ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tokyo in Dream ภาค 1: รักขบวนสุดท้ายของยัยซินฯ

    ลำดับตอนที่ #5 : ความหลังของพี่นานะ

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ย. 48


    หอพักสี่เสื่อ



    ที่โต๊ะอ่านหนังสือกลางห้อง ชั้นนั่งเหม่อคิดเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

    ชั้นลืมอะไรไปรึเปล่านะ?? วันนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ชั้นได้ไปบ้านคัตซึคาว่า

    ได้คุยกับพ่อเค้า วิ่งหนีรถ แล้วก่อนหน้านั้น...ชั้นไปหายูมีที่บ้าน

    ใช่แล้ว!! ชั้นจะสารภาพกับคัตซึคาว่า เมื่อกี้เราได้เจอกันแล้ว

    เฮ้อ... แต่ไม่ต้องใจร้อนก็ได้มั้ง เพราะเดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีกตอนซ้อมละครอยู่ดี



    =ดิ๊ง ดิง ดิ๊ง ดิ่งดิ๊ง ดิง ดิ๊ง ดิ่ง=

    [โทรเข้า: โอยาม่า นานะ]



    “สวัสดีค่ะ พี่นานะ”

    “คาเนโกะ คืนพรุ่งนี้ว่างมั้ยจ๊ะ”

    “ว่างค่ะ”

    “วันพรุ่งนี้มาเร็วหน่อยได้ไหมจ๊ะ พี่จะทำขนมทาร์ตสูตรใหม่น่ะจ้ะ ต้องเข้าครัวตั้งแต่เย็นเลย”

    “ได้ค่ะ ว่าแต่พี่นานะจะทำขนมแบบไหนเหรอคะ”

    “เป็นทาร์ตชอคโกแลตส้มน่ะจ้ะ”

    “ชอคโกแลตส้ม! ^_^ น่ากินจังเลยค่ะ”

    “พรุ่งนี้ได้กินแน่นอนจ้ะ”



    ทาร์ตชอคโกแลตส้ม ฟังดูน่ากินจังเลยนะ พี่นานะนี่ทั้งทำขนมเก่ง นิสัยดี น่ารัก อ่อนหวาน

    แถมยังสวยอีกต่างหาก จะมีใครรู้บ้างนะว่าเธอซ่อนความเศร้าไว้ใต้รอยยิ้มหวานๆนั่นตลอดเวลา

    คนที่ทำให้พี่เค้าเจ็บปวดเค้าจะมีโอกาสได้รู้มั้ยนะ ว่าเค้าทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งเสียใจมากขนาดไหน



    ชั้นรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ ก็ .....

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ร้านขนมทาร์ตสวีตบัน อาทิตย์ก่อน



    เป็นเช้าวันเสาร์ที่เหมือนทุกๆวัน เมื่อเปิดร้านเรียบร้อยแล้วพี่นานะมักจะไปนั่งที่เก้าอี้ยาวหน้าร้าน

    สวมหูฟัง ฟังเพลงจากเครื่องเล่นเพลงสีแดงนั่น บางครั้งเห็นพี่นานะนั่งก้มหน้านิ่งอยู่นาน

    พี่เค้าคิดอะไรอยู่นะ ชั้นเคยสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม



    =กริ๊ง กริ๊ง   กริ๊ง กริ๊ง=

    โทรศัพท์ที่ร้านดังขึ้น ชั้นรับยกหู

    “สวัสดีค่ะ ร้านขนมทาร์ตสวีทบันค่ะ..................คุณโอยาม่าเหรอคะ...เอ่อ ไม่ทราบฝากเรื่อง

    ไว้ได้ไหมคะ........................เหรอคะ  ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ”

    เมื่อทางปลายสายยืนยันว่าจะคุยกับพี่นานะให้ได้ ชั้นเลยต้องออกไปเรียก

    ทั้งๆที่ไม่อยากกวนพี่นานะในเวลาแบบนี้เลย เมื่อประตูเปิดออกเบาๆ ตอนนั้นชั้นจึงได้เห็นน้ำตาของพี่นานะ

    เพลงที่เธอฟังอยู่มันอาจจะเศร้ามาก ทั้งๆที่หลับตาอยู่แต่ก็มีน้ำตาไหลออกมาเปื้อนแก้มทั้งสองข้าง

    ตอนนั้นชั้นจึงค่อยๆปิดประตูกลับเข้าไปในร้าน



    ไม่นานพี่นานะก็เดินเข้ามา ไม่มีรอยน้ำตาเหลืออยู่ เธอยิ้มให้ชั้นแล้วเดินตรงเข้ามา ชั้นยิ้มให้พี่นานะ

    แล้วก้มลงจัดขนมต่อ ตอนนั้นถึงแม้ในใจจะสงสัยเพียงใด แต่ก็รู้ว่าไม่ควรถามออกไป

    สุดท้ายพี่นานะก็พูดขึ้นมาก่อน



    “เธอเห็นแล้วสินะ”

    “คะ?”

