ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tokyo in Dream ภาค 1: รักขบวนสุดท้ายของยัยซินฯ

    ลำดับตอนที่ #6 : คาเนโกะ สู้ สู้

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 48


    ห้องกิจกรรม เย็นวันศุกร์



    เหลืออีกเดือนเดียวจะถึงวันรับปริญญา นั่นก็หมายความว่าเราจะซ้อมกันอีกแค่สองครั้ง แล้วก็ต้องแสดงจริงแล้ว

    พี่มาริก็ดูจะประสาทเสียมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเรายังท่องบทได้ไม่คล่อง โดยเฉพาะชั้นซึ่งยังจำบทยาวๆ

    ไม่ได้เลย ตั้งแต่เริ่มซ้อมมา พี่มาริก็ให้ชั้นซ้อมบทขอพรนางฟ้า ซึ่งเป็นบทที่ยาวที่สุด



    “ไอแฮฟ ว้อนเดอฟูลเดรส มายเดียร์แฟรี่ บัท บัท บัท ... เอ่อ..”

    ชั้นจำบทไม่ได้อีกแล้ว รอบที่ร้อยแล้วมั้ง -_-“ พี่ๆปีสามที่นั่งดูอยู่เริ่มทำหน้าไม่พอใจ ส่วนพี่มาริเองคงเริ่ม

    ควันออกหูแล้ว

    “มิมุระซัง นี่มันไม่ใช่เล่นๆนะ” พี่มาริตะคอก เธอเปลี่ยนคำที่เรียกชั้นจากคาเนโกะจังเป็นมิมุระซัง

    นั่นทำให้ชั้นรู้แล้วว่าพี่เค้าเครียดขนาดไหน

    “ขอ.. ขอโทษค่ะ” ชั้นก้มหน้า

    “ชั้นไม่ได้ต้องการคำขอโทษ แค่ตั้งใจทำให้มันได้เท่านั้นเอง เธอจะทำได้มั้ย”

    วินาทีนั้น ชั้นเริ่มไม่แน่ใจซะแล้ว ว่าชั้นจะทำได้

    “พี่ๆคะ คือ... จะดีมั้ยคะ ถ้าจะเปลี่ยนตัว...”

    “พอ พอที” พี่มาริพูดโดยไม่หันหลังมามองชั้น วินาทีนั้นชั้นเพิ่งรู้ว่าพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว



    “เครียดกันจังเลยนะ” เสียงดังมาจากที่หน้าประตูทำให้ทุกคนหันไปมอง ผู้ชายสูงขาวผมยาวคนหนึ่งยืนยิ้ม

    กอดอกเอนพิงประตู พวกเราคงตั้งใจซ้อมกันมากจนไม่มีใครสังเกต การปรากฏตัวของเค้าทำให้

    บรรยากาศในห้องคลายความเคร่งเครียดลง พวกรุ่นพี่ปีสาม (ที่มีแต่ผู้หญิง) เดินเข้าไปทักทาย

    “ลมอะไรหอบเธอมาจ๊ะ ทานากะซัง”



    ทานากะซัง! รุ่นพี่ทานากะ คณะวิศวะน่ะเหรอ ชั้นเคยอ้างชื่อรุ่นพี่ทานากะตอนที่ไปขอร้อง

    ให้คัตซึคาว่ามาร่วมงานนี่นา ถ้าเค้ามาเอาเรื่องชั้นล่ะ รึว่าเค้าจะมาฟ้องพี่มาริเรื่องนี้ O-O”

    พระเจ้า...โปรดช่วยลูกด้วยเถอะ

    รุ่นพี่ทานากะทักทายพวกพี่ปีสามอย่างเป็นกันเอง ชั้นเคยรู้มาว่ารุ่นพี่ป๊อบมากในคณะวิศวะ

    ไม่นึกว่าพี่ๆที่คณะวิทยาศาสตร์จะชื่นชอบเค้าด้วยเหมือนกัน ชั้นคิดจะค่อยๆหลบออกไป แต่ไม่ทันแล้ว

