คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [CH.5] Increasing memory (100%) edit
Increasing Memory
หนังสือสองสามเล่มในอ้อมแขน กระเป๋าหนังสะพายข้างสีน้ำตาลเข้มที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงลิ่วและแว่นตากรอบดำบนใบหน้า…นี่สินะชีวิตนักศึกษาแบบปกติธรรมดาของซอจูฮยอน
มันปกติธรรมดาก็ต่อเมื่ออยู่ในที่ลับตาคนเท่านั้นแหละ
ซอฮยอนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อก้าวเข้ามาในตึกของบรรดาคณะศิลป์ เธอเพียงแค่ลงเรียนวิชาในหมวดภาษาอังกฤษไว้แล้วไม่มีเพื่อนคณะเดียวกันมาเรียนด้วยเท่านั้นเอง…ซอฮยอนคิดแค่ว่าตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอมในเขตของเด็กคณะศิลป์
จริงๆ แล้ว…สาเหตุที่ซอฮยอนเป็นจุดสนใจนั้นไม่ใช่เพราะว่าเป็นเด็กคณะสัตวแพทย์หรอก แต่มันเป็นเพราะซอจูฮยอนคือดาวคณะสัตวแพทย์ที่มีดีกรีความสวยและส่วนสูงระดับนางแบบ ทำให้นักศึกษาทั้งชายและหญิงอดใจไม่ได้ที่จะต้องแอบเหลียวมองสักนิด
“วันนี้พี่เจสสิก้ามาเรียนด้วยเหรอแก”
“มีตาก็ดูสิว่ามาหรือเปล่า”
“มาจริงด้วย สวยมาแต่ไกลอ่ะ”
เสียงโหวกเหวกระคนตื่นเต้นด้วยความประหลาดใจดังไปทั่วบริเวณเนื่องจากพบเห็นว่าดาราสาวสวยมาเรียนทั้งที่ตามปกติแล้วงานรัดตัวเสียจนแทบไม่มีเวลาแม้จะหายใจหายคอ
ซอฮยอนที่ได้ยินชื่อหวานใจก็รีบสอดส่ายสายตามองหาในทันทีแต่ก็ต้องแอบตกใจน้อยๆ เมื่อมือบางอุ่นๆ ของคนที่เธอกำลังหาตัวอยู่ฉกฉวยกอบกุมมือเธอไว้ทำเอาอาการเขินอายที่ไม่ค่อยจะมีแสดงออกมาซะชัดเจน…เห็นอย่างนั้นเจสสิก้าก็ยิ้มอย่างพึงพอใจจึงเปลี่ยนจากการจับมาเป็นควงแขนแทน
“ต่อไปเรียนอะไรคะ?” สาวสวยร่างบางถามพร้อมช้อนสายตามอง
“เอ่อ…Anatomy ค่ะ”
“อย่าโกหกสิ”
…รู้ทันอีก
“ไปเรียนด้วยกันนะคะ” ดูอีกฝ่ายออดอ้อนซะขนาดนี้ซอฮยอนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มและยอมให้เจ้าหล่อนควงแขนเดินเข้าชั้นเรียนก็เท่านั้น
เจสสิก้ารู้…ว่าซอฮยอนลงวิชาเลือกตรงกับเธอซะเยอะ
เจสสิก้ารู้ดี…ถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเธอไปรู้มันมาจากไหนก็เถอะ น่าประปลาด…
ตลอดคาบเรียนภาษาอังกฤษสองชั่วโมง ซอฮยอนและเจสสิก้าเลือกที่จะนั่งข้างกันและต่างคนต่างตั้งใจเรียน…โดยที่แอบจับมือกันอยู่ใต้โต๊ะ
และไม่รู้ตัวว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมา…
“มีเรียนต่อมั้ยคะ?” เจสสิก้าเอ่ยปากถามคนข้างๆ พลางเก็บหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋าแบรนด์แนมใบโต ซอฮยอนมองภาพนั้นยิ้มๆ…ยังรีบร้อนไม่เคยเปลี่ยน
“ซอมีแล็ปถึงตอนบ่ายแก่ๆ น่ะค่ะ พี่สิก้าล่ะ?”
