะทำไง”
“มึงก็อย่าไปไหนดิ แค่นี้ก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าถ้ามึงไม่อยู่จะทำยังไง” โอเค ผมยอมแพ้ล่ะครับ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------มันเริ่มจะมีอะไรอะไรในกอไผ่แล้วงายยยย 55555
ขอคอมเม้นต์หน่อยได้ไหมจ่ะ
ขอคอมเม้นต์ให้หนูหน่อย ฮืออออ
#เม้นต์plz
*เปลี่ยนชื่อจากบอลเป็นภีมนาจา*
ความคิดเห็น