    รุ่นพี่หันมาทางชั้น จากนั้นสายตาเค้าก็หยุดอยู่ที่มงกุฎซินเดอเรลล่าบนหัวชั้น จากนั้นพี่เค้าก็ก้าวตรงมา



    “อ๊า... รุ่นพี่ ขอโทษค่ะ” ชั้นหลับตา ก้มหัวจนเกือบจะเป็นมุมฉาก

    “เธอสินะ ซินเดอเรลล่า เข้าใจเลือกคนแสดงนี่” รุ่นพี่ทานากะหันไปพูดกับพี่มาริ เป็นผลให้พี่มาริยิ้มกว้าง

    “…”

    ในเมื่อรุ่นพี่ทานากะไม่ได้ว่าอะไรชั้น ชั้นเลยกล้าเงยหน้าขึ้น พี่ทานากะกำลังทำหน้าทะเล้นกับรุ่นพี่ปีสาม

    ก่อนที่จะหันมาทางชั้น

    “เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ”

    “เอ่อ มะ...ไม่มีอะไรค่ะ” ชั้นตอบ ก่อนมองหาคัตซึคาว่า นายนั่นอมยิ้ม กลั้นหัวเราะตัวงอ คงพยายามที่จะไม่ให้

    เสียงออกมา กลัวเสียภาพพจน์เจ้าชายละสิ เชอะ แต่ยังไงตอนนี้ชั้นก็ดีใจที่พี่ทานากะไม่ได้ว่าอะไรชั้น

    “เอาล่ะทุกคน” พี่มาริตะโกนอยู่กลางห้อง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

    “พรุ่งนี้วันเสาร์ เราจะไปซ้อมนอกสถานที่กัน เจอกันที่ฮาราจูกุนะ เรื่องเวลากับสถานที่พี่จะโทรบอกทีหลัง

    ตกลงตามนี้ วันนี้พอแค่นี้จ้ะ”

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ลานกว้าง ฮาราจูกุ



    บ่ายโมงแล้ว ทำไมยังไม่มีใครมาอีกนะ เมื่อคืนพี่ตอนที่นัดเวลาก็ไม่ได้คุยกับพี่มาริโดยตรงเสียด้วย

    เพราะคัตซึคาว่าเป็นคนโทรมาบอกชั้นเองว่าเวลานัดคือบ่ายตรง อีตานี่จะมาไม้ไหนอีกรึเปล่านะ



    “ปูจัง!”

    ใครกันนะชื่อตลกดี แล้วนี้ชั้นต้องยืนรออย่างงี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย นี่มันเป็นความคิดของรุ่นพี่มาริ

    ที่อยากให้เรามาซ้อมกลางฮาราจูกุ เพื่อเพิ่มความกล้าไม่ใช่หรือไง แล้วนี่ยังไม่เห็นใครสักคน

    “ยัยปู!”

    ชั้นหันไปตามเสียงนั้น นั่นมันคัตซึคาว่า  แล้วใครคือปูล่ะ !@?!@?!@

    “อะไร ใครชื่อปูมิทราบ”

    “ก็เธอ  ... ชื่อเธอมันออกเสียงเหมือนปูไม่รู้หรือไง 555”

    (คำว่าคานิในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าปูค่ะ – ผู้แต่ง)

    คัตซึคาว่าฉีกยิ้มกว้าง วันนี้เค้าแต่งตัวแปลกตา คงเพราะไม่ต้องแต่งเรียบร้อยในวันหยุด นายตาโต

    วันนี้มาในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวหลวมๆแต่ผ่าด้านหน้าลึก พอที่จะมองเห็นกล้ามเนื้อข้างใน >_<

    “มองอะไรจ๊ะ ปู” ชั้นหยุดความคิดลามก รีบหันไปทางอื่น แล้วดูเหมือนเค้าจะสนุกที่คิดชื่อนี้ขึ้นมาได้

    พระเจ้า  TT_TT

    “แล้วนี่นายมาคนเดียวเหรอ คนอื่นๆล่ะ”

    “ไม่รู้สิ เดี๋ยวคงมามั้ง”

    เจ้าชายทำหน้าไม่สนใจโลก แล้วออกเดิน

    “นี่ นายจะไปไหนน่ะ เดี๋ยว รอก่อนสิ”