“เฮ้อ…พี่ต้องไปถ่ายแบบที่สตูดิโอคุณเยจินค่ะ กว่าจะเสร็จก็คงเย็นๆ นู่นแน่ะ” พูดจบนางแบบสาวก็ต้องพ่นลมหายใจออกอย่างอารมณ์เสีย ถ้าเธอขอทิฟฟานี่ลาพักร้อนมันคงจะง่ายกว่าการบอกทิฟฟานี่ว่าอยากจะลดตารางงานลงสักหนึ่งหรือสองวัน…แค่เธอบอกว่าอยากจะมีวันพักผ่อนบ้างอะไรบ้างผู้จัดการสาวหมีก็จัดตารางงานมหาโหดให้ใหม่ซะจนแทบอ้วก!
“ให้ซอไปรับมั้ยคะ?” เจสสิก้ายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเด็กตัวโตพูดเช่นนั้น หน้าหวานๆ พยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว…ไม่ค่อยจะอ่อยเด็กเลยนะจองซูยอน
ซอฮยอนก้มตัวลงหอมแก้มร่างบางเบาๆ แล้วเตรียมตัวจะหันหลังเดินกลับตึกคณะสัตวพทย์ แต่เจสสิก้าก็คว้ามือเธอไว้ซะก่อน
“ดูแลคนอื่นแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองบ้างนะคะซอ” ว่าแล้วคุณนางแบบสาวก็หยิบกล่องนมในกระเป๋ายัดใส่มือของอีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวหนีไปเพราะความเขิน
นักศึกษาเจ้าของตำแหน่งดาวคณะสัตวแพทย์มองตามแผ่นหลังบางแล้วยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุข…ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยน่ารักน้อยลงเลยจริงๆ มีแต่จะน่ารักมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน
“รอนานมั้ยครับซอ พี่มารับแล้ว” ซีวอนพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในมือมีดอกไม้ช่อเล็กๆ น่ารักให้กับคนตรงหน้า ใช่…ซีวอนเป็นคู่หมั้นของซอฮยอน
ดูเหมาะสมกันมากแค่ไหนนะ…ระหว่างลูกชายของท่านรัฐมนตรีกับลูกสาวของผู้ค้าอาวุธเถื่อนรายใหญ่ที่มีตำแหน่งประธานบริษัทเครื่องยนต์คุณภาพบังหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ” ซอฮยอนพูดพร้อมกับพยายามปั้นยิ้มสุดชีวิต มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจที่สุดเมื่อเธอต้องอยู่กับชายหนุ่มคนนี้…น่าอึดอัดสิ้นดี
ที่อึดอัดไม่ใช่เพราะซีวอนไม่รู้เรื่องของซอฮยอนและเจสสิก้า แต่เป็นเพราะซีวอนรู้ดี…รู้มาโดยตลอดว่าผู้หญิงแสนสวยสองคนนี้รักกันมากมาย
นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทนไม่ได้กับการเห็นหญิงสาวที่ตนหลงรักสุดหัวใจมาตลอดชีวิตรักกับคนอื่น…ซ้ำยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยความทุกข์ซึ่งไม่ใช่ทุกข์ของเขา ซีวอนกลับพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด…มันเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
อะไรที่เคยทำร้ายเขา…เขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!!
