ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:SNSD] Just you say...(Yuri) SeoSic ft.YoonTae&YulFany

    ลำดับตอนที่ #8 : [CH.5] Increasing memory (100%) edit

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 56


     

     
     

    Increasing Memory

     

                หนังสือสองสามเล่มในอ้อมแขน กระเป๋าหนังสะพายข้างสีน้ำตาลเข้มที่ดูก็รู้ว่าราคาแพงลิ่วและแว่นตากรอบดำบนใบหน้านี่สินะชีวิตนักศึกษาแบบปกติธรรมดาของซอจูฮยอน

                มันปกติธรรมดาก็ต่อเมื่ออยู่ในที่ลับตาคนเท่านั้นแหละ

                ซอฮยอนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายเมื่อก้าวเข้ามาในตึกของบรรดาคณะศิลป์ เธอเพียงแค่ลงเรียนวิชาในหมวดภาษาอังกฤษไว้แล้วไม่มีเพื่อนคณะเดียวกันมาเรียนด้วยเท่านั้นเองซอฮยอนคิดแค่ว่าตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอมในเขตของเด็กคณะศิลป์

                จริงๆ แล้วสาเหตุที่ซอฮยอนเป็นจุดสนใจนั้นไม่ใช่เพราะว่าเป็นเด็กคณะสัตวแพทย์หรอก แต่มันเป็นเพราะซอจูฮยอนคือดาวคณะสัตวแพทย์ที่มีดีกรีความสวยและส่วนสูงระดับนางแบบ ทำให้นักศึกษาทั้งชายและหญิงอดใจไม่ได้ที่จะต้องแอบเหลียวมองสักนิด

                “วันนี้พี่เจสสิก้ามาเรียนด้วยเหรอแก”

                “มีตาก็ดูสิว่ามาหรือเปล่า”

                “มาจริงด้วย สวยมาแต่ไกลอ่ะ”

                เสียงโหวกเหวกระคนตื่นเต้นด้วยความประหลาดใจดังไปทั่วบริเวณเนื่องจากพบเห็นว่าดาราสาวสวยมาเรียนทั้งที่ตามปกติแล้วงานรัดตัวเสียจนแทบไม่มีเวลาแม้จะหายใจหายคอ

                ซอฮยอนที่ได้ยินชื่อหวานใจก็รีบสอดส่ายสายตามองหาในทันทีแต่ก็ต้องแอบตกใจน้อยๆ เมื่อมือบางอุ่นๆ ของคนที่เธอกำลังหาตัวอยู่ฉกฉวยกอบกุมมือเธอไว้ทำเอาอาการเขินอายที่ไม่ค่อยจะมีแสดงออกมาซะชัดเจนเห็นอย่างนั้นเจสสิก้าก็ยิ้มอย่างพึงพอใจจึงเปลี่ยนจากการจับมาเป็นควงแขนแทน

                “ต่อไปเรียนอะไรคะ?” สาวสวยร่างบางถามพร้อมช้อนสายตามอง

                “เอ่อ…Anatomy ค่ะ”

                “อย่าโกหกสิ”

     

                รู้ทันอีก

     

                “ไปเรียนด้วยกันนะคะ” ดูอีกฝ่ายออดอ้อนซะขนาดนี้ซอฮยอนก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ทำได้เพียงยิ้มและยอมให้เจ้าหล่อนควงแขนเดินเข้าชั้นเรียนก็เท่านั้น

                เจสสิก้ารู้ว่าซอฮยอนลงวิชาเลือกตรงกับเธอซะเยอะ

                เจสสิก้ารู้ดีถึงแม้เธอจะไม่รู้ว่าเธอไปรู้มันมาจากไหนก็เถอะ น่าประปลาด

                ตลอดคาบเรียนภาษาอังกฤษสองชั่วโมง ซอฮยอนและเจสสิก้าเลือกที่จะนั่งข้างกันและต่างคนต่างตั้งใจเรียนโดยที่แอบจับมือกันอยู่ใต้โต๊ะ

                และไม่รู้ตัวว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมา

                “มีเรียนต่อมั้ยคะ?” เจสสิก้าเอ่ยปากถามคนข้างๆ พลางเก็บหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋าแบรนด์แนมใบโต ซอฮยอนมองภาพนั้นยิ้มๆยังรีบร้อนไม่เคยเปลี่ยน

                “ซอมีแล็ปถึงตอนบ่ายแก่ๆ น่ะค่ะ พี่สิก้าล่ะ?”