    ชั้นเดินตามไป คัตซึคาว่าหยุดที่ร้านไอศกรีม โอย เห็นแล้วหิว ก็ชั้นยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยน่ะสิ

    ชั้นหย่อนตัวลงนั่ง เพิ่งสังเกตว่าตรงที่ชั้นมายืนอยู่นี้เป็นด้านหลังของน้ำพุ เงาของรูปปั้นเด็กที่

    ปั้นเป็นรูปกามเทพนั้นจึงทอดลงมาครอบคลุมบริเวณนี้ ทำให้ดูร่มรื่นต่างกับตรงที่ชั้นยืนรออยู่เมื่อครู่



    “นี่ พี่สาวครับ เก็บลูกบอลให้ผมหน่อย”

    เสียงเด็กชายตัวเล็กดังมาจากทางด้านข้าง เด็กคนนี้อายุประมาณ 5 ขวบ ผมสีทอง หน้าตาบ่งบอก

    ว่าเป็นลูกครึ่งตะวันตก

    “อ๋อ ... จ้ะ”

    ชั้นพยายามเอื้อมไปหยิบลูกบอลเล็กๆที่ค่อยๆลอยห่างออกไป  ลูกบอลค่อยๆลอยห่างไปเรื่อยๆ ทำไม

    ชั้นถึงได้เกิดมาแขนสั้นอย่างนี้นะ ชั้นพยายามยืดตัวออกไปอีก จน.... ชั้นเสียการทรงตัว



    “หวา หวา ...” วินาทีที่ตัวชั้นจะตกลงไปในบ่อน้ำพุ คัตซึคาว่าที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เข้ามาคว้าชั้นไว้

    ด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือหนึ่งถือไอศกรีมโคนสองอัน (ทำไปได้ไงเนี่ย)

    “นี่เธอคิดจะทำอะไรหา!”

    “คือ... ขอโทษนะ ชั้นจะเก็บไอ้นั่นน่ะ” ชั้นมองไปที่ลูกบอลเจ้าปัญหา

    “พี่จะกอดกันอีกนานมั้ยครับ เก็บลูกบอลให้ผมหน่อย”

    เสียงเจ้าหนูหัวทองดังขึ้น คัตซึคาว่าจึงค่อยๆคลายมือจากเอวชั้น ส่วนชั้นเพิ่งหายจากอาการตกใจ

    แทบจะกระโดดออกมาเลยทีเดียว

    “โอเค นี่เอาไปเลยไอ้หนู”

    นายนั่นเอื้อมนิดเดียวก็สามารถเก็บลูกบอลขึ้นมาอย่างง่ายดาย

    “ขอบคุณฮะ พี่สาวแฟนนี้เป็นแฟนของพี่เหรอ”

    เด็กหัวทองถามคำถามแจ๊กพอตขึ้นมา ชั้นก็อยากรู้ว่าเค้าจะตอบยังไงเหมือนกัน

    “ถามทำไมล่ะ ไอ้ตัวเปี๊ยก”

    “ก็ถ้าไม่ใช่ผมจะขอจีบพี่สาวเอง พี่สาวน่ะสเป๊กผมเลยฮะ”

    เอากะมันสิ  เด็กเดี๋ยวนี้มันโตไวจริง เจ้านี่น่าจะเรียนอยู่แค่ชั้นอนุบาล -_-“

    “เอางี้นะ ไว้นายสูงกว่าชั้นเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันอีกที ตกลงมั้ย”

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    บ่ายสองตรงทีมงาน และนักแสดงทุกคนก็เดินทางมาถึง พวกเราต้องแต่งตัวให้เหมือนวันแสดงจริงด้วย

    พี่มาริอุตส่าห์ลงทุนจ้างช่างแต่งหน้ามาด้วย ระหว่างที่เรากำลังแต่งหน้ากันอยู่ พี่ทานากะก็เดินเข้ามาในกลุ่มของ

    เรา ถึงชั้นจะหลับตาอยู่ (ชั้นกำลังแต่งหน้าเป็นนางซิน) ชั้นก็รู้ได้เพราะได้ยินเสียงซุบซิบของพี่ปีสาม

