คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2 ฤดูที่ฝนโปรยปราย
ตอนที่ 2 ฤดูที่ฝนโปรยปราย
ยามค่ำคืน เวลา 4ทุ่มโดยประมาณซึ่งเป็นเวลาที่ผู้คนหลับใหล แสงไฟในห้องนอนที่สว่างไสว ห้องซึ่งประดับไปด้วยกระดาษที่พับเป็นรูปนก นกกระดาษ หลายอันด้วยกันถูกแขวนอยู่เรียงรายภายในห้อง ซึ่งนกกระดาษแต่ละตัวจะมีข้อความกำกับไว้ สายลมที่พัดเข้ามาทำให้นกกระดาษนั้นสั่นไหว เหมือนกับว่ากำลังจะบินไปมา รักษ์ หรือชื่อเต็มของเขา คือ อนุรักษ์ ประภาวงศ์ ก็ยังคงนอนมองดูนกกระดาษ ที่แขวนให้ลอยอยู่เบื้องบน สักพักหนึ่งเขาก็ลุกขึ้นเดินไปยังโต๊ะซึ่งอยู่ภายในห้อง แล้วเปิดโต๊ะนั้น หยิบกล่องไม้กล่องหนึ่งซึ่งเขาเก็บไว้ เปิดออกมาดู
กล่องนั้นสลักตัวอักษรว่ากล่องแห่งความทรงจำ ข้างในกล่องนั้น มี แหวน สมุดภาพ สมุดเขียน กลีบของดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา และรูปภาพ ที่มีภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง
เข้าหยิบสมุดเขียนขึ้นมาแล้วเปิดมันออกมา ในสมุดนั้นเขียนเป็นเรื่องราวเหมือนการจดบันทึกเหตุการณ์ในแต่ละวันที่เคยเกิดขึ้น
27 มีนาคม 2552 วันที่ฝนตก เขาอ่านเสร็จแล้วหันออกไปนอกหน้าต่างซึ่งเวลานั้นฝนก็ตกอยู่เหมือนกัน เขานึกย้อนกลับไปในวันนั้น
ณ ตลาดแห่งหนึ่งภายในอำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นเวลาเช้า 2 พี่น้องคู่หนึ่งกำลังจะเข้าไปในตลาดเพื่อซื้อของ
“เคน เดี๋ยวเข้าไปในตลาดนะ ซื้อของที่แม่สั่งไว้ เดี๋ยวพี่จะไปหาซื้อสายกีตาร์ แถวๆนี้ ยังไงเดี๋ยวมาเจอกันที่นี่นะ อย่าลืม”
“ไม่ไปด้วยกันละพี่ นานๆทีได้มาเที่ยวตลาดไปเดินเที่ยวด้วยกันดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปซื้อสายกีตาร์”
“ก็นี่ไง พี่เดินเที่ยวของพี่ เคนก็ไปของเคน เดี๋ยวค่อยมาเจอกัน”
“งั้นก็ได้ไม่ชวนแล้ว นานๆทีกลับมาบ้าน ระวังหลงนะพี่ 55”
“โตแล้วไม่หลงหรอก ไปๆได้แล้ว”
“แล้วเจอกัน”
เขายิ้มให้กับน้องชายที่เดินไปในตลาด ขณะนั้นก็เป็นเวลาที่ฝนก็ตกลงมาพอดี
“นั่นไงนึกแล้ว ว่าเมฆครึ้มๆแต่เช้าแล้ว เดี๋ยวฝนก็คงจะตก ตกมาแล้วไง รีบไปดีกว่า”
เขารีบเดินไปหาที่หลบฝน อย่างรีบเร่งเพราะกลัวจะเปียกฝน ในขณะที่เดินผ่านซอยๆหนึ่ง เขารู้สึกได้ว่า เหมือนมีใครกำลังวิ่งมาด้วยความเร็วและกำลังจะถึงเขาพอดีกับที่ได้ยินเสียงว่า
“หลบบบบบไป”
“อะไรนะ”
“ตึง โปะ ผลั๊ก โป๊ก”
