คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : WOLF.. 1 [100%]
WOLF.. สงครามล่าหัวใจ
ร่างโปร่งของเด็กหนุ่มเยื่องย่างลัดเลาะไปตามแนวลำธาร ผิวกายสีผ่องต้องกระทบกับแสงแดดงามอาทิตย์อัสดงช่างนวลเนียนละเอียดเสียจนอิสตรีก็ยากที่จะเทียบเคียง ขาเรียวพาเรือนร่างอันบอบบางหยุดลงตรงโขดหินริมลำธาร นั่งลงพักกายด้วยเหนื่อยล้า..
มือนุ่มเอื้อมลงไปกวักน้ำใสขึ้นมาชำระล้างใบหน้า หยดน้ำไหลอาบตั้งแต่หน้าผากมนไล่มาตามแนวจมูกโด่งรันและริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อ ไม่จบเพียงเท่านั้น.. มือหยาบที่ดูเหมือนผ่านการตรากตำทำงานมาอย่างโชคโชนแต่ก็แฝงไปด้วยความบอบบางเกินกว่าจะเชื่อว่านี้คือมือของบุรุษชาติชายค่อยๆปลดเปลื่องอาภรที่ห่มเรือนกายของตนออก ไม่ช้าเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวผ่องก็ต้องกับแสงแดดอ่อนจนเกิดเป็ภาพที่ชวนหลงใหล ในป่าที่ห่างไกลผู้คนอย่างนี้ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องอายสายตาใคร แต่เด็กหนุ่มหารู้ไม่.. ทุกๆอิริยาบทของเขาได้ถูกสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เขาได้ย่างกายเข้ามาในป่าแห่งนี้แล้ว
“โอ้สวรรค์.. ร่างกายของเจ้าช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน”
ไม่ไกลจากลำธารนั้นปรากฏกายหมาป่าขนสีทองตัวมหึมาที่ซ้อนกายหยาบโดยอาศัยเงาของพุ่มไม้ สายตาหื่นกระหายยากที่จะปกปิดกำลังจับจ้องไปทางร่างเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่มในลำธาร
“ข้าอยากสัมผัสเจ้าเหลือเกิน”
ไวเท่าความคิด.. จากหมาป่ากระหายเลือดกลับกลายเป็นบุรุษร่างกายกำยำ เนื้อตัวห่มด้วยอาภรสีทองรับกับใบหน้าตาอันหล่อเหลา ดวงตาคมกริบราวกับวาดด้วยหยดหมึกราคาแพง ใบหน้ารูปไข่รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากยกยิ้มอย่างมีเลศนัยตลอดเวลา
และที่ไวกว่าคือขาแกร่งที่ก้าวเข้าไปชิดตัวเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ !! .. ทะ ท่านจุนฮยอง ชอบทำให้ข้าตกใจอยู่เรื่อยเลย” สีหน้าตื่นตะหนกเมื่อแรกแปรเปลี่ยนเป็นเขินอายทันทีเมื่อพบว่าคนที่ลอบเข้ามาแตะต้องร่างกายของเขาเป็นคนรักที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน
“ก็เจ้าอยากไม่ระวังตัวเอง.. ข้าเตือนเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่รึฮยอนซึงถ้าไม่ใช่ข้าแล้วเป็นหมาป่าตนอื่นหรือศัตรูของข้าเจ้าจะมีโอกาสได้มาทำหน้าเขินอายแบบนี้ไหมหืม” แม้วาจาจะตำหนิคนรักที่ไม่ยอมเชื่อฟังคำเตือนของเขาแต่มือหยาบก็ลูบไล้เรือนกายของร่างบางจนตอนนี้คนที่ถูกสัมพัสเกิดอารมณ์วาบหวามขึ้นมาเสียแล้ว
“อ๊ะ !! ยะ อย่าสิท่าน ข้ายังโกรธท่านไม่หายเลยนะ ยะ หยุดก่อนสิท่านจุนฮยอง” ฮยอนซึงพยายามปัดป้องมือหยาบของจุนฮยองออกจากหน้าอกของตนอย่างยากลำบาก แม้ปากจะบอกให้หยุดแต่ร่างกายของเขากลับตอบรับสัมพัสของอีกคนอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง.. เจ้าก็รู้มิใช่รึว่าหมาป่าอย่างข้าศัตรูรอบด้านเยอะเพียงใด ไม่แม้แต่ต่างสายพันธ์แค่หมาป่าด้วยกันข้าก็มิอาจบอกได้ว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู เจ้าเป็นคนรักของข้าเจ้าเองก็ตกอยู่ในอันตรายไม่แพ้ข้า ข้าไม่อยากเห็นเจ้าเป็นอะไรไปเข้าใจที่ข้าพูดไหมฮยอนซึง” เรียวแขนแกร่งโอบรัดร่างบอบบางอย่าหวงแหน ดวงตาคมกริบจ้อมมองเข้าไปในตัวตาคู่หวานอย่างสื่อความหมาย
รักเหลือเกิน..
