คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] What is... (Kai x Suho) - Chapter 6
Title: What is…
Couple: Kai x Suho
Rate: PG-13
Author: LL1990
Chapter 6
เมื่อไปถึงร้านก็มีชานยอลกับแบคฮยอนนั่งรออยู่แล้ว ทั้งคู่มองมาทางจงอินกับจุนมยอนด้วยสายตาประหลาดๆ เหมือนจะส่งแววตาเป็นเชิงถามไปทางจงอิน แต่ไมได้พูดอะไรอออกมา จุนมยอนเองก็ดูเกร็งๆที่ถูกจงอินจับให้นั่งลงข้างๆกัน เลยหันไปยิ้มให้ชานยอลกับแบคฮยอน
“ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะมา” ประโยคแรกที่หลุดมาจากแบคยอนทำเอาชานยอลยกมือปิดแทบไม่ทัน เขาเลยแอบตีขาของเจ้าเพื่อนตัวเล็กไปทีนึง
“คือ..ไคชวนมาน่ะ..แต่...”
“อืม ฉันชวนมาเอง” จงอินบอกขึ้นมา
“อะ..อ่อ! ดีเลยครับ ไม่เคยได้ทานข้าวกับรุ่นพี่เลย รุ่นพี่อยากทานอะไรเต็มที่เลยนะครับ วันนี้ไคมันเป็นเจ้ามือครับ” ชานยอลพูดและยิ้มกว้างให้จุนมยอน ทำให้ร่างเล็กรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมานิดนึง
“กูบอกเมื่อไหร่วะ”
จุนมยอนหันไปมองจงอินที่โวยเพื่อนหน้ามุ่ย ชานยอลก็เถียงกลับ ทำเอาคนหน้าหวานเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ คนตัวโตกว่ากำลังเถียงกับเพื่อนเป็นเด็กๆ เพิ่งเคยเห็นจงอินในมุมนี้ เลยมองไม่ละสายตา พอดีกับที่จงอินหันมามอง จุนมยอนเลยรีบหลบตา หน้าเก้อเขิน
“รุ่นพี่หน้าแดงๆ ไม่สบายรึเปล่าครับ” ชานยอลจ้องถามด้วยความเป็นห่วง คนถูกถามส่ายหน้ารัว
“เอ่อ พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
จงอินยิ้มมองจุนมยอนน่ารักจนเขาอยากเอามือลูบที่แก้มขาวปลั่งนั่น แต่เพราะมีชานยอลกับแบคฮยอนอยู่ด้วยเลยต้องห้ามตัวเองไว้ แค่นี้ก็หน้าแดง ทำตัวเก้ๆกังๆแล้วเขาพูดอะไรออกไปให้เพื่อนสองคนรู้ จุนมยอนต้องเขินจนทำอะไรไม่ถูกแน่
และที่สำคัญเขายังไม่แน่ใจว่าตอนนี้ระหว่างเขากับจุนมยอนควรใช้ความสัมพันธ์ในระดับไหน....
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกับบทสนทนานั้น กลับ มีใครบางคนกำลังทำหน้าเซ็งเอาตะเกียบเขี่ยของในจานอย่างเซ็งๆ ทำเอาจุนมยอนลอบมองแบคฮยอนอย่างเกร็งใจ ถ้าเขาไม่มา ทุกคนอาจจะสนุกกันมากว่านี้ก็ได้ ....
ส่วนชานยอลที่รู้ดีว่าไอ้ ตัวแสบของเขาเป็นอะไรก็ได้แต่คอยคีบของชอบให้เพื่อเอาใจคนตัวเล็กเท่านั้น เพราะถ้าเผลอทักขึ้นมาละก็เป็นเรื่องแน่ๆ ให้มันนั่งเงียบๆไปแหละดีแล้ว
แต่........