    “ต๊าย... ทานะกะซังมาอีกแล้วล่ะเธอ”

    “คราวนี้พาใครมาด้วยไม่รู้นะ”

    “เฮ้อ ...ทำไมเค้าไม่มีแฟนนะ”

    พอชั้นลืมตาขึ้นมา รุ่นพี่ทานากะก็เข้ามาในกลุ่มเราแล้ว คนที่มากับพี่ทานากะเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนนึง

    สูงกว่าพี่ทานากะซะอีก ผมหยักศกสีเข้มเป็นสีเดียวกับคิ้วของเค้า (ทำไมโลกนี้มันมีแต่คนหล่อๆเนี๊ยะ)



    “สวัสดีตอนบ่าย มาริ” รุ่นพี่ทานากะทักทายหัวหน้ากลุ่มของเราอย่างสนิทสนม

    “คนนี้หรือคะ ที่บอก” พี่มาริ มองไปทางหนุ่มน้อยคนนั้น

    “ใช่ เป็นไง หล่อพอๆกับพระเอกเลยหรือเปล่า”

    “อะไรครับ รุ่นพี่ไม่ได้ให้ผมมาเป็นพระเอกหรอกหรอ”

    นี่คือคำแรกที่นายหัวหยิกพูด ทำให้คะแนนความหล่อของอีตานี่ลดลงสิบเปอร์เซ็นต์

    ป๊าบ! เสียงฝ่ามือของรุ่นพี่ทานากะสัมผัสกับหัวหยิกๆนั่น (อย่างแรง)

    “ไอ้นี่... เดี๋ยวเหอะ แนะนำตัวซิ” รุ่นพี่ทานากะสั่ง

    “คร้าบ ... สวัสดีตอนบ่ายครับทุกท่าน ผมชื่อไอซาว่า เซจิ จากคณะวิศวะ มีอะไรให้รับใช้

    บอกมาได้เลยคร้าบ”

    พี่มาริยื่นบทให้นายหัวหยิก (ที่ชื่อไอซาว่า เซจิ)

    “เธอไม่ได้มาเป็นพระเอกหรอกนะ มาช่วยแสดงเป็นทหารน่ะ ถือรองเท้าแก้วให้พระเอก”

    “หือ... รองเท้าแก้ว นี่อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องซินเดอเรลล่าน่ะ 555555”

    นายหัวหยิกหัวเราะเหมือนไม่เคยหัวเราะมาก่อนเลยในชีวิต

    “เฮ้อ มานี่เถอะ ชั้นจะแนะนำให้รู้จักนักแสดงนะ นี่ยูมิโกะจัง”

    พี่มาริแนะนำยูมี ซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด ตอนนั้นยูมีแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอยิ้มอย่างมั่นใจก่อนแนะนำตัว

    “สวัสดีค่ะ ชั้น ซาราดะ ยูมิโกะ วิทยาศาสตร์ ปีสอง”

    ไม่มีเสียงตอบรับจากนายหัวหยิก นายนั่นหันไปยิ้มให้พี่มาริ แล้วประโยคต่อมาที่นายหัวหยิกพูดก็

    ทำให้คะแนนความหล่อของอีตานี่ลดลงอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เลย

    “ยัยหัวหยิกนี่เหรอที่จะมาแสดงเป็นนางซิน เฮ้อ .. ขอบคุณนะครับที่ไม่ได้ให้ผมเป็นพระเอก”

    วินาทีนั้นใบหน้าของยูมีเปลี่ยนเป็นสีเขียว พี่มาริหลบฉากไปก่อนแล้ว ยูมีสาวเท้าเข้ามาใกล้นายหัวหยิก

    ก่อนเขย่งตัวแล้วตะโกน

    “นี่นาย...ข้อแรก ชั้นไม่ได้แสดงเป็นนางซิน แล้วก็ข้อที่สอง ก่อนจะว่าใครแบบนั้น

    นายลองไปส่องกระจกดูหัวตัวเองซะมั่งนะ”

