ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic:SNSD] Just you say...(Yuri) SeoSic ft.YoonTae&YulFany

    ลำดับตอนที่ #7 : [CH.4] Sips the night (100%) edit แก้คำผิดเรียบร้อย

    • อัปเดตล่าสุด 10 มี.ค. 56


     

     

     

    Sips the night…

     

                แทยอนพ่นลมหายใจเป่าหน้าม้าตัวเองด้วยความไม่สบอารมณ์ที่อยู่ๆ น้องสาวสุดที่รักก็เดินออกจากบ้านไปแบบไม่บอกไม่กล่าว มือเล็กนั้นก็ยกแก้วเหล้ากระดกเอาๆ จนยุนอาใจหายไม่น้อยไม่ได้คิดจะมอมหรอกนะ เพียงแต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหน้าใสๆ อย่างแทยอนจะคอแข็งได้ปานนี้

                “ยุนว่าพี่ดื่มเยอะแล้วนะ”

                “ยังหรอกค่ะ แค่นี้สบายมาก” แทยอนหันมาส่งยิ้มให้แล้วนั่งดูทีวีต่อ แค่นี้เธอจะเมาได้ยังไงกันในเมื่อตัวเธอเป็นสาวสังคมที่ชอบสังสรรค์ปาร์ตี้เฮฮาเป็นชีวิตจิตใจ

                “เจ็ดแก้วแล้วนะคะพี่แท” ยุนอายังคงไม่เลิกท้วง แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าแทยอนชอบดื่มมากแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากให้มันมากเกินไปแทยอนไม่รู้ตัวหรอกว่าตอนที่ตัวเองเมาน่ะ

     

                น่าปล้ำสุดๆ !

     

                “แค่เจ็ดแก้วเอง น่านะไหนๆ ก็ฉลองให้พี่ทั้งทีนี่คะ” ไม่พูดเปล่ามือเล็กนั้นก็กระดกเหล้าที่เหลือในแก้วจนหมดแล้วลุกไปผสมใหม่อีกจนยุนอานับแทบไม่ทัน

                สาวนิเทศมากพรสวรรค์ได้แต่นั่งมองรุ่นพี่ในคณะแล้วบ่นงึมงำกับตัวเองเบาๆ ตาใสๆ จ้องมองสาวร่างเล็กดื่มเหล้าราวกับว่ามันเป็นน้ำเปล่าที่ผ่านคอแล้วไม่รู้สึกร้อนผ่าวอะไรเลย ถึงจะคอแข็งมากปานใดก็ตามร่างกายคนเรามันก็มีขีดจำกัดกันบ้างดื่มไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องเมาอยู่ดี

                และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นไปตามที่ยุนอาได้คาดการณ์ไว้ ผ่านไปได้ไม่นานแทยอนก็เมาออกอาการเมาไม่รู้เรื่องจนต้องแบกพาไปที่ห้องนอนเพื่อให้คนเมาพักผ่อนได้สบายสักหน่อย

                ยุนอาหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดไปตามใบหน้าขึ้นสีระเรื่ออย่างเบามือด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมา นั่งลงที่ขอบเตียงแล้วก็เพ่งพินิจพิจารณาหน้าหวานๆ นั้นอย่างละเอียด

                ไม่เข้าใจซอฮยอนเลยว่าทำไมถึงไม่หวั่นไหวกับพี่สาวของตัวเองบ้างทั้งที่แทยอนออกจะติดซอฮยอนแจซะขนาดนั้น ทั้งขี้อ้อน เอาแต่ใจ แง่งอนน่ารักๆยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

                ถ้าเธอเป็นซอฮยอนแทยอนต้องไม่พ้นเธอแน่ๆ!

                “อือออซอฮยอนนนกลับบ้านได้แล้ว” คนเมาพูดละเมอออกมาพร้อมกับพลิกตัวหันหลังให้กับรุ่นน้องที่กำลังแอบขำกับพฤติกรรมน่ารักๆ นั่นแม้คนอื่นจะมองยังไงแบบไหนยุนอาก็คิดว่ามันน่ารัก

                “เอาแต่พูดถึงเจ้าซอแฮะ” บ่นกับตัวเองพลางค่อยๆ ขยับตัวลงนอนข้างๆ วงแขนโอบกระชับรั้งเอวบางเข้ามากอดแนบแน่น มือเรียวลูบผมนุ่มอย่างเบามือ

               

                “ฝันดีนะคะคิมแทยอน” พูดจบก็จูบกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนเบาๆ แล้วผล็อยหลับไป

                ค่ำคืนนั้นแทยอนรู้สึกอบอุ่นกว่าที่เคยด้วยอ้อมกอดของอิมยุนอา

     

                รถติดฝนตกอะไรอากาศจะเป็นใจให้ฮวังทิฟฟานี่ได้อยู่กับควอนยูริสองต่อสองปานนี้

    นี่ก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้วที่รถในท้องถนนใหญ่ค่อยๆ ขยับไปทีล่ะนิดถ้าหากเป็นแบบนี้ให้เดินกลับบ้านเองคงจะเร็วซะกว่า