“แบคฮยอน่า เป็นอะไร ไม่อร่อยหรอ” เสียงจงอินทักขึ้น ทำเอาชานยอลอยากจะเอาหัวโขกกับโต๊ะฆ่าตัวตาย ....แมร่งทำเขางานเข้าแล้วไหมล่ะ
“ก็อร่อยดี แต่บรรยากาศไม่ค่อยดีเท่าไร ถ้าลู่หานมาด้วยคง....” ดวงตาเฉียวเปรยไปทางจุนมยอน “สนุกกว่านี้”
คำตอบของนิ่งๆของแบคฮยอนทำ เอาจุนมยอนน่าซีดลงเล็กน้อย จงอินเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างระอา ดูท่าแล้วแบคฮยอนจะไม่ยอมรับคนของเขาง่ายๆนัก แต่ก็จงอินไม่ได้เลือกที่จะตอบโต้อะไรที่อาจจะเผลอทำร้ายจิตใจใครเพราะเขา รู้ดีว่าเรื่องอย่างต้องใช้เวลา มือแกร่งเอื้อมไปคีบเทมปุระใส่จานให้แบคฮยอนอย่างใจเย็น
“ถ้าลู่หานมาด้วยยังไงมันก็ต้องสนุกอยู่แล้ว”
“...........................”
“ก็เรามีกันอยู่ 4 คนนี่”
จง อินพูดต่อในขณะที่จุนมยอนเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้นเพราะเกรงสายของแบ คฮยอนที่กำลังจ้องมาอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก เขาลอบมองท่าทีนั้นแล้วจึงเอื้อมมือไปกุมมือของจุนมยอนใต้โต๊ะที่ตอนนี้ชื้น เหงื่อและเย็นเฉียบ แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือลูบเบาๆอย่างให้กำลังใจ
“หึ งั้นหรอ....”
แบ คฮยอนรู้ดีว่าในประโยคนั้นของจงอินหมายถึงอะไร แต่ก็ไม่ได้ทำเหมือนเข้าใจนัก เขายังยอมรับไม่ได้กับการที่เพื่อนของเขากำลังจะไปคบกับคนที่ดูเหมือนจะเป็น ต้นเรื่องของปัญหาทั้งหมด แบคฮยอนไม่ใช่คนไร้เหตุผล แต่เวลานี้เขาไม่อยากจะยอมรับมันต่างหาก
ปากบางเม้นเข้าหากันแน่นวางตะเกียบลงกับจานจนเสียงกระทบกันเสียงดัง
“ไอ้ชานยอลเลือกร้านได้โคตรห่วยแตก”
“อ้าว ก็มึง...”เจ้าของชื่อถึงกับอ้าปากหวอ
“กินกันต่อเถอะ กูกลับแล้ว”ว่าจบแบคฮยอนก็ลุกขึ้นจากโต๊ะคว้าเสื้อคลุมกับกระเป๋าที่พาดไว้ บนเก้าอี้ เดินฉับออกไปจากร้านดื้อๆโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
“อ้าว เฮ้ย แม่งเอ๊ย มึงหาเรื่องให้กูอีกจนได้” ชานยอลสบถอย่างหัวเสีย เขาหันมองไปทางจงอินแล้วชี้หน้าคาดโทษ ก่อนจะรีบลุกขึ้นพรวดขึ้นหยิบข้าวของวิ่งตามคนตัวเล็กไปติดๆ จุนมยอนมองตามทั้งสองคนนั้นอย่างเป็นห่วง ใบหน้าหวานก้มลงอย่างรู้สึกผิด
“พี่ไม่น่ามาเลยจริงๆ จงอินกับเพื่อนเลยหมดสนุก”
“ไม่ใช่ความผิดของพี่สักหน่อย”
“แต่พี่ทำให้แบคฮยอนโกรธ...”เสียงใสพึมพำเบาๆ
“ไม่วันนี้หรือวันไหนมันก็ต้องรู้อยู่ดี พี่อย่ากังวลเลย” จง อินพูดปลอบให้อีกคนสบายใจ แต่ดูท่าว่าจะไม่ได้ผลนัก เมื่อใบหน้าจองจุนมยอนยังไม่สู้ดีนัก มือแกร่งอีกข้างยกเอื้อมเชยใบหน้าของจุนมยอนที่ก้มอยู่ขึ้นมาสบตา
“อีกอย่าง....”