“เป็นอะไรเนี่ย ช่วงนี้คุณผู้จัดการดูหงอยๆ นะคะ” เจสสิก้าเอ่ยปากแซวทิฟฟานี่พร้อมกับหมุนตัวเพื่อให้สไตล์ลิสต์เช็คความเรียบร้อยของคอสตูม
“ทำงานไปเลยย่ะ” ผู้จัดการสาวหมีพูดเสียงเนือยๆ
“บอกมานะ!” เสียงที่แหลมปรี๊ดแปดหลอดเหมือนโลมาก็มิปานของนางแบบในวันนี้ทำเอาคนทั้งสตูดิโอถึงกับสะพรึง เพราะเดิมทีเจสสิก้าไม่ใช่คนที่จะขึ้นเสียงหรือช่างวีนเป็นว่าเล่น…แต่ก็มีบ้างอะไรบ้าง
“โอเคๆ ไว้ฉันจะบอกทันทีที่พร้อมแล้วกัน” ในที่สุดทิฟฟานี่ก็ต้องยอมแพ้ จะไม่ให้ยอมได้ยังไงกันในเมื่อเธอเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเจสสิก้าจองร้ายลึกสุดๆ ลึกเสียยิ่งกว่าชเวซีวอนเสียอีก
น่าเสียดาย…ที่ไม่มีใครรู้ว่าชเวซีวอนไม่ได้ร้ายอย่างเดียว
…นอกจากร้ายแล้วยัง ‘เลว’ ด้วย
“อีกแล้วเหรอ…” ทิฟฟานี่ก้มลงมองหน้าจอมือถือแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
พักหลังๆ มานี้ซูยองชักจะเริ่มไร้ซึ่งความรับผิดชอบในตัวเธอมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดซูยองจึงต้องบ้างานมากมายขนาดนั้น ต่อให้เธอจะพูดคำว่าไม่เป็นไรกี่ครั้งแต่ซูยองก็ควรที่จะเอาใจใส่เธอบ้าง…ยิ่งคิดมันยิ่งทำให้เธอสงสัยเข้าไปใหญ่
…ทิฟฟานี่งานเยอะกว่าซูยองยังมีเวลาว่างทำเรื่องไร้สาระเลย!
ซูยองช่างผิดกับยูริที่คอยเตือนเธอทั้งเวลากินข้าว เวลานอน และเวลาตื่นแม้ว่าตารางงานของเจ้าตัวจะแน่นแค่ไหนก็ยังสามารถเจียดเวลามาตอบไลน์ได้…ความน่ารักนั้นทำให้ผู้จัดการหมีสาวเปลี่ยนความคิดทัศนคติที่มีต่อควอนยูริไปอย่างสิ้นเชิง อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าซูยองเป็นแบบยูริได้สักครึ่งก็คงดี…ทำไมยูริถึงไม่มาเป็นแฟนเธอกันนะ
แค่คิด…ก็ผิดแล้ว
“แค่คิดน่ะผิด…แต่ถ้าทำเลยอาจจะเป็นเรื่องถูกก็ได้นะ” เจสสิก้ากระซิบบอกเพื่อนสาว ทิ้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจให้ทิฟฟานี่เอาไปเป็นโจทย์ปัญหาคิดเพลินๆ
เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวร้ายในเรื่อง…
“วันนี้กลับบ้านเองนะคะคุณผู้จัดการ เลิกงานแล้วฉันมีคนมารับ”
ทิ้งเพื่อนนี่หว่า!!
หลังจากที่ส่งค้อนวงโตให้เพื่อนเป็ดแล้วทิฟฟานี่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมอย่างแรงเพื่อประชดชีวิต มือบางคว้าไอโฟนสีขาวของตนออกมาจากกระเป๋ากดไลน์ฟ้องยูริ…ทำไมต้องยูริด้วยนะ?
ไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย…
Fanybear : ยูล! สิก้าไม่ยอมไปส่งฟานี่หลังเลิกงาน
Kwonyul : ฮ่าๆๆ ทำไมล่ะคะ สิก้าเบื่อฟานี่แล้วหรือเปล่า?
Fanybear : …ฮือออ! T T
Kwonyul : แว้กกกก =[]= ล้อเล่นนะโอ๋ๆๆ
Fanybear : T T ไม่ทำงานเหรอ?
Kwonyul : ยูลว่างช่วงเย็นน่ะ ให้ยูลไปรับฟานี่กลับนะ?