                “ฝนมาตกอะไรเอาตอนนี้นะ” ยูริเอนหลังพิงเบาะรถอย่างเหนื่อยหน่าย มือเรียวยกขึ้นมานวดขมับตัวเองด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานตั้งแต่เช้า ทิฟฟานี่เห็นอย่างนั้นก็เริ่มรู้สึกเกรงใจดาราสาวหล่อไม่น้อยที่อุตส่าห์อาสาจะไปส่งเธอให้ถึงหน้าคอนโดอันที่จริงให้เพื่อนคนอื่นที่ไม่ใช่เจสสิก้าพาไปส่งมันก็ได้อยู่หรอก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วให้เพื่อนของแฟนไปส่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร

                “ไม่แปลกนะคะยูล ก็นี่มันหน้าฝนไม่ใช่เหรอ”

                “จริงง่ะ นี่มันเดือนอะไรแล้วเนี่ย” เวรกรรมนี่หล่อนทำงานจนลืมวันลืมคืนเลยหรือไงยะ

                “ยูลเคยดูปฏิทินมั้ย?” ทิฟฟานี่พูดเสียงกลั้วหัวเราะแล้วเล่นเกมในไอโฟนต่อ สายตาก็แอบเหลือบมองยูริที่กำลังหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองขึ้นมากดดูวันเดือนปี

                “โอ้จริงด้วยสิ ลืมไปเลยแฮะ” ยูริยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองแก้เขิน

                “ยูลน่าจะหาเวลาพักผ่อนบ้างนะ ทำงานหนักจนลืมเวลาแบบนี้มันไม่ดีเลย”

                ยูริได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ให้เมื่อเห็นว่าผู้จัดการสาวออกแนวแอบดุเธอเบาๆ เท้าเหยียบคันเร่งให้รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย น่าแปลกใจจริงๆที่ยูริลืมเจสสิก้าไปซะสนิท ในหัวเริ่มจะมีแต่เรื่องของทิฟฟานี่เข้ามาแทนที่ มันเป็นเพราะอะไรกัน?

     

                หรือจะเป็นรักแรกพบ?

     

                ก็ไม่ใช่อยู่ดี เพราะยูริรู้จักกับทิฟฟานี่มาก็นานแล้วตั้งแต่ตอนที่รับบทแสดงหนังรักร่วมกับเจสสิก้า ยิ่งคิดยูริก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองถ้าจะเป็นแบบนี้ทำไมไม่ชอบทิฟฟานี่ตั้งแต่แรก

     

                บ้าจริง! ทิฟฟานี่เป็นแฟนซูยองนะ!!

     

                “ช่วงนี้สิก้าไม่ค่อยมีงานเหรอคะ?” ถามเรื่องเจสสิก้าอีกแล้ว?

                “ค่ะ เห็นเจ้าตัวว่าจะลดงานให้น้อยลงสักวันสองวัน” ทิฟฟานี่พูดจบก็ก้มหน้าก้มตารัวนิ้วลงบนหน้าจอไอโฟนเช่นเดิมจนยูริแอบสงสัยมันมีอะไรดีนักหรือ?

                “ฟานี่ติดมือถือเหมือนกันนะเนี่ย” ดาราสาวพูดหยอกล้อแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อเพราะการจราจรบนท้องถนนเริ่มจะคล่องตัวมากขึ้นเล็กน้อยถึงปานกลาง

                “ชอบเล่นเกมน่ะค่ะ เพื่อนฟานี่เยอะด้วยแหละต้องตอบนั่นนี่กันตลอด”

                “มีเพื่อนเพิ่มอีกสักคนคงไม่เป็นไรนะ?”

                “เอ๋…?

                “เอ่อลืมๆ มันไปเถอะ” ดาราสาวพูดปัดแทบไม่ทัน อยากจะทึ้งหัวตัวเองวิ่งชนกำแพงซะจริงที่พูดอะไรออกไปแบบนั้นนั่นมันแฟนเพื่อนนะ!

                เวลาล่วงเลยมาชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงหน้าคอนโดของสาวหมีตายิ้ม ทำเอายูริแอบงงไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นคอนโดของผู้จัดการสาวอย่างทิฟฟานี่ คอนโดที่หรูหราราคากระฉูดเช่นนี้เหมือนจะอยู่ดียิ่งกว่าดาราใหญ่หลายๆ คนซะอีก ผู้หญิงคนนี้เริ่มมีอะไรน่าค้นหาซะแล้วสิ

                “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ยูลยินดี” ร่างสูงมองอีกฝ่ายเก็บของกำลังจะเดินลงจากรถคันหรูแต่ก็ต้องชะงักเมื่อทิฟฟานี่หันกลับมา

                “fanybear แอดมานะ” ว่าแล้วก็รีบเดินลงจากรถไปทันทีทิ้งให้ยูรินั่งเขินอยู่คนเดียวนี่เธอกำลังให้ท่าควอนยูริรึเปล่า?