“...........................”
“ผมรักใคร......พวกมันก็ ต้องรักด้วย” คำบอกรักกลายๆทำเอาแก้มขาวขึ้นสีโดยอัตโนมัติ แม้จะยังรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อครู่แต่ คำพูดของจงอินก็ทำให้จุนมยอนรู้สึกดีขึ้นได้มากโข เขาพยักหน้ารับแล้วคลี่ยิ้มบางให้จงอินอย่างขอบคุณ
RRRRRRRRRRR
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นัดจังหวะ มือบางละจากการเกาะกุมของจงอินมาหยิบโทรศัพท์ของตัวเอง ทว่าพอมองหน้าจอแล้วก็ต้องรีบเบี่ยงตัวออกเล็กน้อยเพราะมันคือชื่อของ....เซ ฮุน ร่างเล็กลังเลอยู่ชั่วครู่ว่าจะรับดีไหม แต่ด้วยนิสัยไม่ชอบปฏิเสธใคร สุดท้ายเลยกดรับแต่ก็พูดเสียงบาแสนเบา
((จุนมยอนอยู่ที่ไหน ผมมารออยู่หน้าคณะนานแล้วนะ))
“คือ.. พี่ออกมาแล้ว ...น่ะ”
((ออกแล้ว? แต่ผมบอกจุนมยอนแล้วนี่ว่าจะมารับ’ เสียงโวยวายดังมาตามสาย ทำให้จุนมยอนเหมือนตัวค่อยๆเล็กลงยังไงไม่รู้))
“พี่ขอโทษ...พี่ออกมากับ.......เพื่อน เซฮุนกลับไปก่อนนะ”
((เพื่อนคนไหน))
“โธ่ เซฮุนอ่า”
พอไม่ยอมตอบเซฮุนก็ซักไม่หยุด แต่ไม่ว่ายังจุนมยอนก็ไม่ยอมเอ่ยบอกว่าตอนนี้อยู่กับใคร สุดท้ายเซฮุนเลยบอกว่าจะขับรถไปรอที่หน้าบ้าน ให้แน่ใจว่าเขาจะกลับบ้านจริงๆ เพราะไม่รู้จะบอกปัดยังไง จุนมยอนเลยได้แต่เลยตามเลย เพราะจงอินเองก็มองมาเป็นระยะ
.........
...............
....................
เมื่อจากร้านทั้งคู่ก็นั่งรถเมล์สายประจำกลับบ้าน ระหว่างทางเดินเข้าบ้าน มือของจุนมยอนก็มีมือของจงอินคอยจับจูงตลอดเวลา บางครั้งก็หันมายิ้มใส่ตาจุนมยอนจนร่างเล็กหัวเราะเขินๆ ระยะทางเดินเท้าที่เข้าบ้านปกติมันก็ค่อนข้างไกลจากป้านรถเมล์ไม่น้อย แต่วันนี้จุนมยอนกลับรู้สึกว่ามันใกล้มาก เพียงแค่นิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว
“วันนี้พี่ซีวอนอยู่รึเปล่า”
“หืม ไม่รู้สิ อาจจะยังทำงานอยู่ คงกลับมาค่ำๆ แต่ถ้าไม่กลับคงโทรบอก”
“ถ้าไม่อยากอยู่คนเดียว พี่ไปนั่งเล่นบ้านผมก่อนก็ได้” จุนมยอนแอบหน้าเหวอไปเล็กน้อยกับคำชวน เลยถูกคนตัวสูงลูบแก้มเบาๆ ทำเอาเขินหนักกว่าเดิม
“เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน แล้วเดี๋ยว.......”
“จุนมยอน?!”
พูดยังไม่ทันจบก็มีเสียงใครบางคนเรียกชื่อเขาขึ้นมาก่อน ร่างเล็กหันไปมองสีหน้าตกใจ เผลอดึงมือออกจากการเกาะกุมของจงอินโดยอัตโนมัติ
“เซฮุน...”
เซฮูนมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกเดือดดาล เขาขับรถมารอจุนมยอนเกือบสองชั่วโมง เพราะจุนมยอนบอกว่าไปกับเพื่อน แต่สิ่งที่เขาเห็นนี่มันคืออะไร ..จุนมยอนเดินจจูงมือมากับไอ้จงอินที่เขาเพิ่งมีเรื่องด้วยเมื่อหลายวันก่อนงั้นเหรอ?!!
“คือ...พี่....”
“เพื่อนของจุนมยอนคือมันรึไง”
“..............”
“ผมถามว่าเพื่อนของจุนมยอนคือมันรึไง!!”
ใบหน้าหวานดูซีดลง ไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะตัวเองเป็นคนโกหกเซฮุนเอง พอต่างคนต่างเงียบ เซฮุนจึงเดินปรี่เข้ามาจะคว้าแขนจุนมยอนไปคุยให้รู้เรื่อง แต่ยังไม่ทันถึงตัวจุนมยอน ก็ถูกมือของจงอินปัดเต็มแรง
“ไม่ใช่เรื่องของมึง” เซฮุนหันมาตวาดใส่ ก่อนจะดึงแขนจุนมยอนไว้ แต่ก็ไม่สามารถพามาได้เพราะจงอินกระชากตัวจุนมยอนกลับ มาไว้กับอกตัวเองแรงพอกัน
“ไอ้จงอิน!”
“อย่ามารุนแรงใส่จุนมยอน มึงไม่ได้เป็นเจ้าของเขา” จงอินบอกเสียงห้วน กอดร่างเล็กไว้แน่น รับรู้แล้วว่าตอนี้ที่อกตัวเองเริ่มเปียกไปด้วยน้ำตาของจุนมยอน
“อ่อ! งั้นกูรุนแรงใส่มึงได้สินะ จุนมยอนเป็นของกู ของกูคนเดียว!”
ว่าจบเซฮุนก็เดินฉับเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที จงอินจึงรีบดันร่างจุนมยอนถอยออกไปข้างหลังก่อนจะรับหมัดที่หน้าไปเต็มๆ แต่หลังจากเซไปเล็กน้อยเขาก็ลุกขึ้นมาสวนกลับ ต่อจากนั้นต่างคนต่างก็เหวี่ยงหมัดใส่กันไม่ยั้ง คลุกลงไปกับพื้นก็ไม่สนแล้ว โดยมีจุนมยอนยืนร้องห้ามน้ำตาร่วง ทว่าไม่มีใครฟังเสียงนั้นแม้แต่น้อย....
จังหวะเดียวกันซีวอนซีวอนที่เพิ่งขับรถมาจอดเทียบ หน้าบ้านไฟรถที่ส่องอยู่ ทำให้เห็นภาพจุนมยอนยืนเอามือกุมหน้าร้องไห้อยู่ เขารีบดับเครื่องเปิดประตูลงจากรถวิ่งไปที่ต้นเหตุ ทางด้านจุนมยอนที่พอเห็นร่างสูงก็ส่งเสียงเรียกทันที ซีวอนคว้าร่างเล็กมากอดเอาไว้แน่น
“พี่ซีวอน ช่วยที” คนตัวเล็กบอกทั้งน้ำตา ที่แม้กระทั้งตอนนี้ยังไม่มีใครยอมใคร ซีวอนผละตัวออกจากน้องชาย แล้วเดินตรงดิ่งไปยังหยิบถังที่อยู่ใกล้ๆ ไปตักน้ำแล้วเดินกลับมาก่อนจะสาดไปที่จงอินและเซฮุนที่ยังคงแลกหมัดกันอยู่ บนพื้น
ซ่า!
