ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    japan japan มารวมพลคนรักญี่ปุ่นกัน!!

    ลำดับตอนที่ #1 : จุดเริ่มต้นคือ ตัวอักษร

    • อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 52


    ขอแรกของการเรียนทุกๆภาษา

     

    คือ เราต้องจำตัวอักษรให้ได้ก่อน

     

    ดังนั้นในบทนี้เราจะเริ่มกันที่

     

    การแนะนำตัวอักษรญี่ปุ่นก่อนค่ะ

     

    ไปรู้จักกับตัวอักษรญี่ปุ่นกันเลย

     

    ...............

     

    อักษรในภาษาญี่ปุ่นจะมีทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ค่ะ

    - ฮิรางานะ

    - คาตากะนะ

    - คันจิ

     

    สองแบบแรกเป็นตัวที่สำคัญมาก

     

    โดยเฉพาะ ฮิรางานะ

     

    ที่เพื่อนๆที่เรียนมาทุกคนจะรู้ว่า

     

    ต้องจำให้ได้

     

    เพราะฮิรางานะเป็นพื้นฐานของเสียงอักษรทุกตัวค่ะ

     

    - ฮิรางานะ เป็นตัวอักษรที่ใช้แสดงเสียงในภาษาญี่ปุ่น มีทั้งหมด 46 ตัว อักษร 1 ตัว แทนเสียงหนึ่งช่วงเสียง

    เช่น  にほん แยกตัวอักษรเป็น に--ん ออกเสียงว่า  ni-ho-n   แปลว่า  ญี่ปุ่น

     

    - คาตากานะ เป็นตัวอักษรที่ใช้แทนเสียงของภาษาต่างประเทศ(โดยมากจะเป็นภาษาอังกฤษ) มีทั้งหมด 46 ตัว  และออกเสียงเหมือนกับฮิรางานะ

    เช่น      タイแยกตัวอักษรเป็น タ-  ออกเสียงว่า   ta-i   แปลว่า   ไทย

     

    - คันจิ เป็นตัวอักษรที่ใช้แสดงความหมาย คันจิหนึ่งตัวจะออกเสียงได้หลายเสียง ซึ่งขึ้นอยู่กับการประกอบกันของตัวอักษรให้เป็นหนึ่งคำ โดยมากคันจิจะประสมกับฮิรางานะ อักษรคันจิเกิดจากการดูภาพของธรรมชาติแล้วจินตนาการเป็นตัวอักษรเคยกับการกำเนิดตัวอักษรของภาษาจีน

    +  เสียงอ่านของอักษรคันจิจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบ "คุงโยมิ"  และ "องโยมิ"

    +  เสียงแบบ "คุง" จะเป็นเสียงอ่านแบบญี่ปุ่น ซึ่งมักอ่านแบบนี้เมื่อเจอคันจิผสมมากับฮิรางานะ

    +  เสียงแบบ "อง" จะเป็นเสียงอ่านแบบจีน จะอ่านแบบนี้เมื่อเจอคันจิตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป แต่ก็ไม่มีกฎตายตัว                ซึ่งเราต้องสังเกตกันให้ดี

    +  ในประเทศญี่ปุ่นมีการบัญญัติให้อักษรคันจิ 1,945 ตัวเป็น "โจโยคันจิ (คันจิที่ใช้บ่อย)"เพื่อจำกัดจำนวนคันจิในระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้มีคันจิยาก ๆ มากเกินไป แต่ก็อาจจะมีใช้เกินกว่านั้นบ้างเหมือนกัน อันนี้ก็ต้องพึ่งการเดาเอานะค่ะ

    เช่น                                     อ่านว่า           hi-to                     แปลว่า           คน

        タイ         อ่านว่า           ta-i-ji-n             แปลว่า        ชาวไทย หรือ คนไทย

        何                 อ่านว่า           na-n-ni-n           แปลว่า       กี่คน

                                                            หรืออ่านว่า       na-ni-ji-n         แปลว่า       คนอะไร หรือ ชาวอะไร

     

     

    แถวเสียง

    -ฮิรางานะและคาตากานะจะมี  46 เสียง และจะแบ่งเป็นเสียงใส กับ เสียงขุ่น ค่ะ

     

                                                                        เสียงใส (ฮิรางานะ)

     


    A (อะ)


    KA (คะ)


    SA (สะ)


    TA (ทะ)


    NA (นะ)


    HA (ฮะ)***


    MA (มะ)


    YA (ยะ)


    RA (ระ)


    WA (วะ)


    N (อึน, อึง)**


    I (อิ)


    KI (คิ)


    SHI (ฌิ)


    CHI (ชจิ)


    NI (นิ)


    HI (ฮิ)


    MI (มิ)

     


    RI (ริ)

     

     


    U (อุ)


    KU (คึ)


    SU (สึ)


    TSU (ทซึ)


    NU (นึ)


    FU (ฟฮึ)