                ดาราสาวเจ้าของใบหน้าคมเข้มแอบอมยิ้มขำเล็กๆ มือเรียวหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแอดไลน์ของผู้จัดการหมีในทันที ไม่นึกเลยว่าทิฟฟานี่จะเล่นกับเธอด้วย

                ขอโทษนะซูยอง

     

     

              เจสสิก้าแต่งตัวเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หน้าสวยคมนั้นซุกกับหมอนใบใหญ่ปล่อยให้มันทำหน้าที่ซับน้ำตาที่พากันพร่างพรูออกมาจากดวงตาคมคู่งาม เธอจะโดนเด็กตัวโตนั่นหัวเราะเยาะมั้ยนะหัวเราะที่เธอให้ใจไปในเวลาเพียงไม่นานนักให้ไปจนหมดทั้งหัวใจที่มี

                ไม่ใช่สิ

     

                เธอรู้สึกว่าหัวใจอยู่ที่ซอฮยอนมานานแล้ว

              อยู่กับซอฮยอนมาก่อนที่จะได้พบเจอกัน

     

                ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจที่ดูท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ค่อยอยากพูดอะไร ไม่อยากให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งมากไปกว่านี้ไม่อยากรักกันทั้งที่เจสสิก้าสัมผัสได้ชัดเจนว่าซอฮยอนรักเธอมากมาย หรือเธอเพียงแค่คิดไปเอง?

                แค่ผู้หญิงธรรมดาที่ได้แต่คิดเพ้อฝันข้างเดียวว่าจะได้สมหวังได้รักกับคนที่รัก แต่เจสสิก้าไม่อยากเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาเธออยากเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดสำหรับซอฮยอน

                สัมผัสอุ่นจากด้านหลังทำให้เจสสิก้าสะดุ้งเล็กน้อย วงแขนนั้นโอบกระชับร่างบอบบางของเธอไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับจูบเบาๆ ที่ใบหูอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลมราวกับรู้ว่าเธอกำลังร้องไห้เสียน้ำตาอย่างไม่สมเหตุสมผลให้ตัวเอง ซอฮยอนไม่ชอบเลยที่เป็นฝ่ายทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจ

                “ร้องไห้ทำไมคะพี่สิก้า” เอ่ยกระซิบถามเสียงแผ่วเบาแล้วพลิกตัวดึงร่างบางเข้ามากอดไว้แนบอกก่อนจะกดจูบอุ่นลงบนหน้าผากมนซอฮยอนทำไปโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ายิ่งแสดงออกถึงความรักมากเท่าไหร่เจสสิก้าก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจมากกว่าเดิม

                วงแขนบอบบางค่อยๆ วาดโอบกอดรอบเอวคอดแล้วซบหน้าซุกอกอุ่นของคนที่อายุน้อยกว่าอย่างต้องการจะหาที่พึ่งพิง หากไม่ได้รับคำว่ารักเจสสิก้าก็ขอรับความรักทั้งหมดที่เด็กคนนี้มีให้เธอก็แล้วกัน แม้ว่าจะเป็นรักที่ไม่สมบูรณ์แบบเพราะไร้ซึ่งคำพูดแต่เธอจะเป็นคนเติมเต็มส่วนที่เหลือนั้นเอง

                “ไม่ร้องแล้วนะ” พูดเสียงหวานพลางก้มลงจูบซับน้ำตาให้ ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆ ที่หางตาอีกข้าง ซอฮยอนรู้ดีว่าเจสสิก้าร้องไห้เพราะอะไรไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากบอกไม่อยากพูดให้อีกฝ่ายรับรู้

                แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้

                เจสสิก้าพยักหน้ารับน้อยๆ แอบช้อนตามองร่างสูงแล้วเลื่อนมือขึ้นไปใช้ปลายนิ้วไล้ตามริมฝีปากบางนั้นเล่น ไม่รู้ว่าทำไมถึงคุ้นเคยไปหมดทุกสัมผัสทุกการกระทำ คุ้นหมดทุกอย่างจนน่าแปลกใจราวกับว่าเขาและเธอเคยเป็นของกันและกันมาก่อน

     

                ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักกันโดยเฉพาะ

     

                แต่มันจะไปเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเจสสิก้าเพิ่งจะเคยพบเจอกับซอฮยอนเมื่อไม่นานมานี้เอง หรือจะเป็นเพราะสมองเธอมันฟุ้งซ่านจนกู่ไม่กลับเสียแล้วแต่เธอคิดว่าอย่างหลังไม่น่าจะใช่

     

                ถ้าเพิ่งเจอกันจริงๆ เธอคงไม่สามารถรักซอฮยอนได้มากถึงขนาดนี้

     

                “เราเคยเจอกันมาก่อนมั้ยคะ?” เจสสิก้าเอ่ยปากถามออกไปเสียงแผ่ว มือบางเลื่อนขึ้นไปแนบลงกับใบหน้าใสของซอฮยอน เพียงแค่ถามคำถามนี้ออกไปหัวใจก็สั่นไหวไปทั้งดวง รู้สึกตื่นเต้นกับคำตอบเหลือเกินว่าเด็กตัวโตจะตอบคำถามของเธอในรูปแบบใด

