ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กาลครั้งหนึ่งที่ฝนโปรยปราย

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 ความทรงจำที่เลือนลาง

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ย. 57


    ตอนที่ 1 ความทรงจำที่เลือนลาง

    เช้าวันหนึ่ง ท่ามกลางฤดูฝนโปรยปราย ในตลาด ผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมา บ้างก็ขับรถ บ้างก็พูดคุย บ้างก็นั่งดื่มกาแฟ บ้างก็ยืนหลบฝน

    เด็กหนุ่มคนหนึ่ง รูปร่างสันทัด สูง ขาว ไว้ผมสั้น ใส่เสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงขายาวสำดำ ใส่รองเท้าผ้าใบ พร้อมสะพายกีต้าร์ไว้ด้านหลัง  เดินกางร่มเข้าไปในตลาดเพื่อจะซื้อของ สายตาของเขามองไปที่ร้านขายดอกไม้ เหมือนกำลังพยายามหาดอกไม้อะไรสักอย่าง

    ทันใดนั้น ก็มีเสียงทักขึ้นว่า

    "จะซื้ออะไรหรอ จะซื้อดอกไม้ใช่ไหมละ ที่นี่มีดอกไม้มากมาย อยากจะได้ดอกไม้อะไรละ เดี๋ยวจะหาให้"

    เสียงหญิงสาวคนหนึ่งไว้ผมประบ่า สูงขาวใส่เสื้อแขนสั้นลายดอกไม้ นุ่งกางเกงขายาวสีดำ พร้อมกับรอยยิ้มถามขึ้น

    "เอ่อ คือ ผมอยากได้ดอกุหลาบสีขาวอะครับ ไม่ทราบว่ามีไหม "

    หญิงสาวมองดูเด็กหนุ่มพร้อมยิ้มบอกว่า

     "มีสิ จะซื้อไปให้สาวที่ไหนหรอ ซื้อให้แฟนหรอ"

    เขาตอบด้วยรอยยิ้มแต่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่เศร้า

     "ครับ จะซื้อไปให้แฟน"

    "จะเอาดอกกุหลาบขาวกี่ดอกละ "

    "2 ดอกครับ ราคาเท่าไหร่ครับ"

    "50 จ้า มีคนซื้อกุหลาบให้ในฤดูฝนนี่ คนที่ได้รับคงจะดีใจมากๆเลยนะ แถมยังเป็นกุหลาบขาวอีก"

    เธอยิ้มพร้อมกับส่งกุหลาบที่คัดเลือกให้ แล้วรับเงินแลกเปลี่ยน

    จากนั้น เขาก็เดินออกจากตลาดที่มีผู้คนมากมาย ไปยังรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดไว้ข้างถนน แล้วพับร่มเก็บของ ในขณะนั้นเองฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้มปกครองไปด้วยอยาดฝน ขณะนี่กลับสว่างสไวไปด้วยแสงของดวงตะวันที่สาดส่องฉาดเข้า พร้อมกับอากาศที่บริสุทธฺ์ หลังฝนตกใหม่ๆ

    เขาขับรถไปตามถนนที่ลาดยาวโดยมีจุดมุ่งหมายว่าจะไปที่ใดที่หนึ่ง หรือมีจุดหมายว่าจะไปหาใครสักคน เมื่อเขาขับมาถึงวัดวัดหนึ่ง มีป้ายเขียนขึ้นว่า วัดคีรีวงศ์ เขาได้ขับเข้าไปและจอดรถไว้ที่ใต้ต้นใม้ใหญ่ ที่แห่งนี้ดูสงบร่มรื่นปราศจากความวุ่นวายที่พบเจอได้จากในชีวิตประจำวัน เขากวาดสายตาไปรอบวัดเผื่อว่าจะเจอพระรูปหนึ่งที่คุ้นเคย ก็มองไปเห็นจึงเดินเข้าไปหา พร้อมๆกับที่พระรูปนั้นทักมาพอดี

    " โยมรักษ์ เป็นไงสบายดีมั้ย ไม่ได้เจอกันนานเลย

    "กราบนมัสการครับ หลวงพ่อ กระผมสบายดีครับ ได้มีโอกาสกลับมาบ้านเลยตั้งใจแวะมาที่นี่ครับ"