    MU (มึ)


    YU (ยึ)


    RU (รึ)

     

     


    E (เอะ)


    KE (เคะ)


    SE (เสะ)


    TE (เทะ)


    NE (เนะ)


    HE (เฮะ)****


    ME (เมะ)

     


    RE (เระ)

     

     


    O (โอะ)


    KO (โคะ)


    SO (โสะ)


    TO (โทะ)


    NO (โนะ)


    HO (โฮะ)


    MO (โมะ)


    YO (โยะ)


    RO (โระ)


    WO (โอ๊ะ)*


     

     

    ++ เป็นคำช่วย อ่านออกเสียง "โอะ" แต่เวลาฟังเพลงส่วนใหญ่จะออกเสียง "โวะ"
    ++ เป็นตัวสะกด อ่านออกเสียง"อึน" หรือ "อึง"

    ++ ปกติอ่านออกเสียง "ฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "วะ"  

    ++ ปกติอ่านออกเสียง "เฮะ" แต่เมื่อใช้เป็นคำช่วย ต้องอ่านออกเสียง "เอะ"       

                                                  เสียงขุ่น(ฮิรางานะ)

       -เพิ่มขึ้นมาโดยการใส่ "เต็งเต็ง" " และ "มารุ" 『゜』 ลงในแถวเสียง " ka "แถวเสียง " sa " แถวเสียง " ta " และแถวเสียง "ha" ดังนี้

     


    GA*


    ZA**


    DA


    BA


    PA


    GI*


    JI**


    JI


    BI


    PI


    GU*


    ZU**


    ZU, DU


    BU


    PU


    GE*


    ZE**


    DE


    BE


    PE


    GO*


    ZO**


    DO


    BO


    PO

     

    **** นอกจากนี้ยังมีเสียงผสมโดยการนำแถวเสียง "  ya " มาใส่ไว้ด้านหลัง โดยแถวเสียง" ya "  ที่นำมาต่อท้ายต้องเขียนด้วยตัวอักษรตัวเล็ก

    きゃ
    KYA (เคียะ)

    しゃ
    SHA (ฉะ)

    ちゃ
    CHA (ชจะ)

    にゃ
    NYA (เนียะ)

    ひゃ
    HYA (เฮียะ)

    みゃ
    MYA (เมียะ)

    りゃ
    RYA (เรียะ)

    ぎゃ
    GYA (เกงียะ)

    じゃ
    JA (จะ)

    びゃ
    BYA (เบียะ)

    ぴゃ
    PYA (เพียะ)

    きゅ
    KYU (คยึ)

    しゅ
    SHU (ฉึ)

    ちゅ
    CHU (ชจึ)

    にゅ
    NYU (นยึ)

    ひゅ
    HYU (ฮยึ)

    みゅ
    MYU (มยึ)

    りゅ
    RYU (รยึ)

    ぎゅ
    GYU (งยึ)

    じゅ
    JU (จึ)

    びゅ
    BYU (บยึ)

    ぴゅ
    PYU (พยึ)

    きょ
    KYO (คโยะ)

    しょ
    SHO (โฉะ)

    ちょ
    CHO (ชโยะ)

    にょ
    NYO (นโยะ)

    ひょ
    HYO (ฮโยะ)

    みょ
    MYO (มโยะ)

    りょ
    RYO (รโยะ)

    ぎょ
    GYO (งโยะ)

    じょ
    JO (โจะ)

    びょ
    BYO (บโยะ)

    ぴょ
    PYO (พโยะ)

    Tips:
     ++
    ซึ่งการออกเสียงผสมนี้จะมีบ้างตัวที่ไม่มีเสียงในภาษาไทย ทำให้การออกเสียงอาจจะยากขึ้นมานิดหนึ่ง  หากเพื่อนๆคนไหนมีปัญหาในการออกเสียงให้เพื่อนๆลอง ออกเสียงตัวอักษรโดยแบ่งออกเป็นสองตัวไปเลยแต่พูดให้เร็วขึ้น

         เช่น     ki+ya      พูดเร็วๆก็จะกลายเป็น      kya ได้เหมือนกัน ลองทำดูนะค่ะ

     

                     *** แต่พึงระวังเอาไว้ว่า เสียงนี้เป็นเสียงสั้น ถ้าเป็นเสียงยาวจะต้องมี "อุ" ต่อท้าย เช่น きょう (Kyou=เคียว) หรือ りゅう (Ryuu=ริว) ดังนั้น หากจะลักไก่อ่านออกเสียงเป็น "คิว" หรือ "เคียว" ฯลฯ อย่าออกเสียงลากยาวนะคะ ให้สะบัดเสียงให้สั้นลงจะได้ถูกต้องค่ะ                                           

                     

    เสียงใส(คาตากานะ)

     


    A


    KA


    SA


    TA


    NA


    HA


    MA


    YA


    RA


    WA

    ***
    N**


    I


    KI

    ***
    SHI


    CHI


    NI


    HI


    MI

     