                “พี่สิก้าคะ”

                “” จะเรียกทำไมกันฉันเป็นฝ่ายถามเธอก่อนนะ

                “เชื่อเรื่องเวทย์มนตร์รึเปล่า?” ซอฮยอนพูดพร้อมรอยยิ้ม ฝ่ามืออุ่นวางทาบทับกับมือที่เล็กกว่าบนแก้มของตนเองอย่างเบามือ ซอฮยอนรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ทุกการกระทำทุกคำพูด

                เพราะสิ่งที่เธอได้ถามออกไปไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อ

                เจสสิก้าขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจในคำถามของซอฮยอน แต่เมื่อคิดทบทวนดูสักพักริมฝีปากบางก็แย้มยิ้มก่อนจะกดจูบลงที่ปลายคางมนนั้นอย่างนึกเอ็นดู

    “พี่เชื่อนะคะ”  กระซิบตอบคำถามชิดกับผิวเนื้อเนียนและเว้นอีกประโยคไว้สักพัก

     

    “เพราะเวทย์มนตร์ก็เหมือนกับความรักที่สามารถทำได้ทุกอย่าง”

     

    ให้ตายสิไม่นึกเลยว่าจะตอบแบบนี้ซอฮยอนคิดในใจแล้วลูบผมนุ่มของอีกฝ่ายอย่างเบามือ ก้มลงมอบจุมพิตกรุ่นร้อนให้อย่างแสนรักก่อนจะเลื่อนไปแตะริมฝีปากกับเปลือกตา

    “นอนนะคะ วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว”

    “ซอยังไม่ตอบคำถามพี่เลยนะคะ” เจสสิก้าเบ้ปากแล้วสะบัดหน้าหนีอย่างขัดใจ อันที่จริงเจสสิก้าไม่ใช่ผู้หญิงงอแงแง่งอนแบบนี้หรอกนะ แต่ถ้าไม่ทำก็คงไม่ได้คำตอบจากเด็กปากแข็ง

    “กาลครั้งหนึ่งในฝันค่ะ” ซอฮยอนตอบยิ้มๆ ได้ยินอย่างนั้นเจสสิก้าก็ทำหน้างงอีกแล้วที่เด็กคนนี้สร้างความปั่นป่วนให้หัวสมองของเธอ

    ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อทุกอย่างก็ดับวูบลง

    “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว”

     

     

    เจสสิก้านั่งหน้ามุ่ยอยู่แบบนี้ตั้งแต่มาทำงานจนกระทั่งถึงตอนแต่งหน้า แม้ตอนนี้สีหน้าก็ยังคงดูไม่ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากนักทำเอาทั้งทิฟฟานี่และช่างแต่งหน้ามึนไปตามๆ กัน เพราะปกติแล้วเจสสิก้าจะยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างานจะหนักหนาสาหัสเพียงใด ยิ่งงานวันนี้ชิวๆ เนื่องจากภาพยนตร์ที่ได้รับบทมาเป็นนางเอกคู่กับคิมคีย์บอมเพื่อนสาวสมัยเรียนของเจสสิก้า

    ย้ำว่าเพื่อนสาว

     

    “เป็นอะไรยะหล่อน” คีย์เข้ามาทักทายเพื่อนสาวร่วมวงการคนสนิทด้วยท่าทางที่มาดแมนราวกับชายหนุ่มเช่นทุกที ยกเว้นน้ำเสียงที่ดูจะไปทางดัดจริตเล็กน้อย

    “เปล่า ฉันแค่ไม่อยากเล่นบทเลิฟซีนกับตุ๊ด” เจสสิก้าพูดอย่างเซ็งๆ เพราะไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงอะไรให้มากความ ไหล่เล็กบางนั้นไหวน้อยๆ ด้วยไม่ใส่ใจเพื่อนนักแสดงมากเท่าใดนัก คีย์เองก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจเจสสิก้า จึงได้แต่กลอกตาไปมาแล้วผลักหัวอีกฝ่ายแรงๆ เป็นการแสดงความรัก

    “งั้นฉันขอไปบิ้วท์อารมณ์แมนก่อนแล้วกันนะ -___-” หนุ่มร่างโปร่งว่าแล้วก็รีบเดินหนีออกไปจากบริเวณนั้นในทันทีเนื่องจากรับรู้ได้ถึงเอฟเฟคต์อุณหภูมิติดลบ

    “เวลาทำงานนะสิก้า” ทิฟฟานี่เตือนเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยสีหน้าบึ้งตึงเช่นเดิมไม่มีบริเวณไหนเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่มากมายนัก

    “รู้แล้วน่า”

     

    เธอแค่หงุดหงิดที่เมื่อคืนนี้ยังไม่ได้คำตอบแน่ชัด

     

