ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอรัก(ไม่)ร้าย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ ๓

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 65


    ตอนที่ ๓

     

                “ปั้นเล่นเกมกัน”

                เปี่ยมปรีติที่เดินตามพี่ชายวัยยี่สิบหกซึ่งอายุห่างกันแค่เพียงปีเดียวออกมาจากห้องรับประทานอาหารของครอบครัว เอ่ยปากชวนพี่ชาย แต่เข้าตัวกลับไม่หือ ไม่อือ อะไรทั้งสิ้น ท่างเหม่อๆ 

                “ไอ้ปั้น” ชายหนุ่มคว้าบ่าพี่ชายเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเลยห้องนอนของตัวเอง “มึงเป็นอะไร”

                ชายหนุ่มหันไปมองน้องชาย “กูเปล่า”

                “แล้วมึงจะเดินไปไหน” ห้องของเปี่ยมโชคอยู่ริมสุด ถ้าเดินต่อก็คงทะลุกระจกตกลงไปข้างล่าง

                “ก็ได้ กูมี” เปี่ยมโชคเปิดประตูห้องนอนของตัวเอง ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าห้องโดยมีเปี่ยมปรีติเดินตามเข้ามาด้วยและตรงไปนั่งอยู่หน้าจอทีวีสำหรับเล่นเกมด้วยกันในทันที

                เปี่ยมโชครับจอยมาจากน้องเกมแบบไร้สายมาจากน้องชายที่มักจะมาเล่นเกมด้วยกันอยู่บ่อยๆ เพียงแค่สองคน เพราะเปี่ยมโชคพี่ชายคนโตไม่ใช่สายนี้ ส่วนน้องสาวคนเล็กก็ยิ่งไม่ใช่แนวไปกันใหญ่ ดังนั้นพวกเขาสองคนที่อายุห่างกันแค่เพียงปีเดียวจึงค่อนข้างชอบขลุกตัวอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนโต

                “มึงคิดว่าคนคนหนึ่งจะแอบรักเพื่อนสนิทไปได้นานแค่ไหนวะ”

                “มึงหมายถึงพี่ช่อเหรอ”    

    “...”

                “กูรู้ว่าพี่ช่อน่ารักแล้วก็นิสัยดี อยู่ด้วยแล้วมึงมีความสุข แต่คนเขาไม่รักมึงก็มูฟออนเถอะวะ” 

                “กูเคยลองแล้วนี่ มีแฟนทีก็เลิกคิดถึงเขาได้พักหนึ่ง พอเลิกกับแฟนกูก็กลับไปคิดถึงช่ออีก” เปี่ยมโชคถอนหายใจ เขาด่าช่อพิกุลในใจไปหลายคำว่าทำไมถึงโง่ไม่ยอมเลิกรักคนที่ไม่รักเรา แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วนี่มัน ว่าเขาอิเหนาเป็นเองชัดๆ 

                “แนะนำว่าอยู่เป็นโสดไปดีกว่านะ”

                “กูก็ว่างั้นแหละ โสดก็ดี” เปี่ยมโชคถอนหายใจอีกรอบ 

                “ถ้ามึงชอบพี่ช่อเฉยๆ โดยไม่ไปแทรกกลางเขากับสามี แล้วมึงพอใจจะแอบชอบเขาต่อไปเรื่อยๆ ก็ได้นี่ เพราะมันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน” เรื่องของช่อพิกุลนั้นนอกจากนราวุฒิที่เคยอาสาจีบผู้ชายที่ธันวาคบด้วย ก็ไม่มีใครรู้ปัญหาของหญิงสาวอีก “แต่กูก็ไม่คิดมาก่อนเลยว่าหน้าอย่างมึงจะหยุดอยู่ที่แค่คำนิยาม ได้เห็นเธอมีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องครอบครองก็ได้”

                “อันนี้ชมหรือกระแหนะกระแหนกูวะ”

                เปี่ยมปรีติไม่ตอบ ได้แต่หัวเราะเบาๆ ในลำคอ

    “ว่าแต่พี่ปลื้มกับน้องพีชเป็นไงบ้างวะ อัปเดตหน่อยสิมึง” เปี่ยมโชคเปลี่ยนเรื่องคุย และเพราะเขามัวแต่ยุ่งเรื่องของช่อพิกุลจนแทบไม่ค่อยได้มาสนใจความคืบหน้าด้านความรักครั้งใหม่ของพี่ชายเลย

                “คบกับน้องพีชแล้ว”