“นายๆๆ เป็นอะไรไหม อะ แน่นิ่งเลย ตายรึเปล่านี่ เงียบเลย จะทำไงดีๆ กำลังรีบๆด้วย”
หญิงสาวคนหนึ่ง กำลังกระวนกระวายด้วยความเร่งรีบ เหมือนว่าเธอกำลังจะรีบไปไหนสักอย่าง แต่เหตุการณ์ที่อยู่ต่อหน้าเธอตอนนี้คือ ชายคนหนึ่งนอนลงไปกองอยู่กับพื้น เพราะเธอวิ่งมาชนเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว และดูเหมือนว่า เขาจะหมดสติไป เพราะในขณะที่เธอวิ่งมาชน เขาล้มศีรษะไปกระแทกกับขอบฟุตบาต
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย เขา เลือดไหลที่ศีรษะ จะทำไงดีๆ ลากมาหลบฝนก่อนดีกว่า”
แล้วเธอก็จับตัวเขาที่ไม่ได้สติลากมาหลบฝนใกล้ๆซอยนั้น ในขณะเดียวกันก็มีคนอื่นๆเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พร้อมทั้งช่วยกันหามเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง แล้วช่วยกันปฐมพยาบาล
เธอกล่าวกับคนเหล่านั้นว่า
“คุณลุงคุณป้า ฝากช่วยเขาก่อนนะ ตอนนี้หนูรีบมาก เดี๋ยวหนูจะกลับมา”
“เดี๋ยวก่อน หลานจะรีบไปไหน เขาศีรษะกระแทกพื้นเพราะหลานนะ”
“ค่ะ หนูรู้แต่ตอนนี้ แม่หนูไม่สบาย ฝากด้วยนะค่ะแล้วหนูจะรีบกลับมา”
“อ่อ อืมๆ เข้าใจแล้ว แล้วอย่าลืมกลับมาละ อ่อพอดีเลยลูกลุงเป็นพยาบาล ตอนนี้อยู่บ้านพอดี เดี่ยวให้เขามาดูให้”
“ค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากๆเลย ค่ะ หนูไปก่อนนะค่ะ”
กล่าวเสร็จเธอก็รีบไปทันทีทิ้งให้เขาซึ่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นอนไม่ได้สติอยู่อย่างนั้น
และแล้วพลเมืองดีทั้งหลายก็ช่วยกันปฐมพยาบาลเขา และให้เขานอนพักอยู่ที่นั้นเพราะ อาการคงจะไม่รุนแรงเท่าไหร่
กลับมาทางด้าน เคน ซึ่งเลือกซื้อของต่างๆเสร็จแล้วก็เดินออกจากตลาด เพื่อมายังจุดนัดพบที่นัดไว้กับพี่ชาย เขายืนรอผ่านไป หลายนาทีก็เริ่มบ่นขึ้น
“ทำไมพี่มาช้าจังนะ ไปเดินหาสายกีตาร์ถึงไหนเนี่ย ตลาดก็ไม่ได้กว้าง หรือว่าจะหลงทาง ไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไปเดินหาดูหน่อยดีกว่า ของก็ใส่ไว้ในรถก่อน คงไม่มีใครมาขโมยไปนะ”
และแล้วเคนก็กวาดสายตาไปรอบๆเห็นหญิงแก่ๆกำลังทิ้งขยะ คนหนึ่งจึงเดินเข้าไปถามว่า
“คุณป้าครับ เห็นชายคนหนึ่ง อายุสัก 18 สูงๆขาวๆ ใส่เสือยืดสีเทาๆเดินผ่านมาทางนี้ไหมครับ”
“ไม่เห็นหรอกหลาน แต่เมื่อกี้ป้าได้ยินว่า มีโจรวิ่งราวไล่ยิงตำรวจด้วยนะ ระวังด้วยนะหลาน”
เคนคิดในใจ
“หา โจรวิ่งราวอะไรไล่ยิงตำรวจ มีด้วยหรอ ไม่มีมั้ง ไปถามคนอื่นต่อดีกว่า”