    “อย่าเอาเรื่องอื่นมาปนกับเรื่องงานเธอพูดเองไม่ใช่หรือไง” ดาราสาวสวยบ่นตัวเองเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นโค้งขอบคุณให้กับเมคอัพดีไซน์เนอร์แล้วเดินไปเตรียมตัวเข้าฉาก

    ผู้จัดการสาวหมีเห็นท่าทางของดาราดังผู้อยู่ในความดูแลของตนแล้วก็อดอมยิ้มขำไม่ได้ ต่อให้เจสสิก้าสติหลุดมากแค่ไหนก็ต่อเข้าเรื่องงานโดยไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องด้วยได้เสมอฟังดูง่ายแต่ในความเป็นจริงแล้วช่างยากเย็นเหลือเกินที่จะปัดความจริงทิ้งไปเมื่อเข้าสู่โลกบันเทิง

    เพราะความจริงไม่ใช่หนังหรือละคร

               

                ใกล้จะเที่ยงแล้ว
              อย่าลืมทานข้าวนะคะ
             
    11.51 sent by Seohyun

     

                หากท้ายที่สุดแล้วก็ปฏิเสธใจตัวเองไม่ได้ซอจูฮยอนไม่อาจออกจากโลกมายาที่เธอจำเป็นต้องก้าวเดินเข้าไปได้เลย ต้องส่งข้อความตอบกลับไปทุกครั้งที่เขาส่งข้อความมา

                “รีบๆ ตามมานะ” คีย์พูดเสียงเรียบด้วยโทนเสียงของผู้ชายแมนแท้เรียกให้เจสสิก้าออกจากโลกแห่งความจริงเกือบจะสมบูรณ์แบบคิมคีย์บอมเป็นโฮโมเซ็กช่วลแต่เป็นชายหนุ่มได้เมื่ออยู่ในเวลางาน

                จองเจสสิก้าจะยอมแพ้เพื่อนร่วมวงการไม่ได้!

     

               

                ยุนอาพยายามเปิดเปลือกตาตื่นอย่างยากลำบากอยู่นานสองนาน แต่เมื่อปรับทัศนียภาพได้ก็ไม่เห็นผู้หญิงตัวเล็กนอนอยู่ข้างๆ แล้ว เมื่อคืนนี้เธอเองก็มึนหัวไม่น้อยด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ไม่น่าเชื่อว่าคิมแทยอนที่ดื่มเข้าไปมหาศาลขนาดนั้นจะเป็นฝ่ายตื่นก่อน

                ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินทั่วบ้านของรุ่นน้องคนสนิทก็หาแทยอนไม่เจอ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอนของซอฮยอนเหลือก็แต่ห้องน้ำที่ไม่กล้าเข้าไปดู

                คิดได้อย่างนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่เดินกลับมานอนเล่นกลิ้งไปกลิ้งมาที่ห้องนอนของแทยอนอีกครั้งเพื่อฆ่าเวลา วันหยุดแบบนี้ยุนอาไม่รู้จะไปไหนดี ครอบครัวก็ล้วนแล้วแต่พากันย้ายไปอยู่สวิสเซอร์แลนด์ซะหมด

                “อ้าว ตื่นแล้วเหรอคะยุนอา” แทยอนทักรุ่นน้องคณะเดียวกันขณะที่สองมือเล็กๆ ก็เช็ดผมตัวเองอย่างแรงจนแทบหมดภาพพจน์อดีตดาวคณะนิเทศน์

                ดูยังไงก็เหมือนลูกหมาตกน้ำ

                “ตื่นนานแล้วค่ะ แต่ยังเมาค้างนิดหน่อย” ยุนอาตอบพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ เพราะดูเหมือนแทยอนจะไม่สะทกสะท้านกับการดื่มเมื่อคืนนี้เท่าไหร่

                “พี่ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยนะ” แหงล่ะ! ก็คุณพี่ออกงานบ่อยจะตายไป

                “วันนี้ยุนไม่มีเรียน เจ้าซอก็ไปทำโครงงานบ้านเพื่อนเราไปเที่ยวกันมั้ย?” สาวหน้าใสพูดยิ้มๆ แม้ว่าในใจจะเขินอายจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

     

                ก็ยุนอาตั้งใจจะชวนแทยอนออกเดทน่ะสิ!

     

                “ได้ค่ะ พี่ว่างพอดี” แทยอนหน้าแดงด้วยความเขินอาย ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าเด็กมากพรสวรรค์จะเอ่ยปากชวนเธอไปเที่ยวในวันหยุดแบบสองต่อสองซะด้วยสิ

                ได้รับคำตอบแล้วยุนอาก็ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีวิ่งโร่เข้าห้องน้ำไป อันที่จริงยุนอารีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำก็เพราะจะได้หยุดเก๊กแล้วปล่อยให้ความเขินอายนั้นแสดงออกเต็มที่ทั่วใบหน้าขาวใส ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องคอยทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไรกับแทยอนเลย

                เพราะเป็นการแอบรักแบบรู้เขารู้เรารึเปล่านะ?