                “โอเค เยี่ยม” เปี่ยมโชคกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความอิจฉาพี่ชายหน่อยๆ “แล้วมึงอะ ไม่คบใครบ้างเหรอวะ ยี่สิบห้าแล้วนะมึง”

                เปี่ยมปรีติหันมามองทางคนถามด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนเอ่ยปาก “มึงเป็นป้าข้างบ้านเหรอ”

                “ไอ้นี่ กูแค่สงสัย”

                “ป้าข้างบ้านก็ขี้สงสัยแบบมึงนี่แหละ”

                “เออๆ กูไม่อยากรู้แล้วก็ได้”

                เปี่ยมโชคไม่อยากจะต่อปากต่อคำให้เปลืองน้ำลาย จึงหันไปใส่อารมณ์กับการยำตัวละครที่น้องชายบังคับอยู่ในเกมที่กำลังเล่นด้วยกันแทน

                

                ธันวาทำตามอย่างที่พูด ช่อพิกุลลองแอบเช็กด้วยการแวะเข้าไปที่บริษัทก็พบว่าเดชสิทธิ์ลาออกไปแล้วจริงๆ แต่ทว่าใจเธอก็ไม่กลับมารักสามีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อีกแล้ว 

                “ทำไมพี่ธันว์ถึงมาคบและขอช่อแต่งงานล่ะคะ” ค่ำหนึ่งในระหว่างมื้ออาหารช่อพิกุลก็หลุดปากถามเรื่องที่ค้างคาอยู่ในใจออกไป

                คนถูกถามนิ่งไปก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ “เพราะส่วนหนึ่งพี่ก็ชอบช่อจริงๆ และคิดว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้”

                “อย่างนั้นเหรอคะ” ช่อพิกุลก้มหน้ากินต่อเงียบๆ

                “เราไปเที่ยวกันดีไหมช่อ”

                “ตอนนี้ช่อไม่ว่างเลยค่ะ รับออเดอร์ทำเรซินไว้เยอะ” ช่อพิกุลปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “น่าจะว่างหน่อยประมาณเดือนหน้าค่ะ จะรับคิวให้น้อยลง” และช่วงก่อนหน้านี้เธอก็ส่งงานช้าด้วยและทำของเสียหายไปเยอะมากจนเกือบขากทุนแล้ว ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะเที่ยวจริงๆ

                “งั้นเหรอ สู้ๆ นะ” ธันวาส่งยิ้มให้กำลังใจเหมือนเคย แต่เธอไม่เหมือนเดิมตรงที่คิดว่ายิ้มนั้นมันเสแสร้ง

                ถ้าเป็นเมื่อก่อน ช่วงค่ำก่อนจะเข้านอน เธอกับธันวาก็มักนั่งดูซีรีส์ด้วยกัน แต่ตอนนี้ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันเข้าห้อง

                ช่อพิกุลได้แต่นั่งนิ่งๆ อยู่บนเตียง ในหัวพยายามคิดทบทวน เธอได้สามีกลับคืนมาแล้วจริงๆ ใช่ไหม แต่เธอกลับไม่มีความสุขอย่างที่คิดอีกแล้ว

                หญิงสาวพยายามนอนหลับ แต่สุดท้ายก็ข่มตานอนไม่ได้ ดังนั้นจึงคิดว่าจะลงไปที่ห้องทำงานซึ่งอยู่ชั้นล่าง เพื่อทำงานเรซินส่งลูกค้า

                ทว่า...

                เสียงที่ดังมาจากห้องข้างๆ ห้องทำงานของเธอและเป็นห้องนอนของธันวาตอนนี้ทำให้เธอชะงักงันตอนเดินผ่าน ประตูที่ไม่ได้ปิดจนสนิททำให้เธอได้ยินเสียงคุยกันดังลอดออกมา

                “กลับไปนะเดช ถ้าคุณไม่กลับผมจะเรียกตำรวจ คุณปีนบ้านเข้ามาแบบนี้มันก็เท่ากับบุกรุก”

                “เรียกเลย แล้วผมจะคอยดูว่าเมียคุณจะทำหน้ายังไง เพราะผทคิดถึงคุณจนจะบ้าแล้ว”

                “เดช! ผมบอกคุณแล้วไงว่าช่อไม่ผิดอะไร เรื่องนี้ผมยอมรับผิดแค่คนเดียว”

                “ทำไมคุณต้องแคร์เขาด้วย”

                “ผมไม่ได้แคร์เขาเท่าคุณหรอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกกับใครเรื่องของพวกเรา ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป แล้วก็พวกเรายังเก็บเงินได้ยังไม่เยอะพอเลย”