                “เฮ้อพี่ต้องไปถ่ายแบบที่สตูดิโอคุณเยจินค่ะ กว่าจะเสร็จก็คงเย็นๆ นู่นแน่ะ” พูดจบนางแบบสาวก็ต้องพ่นลมหายใจออกอย่างอารมณ์เสีย ถ้าเธอขอทิฟฟานี่ลาพักร้อนมันคงจะง่ายกว่าการบอกทิฟฟานี่ว่าอยากจะลดตารางงานลงสักหนึ่งหรือสองวันแค่เธอบอกว่าอยากจะมีวันพักผ่อนบ้างอะไรบ้างผู้จัดการสาวหมีก็จัดตารางงานมหาโหดให้ใหม่ซะจนแทบอ้วก!

                “ให้ซอไปรับมั้ยคะ?” เจสสิก้ายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเด็กตัวโตพูดเช่นนั้น หน้าหวานๆ พยักหน้ารับคำอย่างรวดเร็วไม่ค่อยจะอ่อยเด็กเลยนะจองซูยอน

                ซอฮยอนก้มตัวลงหอมแก้มร่างบางเบาๆ แล้วเตรียมตัวจะหันหลังเดินกลับตึกคณะสัตวพทย์ แต่เจสสิก้าก็คว้ามือเธอไว้ซะก่อน

                “ดูแลคนอื่นแล้วอย่าลืมดูแลตัวเองบ้างนะคะซอ” ว่าแล้วคุณนางแบบสาวก็หยิบกล่องนมในกระเป๋ายัดใส่มือของอีกฝ่ายก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวหนีไปเพราะความเขิน

                นักศึกษาเจ้าของตำแหน่งดาวคณะสัตวแพทย์มองตามแผ่นหลังบางแล้วยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุขผู้หญิงคนนี้ไม่เคยน่ารักน้อยลงเลยจริงๆ มีแต่จะน่ารักมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน

                “รอนานมั้ยครับซอ พี่มารับแล้ว” ซีวอนพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในมือมีดอกไม้ช่อเล็กๆ น่ารักให้กับคนตรงหน้า ใช่ซีวอนเป็นคู่หมั้นของซอฮยอน

                ดูเหมาะสมกันมากแค่ไหนนะระหว่างลูกชายของท่านรัฐมนตรีกับลูกสาวของผู้ค้าอาวุธเถื่อนรายใหญ่ที่มีตำแหน่งประธานบริษัทเครื่องยนต์คุณภาพบังหน้า

                “ไม่เป็นไรค่ะ” ซอฮยอนพูดพร้อมกับพยายามปั้นยิ้มสุดชีวิต มันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจที่สุดเมื่อเธอต้องอยู่กับชายหนุ่มคนนี้น่าอึดอัดสิ้นดี

                ที่อึดอัดไม่ใช่เพราะซีวอนไม่รู้เรื่องของซอฮยอนและเจสสิก้า แต่เป็นเพราะซีวอนรู้ดีรู้มาโดยตลอดว่าผู้หญิงแสนสวยสองคนนี้รักกันมากมาย

                นั่นแหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาทนไม่ได้กับการเห็นหญิงสาวที่ตนหลงรักสุดหัวใจมาตลอดชีวิตรักกับคนอื่นซ้ำยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย สุดท้ายทุกอย่างก็ลงเอยด้วยความทุกข์ซึ่งไม่ใช่ทุกข์ของเขา ซีวอนกลับพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

     

                อะไรที่เคยทำร้ายเขาเขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง!!



                “เป็นอะไรเนี่ย ช่วงนี้คุณผู้จัดการดูหงอยๆ นะคะ” เจสสิก้าเอ่ยปากแซวทิฟฟานี่พร้อมกับหมุนตัวเพื่อให้สไตล์ลิสต์เช็คความเรียบร้อยของคอสตูม

                “ทำงานไปเลยย่ะ” ผู้จัดการสาวหมีพูดเสียงเนือยๆ

                “บอกมานะ!” เสียงที่แหลมปรี๊ดแปดหลอดเหมือนโลมาก็มิปานของนางแบบในวันนี้ทำเอาคนทั้งสตูดิโอถึงกับสะพรึง เพราะเดิมทีเจสสิก้าไม่ใช่คนที่จะขึ้นเสียงหรือช่างวีนเป็นว่าเล่นแต่ก็มีบ้างอะไรบ้าง