Fanybear : เยี่ยมเลย ขอบคุณค่ะยูล ><
คุณหมีคุยไลน์ไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป เจสสิก้าที่แอบมองอยู่เป็นพักๆ ก็ประหลาดใจไม่น้อย เธอก็แค่อยากให้ทิฟฟานี่ดูกังวลและหงุดหงิดในช่วงนี้เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและ ‘ยิ้มมีเลศนัย’ ให้ได้ตรงคอนเซปต์การถ่ายแบบในครั้งนี้…แต่ก็ดันผิดความคาดหมายเพราะคุณหมีตายิ้มกลับดูสบายอารมณ์ซะมากกว่า ไม่สนุกเอาเสียเลย…แถมงานก็ไม่ลุล่วง 100% อีกด้วย
เจสสิก้ายังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเพื่อนสนิทกับควอนยูริ
“ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย” นางแบบสาวตัวเล็กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วก็ต้องหัวเสียเพราะตัวเจสสิก้านั้นเป็นคนที่ตรงต่อเวลาเอามากๆ
มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าเด็กตัวโตจะมารับสักทีจึงเดินอ้อมไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ กัน แต่เมื่อนั่งลงแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามก็เห็นคนที่เธอกำลังรออยู่นอนยาวซะไม่อายฟ้าอายดิน
“ซอ ซอคะ มานอนหลับตรงนี้ไม่ได้นะ” พูดไปมือบางก็เขย่าตัวคนหลับไป และดูเหมือนว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยจะไม่เป็นผลอะไร…เจสสิก้าจึงตัดสินใจนอนทับบนตัวอีกฝ่าย คนเดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นตกใจไม่น้อยที่เห็นดาราสาวสวยคนดังอย่างเจสสิก้าจองกำลัง ‘ปลุก’ เด็กสาวคนหนึ่ง
ปลุกซะฮาร์ดคอร์เชียว…
“ซอจูฮยอน! ถ้าเธอไม่สบายเราไม่ต้องมาคุยกันเลยนะ!!” เท่านั้นแหละ…เจ้าของชื่อรีบลืมตาทันที
“แข็งแรงออกขนาดนี้จะไม่สบายได้ยังไงคะ” ซอฮยอนไม่พูดเปล่าชิงจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวจึงโดนฝ่ามือเล็กฟาดเข้าที่ต้นแขนเต็มแรง
“โอ๊ยยย!”
“สมน้ำหน้า อยากทะลึ่งดีนัก!” เจสสิก้าเอ่ยเสียงดุแล้วเชิดหน้าขึ้นเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฝ่ายผิด ทว่าเมื่อเห็นคนอายุน้อยกว่าเอาแต่ลูบแขนตัวเองป้อยๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะ…สงสาร
“ถกแขนเสื้อขึ้นซิ เป็นรอยมั้ย” ว่าพลางดึงแขนเสื้อซอฮยอนขึ้นให้เห็นตำแหน่งที่ถูกเธอตีได้ชัด ดูแล้วก็ยิ่งสงสารจับใจเพราะต้นแขนขาวๆ นั้นขึ้นรอยแดงซะชัดเจน
“ซอไม่เจ็บหรอกค่ะ ม…ไม่เป็นไรจริงๆ นะ” ซอฮยอนเริ่มพูดเสียงตะกุกตะกักในช่วงหลังเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าเริ่มมีน้ำตาคลอรื้น ทำอะไรไม่ถูกเลยในสถานการณ์เช่นนี้…อยากจะโทษตัวเองเสียจริงว่าทำไมแขนเธอถึงได้เป็นรอยแดงให้เจสสิก้าเห็น
“…”
“พี่สิก้าคะ นั่นน้องหมา!” ชี้ไปที่ด้านนอกกระจกของตัวตึกเพื่อเบนความสนใจ
มุกนี้ใช้ได้ผลซะด้วย เจสสิก้ามองตามทิศทางที่นิ้วของซอฮยอนชี้ไปแต่ก็พบกับความว่างเปล่า…ไม่เห็นจะมีน้องหมาเลยสักตัวนี่นายัยเด็กสัตวแพทย์จอมเลี้ยงแกะ!