“จะหยุดกันได้รึยัง!” เขาโยนถังน้ำลงบนพื้นอย่างแรง แล้วก็ได้ผลเมื่อจงอินที่คร่อมทับอยู่บนตัวเซฮุนกำลังจะทิ้งหมัดลงไปชะงัก กึกทันที เด็กหนุ่มทั้งสองที่เปียกป้อนไปด้วยน้ำหันมามองทางต้นเสียงอย่างตกใจ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น ...สภาพที่ดูไม่จืดทำเอาจุนมยอนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“ใครจะอธิบายให้พี่ฟังได้บ้าง”ดวงตาคมของซีวอนกวาดมองเรียงตัวตั้งแต่เซฮุนมันยังจงอินจน ไม่เว้นแม้แต่จุนมยอนเองก็ตาม
“เซฮุน” เขาเรียกเสียงเข้ม แต่คนที่ปากซับเลือดไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาและยังคงเอาแต่ยืนนิ่ง ซีวอนเลยเลือนสายตามายังจงอินแทน
“เจ้าไค”
“...............”และ ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากคนแรกเท่าไรนัก คนเป็นพี่ใหญ่เลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างหงุดหงิด อันที่จริงเข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องชกต่อยหรอก เพราะเขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตวัยรุ่น ที่เขาเองก็เคยผ่านมาก่อน หากแต่เป็นเพราะการชกต่อยครั้งนี้มันเกี่ยวเนื่องกับน้องชายของเขา และที่สำคัญคือจุนมยอนกำลังร้องไห้
นั่นคือสิ่งเดียวที่ซีวอนทนไม่ได้
“โอเค ถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็กลับกันไปได้แล้ว”
“แต่จุนมยอน...”คราวนี้เป็นเซฮุนที่เปิดปากขึ้นก่อน เขาก้าวเท้าเตรียมจะเดินไปหาจุนมยอน หากแต่มือเล็กที่กำชายเสื้อของซีวอนเอาไว้แน่นขึ้นทำให้ซีวอนต้องยกมือห้าม
“หรือจะให้พี่โทรบอกคุณอาฮันคยู” เรียว เท้าของเซฮุนชะงักกึกเมื่อซีวอนเอ่ยออกมาเสียงเรียบ เขารู้ดีว่านั่นไม่ใช่คำขู่ ซึ่งมันก็คงจะส่งผลตามาไม่น้อยถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูพ่อของเขา ที่อาจจะทำให้เขากับจุนมยอนต้องห่างกันอีกครั้ง และถึงแม้จะไม่อยากทำตามเท่าไรนัก แต่เซฮุนก็ยอมรับคำสั่งนั้นแต่โดยดี
ร่างโปร่งหันไปมองจุนมยอน ที่หลบอยู่ทางด้านหลังของซีวอนอย่างเป็นห่วง ก่อนจะหันมาค้อมหัวให้ซีวอนอีกครั้งเพื่อบอกลาแล้วเปลี่ยนทิศทางเดินไปก้ม หยิบเสื้อคลุมบนพื้นที่บัดนี้เต็มไปด้วยฝุ่นขึ้นมาพาดไหล่ จากนั้นจึงเดินไปที่รถของตนเอง และพอขึ้นไปได้ก็ปิดประตูดังปังจนจุนมยอนสะดุ้งด้วยความตกใจ
ซีวอนมองตามจนกระทั่งรถของเซฮุนเคลื่อนออกไปก่อนจะหันกลับมามองจงอิน ที่กำลังยืนมองน้องชายของเขาอยู่
“ไคเองก็กลับบ้านไปได้แล้ว” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองซีวอนอย่างขอความเห็นใจ แต่ก็ดูจะไร้ผล เพราะซีวอนยังคงตีหน้าเรียบตึงเหมือนเดิม จงอินจึงต้องทำตามอย่างจำใจ
ร่างโปร่งหมุนตัวทำท่าจะเดินกลับ แต่เรียวเท้าก็ต้องชะงักกึก
“พี่ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“.............................”
“แต่ตั้งแต่พี่ดูแลจุนมยอนแทนพ่อกับแม่ พี่ไม่เคยทำให้จุนมยอนร้องไห้สักครั้ง”
ซีวอนพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะโอบไหล่ของจุนมยอนเดินเข้าบ้าน แล้วปล่อยให้จงอินยืนนิ่งอยู่เพียงลำพัง....