                แทยอนได้แต่ยืนยิ้มกับตัวเองด้วยความดีใจจนลืมเรื่องน้องสาวหัวแก้วหัวแหวนสุดที่รักไปซะสนิท เช็ดผมไปก็นึกภาพไปว่าการเดทในวันนี้จะออกมาในรูปแบบใด

                “จะพาเราไปเที่ยวที่ไหนนะ” แทยอนคิดอะไรไม่ออกเลยล่ะ!!

     

     

                “คัท! เยี่ยมจริงๆ คุณเจสสิก้า ฝีมือไม่น้อยไปกว่าค่าตัวสักนิด” ผู้กำกับหนุ่มชองยุนโฮเอ่ยปากชมอย่างภาคภูมิใจในตัวดาราสาวสวย ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพยายามทาบทามมาให้แสดงเป็นนางเอกเรื่องนี้ล่ะก็งานคงไม่ราบรื่นสวยงามเป็นแน่ ส่วนพระเอกคงไม่ต้องพูดถึงเจ้าตัวเสนอจะมาเอง

                “แล้วผมล่ะฮยอง!” คีย์หันมาโวยวายทันทีที่เห็นว่ายุนโฮชมแต่เจสสิก้า

                “เรียกอปป้าก็ได้นะ”

                “ว้ากกกก ผมไม่ได้เป็นตุ๊ด แค่เป็นเกย์!!

                เจสสิก้ามองภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องส่ายหัวด้วยความเอือมระอา คีย์ทำงานร่วมกับยุนโฮทีไรเป็นต้องกัดกันทุกครั้ง เธอเข้าใจอยู่หรอกนะว่าคีย์ชอบยุนโฮมากแค่ไหน แต่ครั้นจะไปแย่งแฟนหนุ่มของพี่ชายมันก็ดูเลวร้ายเกินไปหน่อยย้ำอีกทีว่าแฟนหนุ่มของพี่ชาย

                “ต่อไปต้องไปถ่ายแบบที่สวนสนุกกับฮโยมินนะ” ทิฟฟานี่พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าเดินมานั่งข้างๆ สายตาก็จดจ้องตารางงานของเพื่อนสาวในไอแพด

                “อะไรนะ?”

                “ถ่ายแบบกับฮโยมิน” ผู้จัดการหมีสาวตอบเสียงแผ่ว

                “ขออีกรอบค่ะคุณผู้จัดการ”

                “ขอโทษค่ะ หนูผิดไปแล้ว!!!” ทิฟฟานี่รีบขอโทษเจสสิก้าทันทีที่นึกขึ้นได้ เธอลืมไปเลยว่าเจสสิก้ากับฮโยมินนั้นไม่ค่อยถูกกันสาเหตุน่ะเหรอ?

                ก็เพราะซอฮยอนไง

                แต่เจสสิก้าคงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก เพราะมีอะไรหลายๆ อย่างขาดหายไป เจอกันอีกทีก็กลายเป็นว่าไม่ถูกกันอยู่แล้ว จะขัดคอกันเวลาทำงานก็ไม่ได้ลากซอฮยอนมาพูด

                ฮโยมินก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพียงแต่ฮโยมินเองก็อยากจะเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดของซอฮยอนเช่นกัน ที่สาวเจ้าต้องเลิกกับซอฮยอนไปก็ไม่ใช่เพราะใครอื่น

               

                “เจสสิก้า!

                “เฮ้อ” เจสสิก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองนางแบบสาวอีกคนด้วยความรำคาญก่อนจะรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยคอนเซปต์ก็ช่างยากเย็นเหลือเกินที่ต้องทำเหมือนกับเป็นเพื่อนสนิทสาววัยรุ่นกำลังน่าอุ้มมาเที่ยวสวนสนุกตอนกลางคืนกันสองคนเพราะไม่มีหนุ่มไหนกล้าจีบ

                “เร็วๆ สิ มาก็สายแล้วยังจะช้าอีก” ฮโยมินบ่นกระปอดแปดไม่หยุด เจสสิก้าก็อยากจะโต้ตอบอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้

                “มัวแต่บ่นช้าจริงๆ เลยนะคะคุณฮโยมิน” อาศัยช่วงที่อีกฝ่ายกำลังบ่นไม่สนใจรอบด้านเดินไปเข้าฉากก่อน ทำเอาฮโยมินแอบงงไปแบบเบาๆ

               

                ทำงานกับฮโยมินทำให้รูปภาพออกมาได้ดีมากถึงมากที่สุด เพราะต่างคนต่างก็รู้ด้วยกันทั้งคู่ว่าเวลาไหนต้องทำอะไร เก็บของเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ขี้เกียจกลับบ้านเลยนั่งเล่นรอดูพาเหรดก่อนค่อยกลับจะว่าไปเธอก็ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้วนี่นะ

                นั่งคิดอะไรได้เพลินๆ ก็มีดอกกุหลาบสีขาวอยู่ตรงหน้า ช้อนตามองก็พบเจอมาสค็อตคุณกระต่ายของสวนสนุกจึงส่งยิ้มให้แล้วรับมา แต่แล้วจู่ๆ คุณกระต่ายก็นั่งลงข้างๆ ก่อนจะถอดหัวชุดมาสค็อตออก

                “เวลาเลิกงานพอดีเลย เราไปดูพาเหรดด้วยกันมั้ยคะพี่สิก้า”

                “” เงิบค่ะ ไม่นึกว่าเด็กตัวโตมันจะมาไม้นี้

                เจสสิก้ายังมึนไม่หาย ตกลงซอฮยอนทำงานพิเศษกี่อย่าง?