หวงและห่วงยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง..
อย่างที่เขาพูดนั้นแหละ เขาเป็นหัวหน้าเผ่าพันธ์หมาป่าอันศักดิ์สิทธิ์แต่ถึงกระนั้นอันตรายก็มีอยู่รอบตัว กับเผ้าพันธ์อื่นนั้นไม่เท่าไหร่เพราะยังรู้ว่าใครคิดร้ายกับตนอย่างไรแต่กับเผ่าพันธ์เดียวกันนี้สิยากเกินจะคาดเดา มิตรสหายในวันนี้อาจกลับกลายเป็นศัตรูกันในวันหน้าก็เป็นได้ แต่ที่สุดเหนืออื่นใดคนที่เขาห่วงกับไม่ใช่ตนเองแต่เป็นร่างบางตรงหน้านี้ต่างหาก คนที่เป็นเสมือนหัวใจของเขา ถ้าต้องสูญเสียไปแล้วเขาคนนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
“ข้ารู้แล้ว.. ต่อไปนี้ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีข้าสัญญา อย่าได้กังวลไปเลยนะจุนฮยองของข้า” พูดจบริมฝีปากบางแต่อวบอิ่มก็สัมผัสลงบนปากหนาเบาๆ ไม่ได้รุกล้ำหรือยั่วยวนอะไรเพียงแต่เป็นจูบที่ฮยอนซึงต้องการถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆให้จุนฮยองได้รับรู้เท่านั้นเอง
เขารู้ว่าจุนฮยองห่วงเขามากเพียงใด ถึงแม้บางครั้งร่างสูงจะหายหน้าหายตาไปหลายวันแต่ก็ไม่เคยปล่อยปะละเลยความปลอดภัยของเขาเลย เพราะไม่ว่าเขาจะย่างกายไปที่ไหนเงาทะมึนของหมาป่านับสิบตัวก็จะแฝงตามติดเขาไปซะทุกที จนบางครั้งฮยอนซึงเองก็นึกสงสัยว่า.. จุนฮยองส่งสมุนมาดูแลเขามากเพียงนี้แล้วตัวเองเล่ามีใครคอยคุ้มกันรึเปล่า เขาก็อยากให้จุนฮยองรู้ว่า เขาเองก็หวงและห่วงจุนฮยองไม่แพ้กัน
**
กว่าที่สองร่างจะแยกจากกันก็เป็นเวลาเกือบที่แสงอรุณขอวันใหม่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า จุนฮยองไม่ได้อยากเอาเปรียบร่างกาบบอบบางนี้แต่เขาเองก็ไม่สามารถหยุดแรงปรารถนาของตนเองได้เช่นกัน
“ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้าเลยฮยอนซึงเจ้ารู้หรือไม่” แขนขวาที่กอดร่างบางเอาไว้กระชับแน่นเพื่อบอกให้รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นจริงเช่นไร
“ช้าเองก็ไม่อยากจากท่านไปไหนเช่นกัน” ฮยอนซึงเองก็กระชับเรียวแขนที่โอบรัดเอวสอบของอีกคนไว้แน่นเช่นกัน
โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตเขาเหลือเกิน.. ครั้งก่อนฮยอนซึงจะพบกับจุนฮยองเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มกำพร้าไร้ญาติขาดมิตรคนหนึ่งเท่านั้น ทุกๆวันต้องทำงานตรากตำเพื่อต่อชีวิตให้ได้มีลงหายใจในวันต่อไป ชีวิตเขาเป็นแบบนี้มาตลอดกว่าสิบปีแต่แล้วชีวิตของเขาก็มีอันต้องเปลี่ยนไป
วันนั้นยามที่อาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า ฮยอนซึงที่เสร็จจากการหาของป่ากำลังนั่งพักเรือนกายอยู่ริมลำธาร สองมือกวักน้ำใสขึ้นมาชำระล้างใบหน้าด้วยความเหนื่อยล้า ครั้นจะลงไปขำระล้างทั้งตัวก็เห็นว่าฟ้าใกล้มืดเต็มที่แล้วจึงทำเพียงกวักน้ำลูบไล้ไปตามแนวแขนขาวและลำตัวท่องบนเท่านั้น แต่ใครเล่าจะรู้ว่าการกระทำเยี่ยงนั้นของเขาจะปลุกสัตว์หน้าขนที่แฝงตัวหลับใหลอยู่ในพุ่มไม้ใกล้ลำธารให้ตื่นขึ้นมา