...........
................
...................
พอเข้ามาบ้านได้ซีวอนก็ไม่ ได้ซักไซ้อะไรจุนมยอนอีก เขารู้นิสัยน้องชายดีว่าถ้าเจ้าตัวอยากจะพูดก็คงจะเล่าให้เขาฟังเอง แต่ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ซีวอนก็พอจะดูออกว่าเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ นั้นมีเหตุมาจากอะไร ใน เมื่อเขาเองก็เคยผ่านชีวิตแบบนั้นมาก่อน และโชคก็เข้าข้างที่เขากับทงเฮเราใจตรงกัน ส่วนคยูฮยอนตอนเองก็ยอมรับมันแต่โดยดี จนถึงทุกวันนี้เราทั้ง3คนก็ยังสามารถพูดคุยกันได้โดยไม่อย่างไม่ผิดใจ
ส่วนจุนมยอนเขาไม่รู้ว่า ความสัมพันธ์หรือความรู้สึกที่น้องชายของเขามีให้กับเซฮุนนั้นมันยังเหมือน เดิมหรือเพิ่มขึ้นบ้างรึเปล่า กับเจ้าไคเขาเองก็พอจะดูออกว่าจุนมยอนเองนั้นรู้สึกอย่างไร แต่กับไอ้เสือ...เขาเองก็ไม่แน่ใจ
“จุนมยอนอ่า...ค้างๆคาๆแบบนี้มันจะมีแต่คนเจ็บนะ”
“พี่ซีวอน..ผม...”
“ไม่ต้องบอกพี่ก็ได้”มือ ใหญ่ลูบไปที่ศีรษะของจุนมยอนไปมาอย่างเป็นห่วง คนตัวเล็กเองก็พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะขอตัวพี่ชายขึ้นห้องไปเงียบๆ
.
.
.
พอปิดประตูเข้ามาในห้องได้ ร่างทั้งร่างของจุนมยอนก็ก็ล้มตัวทิ้งลงกับเตียงทันที ใบหน้าหวานฝังลงไปกับหมอนแล้วถูไปมาแรงๆราวกับจะให้เรื่องเมื่อครู่กลายเป็น เพียงความฝัน ทว่า ยังไม่ได้คิดอะไรให้วุ่นวายเสียงกุกกักจากประตูกระจกทางระเบียงก็ดังขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะพบว่าเป็นจงอินที่พยายามเลื่อนบานกระจกเข้ามา
“ไค.............”
จุนมยอนครางเสียงเบาก่อนจะรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูให้อีกคนทันที ดวง ตากลมเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของอีกคนมีแต่รอยฟกช้ำ คราบเลือดที่มุมปากยังซึมออกมาจางๆ มือบางเอื้อมจับทาบที่ใบหน้าคมอย่างเป็นห่วง
“ทำไม ไม่ทำแผล”
“ผมไม่เป็นไร” ไม่เป็นอะไรแต่เบี่ยงหลบมือของเขาตอนที่เผลอไปโดนตรงแผลเนี่ยนะ จุนมยอนนึกอย่างจะกดไปที่แผลแรงๆ ตอนนี้ไม่เจ็บแต่เชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าพรุ่งนี้มันต้องช้ำและปวด กว่านี้แน่ๆ
“งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปเอายาก่อน” พูดจบก็เตรียมหมุนตัวกลับแต่จงอินก็คว้าเอาไว้เสียก่อน
“พี่คงยังไม่อยากให้ผมตาย คาเท้าพี่ซีวอนหรอก..ใช่ไหม”เขาว่าเสียงเรียบก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียงเล็ก ของเจ้าของห้องอย่างถือวิสาสะ ถ้าเกิดพี่ซีวอนรู้ว่าเขาแอบปีนเข้ามาหาจุนมยอนละก็ เขาอาจจะโดนมากว่าปากแตก จงอินรู้ดีว่าประโยคที่ซีวอนบอกให้เขากลับบ้านเมื่อตอนมีเรื่องมันเป็นคำเตือนของกลายๆที่ยังไม่อยากให้เขารบกวนอีกคนในเวลานี้