    ถึงจะโดนว่าแบบนั้น แต่นายหัวหยิกไม่ได้มองยูมิโกะด้วยซ้ำ นายนั่นมองไปรอบๆ ก่อนหันมา

    ถามยูมิโกะ

    “แล้วใครแสดงเป็นพระเอกเหรอ”

    ถึงจะโกรธยังไงแต่ยูมิโกะก็ให้ความร่วมมือกับคำถามนั้น

    “นั่นไง ... อ้าว ไปไหนแล้วล่ะ”

    คัตซึคาว่าหายไปไหนนะ ว่าแค่ชั้นก็ไม่เห็นเค้าตั้งแต่ตอนที่พี่ทานากะเดินเข้ามา เมื่อกี้ยังนั่งอยู่กับช่างทำ

    ผมตรงนี้เลยนี่นา



    “นี่พระเอกของเรามาหลบอยู่นี่เอง”

    คัตซึคาว่าไปทำอะไรอยู่ตรงนั้นนะ รุ่นพี่มาริไปลากตัวเค้าออกมาจากหลังพุ่มไม้ตรงนั้น

    ทันทีที่นายหัวหยิกเห็นเจ้าชายของเรา นายนั่นถึงกับอ้าปากค้าง

    “ยูโตะ!”

    นายหัวหยิกนั่นรู้จักคัตซึคาว่าด้วย?

    “เอ่อ... หวัดดี เซจิ แกมาทำไรที่นี่วะ”

    “เฮ้ย... ไอ้ยูโตะ แก นี่อย่าบอกนะ ที่แกหายหัวไปช่วงนี้เพราะมาเป็นเจ้าชายเนี่ยนะ 5555 ไม่อยากเชื่อเลย”

    “แก...หยุดเลยนะเว้ย แล้วถ้าแกไปบอกใครที่คณะล่ะก็..”

    บทสนทนาหยุดลงแค่นั้น เพราะนายหัวหยิกถูกพี่มาริลากตัวไปทำผมแล้วเปลี่ยนชุด โดยไม่สนใจ

    เสียงโวยวายของนายนั่น คัตซึคาว่ายืนยิ้มสะใจอยู่ข้างๆดูนายหัวหยิกสวมชุดมหาดเล็ก ซึ่งแน่นอนว่า

    ต้องดูน่าขันมากกว่าชุดเจ้าชาย สองคนนี้คงมาจากคณะเดียวกัน ดูจากท่าทางที่พูดคุยกันน่าจะเป็น

    เพื่อนสนิทกันด้วย



    กว่าเราจะได้เริ่มแสดงกันก็เป็นเวลาสี่โมงเย็น คนเริ่มเข้ามารุมล้อมพวกเรา บรรยากาศแบบนั้นยิ่งทำ

    ให้ความตื่นเต้นของชั้นเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อการแสดงจบลง เสียงปรบมือดังขึ้น หลายๆคนในทีมงาน

    ยิ้มแก้มพอง แต่มันคงจะดีมากกว่านี้ถ้าไม่มีชั้น แล้วก็คงจะดีหากชั้นไม่ได้เป็นนางเอก (._.’)

    งานวันนี้ชั้นทำล่มไปหลายครั้ง จำบทไม่ได้บ้าง พูดบทผิดบ้าง จนพี่มาริอ่อนใจ พี่ๆปีสามไม่ว่าอะไร

    ชั้นอีกในวันนี้ แต่ส่งสายตาท้อแท้มาที่ชั้นก่อนจะกลับบ้านกันไปทีละคน ชั้นยังนั่งคิดอะไร

    ไปเรื่อยเปื่อย ได้ยินรุ่นน้องปีหนึ่งที่เก็บอุปกรณ์จงใจพูดให้ชั้นได้ยิน

    “ไม่น่าให้พี่มิมุระแสดงตั้งแต่แรกเล้ย”

    “ชั้นก็ว่างั้น ชั้นว่าเอริจังที่อยู่ยังสวยกว่าเลยนะ”

    “รุ่นพี่มาริไม่ยอมเปลี่ยนตัวนักแสดงน่ะซี้ อีกอย่างนักแสดงน่ะ ต้องเป็นปีสองเท่านั้น พวกเราปีหนึ่งก็ได้