ความเย็นยะเยือกทางด้านหลังส่งผลให้ร่างบางขนลุกซู่จนต้องเหลียวหันไปมอง เพียงแวบแรกที่เห็นดวงตาสีเหลืองทองฮยอนซึงก็รำไห้ออกมาด้วยความตกใจ หมาป่าขนสีทองอำพันร่างมหึมาอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ย่างก้าว ฮยอนซึงผงะถอยหลังและพยายามมองหาลู่ทางให้ตนพ้นภัยจากสัตว์ดุร้ายเช่นนี้ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางใดก็ไร้ซึ้งหนทางที่เขาจะรอดได้ สุดท้ายร่างบอบบางของฮยอนซึงก็ทรุดลงคุกเข่ารำไห้อยู่ริมลำธารอย่างหมดหนทาง
ชีวิตเขาช่างโหดร้ายเหลือเกิน.. กำพร้าบิดามารดาตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบตั้งแต่ที่รับรู้ว่าตนนั้นไร้ซึ้งที่พึงพาเขาก็ตรากตำทำงานเลี้ยงชีวิตตัวเองมาตลอด ครั้นพอจะมีลู้ทางหาเงินกับเขาบ้างก็ต้องมาตายเพราะหมาป่าขนสีทองตรงหน้า
“เจ้ามันใจร้ายเจ้าหมาป่า.. ทำไมต้องเป็นข้า ทำไมต้องเป็นข้าด้วย” พูดไปก็รำไห้ไป ตอนนี้เขาไม่สนหรอกว่าหมาป่าตรงหน้านี้จะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดไหม เขาแค่อยากพูด.. อยากพูดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก
“ผู้คนสันจรผ่านทางนี้มากมายแต่ทำไมต้องเป็นข้า ร่างกายข้าก็แทบจะไม่มีเนื้อหนังเจ้ากินข้าไปเจ้าก็ไม่อิ่มหรอก.. เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดไหมห๊า !!! เจ้าหมาป่าบ้า ฮือๆ”
“เสียงเจ้านี้ช่างน่ารำคานเสียจริง” น้ำเสียงนุ่มลึกเปล่งออกมาจากที่ใดสักแห่งร่างบางหันซ้ายแลขวาก็ไม่พบต้นต่อของน้ำเสียงนั้น ครั้นพอมองไปข้างหน้าก็พบแต่เจ้าหมาป่าขนสีทองที่ยืนจังกาอยู่ตรงหน้ามิได้ขยับไปไหน
“เสียงผู้ใดกัน” ฮยอนซึงพึมพำออกมาตามใจคิด
“ไม่ต้องมองหาให้เสียเวลาหรอกเด็กน้อย.. ถึงเจ้าจะเหลียวมองจนคอเจ้าแทบหักก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้นอกจากเจ้ากับช้าอีกแล้ว” เสียงปริศนายังคงเอื้อนเอ่ยต่อไป และถึงแม้ฮยอนซึงจะมองหาเพียงใดก็ไม่พบใครเลย คิ้วสวยขมวดปมด้วยความสงสัย
“ถ้างั้น.. เป็นเจ้าที่กำลังพูดอยู่กับข้าอย่างนั้นสิเจ้าหมาป่า หึ !! ข้าไม่ได้โง่นะถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้รำเรียนวิชาความรู้มาก็ตาม แต่สัตว์ป่าเยี่ยงเจ้ารึจะพูดจาภาษามนุษย์กับข้าได้”
“ข้ายังทำได้มากกว่าการพูดจาภาษามนุษย์ของเจ้าอีก..” ทันใดนั้นหมาป่าขนสีทองร่างมหึมาก็สลายแล้วเปลี่ยนเป็นร่างกลายกำยำของชายหนุ่มรูปงามปรากฏขึ้นมาแทน ฮยอนซึงไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝันที่เกิดขึ้นในหัวของเขารึเรื่องจริงกันแน่ แต่สิ่งที่สามารถบอกร่างบางได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริงคือสัมผัสอุ่นที่แตะต้องเรียวแขน ฮยอนซึงที่ตกอยู่ในภาวะไม่คาดฝันไร้ซึ้งเรียวแรงปัดป้อง
“ทีนี้รู้หรือยังว่าผู้ใดกันที่กำลังคุยกับเจ้าอยู่” ร่างหนาโน้มตัวจนริมฝีปากใกล้กับใบหูเล็กแล้วกระซิบจนร่างบางที่ตื่นตระหนกอยู่แล้วหวาดกลัวมากขึ้นหลายเท่าตัว