                “ผมอยู่ช่วยคุณไม่ได้แล้ว ต่อไปคุณก็ต้องเหนื่อยคนเดียว”

                “ไม่เป็นไร ผมทนได้”

                “แต่วันนี้ผมทนไม่ได้แล้วนะ”

                เสียงภายในห้องนั้นเงียบไป แต่ใจของช่อพิกุลกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ขาก็แข็งไปหมด คิดไม่ถึงเลยว่าคนรักของธันวาจะกล้าถึงขนาดนี้

                ในขณะที่หญิงสาวกำลังจะก้าวเท้าหนีไป เสียงภายในห้องก็ดังขึ้นในแบบที่เธอรู้ว่าพวกเขากำลังแสดงความรักกัน ช่อพิกุลให้กำลังใจตัวเองก่อนจะก้าวเท้าเร็วๆ และแผ่วเบากลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือกับกุญแจรถของตัวเองออกจากห้องนอน ก่อนจะกลับมาที่ห้องนอนของสามีซึ่งตอนนี้ธันวากำลังรับศึกหนัก

                หญิงสาวกดโทรศัพท์ในโหมดเตรียมพร้อมถ่ายวิดีโอ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อเรียกความกล้าแล้วกดบันทึกภาพทั้งสองคนกำลังมีเซ็กซ์กัน

                ธันวาซึ่งกำลังถูกกดลงกับเตียงกว้างตกใจที่อยู่ๆ ช่อพิกุลก็โผล่เข้ามาในห้อง ส่วนชายหนุ่มซึ่งร่างกายกำยำและกำลังกระทกกายใส่คนด้านล่างนั้นดูไม่สนใจอะไรมากนัก เพราะกำลังเมามันในอารมณ์

                “ช่อ!” 

                ช่อพิกุลกดบันทึกภาพที่เห็นชัดว่าใครและใครกำลังมีเซ็กซ์กันเรียบร้อยแล้วก็ไม่พูดไม่จาหันหลังวิ่งหนี สิ่งที่ได้ยินมีเพียงเสียงของธันวาบอกให้คู่รักของตัวเองหยุด

                หญิงสาววิ่งไปที่โรงจอดรถก่อนจะสตาร์ตรถและรีบขับออกไปจากบ้านของตัวเองด้วยความรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มือไม้สั่นไปหมดกว่าจะเรียกสติกลับมาได้ครบสมบูรณ์ ตอนนี้เธอก็งงไปหมดว่าขับมาถึงที่ไหน

                เธอมองเกจ์น้ำมันก็รู้สึกว่าซวยแล้ว ไหนจะเพิ่งนึกได้อีกว่าลืมกระเป๋าเงิน ช่อกพิกุลจอดรถลงข้างถนนแล้วฟุบหน้าลงกับพวกมาลัย หัวเราะแห้งๆ ให้กับความโชคร้ายของตัวเอง หญิงสาวนิ่งไปหลายนาทียังคิดไม่ออกว่าจะแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างไรดี ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอไม่กล้ารบกวนใครเลยสักคน ได้แต่นั่งมองรถคันแล้วคันเล่าขับผ่านรถของเธอไปจนถึงเช้าแล้วนั่นแหละถึงได้โทรหาใครบางคน

                เปี่ยมโชคเดินมาเคาะประตูกระจกรถของเธอด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พอเธออกกมาจากรถก็โวยใส่ทันที “ทำไมไม่โทรมาตั้งแต่เมื่อคืน บ้าเปล่าเนี่ยจอดรถนอนอยู่ข้างถนน ถ้ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นจะทำยังไง”

                “ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง แต่เราเกรงใจ เลยรอจนคิดว่าปั้นตื่นแล้วถึงค่อยโทร” ช่อพิกุลก้มหน้าสำนึกผิด

                ชายหนุ่มอยากจะหันไปเตะอะไรสักอย่างระบายอารมณ์ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เตะฝุ่นไปมาเท่านั้น ก่อนจะอารมณ์เย็นลงแล้วช่วยจัดการเรื่องยุ่งๆ ของช่อพิกุลไปทีละเรื่อง

                

                เปี่ยมโชคพาช่อพิกุลมายังคอนโดของตัวเอง ก่อนจะหาเสื้อผ้าของตัวเองมาให้หญิงสาวเปลี่ยนไปก่อน เพราะตอนนี้เจ้าตัวใส่แค่เพียงชุดนอนบางที่เห็นไปถึงไหนต่อไหน ตอนที่ทั้งสองฝ่ายรู้ตัวจึงเกิดอาการขัดเขินกันขึ้นมาเล็กน้อย