“อย่ามองอย่างนั้นสิคะ ก็เห็นน้ำตาจะร่วงเผาะๆ แล้ว…” ทาบริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรักใคร่ สัมผัสที่ทำให้เจสสิก้าวูบไหวใจอ่อนได้ทุกครั้ง…สัมผัสพิเศษที่ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ
“กลับกันเถอะค่ะ พี่กลัวจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปซะก่อน” เจสสิก้าพูดติดตลกแล้วลุกขึ้นยืน มือบางช่วยดึงตัวซอฮยอนให้ลุกตามมาก่อนจะเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเบาๆ
“จะเป็นข่าวเพราะใครกันแน่คะ” ทั้งคู่หยอกล้อกันสักพักก็พากันเดินออกไป
ไม่รู้…คนสองคนนี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ เครื่องบันทึกภาพในมือถูกใช้งานตั้งแต่ที่เจสสิก้าเดินมาทางนี้ หึหึ…ชเวซีวอนจะตกใจและโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับวิดีโอไฟล์นี้มากแค่ไหนกันนะ…เกมนี้มันน่าสนุกมากเข้าไปทุกทีจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้วสิ
กี่วันแล้วนะ…ที่เราสองคนคุยกันไม่เหมือนเดิม
“ยุนไม่กลับบ้านเหรอ?” แทยอนละสายตาจากทีวีจอยักษ์หันไปถามรุ่นน้องคณะเดียวกันเพื่อทำลายความเงียบ และอีกเหตุผลคือยุนอาไม่กลับบ้านตัวเองหลายวันแล้วตั้งแต่วันนั้น…
“พ่อกับแม่ยุนไม่ได้อยู่เกาหลี ที่บ้านก็ไม่มีใคร ส่วนเจ้าซอฮยอนก็มีโปรเจคต์ระยะยาวคงไม่ได้กลับมาดูแลพี่แทอีกหลายวัน ให้ยุนอยู่เป็นเพื่อนนะ” พูดจบก็ยิ้มร่าให้คนตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี ที่ยุนอาทำไปทั้งหมดไม่ได้ฝืนใจหรือทนทำไปอย่างนั้น เธอยินดีด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับแทยอน
…ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวใหม่ปลามันยังไงยังงั้น
“ซอ…เหรอ? ทำไมซอบอกยุนแล้วไม่ได้บอกพี่ล่ะ?” ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย ลืมไปเลยว่าน้องสาวสุดที่รักของเธอก็หายไปหลายวันเช่นกัน
…ลืมทุกอย่างแม้กระทั่งน้องสาวเมื่อมียุนอาอยู่ข้างๆ
“เอ่อ…ซอให้ยุนมาบอกพี่แทด้วยแต่ยุนลืมน่ะค่ะ ขอโทษนะ” ยุนอายิ้มแห้งๆ แล้วหันไปสนใจทีวีต่อ แอบใจสั่นเบาๆ ที่แทยอนแคร์ซอฮยอนขนาดนั้น
“ซอน่ะ…ไปเจอผู้หญิงคนนั้นมาหรือเปล่าคะ?” แทยอนเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว หากแต่มันช่างชัดก้องในหัวของยุนอาเหลือเกิน…เพราะอะไร?
แค่คำถามเพียงประโยคเดียวกลับทำให้ยุนอาหนาวสะท้าน…
คิมแทยอนเป็นโรคจิต…เพราะหลงรักน้องสาวต่างสายเลือด ในตอนแรกคุณและคุณนายซอคิดว่าไม่สามารถมีบุตรได้จึงรับแทยอนมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
เวลาผ่านไปไม่กี่ปี แม่บุญธรรมของแทยอนก็ให้กำเนิดซอจูฮยอน เด็กสาวสองคนถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาเป็นหญิงสาวงามสะพรั่งพร้อมๆ กัน…ด้วยความอ่อนโยนบวกกับเสน่ห์ลึกลับที่น่าหลงใหลของซอฮยอนทำให้คิมแทยอนตกอยู่ในห้วงแห่งความรักตั้งแต่ม.ต้น
ได้ใกล้ชิด ได้เห็นหน้ากันทุกวันก็เพียงพอ…แทยอนคิดแบบนั้น
แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้อย่างใจเมื่อซอฮยอนเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมในช่วงที่แทยอนขึ้นม.ปลาย…เด็กม.ต้นปีสุดท้ายอย่างซอจูฮยอนให้เวลากับแทยอนน้อยลง ตอนเย็นหายไปบ่อยๆ และไม่กลับบ้านพร้อมกันเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างที่ซอฮยอนเคยทำให้…ค่อยๆ ลดลงทีล่ะน้อย
“ฉันเป็นพี่สาวที่ไม่ดีเหรอ…หรือฉันมันไม่น่าสงสารเลยสักนิด” พูด…ทั้งน้ำตา แทยอนเริ่มมีรอยร้าวที่หัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…พี่น้องแม้จะต่างสายเลือดก็ไม่ควรรักกันเชิงชู้สาว
ยังไม่เข้าใจอีกหรือคิมแทยอน…
“ซอคะ…อ ซอฮยอนน…” เสียงหวานหอบกระเส่าที่น่าฟังจับใจทำเอาหญิงสาวร่างเล็กชาวาบไปทั้งตัว…เสียงที่คุ้นเคย เสียงของเพื่อนคนหนึ่งที่เธอไว้ใจที่สุด…จองซูยอน
เหมือนเวลาหยุดหมุน หัวสมองมันตื้อไปหมด จะขยับตัวหรือเดินหนีไปที่อื่นแทยอนก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหลือเกิน…ไม่จริงหรอก เธอก็แค่กำลังฝันร้ายเท่านั้นเอง…แค่ฝันร้าย!
มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย…เจสสิก้า
แทยอนทรุดลงพิงกับประตูบ้าน น้ำตาที่คิดว่าเหือดหายไปแล้วกลับล้นเอ่อออกมาอีกครั้งและมากมายกว่าที่ผ่านมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกันเสียงสะอื้นไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน
…แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสองคนนั้นคงได้ยินแค่เสียงของกันและกัน
แค่ออกไปเที่ยวและบอกว่าจะกลับดึก แทยอนไม่นึกเลยว่าการกลับมาก่อนเวลาจะได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ทำร้ายหัวใจจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้…ไม่นึกมาก่อนเลย
“ซอฮยอน…เปลี่ยนไปตั้งแต่เกรด 9…” แทยอนพูดกับตัวเองเบาๆ
นี่เธอโดนหลอกมาตั้งแต่เกรด 11 ยันมหาลัยเนี่ยนะ!?
เธอมันโง่คิมแทยอน…โง่มากจริงๆ
อ่อนเพลียเหลือเกินเมื่อหาข้อสรุปได้ เวลานี้อ่อนแอมากเกินกว่าจะขยับร่างกายหลบซ่อนได้ไหว…ทำได้เพียงแอบฟังบทรักของคนโกหกสองคนก็เท่านั้น
เธอได้มันไปหมดแล้วเจสสิก้า…ทั้งเพื่อนของฉัน ทั้งชื่อเสียง และน้องสาวต่างสายเลือดที่ฉันรักจนหมดหัวใจ
“เจสสิก้า…จองเจสสิก้า” …ฉันเกลียดเธอ!!!
“ยุนไม่ต้องโกหกหรอกค่ะ” แทยอนพูดเสียงเรียบแล้วรอฟังคำตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วก็ตาม…แต่เธอก็แค่หวังว่าสิ่งที่เธอรู้มันอาจจะผิดบ้างก็ได้
“ขอโทษค่ะ ยุนกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วพี่แทจะรู้สึกไม่ดี” ตอบเสียงอ่อนไปอย่างนั้น มือเรียวทั้งสองกุมกันไว้แน่นเตรียมใจรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ อย่างที่เคยพูดไป…คิมแทยอนเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้าย
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“…” ไม่โดนตบตีแฮะ?
“ยุนกลับไปเถอะ” ส่งยิ้มให้คนอายุน้อยกว่า ถึงตอนนี้แทยอนจะชอบยุนอาก็จริง แต่การจะลบเลือนเด็กสาวที่แสนดีอย่างซอจูฮยอนออกไปจากใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ
“ไม่ได้ค่ะ จะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง” ยุนอาปฏิเสธคัดค้านคำพูดของแทยอนสุดชีวิต เธอเข้าใจแทยอนดีว่ารู้สึกแย่แค่ไหน…และถ้าหากเธอปล่อยให้แทยอนอยู่กับตัวเองก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรบ้าง
“พี่อยู่คนเดียวได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง”
“แต่ว่า…”
“ถ้ายุนแค่คิดว่าต้องรับผิดชอบที่จูบพี่ไปเมื่อวันก่อนก็พอเถอะค่ะ…ไม่ต้องฝืนหรอก” อีกแล้ว…ที่ต้องฝืนยิ้มออกไป ทั้งที่อยากรั้งให้ยุนอาอยู่ข้างๆ แทบขาดใจ
แทยอนเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจเหลือเกิน…ประโยคเมื่อครู่ทำให้หัวใจของอิมยุนอามีรอยร้าวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คิมแทยอนไม่เคยพูดจาเชือดเฉือนทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้เลย
ไม่เคยสักครั้ง…
“ที่ผ่านมาพี่แทไม่รู้เลยเหรอว่ายุนทำไปเพื่ออะไร จะมาแสดงความยินดีเมื่อประสบความสำเร็จทำไม จะอยู่เป็นเพื่อนตอนดื่มทำไม ชวนไปเที่ยวทำไม…”
“…” แทยอนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินรุ่นน้องพูดเช่นนั้น…นั่นสิ ทำไมกัน?