                “โอเคๆ ไว้ฉันจะบอกทันทีที่พร้อมแล้วกัน” ในที่สุดทิฟฟานี่ก็ต้องยอมแพ้ จะไม่ให้ยอมได้ยังไงกันในเมื่อเธอเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเจสสิก้าจองร้ายลึกสุดๆ ลึกเสียยิ่งกว่าชเวซีวอนเสียอีก

                น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าชเวซีวอนไม่ได้ร้ายอย่างเดียว

     

                นอกจากร้ายแล้วยัง เลว ด้วย

     

                “อีกแล้วเหรอ” ทิฟฟานี่ก้มลงมองหน้าจอมือถือแล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย

                พักหลังๆ มานี้ซูยองชักจะเริ่มไร้ซึ่งความรับผิดชอบในตัวเธอมากขึ้นทุกวี่ทุกวัน ไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดซูยองจึงต้องบ้างานมากมายขนาดนั้น ต่อให้เธอจะพูดคำว่าไม่เป็นไรกี่ครั้งแต่ซูยองก็ควรที่จะเอาใจใส่เธอบ้างยิ่งคิดมันยิ่งทำให้เธอสงสัยเข้าไปใหญ่

                ทิฟฟานี่งานเยอะกว่าซูยองยังมีเวลาว่างทำเรื่องไร้สาระเลย!

                ซูยองช่างผิดกับยูริที่คอยเตือนเธอทั้งเวลากินข้าว เวลานอน และเวลาตื่นแม้ว่าตารางงานของเจ้าตัวจะแน่นแค่ไหนก็ยังสามารถเจียดเวลามาตอบไลน์ได้ความน่ารักนั้นทำให้ผู้จัดการหมีสาวเปลี่ยนความคิดทัศนคติที่มีต่อควอนยูริไปอย่างสิ้นเชิง อดคิดไม่ได้เลยว่าถ้าซูยองเป็นแบบยูริได้สักครึ่งก็คงดีทำไมยูริถึงไม่มาเป็นแฟนเธอกันนะ

               

                แค่คิดก็ผิดแล้ว

     

              “แค่คิดน่ะผิดแต่ถ้าทำเลยอาจจะเป็นเรื่องถูกก็ได้นะ” เจสสิก้ากระซิบบอกเพื่อนสาว ทิ้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจให้ทิฟฟานี่เอาไปเป็นโจทย์ปัญหาคิดเพลินๆ

                เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวร้ายในเรื่อง

                “วันนี้กลับบ้านเองนะคะคุณผู้จัดการ เลิกงานแล้วฉันมีคนมารับ”

                ทิ้งเพื่อนนี่หว่า!!

                หลังจากที่ส่งค้อนวงโตให้เพื่อนเป็ดแล้วทิฟฟานี่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมอย่างแรงเพื่อประชดชีวิต มือบางคว้าไอโฟนสีขาวของตนออกมาจากกระเป๋ากดไลน์ฟ้องยูริทำไมต้องยูริด้วยนะ?

                ไม่เข้าใจตัวเองเอาซะเลย

     

                Fanybear : ยูล! สิก้าไม่ยอมไปส่งฟานี่หลังเลิกงาน

              Kwonyul : ฮ่าๆๆ ทำไมล่ะคะ สิก้าเบื่อฟานี่แล้วหรือเปล่า?

              Fanybear : …ฮือออ! T T

              Kwonyul : แว้กกกก =[]= ล้อเล่นนะโอ๋ๆๆ

              Fanybear : T T ไม่ทำงานเหรอ?

              Kwonyul : ยูลว่างช่วงเย็นน่ะ ให้ยูลไปรับฟานี่กลับนะ?

              Fanybear : เยี่ยมเลย ขอบคุณค่ะยูล ><

     

                คุณหมีคุยไลน์ไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไป เจสสิก้าที่แอบมองอยู่เป็นพักๆ ก็ประหลาดใจไม่น้อย เธอก็แค่อยากให้ทิฟฟานี่ดูกังวลและหงุดหงิดในช่วงนี้เพื่อที่เธอจะได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชนะและ ยิ้มมีเลศนัย ให้ได้ตรงคอนเซปต์การถ่ายแบบในครั้งนี้แต่ก็ดันผิดความคาดหมายเพราะคุณหมีตายิ้มกลับดูสบายอารมณ์ซะมากกว่า ไม่สนุกเอาเสียเลยแถมงานก็ไม่ลุล่วง 100% อีกด้วย