    แค่ทำฉากเท่านั้นแหละ\"

    \"ป่านนี้จะรู้ตัวมั่งมั้ยนะว่าทำคนอื่นเค้าลำบาก”

    น้องคนนั้นปรายหางตามาที่ชั้น ชั้นถอนหายใจ ชั้นก็อยากจะเปลี่ยนตัวหรอกนะ แต่พี่มาริยืนยันว่าไม่ให้

    มีการเปลี่ยนตัว พวกรุ่นน้องพวกนี้คงคิดว่าชั้นอยากจะเป็นนางซิน จริงๆชั้นโดนบังคับมาตั้งแต่แรกแล้ว

    ต่างหาก ยูมีเดินมาจับไหล่ชั้น แล้วย่อตัวลงนั่งข้างๆ ชั้นเอนตัวลงไปพิงที่บ่าของเธอ เท่านี้ก็รู้สึกดีขึ้นมา

    นิดหนึ่ง

    “ไปดื่มเบียร์กันเถอะ” ยูมีชวน

    “อิ้ม... ไปร้านเทปังโนจูนะ ชั้นอยากกินพิซซ่าน่ะ”

    แล้วพวกเราก็ลุกเดินไป จุดมุ่งหมายคือร้านเทปังโนจู ร้านอาหารที่ขายของกินเกือบทุกอย่างที่จะนึกได้

    ที่สำคัญ เป็นร้านโปรดของพวกเราด้วย

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ร้านเทปังโนจู สองทุ่มครึ่ง



    “ยูมี ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ”

    ชั้นเขย่าตัวยูมิโกะที่หลับฟุบอยู่กับโต๊ะ นี่เธอกินเบียร์ไปแค่สองกระป๋องเองนะ

    แล้วนี่จะกลับกันยังไงเนี่ย ซาโต้กับริวจิน่าจะถึงบ้านแล้วนะ ชั้นหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา

    กดเบอร์บ้านซาโต้

    “ฮัลโหล บ้านซูซูกิค่ะ”

    “ซาโต้คุงอยู่ไหมคะ หนูคาเนโกะเองค่ะ คุณน้า”

    “หลับไปแล้วล่ะจ้ะ เห็นว่าวันนี้เหนื่อยมาก ให้ปลุกมั้ยจ๊ะ”

    “อ๋อ ... ไม่เป็นไรค่ะ”

    …ยังเหลือริวจิอีกคน

    “ฮัลโหล” เสียงริวจิรับสาย เย้ ดีใจจังเลย

    “ริวจิ นี่ชั้นกับยูมีอยู่ที่ร้านเทปังโนจูนะ มารับหน่อยได้มั้ย”

    “ทำไม มีอะไรรึเปล่า ชั้นทำงานพิเศษอยู่น่ะ”

    “เหรอ.... อืม ไม่มีอะไรหรอก งั้นชั้นไม่กวนล่ะนะ บาย”

    หมดหวังไปอีกคน ชั้นเหลือบตามองยูมี ที่เริ่มกรนออกมาเบาๆ นี่ชั้นรึเธอกันแน่ที่กำลังกลุ้มน่ะหา

    แล้วนี่ชั้นจะทำยังไงดี ยังไม่ทันไรปัญหาใหม่ก็มาอีก



    “น้องจ๋าวคนจ๋วย พี่พาไปจ่งมั้ยจ๊า อ๊า เอิ๊ก”

    ขี้เมาคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างหลังชั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตาลุงพุงยื่นนี่ แสดงเจตนารมณ์น่ารังเกียจมาชัดเจน

    ผ่านทางหน้าแดงๆของเค้า

    “ไม่เป็นไรค่ะ ยูมี ตื่นเร็ว” ชั้นเขย่าตัวยูมีอีก ทิ้งไว้ไม่ได้ด้วยสิ

    “น้องจ๋าวเล่นตัวจางง เร๊ยน๊า พี่มีตางเย้อ เอิ๊ก”