ยุนอามองแทยอนยิ้มๆ มือเรียวเอื้อมไปลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแล้วหมุนตัวจะเดินไปที่ประตูบ้าน…แต่อ้อมกอดอุ่นๆ จากด้านหลังมันทำให้เธอชะงัก เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่สื่อผ่านมาถึงเธอได้ยินเป็นคำพูดชัดเจน
…อย่าไป
แทยอนคลายกอดแล้วเดินอ้อมไปด้านหน้าของยุนอา ยกวงแขนขึ้นโอบรอบคอรั้งลงมาบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างนุ่มนวลและเนิบนาบ
“พี่ขอโทษ…ที่ไม่เข้าใจอะไร”
“แต่ทุกอย่างที่ยุนทำให้พี่หรือทำให้ใคร…พี่รู้สึกนะคะ”
เผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด…จนถึงตอนนี้ยุนอาก็ยังแปลกใจว่าทำไมซอฮยอนถึงละเลยผู้หญิงน่ารักเช่นแทยอน
แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าซอฮยอนกับแทยอนรักกันเธอคงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ และพอลองคิดดูว่าถ้าต้องสลับคู่ให้เจสสิก้ามารักกับเธอ…เธอขอผ่านถ้าจะต้องเจอกับผู้หญิงร้ายเหลี่ยมจัดมารยามีไว้ก็ต้องใช้ให้คุ้มแบบเจสสิก้า
ยุนอาก้มมองดวงตากลมแวววาวสีดำสนิทของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนแล้วกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อนั้นอีกครั้งและอีกครั้ง…ย้ำความรู้สึกลงไปให้แทยอนได้มั่นใจ
ฉันรักเธอ…
เจสสิก้ากดเปลี่ยนคลื่นความถี่วิทยุในรถของซอฮยอนอย่างขัดใจ เพราะไม่ว่าจะกดเปลี่ยนไปช่องไหนก็พบเจอแต่เพลงอกหักรักคุดตุ๊ดเมินไปเสียทุกช่อง…เธอไม่ได้ซีเรียสที่จะฟังเพลงแบบนี้หรอกนะแต่มันไม่เข้ากับบรรยากาศในตอนที่อยู่กับซอฮยอนสองต่อสองเอาซะเลย!
ซอฮยอนแอบเหลือบมองผู้หญิงสวยจัดข้างๆ แล้วก็อดขำไม่ได้…ดูทำหน้าเข้าสิ
“วันนี้มีแต่คนอกหักหรือไงเนี่ย!” นั่น…เริ่มบ่นแล้ว
“ฮ่าๆๆ ถ้าเป็นเพลงที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังสิคะ” ยิ้มขำๆ กับท่าทีของอีกฝ่าย แต่แล้วก็ได้ค้อนวงโตส่งกลับมาแทน…เธอพูดอะไรผิดนะ?
หลังจากแผ่รังสีเอฟเฟคต์ใส่เด็กตัวโตข้างๆ แล้วก็ทิ้งตัวพิงเบาะหนังอย่างเบื่อหน่าย คนอุตส่าห์อยากได้บรรยากาศดีๆ เพลงรักหวานๆ ตอนรถติดให้แอบเขินกันบ้างอะไรบ้างแท้ๆ…แต่ดันพูดซะหมดอารมณ์ออดอ้อนออเซาะไปทันควัน
ซอฮยอนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างกับความน่ารัก(?)แบบเด็กๆ ของดาราสาว มือเรียวหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อกับเครื่องเสียงของตัวรถ
“I'm a lazy girl yeah, yeah” เพลงขึ้นแล้วก็ขอแอบร้องท่อนแรกเน้นย้ำแกล้งจิกกัดสาวสวยข้างๆ เล่นอย่างสนุกสนาน ท่อนที่มีคำว่า Lazy girl ซอฮยอนย้ำมันทุกท่อนจนเจสสิก้าเคืองเบาๆ
ถึงจะเป็น Lazy girl ก็ทำงานนะยะ!