ใกล้มีลุงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ จึงเข้าไปถาม
“คุณลุงครับ เห็นชายคนหนึ่ง อายุสัก 18 สูงๆขาวๆ ใส่เสือยืดสีเทาๆเดินผ่านมาทางนี้ไหมครับ”
“ไม่เห็นนะหลาน แต่เมือกี้ลุงได้ยินว่า มีผัวเมียคู่หนึ่งไล่ตบตีกัน เห็นว่าเมียเขาขว้างมีดใส่ โดนที่ศีรษะ ผัวนี่เจ็บหนักเลย นอนไม่ได้สติอยู่บ้านหลังโน้นละ”
แล้วก็ชี้ไปที่บ้านที่พี่ชายของเขานอนอยู่
“เอ๋ มีแบบนี้ด้วยหรอครับ น่ากลัวจัง วันนี้ตลาดมันเป็นยังไงเนี่ย ขอบคุณมากนะครับลุง”
แล้วเคนก็เดินต่อไป ไปเจอเด็กน้อย 2คนกำลังนั่งเล่านิทานกันอยู่เลยเข้าไปถาม
“น้องครับ เห็น ชายคนหนึ่ง สูงๆขาวๆ ไว้ผมหน้าตั้ง ใส่เสื้อสีเทา นุ่งกางเกงขายาว เดินผ่านมาทางนี้บ้างไหม”
เด็กน้อย 2คนผลัดกันตอบว่า
“เธอเห็นไหม”
“เหมือนจะเห็นนะ หรือว่าไม่เห็น น่าจะเห็นนะ ก็เมื่อกี้เขาเดินมาทางนี้”
“ใช่ๆ เห็นค่ะเขาเดินมาทางนี้ เหมือนว่าเขาจะโดนงูเขียวลากไปกิน ตรงซอยตรงนั้นค่ะ”
“ใช่ๆแล้วงูตัวนั้นก็แปลงร่างเป็นคนด้วย กำลังจะกินเขา น่ากลัวมากๆเลย สักพักหนึ่งก็มีคนหลายคนเข้าไป”
“ใช่ๆ แล้วงูตัวนั้นก็วิ่งออกมาหนีไปเลยด้วยแหละ.
เคนยิ้มด้วยความงง พรางคิดในใจ “งูอะไร งูเขียว แปลงร่างเป็นคน มันมีแบบนั้นซะที่ไหนกันเล่า นี่มันนิทานหลอกเด็กเลยนี่หว่า กำ โดนเด็กหลอกเข้าให้แล้ว ไม่น่าเลยเรา”
“ขอบใจน้องทั้ง 2คนมากนะ อะ พี่ให้ขนม แบ่งกันกินนะ”
แล้วยื่นขนมให้แล้วเดินต่อไปจนถึงบ้านที่ พี่ของเขานอนอยู่ จึงเข้าไปถาม
“เอ่อ คุณลุงครับ เห็น ชายคนหนึ่ง สูงๆขาวๆ ไว้ผมหน้าตั้ง ใส่เสื้อสีเทาๆ นุ่งกางเกงขายาว เดินผ่านมาทางนี้บ้างไหมครับ”
ลุงคนนั้นหันไปมองที่เด็กหนุ่มซึ่งนอนอยู่ไม่รู้สึกตัว แล้วหันไปบอกว่า
“คนนี้รึป่าวละ”
“ไหนครับ”
“นั่นไงลองเข้าไปดูสิ”
เคนถอดรองเท้าเข้าไปดู พอเห็นพี่ของเขานอนอยู่ไม่ได้สติ ที่ศีรษะมีผ้าปิดแผลอยู่ จึงตะโกนออกมา
“พี่รักษ์ เกิดอะไรขึ้นละเนี่ย ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้แล้วผ้าปิดแผลนี่อีก เลยหันไปถามคุณลุงคนนั้น”
ลุงคนนั้นก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ
“อ่อ เป็นแบบนี่เอง มิน่าละครับ ผมรอตั้งนาน พี่ก็ยังไม่มา เลยออกมาตามหานี่ละครับ”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วละ หลาน อีกไม่นานเดี๋ยวพี่ชายก็คงจะฟื้น”
“ขอบคุณคุณลุง และทุกๆคนมากนะครับ ที่ช่วยพี่ผม”