“จะ เจ้าเป็นมนุษย์ ?” ถึงแม้จะกลัวแต่ฮยอนซึงก็ไมวายเผยความสงสัยออกมาจนร่างหนาหัวเราะร่วงด้วยความชอบใจ
“ฮาๆ เจ้านี้ช่างน่าขันซะเหลือเกิน.. ข้ามิใช่มนุษย์โง่เขลาและอ่อนแอเยี่ยงพวกเจ้าหรอก แต่ข้าคือมนุษย์หมาป่าผู้ซึ้งเป็นใหญ่ในดินแดนแห่งนี้ต่างหาก” ร่างหนาพูดพลางใช้มือหยาบกร้านของตัวเองสัมผัสผิวกายอันอ่อนนุ่มของฮยอนซึงไปด้วย
“มนุษย์หมาป่า !? ปะ .. ปีศาจหน้าขนอย่างนั้นเหรอ?” ชีวิตที่ผ่านของเขายังโหดร้ายไม่พออีกหรือ เหตุใดกันเขาถึงต้องมาพบเจอกับปีศาจที่ผู้คนหลายต่อหลายรุ่นกล่าวขานถึงความน่ากลัวเยี่ยงนี้ ทำไมสวรรค์ไม่เห็นใจเขาบ้าง เมื่อคิดถึงตรงนี้น้ำตาที่เหือดหายไปไม่นานก็กลับไหลออกมาอีกครั้ง ฮยอนซึงไม่ได้รำไห้เพียงเพราะรู้ตัวว่ากำลังจะตาย แต่เขารำไห้เพราะรู้สึงน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาชีวิตของเขาที่เหมือนสวรรค์ทอดทิ้งเขาต่างหาก
“เจ้าร้องไห้ทำไมเด็กน้อย” นิ้วโป้งจากมื้อหยาบเกลี่ยลงบนแก้มใสช้าๆเพื่อลบเลือนคราบน้ำตา ฮยอนซึงไม่เข้าการกระทำอ่อนโยนเช่นนี้ของอีกฝ่าย ในเมื่อในที่สุดก็ต้องฆ่าเขาจะมาปลอบประโลมเขาทำไม
“ข้ากำลังจะตาย.. สุดท้ายข้าก็ต้องเป็นอาหารของเจ้าาจะให้ข้าหัวเราะยิ้มดีใจหรือไร ข้าไม่ได้บ้าน่ะ!!” ฮยอนซึงส่งกระเง้ากระงอนพร้อมด้วยใบหน้ายุ่งๆออกมาโดยหารู้ตัวไม่แต่มันก็ทำให้ใบหน้าหล่อของอีกฝ่ายยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แล้วถ้าข้าไม่กินเจ้าละ เด็กน้อยอย่างเจ้าพอจะมีอะไรตอบแทนความกรุณาครั้งนี้ของข้าได้บ้าง” แม้จะพูดคุยกันมาหลายประโยคแต่มือหยาบก็ยังคงจับต้องร่างบางไม่ว่างเว้น แม้ฮยอนซึงจะยังเด็กแต่เขาก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่รู้ว่าคนต้องหน้าต้องการสิ่งใดจากเขา เพราะทุกครั้งที่มือหยาบของอีกคนสัมผัสผิวกายเขามันทำให้เขารู้สึกร้อนรุมแปลกๆ น่าแปลกที่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกสัมผัสแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ถูกผู้ชายในหมู่บ้านจับต้องผิวกายของเขาแต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะรู้สึกร้อนรุมไปกับสัมผัสของอีกฝ่าย การที่เขาต้องใช่ชีวิตอย่างเพียงลำพังไร้ซึ้งคนพึงพิงเขาจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด แม้บางครั้งเขาจะต้องยอมเป็นที่ระบายอารมณ์ดิบของนายจ้างบางคนเขาก็ต้องยอม แค่เพียงยอมให้คนเหล่านั้นสัมผัสร่างกาย ยอมให้ริมฝีปากกร้านโลกแบบนั้นสัมผัสปากของตนเองหรือแม้กระทั้งใช้ริมฝีปากมอบความสุขให้กับคนพวกนั้นเขาก็จำเป็นต้องทำ
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการสิ่งใด.. แต่ร่างกายข้าไม่ได้บริสุทธิ์สะอาดอย่างที่เจ้าคิดหรอก แต่ถ้านั้นเป็นความต้องการของเจ้าข้าก็จะทำ” พูดจบร่างบอบบางของฮยอนซึงก็โถมร่างไปกับกับกายหนาขออีกฝ่าย ริมฝีปากบางบดเบียดกับริมฝีปากหยุ่นของอีกฝ่ายอย่างถือดี ถ้าการที่เขาทำแบบนี้แล้วเขาจะมีชีวิตรอดกลับไปเขาก็ยินดี
แค่จูบ..