เจสสิก้าได้แต่มองซอฮยอนด้วยหางตา จะตีแขนก็กลัวซ้ำที่ตีไปเมื่อตอนค่ำ จะร้องเพลง fuck you กลับก็เห็นทีจะมีเนื้อหารุนแรงเกินไปหน่อย
“จริงสิ พี่สิก้าทานข้าวเย็นรึยังคะ?”
“ยังเลยค่ะ ช่วงนี้แฟนคลับใส่แว่นดำไม่ค่อยดูแล” พูดจบเจสสิก้าก็ยักคิ้วใส่กวนๆ ซอฮยอนได้ยินอย่างนั้นก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง
“พี่สิก้ารู้?”
“รู้สิคะ แต่ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองแหละ” นั่นน่ะสิ…เธอรู้ได้ยังไงกันนะ?
ซอฮยอนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แม่คุณแม่ทูนหัวของเธอก็ช่างรักสวยรักงามเหลือเกิน อาบน้ำเกินครึ่งชั่วโมงแล้วไหนจะเวลาประทินผิวอีก…แค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปดูแลเจสสิก้าก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากมายอยู่แล้วในความคิดของเธอ
“หื้มม?” เลิกคิ้วอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นรูปในกรอบบนหัวเตียง ลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมหยิบมันมาดูใกล้ๆ ก็ต้องตกใจ…รูปนี้มัน…รูปคู่ของเธอกับเจสสิก้า
มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?!
“พี่บังเอิญเจอมันอยู่ในกล่องใต้เตียงน่ะค่ะ” เจสสิก้าที่เข้ามาเห็นซอฮยอนดูรูปนั้นอยู่เดินไปนั่งข้างๆ แล้วพูดอธิบาย เพราะดูจากสีหน้าของซอฮยอนแล้วเจ้าตัวคงจะช็อคไม่ใช่น้อย
ซอฮยอนถึงกับพูดอะไรไม่ออก…มันจะมีอะไรเหลืออยู่ที่นี่ได้ยังไงกันในเมื่อเธอเป็นคนที่เอาของพวกนี้ไปไว้กับตัวเองจนหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกสิ่งที่เป็นความทรงจำระหว่างเธอกับเจสสิก้า…
“ซอคงจะรู้ทุกอย่างอยู่แล้วใช่มั้ยคะ?” เจสสิก้าพูดยิ้มๆ ตอนแรกที่รู้ว่าซอฮยอนคงจะรู้เรื่องอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอสองคนเจสสิก้าไม่นึกโกรธเลยแม้แต่น้อย…เพียงแค่เสียใจที่อีกฝ่ายไม่บอกกัน
“ตอนนี้ไม่ต้องบอกหรืออธิบายอะไรให้พี่ฟังหรอกค่ะ มันคงเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ” เจสสิก้าไม่ได้อยากรู้อะไรจากซอฮยอนเลยเพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าสักวันจะต้องจำได้
“ไม่ยากเลยค่ะ แต่ซอคิดว่าเดี๋ยวพี่สิก้าก็รู้เลยไม่บอก” ว่าแล้วก็หอมแก้มเนียนนุ่มเบาๆ เจสสิก้าได้ยินซอฮยอนพูดอย่างนั้นก็อดดีใจไม่ได้…เด็กคนนี้รู้จักเธอดีที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมากมายแค่ไหนซอฮยอนก็เข้าใจทุกอย่างที่เป็นเธอทั้งหมด
แต่ยังมีบางอย่างที่ซอฮยอนไม่เข้าใจ…
จองซูยอนอยากได้คำว่ารักจากซอจูฮยอนมากเหลือเกิน…
ความคิดเห็น