    "ถึงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโยมมาทำไม สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่ดี ลืมไม่ได้หรอก ควรจะเก็บไว้ในใจ แต่อย่าลืมที่จะเดินต่อไป เพราะตราบที่ยังมีลมหายใจ วันพรุ่งนี้ก็ยังคงมีอยู่เสมอ"

    "ครับ หลวงพ่อ กระผมพยายาม และทำสิ่งนั้นอยู่ครับ แต่คงต้องใข้เวลา"

    "เวลาอาจจะช่วยโยมได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือ โยมต้องยอมรับในสิ่งนั้นด้วย"

    "ขอรับ หลวงพ่อ"

    จากนั้น รักษ์ ก็กราบหลวงพ่อแล้วถือเอาดอกกุหลาบขาวที่ซื้อมากับสะพายกีตาร์เดินไปทางเมรุ ที่นั่นเป็นสุสานที่เมื่อเวลาใครตายก็จะเผาหรือฝังเอาไว้ ซึ่งใครๆก็รู้กันดี รักษ์เดินมาถึงสถูปอันหนึ่ง แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับมองไปที่รูปภาพที่ปรากฏอยูที่สถูปนั้น

    ความทรงจำครั้งก่อนที่เขาเคยเจอปรากฏขึ้น เหมือนกับว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวาน เหมือนกับว่ากำลังลำดับเหตุการณ์ต่างๆไว้เป็นเรื่องราว เขาวางดอกกุหลาบขาว 2ดอกไว้ที่สถูปนั้น พร้อมกับเอ่ยคำพูด ที่เก็บเอาไว้มากมายเพื่อจะบอกเจ้าของสถูปนี้

    "ฟ้า เรามาหาเธออีกแล้ว เธอเห็นไหม กุหลาบขาว ที่เราเอามาให้เธอ มันก็ยังคงมี 2ดอกเหมือนเดิม ตอนนี้เราเรียนจบแล้ว เรากำลังจะหางานทำ และที่สำคัญคือเรากลับมาอยู่บ้านแล้ว นี่ก็ผ่านไป 5ปีแล้ว แต่เธอรู้ไหม ไม่ว่าเวลาจะเดินผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็ยังคงอยู่ในใจของเราเสมอ

    เรารู้ดีว่าการที่ไม่มีเธออยู่ทำให้เราเป็นคนอ่อนแอขนาดไหน แต่เรารู้ว่าเธอคงจะมองเราอยู่ เพราะงั้น เราก็จะเดินต่อไปเพื่อเธอ"

    เขาพูดอะไรกับเธอมากมายตลอดระยะเวลาที่ไม่ได้มายังที่แห่งนี้ เวลาก็ผ่านไปตั้งแต่เช้าจนสาย บ่าย จนตะวันคล้อยไปจนถึงตอนเย็น

    "วันนี้ เราคงจะต้องกลับก่อนละนะ วันหลังจะมาหาใหม่ เออ เรามีเพลงที่เธอชอบมาร้องให้ฟังด้วย "

    รักษ์เอากีต้าร์ที่ตัวเองสะพายออกมา มันดูเก่าและมีรอยขีดข่วน มีตัวหนังสือมากมายที่กีต้าร์ตัวนั้น เหมือนมันเคยอยู่ในเหตุการณ์ที่สำคัญ ระหว่างเขาและเธอ พร้อมกับเล่นกีต้าร์ร้องเพลงๆหนึ่ง

    "สิ่งที่เธอมี แม้มันไม่มากมายนัก แต่กับตัวฉันมันก็มากพอ หากจะมีพรข้อใดที่ต้องการขอ อยากจะมีเธอเรื่อยๆไป เพราะว่าเธอเท่านั้นที่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ เพราะว่าเธอเท่านั้นที่ไม่เคยจะจากไปไหนไกล ๆลๆ"

    เขาร้องเพลงนี้ให้เธอฟังจนจบเพลง  และบอกลาเธอเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน ขณะที่รักษ์กำลังเดินทางกลับไป ก็ได้มีสายลมพัดมากระทบที่ตัวเขา เขาได้รับรุ้ถึงความอบอุ่นของสายลมนั้นเหมือนกับว่ามีมือของใครคนหนึ่งพยายามจะปลอบใจเขาด้วยการเตะที่บ่าเบาๆ

     

    ปล. โปรดติดตามตอนต่อไป *-*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×