แต่เพียงแค่เขาเดินกลับ เข้าห้องของตนเอง จงอินก็ได้แต่รอให้ไฟห้องของจุนมยอนเปิด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่เขาก็คิดว่ามันยาวนานเสียจนทนไม่ไหวที่เมื่อพอ เห็นไฟห้องอีกคนสว่างขึ้นเขาก็รีบปีนต้นไม้ข้ามมาอย่างไม่ต้องคิด
“แล้วจะหายได้ยังไง”จุมมยอนส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินเข้าไปหาอีกคน โดยไม่ได้เดินลงไปเอายาตามที่อีกคนขอไว้
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
“นายมันดื้อ เดี๋ยวแผลติดเชื้อ เข้าสมอง แล้วก็ตาย...” ริมฝีปากช้ำหัวเราะน้อยๆกับคำขู่อันแสนประหลาด มือแกร่งสองข้างเอื้อมไปจับเอวของคนตรงหน้าก่อนจะกวาดรวบลงมาตั่งบนตัก ใบหน้าคมเกยคางลงไปที่ไหล่บางแล้วกระซิบเสียงเบา
“ยังไม่ได้ขอพี่เป็นแฟนเลยจะตายได้ไง”
“อะ...อะไร นะ”
“จุนมยอนอ่า...คบกันเถอะ” ประโยค สั้นๆแต่ทำเอาจุนมยอนแทบจะลืมหายใจ ใบหน้าหวานหันไปมองอีกคนอย่างไม่เชื่อในคำพูด จนปลายจมูกแตะกันเบาๆ พร้อมกับสายตาทั้งสองที่สบเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ เช่นเดียวกับมือหนายกขึ้นมาเกลี่ยแก้มใสของจุนมยอนอย่างอ่อนโยนก่อนจะทาบทับ ริมฝีปากลงไปแล้วผละออกมา
“ผมจะ...ไม่ทำให้พี่ต้องเสียน้ำตาอีก”
หากแต่เพียงแค่จบประโยค น้ำใสๆก็ร่วงเผาะอาบพวงแก้มของจุนมยอนแทบจะทันที ทำเอาจงอินนึกอยากจะโขกหัวตัวเองแรงๆ นี่เขาพูดอะไรผิดไปรึเปล่า
“พี่เสียใจขนาดนั้นเลย?”
“เด็กบ้า” เขาว่าเข้าให้หนึ่งทีนึก อยากจะเอามือเขกที่หน้าผากอีกคนแรงๆก็จุนมยอนก็ใจดีเกินกว่าที่จะซ้ำเติมลง บนหัวโนๆนั่น จุนมยอนคลี่ยิ้มบางก่อนจะพึมพำออกมาเสียงเบา “ทำไม..มาทำเอาตอนนี้..กันนะ” ถ้าเพียงจงอินตอบรับเขาในครั้งแรกอะไรๆก็คงไม่เป็นอย่างนี้
“พี่จะลืมว่าผมเคยพูดก็ได้นะ” เขาเอ่ยขึ้นเมื่ออีกคนดูหน้าเศร้าลงถนัดตา
“พูดแล้วพูดเลยห้ามกลับคำ” จุนมยอนส่ายหน้ารัว
“แต่พี่ร้องไห้เพราะผมอีกแล้ว”
“ขอซึ้งนึดนึงเถอะน่า”เป็น อีกครั้งที่จงอินเผลอหัวเราะออกมาแม้จะเจ็บที่ปาก แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ จุนมยอนใน ณ.วินาทีนี้ดูจะน่ารักเกินไปเสียแล้ว
ใบหน้าคมเลื่อหน้าเขาไปใลก้แล้วเอาห้าผากแต่กันเบาๆพร้อมกับกระชับอ้อมกอดที่เอวบางแน่น
“แล้วตกลง...จะคบกัน..ไหม”
“อือ”
TBC
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดตอนหน้าน่าจะจบนะ 55555
ความคิดเห็น