                “ว่าไงคะ?”

                “เอาสิ” ตั้งสติได้ก็ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข คิดถึงมาทั้งวันแล้วได้มาเจอกันในช่วงนี้ รูปแบบนี้ก็น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทำให้ไม่ค่อยตื่นเต้นมากมายนัก

                ซอฮยอนถอดชุดมาสค็อตวางไว้ที่ม้านั่งแล้วจูงมือเจสสิก้าไปยืนรอดูขบวนพาเหรด ต้องลงทุนเสียตัวเล็กๆ น้อยๆ ฝ่าฝูงชนแต่มันก็คุ้มล่ะนะ

               

                “ยุนนนน พี่ว่าคนมันเยอะไปนะคะ” แทยอนอิดออดทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่ยืนออกันตามแนวขบวนพาเหรดมีมากแค่ไหนก็แค่ไม่อยากเสี่ยงเพราะส่วนสูงของเธอช่างไม่อำนวยเอาซะเลย

                “ยุนอยากดูนี่” คนตัวสูงกว่าเอ่ยเอาแต่ใจหยอกล้อแกล้งรุ่นพี่ตัวเล็กอย่างสนุกสนาน

                “ยุนก็รู้ว่าพี่สูงเท่าไหร่”

                “แต่ยุนไม่ได้ตัวเล็กเท่าพี่แท”แทยอนจะบ้าตาย บทกวนก็กวนได้โล่

                ทุกน้ำเสียงและคำพูดของคนสองคนยังก้องอยู่ในหัวซอฮยอน เวลาและสถานการณ์อาจเป็นใจหากสถานที่มันช่างไม่เหมาะเจาะเอาเสียเลย จึงได้แต่ภาวนาในใจอย่าให้เจอยุนอากับแทยอนในตอนนี้ตอนที่เธออยู่กับเจสสิก้าสองคน ขอแค่ตอนนี้เท่านั้น

                ขบวนพาเหรดหลากรูปแบบและสีสันปรากฏให้ได้เห็นกันหลังจากยิงพลุชุดใหญ่ ท่าทางเจสสิก้าจะชอบมากเพราะมองตาไม่กะพริบอย่างกับไม่เคยมาเที่ยวสวนสนุก

                “ชอบมั้ยคะ?” เจสสิก้ายิ้มรับทันที มือบางนั้นจับมือของซอฮยอนไว้แล้วบีบเบาๆ เป็นเชิงออดอ้อน

                “อยากไปไหนต่อล่ะสิ” ซอฮยอนพูดอย่างรู้ทัน

                “พี่อยากนั่งชิงช้าสวรรค์ค่ะ” พูดจบก็ไม่รอช้า จูงมือเด็กตัวสูงเดินไปที่ชิงช้าสวรรค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับขบวนพาเหรด มันไกลนิดหน่อยถ้าไม่เจอแทยอนก็โอเคแล้ว

                ซอฮยอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับตัวเองไม่หยุดเมื่อเห็นว่าเจสสิก้าชอบสวนสนุกตอนกลางคืนเอามากๆ เพราะดาราสาวคนนี้เป็นผู้หญิงโรแมนติกรึเปล่านะ…?

                “ไว้ว่างๆ เรามากันสองคนนะคะ” ซอฮยอนว่าพลางปิดประตูกระเช้าก่อนจะขยับไปนั่งฝั่งตรงข้าม

                “พูดแล้วนะ อย่าคืนคำล่ะเด็กน้อย” สิ้นเสียง ชิงช้าสวรรค์ก็เริ่มทำงานพากระเช้านับสิบหมุนวนเชื่องช้าชมความงดงามของแสงสีภายในสวนสนุกจากที่สูง

                เจสสิก้าขยับไปนั่งข้างๆ ซอฮยอนแล้วเอนหัวลงซบกับไหล่ลาดพร้อมกับกอดแขนอีกฝ่ายแน่น ไม่กี่วินาทีถัดมาซอฮยอนก็จูบหน้าผากเธอเป็นจูบอุ่นๆ ที่สัมผัสเป็นคำพูดได้

                พักผ่อนนะ

              “พี่อยากมีความทรงจำกับซอมากกว่านี้” เพราะความรู้สึกรักและคุ้นเคยมากเหลือเกินทำให้เผลอบอกความต้องการของตัวเองออกไป เจสสิก้าไม่ได้จะสื่อถึงเรื่องอย่างว่าเธอแค่อยากให้ซอฮยอนรู้ว่าเธออยากจะอยู่ด้วยอยากจะใช้เวลาที่มีด้วยกันมากกว่าจะเป็นการแอบพบเจอ