                เจสสิก้ายังไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างเพื่อนสนิทกับควอนยูริ

     

     

                “ป่านนี้แล้วเหรอเนี่ย” นางแบบสาวตัวเล็กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแล้วก็ต้องหัวเสียเพราะตัวเจสสิก้านั้นเป็นคนที่ตรงต่อเวลาเอามากๆ

                มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นว่าเด็กตัวโตจะมารับสักทีจึงเดินอ้อมไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆ กัน แต่เมื่อนั่งลงแล้วมองไปฝั่งตรงข้ามก็เห็นคนที่เธอกำลังรออยู่นอนยาวซะไม่อายฟ้าอายดิน

                “ซอ ซอคะ มานอนหลับตรงนี้ไม่ได้นะ” พูดไปมือบางก็เขย่าตัวคนหลับไป และดูเหมือนว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยจะไม่เป็นผลอะไรเจสสิก้าจึงตัดสินใจนอนทับบนตัวอีกฝ่าย คนเดินผ่านไปผ่านมาแถวนั้นตกใจไม่น้อยที่เห็นดาราสาวสวยคนดังอย่างเจสสิก้าจองกำลัง ปลุก เด็กสาวคนหนึ่ง

                ปลุกซะฮาร์ดคอร์เชียว

                “ซอจูฮยอน! ถ้าเธอไม่สบายเราไม่ต้องมาคุยกันเลยนะ!!” เท่านั้นแหละเจ้าของชื่อรีบลืมตาทันที

                “แข็งแรงออกขนาดนี้จะไม่สบายได้ยังไงคะ” ซอฮยอนไม่พูดเปล่าชิงจูบหนักๆ ลงบนริมฝีปากนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยวจึงโดนฝ่ามือเล็กฟาดเข้าที่ต้นแขนเต็มแรง

                “โอ๊ยยย!

                “สมน้ำหน้า อยากทะลึ่งดีนัก!” เจสสิก้าเอ่ยเสียงดุแล้วเชิดหน้าขึ้นเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่ใช่ฝ่ายผิด ทว่าเมื่อเห็นคนอายุน้อยกว่าเอาแต่ลูบแขนตัวเองป้อยๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะสงสาร

                “ถกแขนเสื้อขึ้นซิ เป็นรอยมั้ย” ว่าพลางดึงแขนเสื้อซอฮยอนขึ้นให้เห็นตำแหน่งที่ถูกเธอตีได้ชัด ดูแล้วก็ยิ่งสงสารจับใจเพราะต้นแขนขาวๆ นั้นขึ้นรอยแดงซะชัดเจน

                “ซอไม่เจ็บหรอกค่ะ มไม่เป็นไรจริงๆ นะ” ซอฮยอนเริ่มพูดเสียงตะกุกตะกักในช่วงหลังเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าเริ่มมีน้ำตาคลอรื้น ทำอะไรไม่ถูกเลยในสถานการณ์เช่นนี้อยากจะโทษตัวเองเสียจริงว่าทำไมแขนเธอถึงได้เป็นรอยแดงให้เจสสิก้าเห็น

                “

                “พี่สิก้าคะ นั่นน้องหมา!” ชี้ไปที่ด้านนอกกระจกของตัวตึกเพื่อเบนความสนใจ

                มุกนี้ใช้ได้ผลซะด้วย เจสสิก้ามองตามทิศทางที่นิ้วของซอฮยอนชี้ไปแต่ก็พบกับความว่างเปล่าไม่เห็นจะมีน้องหมาเลยสักตัวนี่นายัยเด็กสัตวแพทย์จอมเลี้ยงแกะ!

                “อย่ามองอย่างนั้นสิคะ ก็เห็นน้ำตาจะร่วงเผาะๆ แล้ว” ทาบริมฝีปากลงบนหน้าผากมนอย่างรักใคร่ สัมผัสที่ทำให้เจสสิก้าวูบไหวใจอ่อนได้ทุกครั้งสัมผัสพิเศษที่ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ

                “กลับกันเถอะค่ะ พี่กลัวจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปซะก่อน” เจสสิก้าพูดติดตลกแล้วลุกขึ้นยืน มือบางช่วยดึงตัวซอฮยอนให้ลุกตามมาก่อนจะเขย่งปลายเท้าหอมแก้มเบาๆ