    RI

     

     


    U


    KU


    SU

    ***
    TSU


    NU


    FU


    MU


    YU


    RU

     

     


    E


    KE


    SE


    TE


    NE


    HE


    ME

     


    RE

     

     


    O


    KO

    ***
    SO


    TO

    ***
    NO


    HO


    MO


    YO


    RO


    WO*

     

     

     

     

          ** ดูจากตารางฮิระงะนะประกอบค่ะ **
    อักษรที่คล้ายกัน ต้องระวังด้วยนะคะ จุดสังเกตง่าย ๆ ก็คือ
    "ชิ" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้าง เส้นด้านล่างลากขึ้น
    "ทซึ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากลง
    "โสะ" ขีดด้านข้าง จะลากลงด้านล่าง เส้นด้านล่างลากลง
    "อึน" ขีดด้านข้าง จะลากเข้าหาด้านข้างแต่มีแค่ขีดเดียว เส้นด้านล่างลากขึ้น
    "โนะ" ลากลงมาขีดเดียวโดด ๆ เลย

     

    เสียงขุ่น(คาตากานะ)

     

    ++ ดูจากตารางของฮิรางานะประกอบนะค่ะ

     


    GA*


    ZA**


    DA


    BA


    PA


    GI*


    JI**


    JI


    BI


    PI


    GU*


    ZU**


    ZU, DU


    BU


    PU


    GE*


    ZE**


    DE


    BE


    PE


    GO*


    ZO**


    DO


    BO


    PO

     

                   ตัวคาตากานะเองก็มีการผสมเสียงในแถว " ya " เช่นเดียวกันค่ะ โดยเพื่อนๆสามารถดูได้จากตาราง          ข้างล่างนี้

     

    キャ
    KYA

    シャ
    SHA

    チャ
    CHA

    ニャ
    NYA

    ヒャ
    HYA

    ミャ
    MYA

    リャ
    RYA

    ギャ
    GYA

    ジャ
    JA

    ビャ
    BYA

    ピャ
    PYA

    キュ
    KYU

    シュ
    SHU

    チュ
    CHU

    ニュ
    NYU

    ヒュ
    HYU

    ミュ
    MYU

    リュ
    RYU

    ギュ
    GYU

    ジュ
    JU

    ビュ
    BYU

    ピュ
    PYU

    キョ
    KYO

    ショ
    SHO

    チョ
    CHO

    ニョ
    NYO

    ヒョ
    HYO

    ミョ
    MYO

    リョ
    RYO

    ギョ
    GYO

    ジョ
    JO

    ビョ
    BYO

    ピョ
    PYO

     

    นอกจากแถวเสียงที่ผสมขึ้นมา โดยใช้แถวเสียง "ya" ตัวเล็กมาต่อท้ายแล้ว ตัวอักษรคะตะคะนะจะมีแถวเสียงผสมที่ใช้แถวเสียงอื่น ๆ ตัวเล็กเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ดังนี้ค่ะ

     

     

    ヴァ
    VA

    クァ
    KWA

    ツァ
    TSA

     

     

    ファ
    FA

    ウィ
    WI

    ヴィ
    VI

     

     

    ティ
    TI

    ディ
    DI

    フィ
    FI

     


    VU

     

     

     

    デュ
    DU

     

    ウェ
    WE

    ヴェ
    VE

     

    ツェ
    TSE

     

     

    フェ
    FE

    ウォ
    WO

    ヴォ
    VO

     

    ツォ
    TSO

     

     

    フォ
    FO

    Tips
         ถ้าต้องการให้ออกเสียงยาว ให้ใช้
    『ー』 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนเสียงยาวในภาษาญี่ปุ่นค่ะ เช่น คำว่า "Fram=กรอบ" หรือ "Flame=เปลวไฟ" ก็จะเป็น フレーム ค่ะ

    จากตารางตัวอักษรดังกล่าว ขอให้เพื่อนๆทุกคนจดจำให้ได้ทุกตัวนะค่ะเพราะมันจะเป็นหัวใจสำคัญในการเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แต่เสียงผสมอาจจะไม่ต้องจำก็ได้ค่ะ แต่ก็ต้องผสมเสียงเป็นได้เองนะค่ะเพราะในคำศัพท์ญี่ปุ่นจะมีเสียงผสมใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยเช่นกันค่ะ

    ตอนนี้ให้เพื่อนๆจดจำตัวอักษรกันไปก่อนเนอะ^^ แล้วในบทต่อไป ลิโซจะเอาคำศัพท์มาให้ลองเอาไปท่องเป็นตัวช่วยจำตัวอักษรของเพื่อนๆด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยให้ง่ายหรือยากขึ้นกันแน่นะค่ะ

                               เครดิตตารางตัวอักษร โซเอามาจาก ++ gin-no-ishi.exteen.com นะค่ะ ขอบคุณมากค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×