    ตาพุงพลุ๊ยยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กลิ่นเหล้าผสมกลิ่นเหม็นบางชนิด ทำให้ชั้นรู้สึกคลื่นไส้

    ชั้นรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนอยู่ข้างๆยูมี ตานั่นยังเดินเข้ามาใกล้

    “แหม่ น้องจ๋าววว เอิ๊ก มามะ”

    ตาลุงยื่นมืออ้วนๆเข้ามาที่แก้มชั้น ชั้นก้มหน้าหนี ยังไม่ทันที่จะเกิดอะไรขึ้น แขนของตาลุงนั่น

    ก็ถูกจับให้ค้างอยู่กลางอากาศอย่างนั้น

    “ไม่อยากตายดีเรอะลุง”

    คัตซึคาว่านั่นเอง เค้าบีบแขนตาลุงขี้เมาแน่น ก่อนเหวี่ยงลงกลับไปที่เดิม

    “แม๊ แม๊ มีแฟนแร๊วก็ม่ายบอกกกก เอิ๊ก ง๊านนตามซาบาย”

    ลุงขี้เมาเดินเซจากไป สวนกับผู้ชายอีกคนที่เดินเข้ามา หัวหยิกๆนั่น ไอซาว่า เซจิ

    “เอ่อ ขอบคุณนะ” ชั้นบอกกับคัตซึคาว่า

    “วันนี้เธอขอบคุณชั้นสองครั้งแล้วนะ เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นได้มั้ย”

    “...” ชั้นรู้สึกร้อนๆที่หน้า แต่แป๊บเดียวเท่านั้น

    “อ๊วววกว่ะ ... เฮ้ย ยูโตะ ที่แกลากชั้นมานี่ ชั้นก็ขอเปลี่ยนคำขอบคุณเป็นเบียร์ซักกระป๋องแล้วกันว่ะ”

    นายหัวหยิกเข้ามาโอบคอคัตซึคาว่า ผู้ชายสองคนนี้เวลาอยู่ด้วยกันแล้วดูดีจริงๆ เพียงแต่ต้อง

    เอาผ้าหรืออะไรซักอย่างมาอุดปากนายหัวหยิกนี่ก่อน

    “ใครบอกว่าชั้นจะขอบคุณแก มานี่เลย แกมาอุ้มคุณซาระดะ”

    “อะไรวะ ทำใมชั้นต้อง...”

    “ด่วน!” คัตซึคาว่าเน้นคำ นายหัวหยิกนั่นจึงต้องยอมแบกยูมิโกะขึ้นหลัง ชั้นเดินนำไปบ้านของยูมิโกะ



    “ผู้หญิงอะไรวะ ตัวหนักชิบ” เสียงบ่นของนายหัวหยิกดังมาจากข้างหลัง ชั้นหันไปยิ้มกับคัตซึคาว่า

    “ขอบคุณนะ คัตซึคาว่า” ชั้นมองตรงไปข้างหน้า เสียงบ่นของนายหัวหยิกยังดังมาไม่หยุด

    “เลิกพูดว่าขอบคุณได้แล้ว แล้วก็อย่าถือสาเจ้าเซจินะ จริงๆมันก็เป็นคนดีแหละ”  

    “อื้ม.. ” ^_^

    เดินกันมาสิบนาทีก็ถึงบ้านยูมี ชั้นพาเธอเข้าไปส่ง ตอนที่เดินออกมาก็เจอคัตซึคาว่ารออยู่

    “ไอซาว่าล่ะ”

    “กลับไปแล้ว” เค้ายักไหล่

    “งั้นชั้นกลับก่อนล่ะ ขอบคุณนะ” ชั้นเดินออกไป แต่คัตซึคาว่าเรียกไว้

    “เดี๋ยวสิ ให้ชั้นไปส่งเธอนะ” เค้าเดินตามมา

    “แต่...”

    “ชั้นไม่เอาคำขอบคุณ ให้ชั้นไปส่งแล้วกัน”

    “อื้ม” ชั้นพยักหน้า แล้วเราก็เดินไปด้วยกัน



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    -จบตอน-

    คำว่าคานิในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าปูค่ะ – ผู้แต่ง



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×