                “จะเป็นข่าวเพราะใครกันแน่คะ” ทั้งคู่หยอกล้อกันสักพักก็พากันเดินออกไป

                ไม่รู้คนสองคนนี้ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่ เครื่องบันทึกภาพในมือถูกใช้งานตั้งแต่ที่เจสสิก้าเดินมาทางนี้ หึหึชเวซีวอนจะตกใจและโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับวิดีโอไฟล์นี้มากแค่ไหนกันนะเกมนี้มันน่าสนุกมากเข้าไปทุกทีจนถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้วสิ



     

     

                กี่วันแล้วนะที่เราสองคนคุยกันไม่เหมือนเดิม

                “ยุนไม่กลับบ้านเหรอ?” แทยอนละสายตาจากทีวีจอยักษ์หันไปถามรุ่นน้องคณะเดียวกันเพื่อทำลายความเงียบ และอีกเหตุผลคือยุนอาไม่กลับบ้านตัวเองหลายวันแล้วตั้งแต่วันนั้น

                “พ่อกับแม่ยุนไม่ได้อยู่เกาหลี ที่บ้านก็ไม่มีใคร ส่วนเจ้าซอฮยอนก็มีโปรเจคต์ระยะยาวคงไม่ได้กลับมาดูแลพี่แทอีกหลายวัน ให้ยุนอยู่เป็นเพื่อนนะ” พูดจบก็ยิ้มร่าให้คนตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี ที่ยุนอาทำไปทั้งหมดไม่ได้ฝืนใจหรือทนทำไปอย่างนั้น เธอยินดีด้วยซ้ำที่ได้มาอยู่กับแทยอน

                ให้ความรู้สึกเหมือนข้าวใหม่ปลามันยังไงยังงั้น

                “ซอเหรอ? ทำไมซอบอกยุนแล้วไม่ได้บอกพี่ล่ะ?” ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย ลืมไปเลยว่าน้องสาวสุดที่รักของเธอก็หายไปหลายวันเช่นกัน

     

                ลืมทุกอย่างแม้กระทั่งน้องสาวเมื่อมียุนอาอยู่ข้างๆ

     

              “เอ่อซอให้ยุนมาบอกพี่แทด้วยแต่ยุนลืมน่ะค่ะ ขอโทษนะ” ยุนอายิ้มแห้งๆ แล้วหันไปสนใจทีวีต่อ แอบใจสั่นเบาๆ ที่แทยอนแคร์ซอฮยอนขนาดนั้น

                “ซอน่ะไปเจอผู้หญิงคนนั้นมาหรือเปล่าคะ?” แทยอนเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว หากแต่มันช่างชัดก้องในหัวของยุนอาเหลือเกินเพราะอะไร?

                แค่คำถามเพียงประโยคเดียวกลับทำให้ยุนอาหนาวสะท้าน

     

                คิมแทยอนเป็นโรคจิตเพราะหลงรักน้องสาวต่างสายเลือด ในตอนแรกคุณและคุณนายซอคิดว่าไม่สามารถมีบุตรได้จึงรับแทยอนมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม

              เวลาผ่านไปไม่กี่ปี แม่บุญธรรมของแทยอนก็ให้กำเนิดซอจูฮยอน เด็กสาวสองคนถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาเป็นหญิงสาวงามสะพรั่งพร้อมๆ กันด้วยความอ่อนโยนบวกกับเสน่ห์ลึกลับที่น่าหลงใหลของซอฮยอนทำให้คิมแทยอนตกอยู่ในห้วงแห่งความรักตั้งแต่ม.ต้น

             

              ได้ใกล้ชิด ได้เห็นหน้ากันทุกวันก็เพียงพอแทยอนคิดแบบนั้น

     

              แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้อย่างใจเมื่อซอฮยอนเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมในช่วงที่แทยอนขึ้นม.ปลายเด็กม.ต้นปีสุดท้ายอย่างซอจูฮยอนให้เวลากับแทยอนน้อยลง ตอนเย็นหายไปบ่อยๆ และไม่กลับบ้านพร้อมกันเหมือนอย่างเคย ทุกอย่างที่ซอฮยอนเคยทำให้ค่อยๆ ลดลงทีล่ะน้อย

              “ฉันเป็นพี่สาวที่ไม่ดีเหรอหรือฉันมันไม่น่าสงสารเลยสักนิด” พูดทั้งน้ำตา แทยอนเริ่มมีรอยร้าวที่หัวใจตั้งแต่เมื่อไหร่กันพี่น้องแม้จะต่างสายเลือดก็ไม่ควรรักกันเชิงชู้สาว