                ทว่าในขณะที่ช่อพิกุลรู้สึกสบายใจแล้ว เปี่ยมโชคกลับรู้สึกว่าหญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตของเขากับกางเกงบ็อกเซอร์ก็ยังดูเร้าใจอยู่ดี

                “ขอบใจนะปั้น” ช่อพิกุลนั่งลงยั่งโซฟาหลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว

                “ตอนนี้พร้อมจะเล่าหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น”

                ช่อพิกุลหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาก่อนจะส่งให้กับเพื่อนไป ชายหนุ่มดูคลิปจบแล้วก็ส่งโทรศัพท์คืนอย่างเงียบๆ

                “เธอถ่ายเองเหรอ”

                “อือ ถ่ายเมื่อคืนนี้เอง แล้วก็หนีออกจากบ้านมา” หลังจากโทรหาเธอเป็นสิบๆ สายแล้วไม่รับ ตอนนี้ธันวาก็เงียบไปแล้ว และเธอก็จะไม่สนใจเขาอีก

                เปี่ยมโชคอ้าปากค้างไปหลายวิ “บ้านเหรอ บ้านเธอน่ะนะ พวกเขากล้าขนาดนั้นเลย เหลือเชื่อ”

                “ที่บ้าน” ช่อพิกุลเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “เขาทนคิดถึงพี่ธันวาไม่ไหวก็เลยแอบปีนรั้วเข้าไปหา ส่วนเรานอนไม่หลับก็เลยจะลงไปทำงานเรซิน ห้องทำงานมันอยู่ติดกับห้องนอนที่พี่ธันว์ชอบหนีเรามานอนน่ะ ก็เลยได้ยินเสียง”

                ชายหนุ่มห่วงความรู้สึกของเพื่อนมาก ตอนนี้เลยพยายามสงบปากสงบคำ ไม่พูดหรือถามอะไรที่อาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของช่อพิกุล

                “เราจะฟ้องหย่า”

                “ได้ เดี๋ยวเราช่วย” ถึงจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสงบ แต่ภายในใจนั้นตะโกนก้องว่า ในที่สุดก็จะหย่าสักที! “ว่าแต่ตอนนี้เธอโอเคนะ”

                ช่อพิกุลพยักหน้าเบาๆ “เราโอเค”

                แต่น้ำเสียงเศร้าสลดหดหู่เท่าที่เปี่ยมโชคเคยได้ยินมานั้นดูไม่โอเคเลย “จริงสิ เธอหิวหรือยัง”

                “ไม่หิว”

                “ไม่หิวก็ต้องกินสักหน่อยนะ เดี๋ยวเราทำให้กิน”

                อยู่ๆ หญิงสาวก็หัวเราะ “น้ำเสียงมั่นใจจัง แต่จำได้ว่าปั้นแค่ทอดไข่เจียวก็ไม่รอดไม่ใช่เหรอ”

                “ตอนนี้ก็พอจะพัฒนาอยู่นะ เวลาขี้เกียจกลับบ้านก็ทำกินเองอยู่เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้ในตู้เย็นจะมีอะไรหรือเปล่าเนี่ยสิ”

                พอทั้งคู่ลุกเดินไปดูด้วยกันก็พบว่ายังพอมีอยู่บ้างก็แค่ไข่ลูกเดียว กับผักที่เหี่ยวแล้ว 

                “ออกไปซื้ออะไรมาทำกินกันไหม” เปี่ยมโชคเสนอความคิดเห็น เพราะอยากจะให้ช่อพิกุลมีอะไรทำสักหน่อย ดีกว่าปล่อยให้นั่งเหม่อจนคิดมากถึงเรื่องที่เพิ่งเจอเมื่อคืน

                “ก็ดีนะ เดี๋ยวเราทำให้ปั้นกินก็ได้” แต่ช่อพิกุลก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ “วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ”

                “ลาป่วยเรียบร้อยแล้ว” 

                เปี่ยมโชคทำหน้าทะเล้นจนช่อพิกุลได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา ขี้เกียจตั้งแต่เด็กจนโตจริงๆ แต่ลึกๆ แล้วก็ดีใจที่วันนี้เพื่อนจะอยู่กับเธอทั้งวัน หญิงสาวขอบคุณชายหนุ่มในใจอีกรอบขณะเดินตามเขาไป

                

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×