                “วันนี้เราก็สร้างความทรงจำไว้หลายเรื่องแล้วนี่คะ” ซอฮยอนยิ้มบางๆ มือเรียวยกขึ้นลูบตามแก้มเนียนอย่างแสนรักทุกการกระทำยังคงย้ำว่ารัก

                “และนี่จะเป็นอีกหนึ่งเรื่องของวันนี้ค่ะ” พูดจบก็เชยคางมนขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้มองใบหน้าหวานซึ้งได้ชัดเจนก่อนจะก้มลงกดจูบอ่อนโยนแนบแน่นและเนิ่นนาน

                ร่างบางในอ้อมอกหลับตาพริ้มรับสัมผัสร้อนด้วยความเต็มใจความทรงจำวันนี้อาจไม่มากมาย อาจไม่หวานเชื่อมเหมือนอย่างคู่อื่นๆ ที่รักกัน แต่ในใจกลับเขินอายและรู้สึกดีมากเกินกว่าจะลืม

                อยากจะจดจำทุกอย่างเอาไว้

     

                จำเผื่อส่วนที่ฉันเคยลืม

     

                “ถ้าไม่ดูพาเหรดแล้วจะไปไหนคะพี่แท” ยุนอาพูดเสียงเนือยๆ เพราะดูเหมือนแทยอนจะไม่อยากไปเบียดเสียดกับผู้คนอย่าบอกนะว่าหวงตัว?

                “ชิงช้าสวรรค์

                “ห๊ะ?”

                “ดูบนชิงช้าสวรรค์ไม่ได้เหรอคะพี่ไม่ชอบที่คนเยอะๆ” แทยอนว่าเสียงแผ่ว ตาหลุบต่ำมองพื้นด้วยความรู้สึกผิดสุดใจก็ยุนอาอยากดูออกขนาดนั้น

                ยุนอาเห็นท่าทางฟังน้ำเสียงแล้วก็พอจะเดาออกว่าแทยอนไม่ชอบและรู้สึกไม่ดีมากแค่ไหนที่ขัดใจเธอ ระบายยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วคว้ามือเล็กพาไปที่ชิงช้าสวรรค์ในทันที ไม่ใช่ว่าไม่อยากดูพาเหรดนะแต่ยุนอาอยากจะตามใจผู้หญิงตัวเล็กคนนี้มากกว่า

                “เฮ้ย” ร่างสูงอุทานกับตัวเองเบาๆ ขณะที่กำลังปิดประตูกระเช้า

     

                ชิบหายค่ะ! ซอฮยอนกับพี่เจสสิก้า!!!

                งั้นตอนที่กระเช้าหยุดที่ตำแหน่งสูงสุดแทยอนก็จะเห็นน่ะสิ

     

                “เป็นอะไรรึเปล่า ยุนกลัวความสูงเหรอคะ?” แทยอนถามด้วยความเป็นห่วง เธอเห็นยุนอาดูลุกลี้ลุกลนตั้งแต่เข้ามานั่งกับเธอในกระเช้าแล้ว

                “ไม่หรอก ยุนไม่ได้กลัวความสูง” ตอบไปก็ปั้นยิ้มไปสุดความสามารถ แล้วพยายามพูดถึงเรื่องอื่นเพื่อไม่ให้แทยอนสนใจกระเช้าถัดไปข้างหน้าที่อยู่สูงกว่าเพียงเล็กน้อย

                จะให้ตอบไปว่า กลัวพี่แทจะเห็นน้องสาวสวีทกับคนอื่น ได้ยังไงกันล่ะ

                “สูงจังเลยสูงจัง” คนตัวเล็กพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อกระเช้าที่พวกเธอนั่งอยู่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากพื้นดินหรือเป็นเพราะเธอเตี้ยมันเลยดูสูงเอามากๆ ?

                คนอายุน้อยกว่ายังคงพยายามส่งยิ้มให้ ในใจก็คิดหาทางแก้ปัญหาไม่ออกสักทีทั้งที่เวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าชิงช้าสวรรค์หยุดเมื่อไหร่ทุกอย่างก็จบกันแทยอนจะต้องเห็นซอฮยอนกับเจสสิก้าเป็นแน่ยุนอาควรจะทำยังไงดี ฝั่งที่เธอนั่งมองขบวนพาเหรดได้ชัดกว่าซะด้วยสิ!!

                กึก!

                ยุนอาใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อกระเช้าหยุดนิ่ง และก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริงๆ

                “มุมนั้นเห็นข้างล่างชัดดีจัง” ว่าแล้วแทยอนก็เคลื่อนตัวจะขยับไปนั่งข้างๆ กับรุ่นน้องคณะเดียวกัน แต่ทว่ายุนกลับดึงตัวแทยอนไปจูบ!!

                แทยอนกำลังฝันไปรึเปล่าว่าเธอจูบกับยุนอา…?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×