              ยังไม่เข้าใจอีกหรือคิมแทยอน

              “ซอคะอ ซอฮยอนน” เสียงหวานหอบกระเส่าที่น่าฟังจับใจทำเอาหญิงสาวร่างเล็กชาวาบไปทั้งตัวเสียงที่คุ้นเคย เสียงของเพื่อนคนหนึ่งที่เธอไว้ใจที่สุดจองซูยอน

              เหมือนเวลาหยุดหมุน หัวสมองมันตื้อไปหมด จะขยับตัวหรือเดินหนีไปที่อื่นแทยอนก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงเหลือเกินไม่จริงหรอก เธอก็แค่กำลังฝันร้ายเท่านั้นเองแค่ฝันร้าย!

              มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ยเจสสิก้า

              แทยอนทรุดลงพิงกับประตูบ้าน น้ำตาที่คิดว่าเหือดหายไปแล้วกลับล้นเอ่อออกมาอีกครั้งและมากมายกว่าที่ผ่านมา มือเล็กยกขึ้นปิดปากตัวเองเพื่อกันเสียงสะอื้นไม่ให้สองคนนั้นได้ยิน

     

              แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าสองคนนั้นคงได้ยินแค่เสียงของกันและกัน

     

              แค่ออกไปเที่ยวและบอกว่าจะกลับดึก แทยอนไม่นึกเลยว่าการกลับมาก่อนเวลาจะได้มาเห็นเหตุการณ์ที่ทำร้ายหัวใจจนไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ไม่นึกมาก่อนเลย

              “ซอฮยอนเปลี่ยนไปตั้งแต่เกรด 9…” แทยอนพูดกับตัวเองเบาๆ

              นี่เธอโดนหลอกมาตั้งแต่เกรด 11 ยันมหาลัยเนี่ยนะ!?

              เธอมันโง่คิมแทยอนโง่มากจริงๆ

              อ่อนเพลียเหลือเกินเมื่อหาข้อสรุปได้ เวลานี้อ่อนแอมากเกินกว่าจะขยับร่างกายหลบซ่อนได้ไหวทำได้เพียงแอบฟังบทรักของคนโกหกสองคนก็เท่านั้น

              เธอได้มันไปหมดแล้วเจสสิก้าทั้งเพื่อนของฉัน ทั้งชื่อเสียง และน้องสาวต่างสายเลือดที่ฉันรักจนหมดหัวใจ

              “เจสสิก้าจองเจสสิก้า” ฉันเกลียดเธอ!!!

     

                “ยุนไม่ต้องโกหกหรอกค่ะ” แทยอนพูดเสียงเรียบแล้วรอฟังคำตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วก็ตามแต่เธอก็แค่หวังว่าสิ่งที่เธอรู้มันอาจจะผิดบ้างก็ได้

                “ขอโทษค่ะ ยุนกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วพี่แทจะรู้สึกไม่ดี” ตอบเสียงอ่อนไปอย่างนั้น มือเรียวทั้งสองกุมกันไว้แน่นเตรียมใจรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ อย่างที่เคยพูดไปคิมแทยอนเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้าย

                “ไม่เป็นไรค่ะ”

                “” ไม่โดนตบตีแฮะ?

                “ยุนกลับไปเถอะ” ส่งยิ้มให้คนอายุน้อยกว่า ถึงตอนนี้แทยอนจะชอบยุนอาก็จริง แต่การจะลบเลือนเด็กสาวที่แสนดีอย่างซอจูฮยอนออกไปจากใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ

                “ไม่ได้ค่ะ จะให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ อยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง” ยุนอาปฏิเสธคัดค้านคำพูดของแทยอนสุดชีวิต เธอเข้าใจแทยอนดีว่ารู้สึกแย่แค่ไหนและถ้าหากเธอปล่อยให้แทยอนอยู่กับตัวเองก็ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะทำอะไรบ้าง

                “พี่อยู่คนเดียวได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง”

                “แต่ว่า

                “ถ้ายุนแค่คิดว่าต้องรับผิดชอบที่จูบพี่ไปเมื่อวันก่อนก็พอเถอะค่ะไม่ต้องฝืนหรอก” อีกแล้วที่ต้องฝืนยิ้มออกไป ทั้งที่อยากรั้งให้ยุนอาอยู่ข้างๆ แทบขาดใจ