แค่ยอมให้อีกฝ่ายได้สัมผัสร่างกาย..
แค่ช่วยให้อีกฝ่ายได้ปลดเปลืองอารมณ์หยาบ..
ทันทีที่แขนแกร่งดันร่างบอบบางของเขาออกจากตัว สายตากลมโตของฮยอนซึงก็มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความฉงน
“ข้าไม่ได้ต้องการเพียงรสจูบไม่ประสีประสาของเจ้าหรอกนะ สิ่งที่ข้าต้องการนะคือร่างกายเจ้าต่างหาก เจ้ามอบมันให้ข้าได้หรือไม่ล่ะ” สายตาคมกริบที่ไล่มองไปทั้งเรือนร่างกับน้ำเสียงที่หื่นกระหายของอมนุษย์ตรงหน้าทำให้ร่างกายของฮยอนซึงร้อนรุมแปลกๆ
“ขะ ข้าเป็นบุรุษหาใช่สตรีไม่ ข้าจะมอบร่างกายให้เจ้าได้อย่างไร”
“หึ ได้สิ.. แล้วข้าก็จะทำให้ร่างกายของเจ้าเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
และตั้งแต่วันนั้นร่างกายของฮยอนซึงก็ตอบรับสัมผัสของอมนุษย์ที่มีนามว่า ‘ยงจุนฮยอง’ แต่เพียงผู้เดียว
“คิดอะไรอยู่หรือดวงใจข้า” จุนฮยองที่เฝ้ามองดวงหน้าหวานของคนรักมาสักครู่เอ่ยถาม มือหยาบยกขึ้นไปเกลี่ยแก้มใสเบาๆ
“ฮาๆ ท่านนี้ช่างสรรหาคำชวนคลื่นไส้มาเรียกข้าได้เสียจริง ข้ากำลังคิดถึงวันแรกที่เราเจอกัน.. วันนั้นท่านทำข้ากลัวแทบแย่เลยรู้หรือไม่” ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนนั้นเสียงกระเง้ากระงอนของฮยอนซึงก็เรียกรอยยิ้มของจุนฮยองได้เสมอ
“แล้วเสียใจหรือเปล่าที่วันนั้นเป็นเจ้าที่เจอข้า” จุนฮยองมิได้สงสัยใดๆในตัวฮยอนซึงเพียงแต่เขาต้องการได้ยินคำๆนั้นของร่างบางเท่านั้น
ดวงหน้าหวานจับจ้องไปในดวงตาคมกริมของอีกฝ่าย ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขานึกเสียใจที่เจอจุนฮยอง แม้แรกเริ่มอีกฝ่ายจะทำให้เขาหวาดกลัวมากแค่ไหนแต่ทุกความรู้สึกที่จุนฮยองมอบให้เขามันทำให้เขารู้ว่าจุนฮยองจริงใจกับเขามากเพียงใด เขาอยากจะขอบคุณสวรรค์ที่มอบความสุขครั้งนี้ให้แก่เขา ขอบคุณที่ทำให้อมนุษย์ตนนี้รักเขาและเขาเองก็รักจุนฮยองอย่างหมดหัวใจ
“ท่านก็รู้คำตอบนี้ดี.. ข้ารักเจ้า เจ้ามนุษย์หมาป่าขนสีทอง” สิ้นคำบอกรักของฮยอนซึงริมฝีปากหนาของจุนฮยองก็เข้าครอบครองเรียวปากนุ่มของร่างบางทันที มิได้มีการลุกล้ำแต่อย่างใดแต่เป็นเพียงจูบที่ส่งมอบความรู้สึกให้กันและกันเท่านั้น
“ข้าก็รักเจ้าเหลือเกินฮยอนซึง.. ดวงใจของข้า”
--------------------------------------------------
ครบ.. 100 %
ความคิดเห็น