“ไม่เป็นไร มีอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยกัน หน้าที่ของพลเมืองที่ดีละนะ”
“ครับ”
ย้อนกลับไปที่โรงพยาบาลสิชล ภายในตัวอำเภอสิชล โรงพยาบาลแห่งนี้มีอยู่ 2ตึกใหญ่ๆ คือตึกเก่า และตึกใหม่ ที่นี่เต็มไปด้วยผู้ป่วยมากหน้าหลายตา บ้างก็ป่วยตั้งแต่โรคที่ไม่หนักหนาจนไปถึงขั้นโรคที่ร้ายแรง ผู้มาที่นี่ก็หวังที่จะหายจากอาการป่วยที่ตัวเองเป็นอยู่
ณ ห้องผู้ป่วยแห่งหนึ่งในโรงพยาบาล
“แกรก”
เสียงเปิดประตูของหญิงสาวหนึ่งเพื่อที่จะเข้าไปยังห้องของผู้ป่วย ในห้องมีหญิงวัยกลางคน คนหนึ่งนอนอยู่ ข้างๆมี ชายวัยกลางคนและเด็กชายคนหนึ่ง ประมาณ 9 ขวบ
“แม่ เป็นยังไงบ้าง หนูเป็นห่วงแทบแย่ ไหนดูสิเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เธอพูดพรางสำรวจอาการของผู้เป็นแม่ด้วยความห่วงใย
“แม่ไม่เป็นไรแล้ว แค่เป็นลมเฉยๆ เท่านั้นเอง”
เสียงของชายวัยกลางคน พูดขึ้น
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย พ่อนะแหละ ทำเหมือนกับว่าแม่เป็นอะไรมาก”
“ก็พ่อเป็นห่วงนะสิ ใช่ไหม ภูมิ”
“ครับพ่อ ผมก็เป็นห่วงแม่เหมือนกัน”
“มากันหมดเลย แล้วใครอยู่เฝ้าบ้านละนิ” เสียงผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น
“ไม่มีใครอยู่ค่ะ แม่ เอ่อเกือบลืมไปตอนที่หนูมา หนูวิ่งไปชนใครคนหนึ่งล้มลง เขาสลบไปเลย ไม่รู้ตอนนี้เขาจะเป็นยังบ้าง”
ทั้งสามคนสงสัย
“วิ่งไปชนใครหรอลูก แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง”
เธอยิ้มด้วยความรู้สึกผิดพรางตอบว่า
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นหนูรีบมากเลยไม่ทันดู”
“หนูว่ามาหาแม่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะกลับไปดูเขา”
“รีบไปเถอะลูก แม่ไม่เป็นไรแล้ว มีพ่อกับน้องเฝ้าอยู่”
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ มีพ่ออยู่ทั้งคน สบายใจได้”
“ผมก็อยู่ด้วยนะครับพี่”
“ค่ะพ่อ ฝากดูแลแม่ด้วยนะ ภูมิด้วยนะ”
แล้วเธอก็ลาแม่พ่อและน้องออกไปหาคนที่เธอวิ่งไปชนล้มก่อนหน้านี้
ขณะนั้นก็เป็นเวลาที่ฝนก็หยุดตกพอดี ละอองฝนที่สาดส่องระจายอยู่บนพื้นของอากาศ กระทบกับแสงของดวงอาทิตย์ส่องปรายระยิบระยับ ทอแสงเป็นแสงสีรุ้งทอดผ่านสายตาของใครหลายคนที่เฝ้ามองอยู่ในตอนนั้น รวมถึงเธอคนนี้ด้วยที่ยืนเฝ้ามองดูอยู่ เหมือนจะบอกว่าเหตุการณ์ข้างหน้าต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นแน่นอน
ความคิดเห็น