                แทยอนเป็นผู้หญิงที่ร้ายกาจเหลือเกินประโยคเมื่อครู่ทำให้หัวใจของอิมยุนอามีรอยร้าวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คิมแทยอนไม่เคยพูดจาเชือดเฉือนทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้เลย

     

                ไม่เคยสักครั้ง

     

                “ที่ผ่านมาพี่แทไม่รู้เลยเหรอว่ายุนทำไปเพื่ออะไร จะมาแสดงความยินดีเมื่อประสบความสำเร็จทำไม จะอยู่เป็นเพื่อนตอนดื่มทำไม ชวนไปเที่ยวทำไม

                “” แทยอนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินรุ่นน้องพูดเช่นนั้นนั่นสิ ทำไมกัน?

                ยุนอามองแทยอนยิ้มๆ มือเรียวเอื้อมไปลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแล้วหมุนตัวจะเดินไปที่ประตูบ้านแต่อ้อมกอดอุ่นๆ จากด้านหลังมันทำให้เธอชะงัก เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่สื่อผ่านมาถึงเธอได้ยินเป็นคำพูดชัดเจน

    อย่าไป

    แทยอนคลายกอดแล้วเดินอ้อมไปด้านหน้าของยุนอา ยกวงแขนขึ้นโอบรอบคอรั้งลงมาบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างนุ่มนวลและเนิบนาบ

    “พี่ขอโทษที่ไม่เข้าใจอะไร”

     

    “แต่ทุกอย่างที่ยุนทำให้พี่หรือทำให้ใครพี่รู้สึกนะคะ”

     

    เผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิดจนถึงตอนนี้ยุนอาก็ยังแปลกใจว่าทำไมซอฮยอนถึงละเลยผู้หญิงน่ารักเช่นแทยอน

    แต่ก็ดีแล้วล่ะ ถ้าซอฮยอนกับแทยอนรักกันเธอคงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปแทรกกลางความสัมพันธ์ และพอลองคิดดูว่าถ้าต้องสลับคู่ให้เจสสิก้ามารักกับเธอเธอขอผ่านถ้าจะต้องเจอกับผู้หญิงร้ายเหลี่ยมจัดมารยามีไว้ก็ต้องใช้ให้คุ้มแบบเจสสิก้า

    ยุนอาก้มมองดวงตากลมแวววาวสีดำสนิทของคนตรงหน้าอย่างอ่อนโยนแล้วกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อนั้นอีกครั้งและอีกครั้งย้ำความรู้สึกลงไปให้แทยอนได้มั่นใจ

    ฉันรักเธอ

     

     

    เจสสิก้ากดเปลี่ยนคลื่นความถี่วิทยุในรถของซอฮยอนอย่างขัดใจ เพราะไม่ว่าจะกดเปลี่ยนไปช่องไหนก็พบเจอแต่เพลงอกหักรักคุดตุ๊ดเมินไปเสียทุกช่องเธอไม่ได้ซีเรียสที่จะฟังเพลงแบบนี้หรอกนะแต่มันไม่เข้ากับบรรยากาศในตอนที่อยู่กับซอฮยอนสองต่อสองเอาซะเลย!

    ซอฮยอนแอบเหลือบมองผู้หญิงสวยจัดข้างๆ แล้วก็อดขำไม่ได้ดูทำหน้าเข้าสิ

    “วันนี้มีแต่คนอกหักหรือไงเนี่ย!” นั่นเริ่มบ่นแล้ว

    “ฮ่าๆๆ ถ้าเป็นเพลงที่ไม่ชอบก็ไม่ต้องฟังสิคะ” ยิ้มขำๆ กับท่าทีของอีกฝ่าย แต่แล้วก็ได้ค้อนวงโตส่งกลับมาแทนเธอพูดอะไรผิดนะ?

    หลังจากแผ่รังสีเอฟเฟคต์ใส่เด็กตัวโตข้างๆ แล้วก็ทิ้งตัวพิงเบาะหนังอย่างเบื่อหน่าย คนอุตส่าห์อยากได้บรรยากาศดีๆ เพลงรักหวานๆ ตอนรถติดให้แอบเขินกันบ้างอะไรบ้างแท้ๆแต่ดันพูดซะหมดอารมณ์ออดอ้อนออเซาะไปทันควัน

    ซอฮยอนเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มกว้างกับความน่ารัก(?)แบบเด็กๆ ของดาราสาว มือเรียวหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วต่อกับเครื่องเสียงของตัวรถ

    I'm a lazy girl yeah, yeah” เพลงขึ้นแล้วก็ขอแอบร้องท่อนแรกเน้นย้ำแกล้งจิกกัดสาวสวยข้างๆ เล่นอย่างสนุกสนาน ท่อนที่มีคำว่า Lazy girl ซอฮยอนย้ำมันทุกท่อนจนเจสสิก้าเคืองเบาๆ

    ถึงจะเป็น Lazy girl ก็ทำงานนะยะ!

    เจสสิก้าได้แต่มองซอฮยอนด้วยหางตา จะตีแขนก็กลัวซ้ำที่ตีไปเมื่อตอนค่ำ จะร้องเพลง fuck you กลับก็เห็นทีจะมีเนื้อหารุนแรงเกินไปหน่อย

    “จริงสิ พี่สิก้าทานข้าวเย็นรึยังคะ?”

    “ยังเลยค่ะ ช่วงนี้แฟนคลับใส่แว่นดำไม่ค่อยดูแล” พูดจบเจสสิก้าก็ยักคิ้วใส่กวนๆ ซอฮยอนได้ยินอย่างนั้นก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง

    “พี่สิก้ารู้?”

    “รู้สิคะ แต่ก็เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองแหละ” นั่นน่ะสิเธอรู้ได้ยังไงกันนะ?

     

    ซอฮยอนทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยอ่อนหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แม่คุณแม่ทูนหัวของเธอก็ช่างรักสวยรักงามเหลือเกิน อาบน้ำเกินครึ่งชั่วโมงแล้วไหนจะเวลาประทินผิวอีกแค่อยู่เฉยๆ ไม่ต้องไปดูแลเจสสิก้าก็เป็นผู้หญิงที่สวยมากมายอยู่แล้วในความคิดของเธอ

    “หื้มม?” เลิกคิ้วอย่างสงสัยเมื่อสังเกตเห็นรูปในกรอบบนหัวเตียง ลุกขึ้นนั่งแล้วเอื้อมหยิบมันมาดูใกล้ๆ ก็ต้องตกใจรูปนี้มันรูปคู่ของเธอกับเจสสิก้า

    มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?!

    “พี่บังเอิญเจอมันอยู่ในกล่องใต้เตียงน่ะค่ะ” เจสสิก้าที่เข้ามาเห็นซอฮยอนดูรูปนั้นอยู่เดินไปนั่งข้างๆ แล้วพูดอธิบาย เพราะดูจากสีหน้าของซอฮยอนแล้วเจ้าตัวคงจะช็อคไม่ใช่น้อย

    ซอฮยอนถึงกับพูดอะไรไม่ออกมันจะมีอะไรเหลืออยู่ที่นี่ได้ยังไงกันในเมื่อเธอเป็นคนที่เอาของพวกนี้ไปไว้กับตัวเองจนหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว ทุกสิ่งที่เป็นความทรงจำระหว่างเธอกับเจสสิก้า

    “ซอคงจะรู้ทุกอย่างอยู่แล้วใช่มั้ยคะ?” เจสสิก้าพูดยิ้มๆ ตอนแรกที่รู้ว่าซอฮยอนคงจะรู้เรื่องอยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอสองคนเจสสิก้าไม่นึกโกรธเลยแม้แต่น้อยเพียงแค่เสียใจที่อีกฝ่ายไม่บอกกัน

    “ตอนนี้ไม่ต้องบอกหรืออธิบายอะไรให้พี่ฟังหรอกค่ะ มันคงเป็นเรื่องที่พูดยากจริงๆ” เจสสิก้าไม่ได้อยากรู้อะไรจากซอฮยอนเลยเพราะเธอรู้ตัวเองดีว่าสักวันจะต้องจำได้

    “ไม่ยากเลยค่ะ แต่ซอคิดว่าเดี๋ยวพี่สิก้าก็รู้เลยไม่บอก” ว่าแล้วก็หอมแก้มเนียนนุ่มเบาๆ เจสสิก้าได้ยินซอฮยอนพูดอย่างนั้นก็อดดีใจไม่ได้เด็กคนนี้รู้จักเธอดีที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อยมากมายแค่ไหนซอฮยอนก็เข้าใจทุกอย่างที่เป็นเธอทั้งหมด

    แต่ยังมีบางอย่างที่ซอฮยอนไม่เข้าใจ

     

    จองซูยอนอยากได้คำว่ารักจากซอจูฮยอนมากเหลือเกิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×