    “ที่ชั้นร้องไห้น่ะ”

    “อ๋อ....ขอโทษนะคะ ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”

    “ไม่เป็นไรหรอก”

    เราเงียบกันไป สักพักพี่นานะก็พูดขึ้นมา

    “เย็นนี้ ปิดร้านแล้วเราไปหาอะไรกินกันนะ ชั้นเลี้ยงเอง”

    “ค่ะ” ชั้นตอบรับ แล้วก็ยิ้มให้พี่นานะ



    เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง ชั้นหิ้วแขนพี่นานะกลับมาถึงหน้าร้านได้สำเร็จ เมื่อครู่นี้เราไปนั่งดื่มกัน

    ชั้นกินไอศกรีมและดื่มน้ำอัดลมไปหลายแก้ว แต่พี่นานะเอาแต่ดื่มเบียร์อย่างกับว่ามันเป็นน้ำผลไม้

    ผลก็คือเธอเมาแอ๋ สุดท้ายชั้นก็แบกเธอกลับมาที่ร้านอย่างทุลักทุเล ชั้นค่อยๆให้เธอนั่งที่เก้าอี้ยาวหน้าร้าน

    ผมดำยาวสลวยของพี่นานะตอนนี้ตกลงมาปรกหน้า ตาคู่สวยปกคลุมไปด้วยน้ำตา แก้มเปื้อนคราบเครื่องสำอางค์

    ที่ละลายมากับน้ำตา



    “พี่นานะ ถึงแล้วค่ะ”

    “ถึงแล้วเหรอ” เธอพูดทั้งๆที่ยังหลับตา

    “พี่นานะเข้าไปพักในร้านก่อนมั้ยคะ”

    “....”

    ความเงียบครอบคลุมบริเวณนั้น ในขณะที่พี่นานะยังคงนั่งอยู่ท่าเดิม แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลออกมา

    จากดวงตาคู่สวยนั้น

    “ชั้น...ชั้นมารอเค้า” พี่นานะพูดทั้งๆที่ยังหลับตา

    ชั้นค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆและกุมมือเธอ น้ำตาของเธอยังไหลออกมา

    “คาเนโกะ...ชั้นมาที่โตเกียวเพื่อตามหาคนคนหนึ่ง.... คนคนนั้นเป็นคนที่ชั้นรักมาก.....เราต่างก็รักกัน

    ตอนชั้นอายุห้าขวบ เราสัญญาว่าจะแต่งงานกัน.... จากนั้นเราก็ไม่มีช่วงเวลาที่เราจะอยู่ห่างกันอีก

    พอพวกเราเรียนจบ เค้าก็ได้ทุนจากโตได......ตอนนั้นพวกเราทะเลาะกัน เพราะชั้นไม่อยากให้เค้าไป...

    ชั้นมันงี่เง่ามากเลยใช่มั้ย”

    “แล้วตอนนี้เค้าคนนั้นอยู่ที่ไหนล่ะค่ะ”

    “ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน.....หลังจากที่เราทะเลาะกัน ชั้นต้องย้ายบ้าน แล้วเราก็ขาดการติดต่อกันไป

    ตอนนี้ชั้นก็รู้แต่ว่าเค้าอยู่ในโตเกียว....ชั้นก็คงได้แต่รอ..ชั้นหวังว่าเค้าจะตามหาชั้นนะ ตัวชั้นเองก็คงเข้ามา

    ใกล้เค้าได้มากที่สุดเท่านี้เอง”

    ชั้นกุมมือพี่นานะแน่นขึ้น  นี่คงเป็นเหตุผลให้พี่นานะมาเปิดร้านใกล้ๆมหาวิทยาลัย

    “พี่คะ ชั้นเชื่อว่าคนคนนั้นเค้าต้องกำลังตามหาพี่อยู่แน่นอน” ชั้นกระชับมือพี่นานะแน่นขึ้นและส่งยิ้มให้

    เธอเงยหน้าขึ้นมา แม้หน้าตาจะเลอะไปด้วยรอยน้ำตาแต่ก็ยังดูน่ามอง

    “ขอบใจนะจ๊ะ” เธอยิ้มตอบ

    ตอนนั้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว ชั้นยังนั่งกุมมือพี่นานะอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ห้องกิจกรรม เย็นวันศุกร์



    วันนี้ชั้นมาที่ห้องซ้อมเร็วกว่าปกติ ตั้งใจว่าจะมาแอบซ้อมบทพูดไว้ก่อน แต่ก็มีคนที่คิดเหมือนชั้น

    นายคัตซึคาว่านั่นเอง ชั้นยืนหยุดอยู่ที่ประตู มองผ่านช่องกระจกเข้าไป นายนั่นซ้อมบทพูด สีหน้า

    จริงจัง นี่มันไม่เหมือนคนที่ปฏิเสธงานนี้ตั้งแต่แรกเลยนี่นา ชั้นเห็นแบบนี้แล้วก็อดจะอมยิ้มไม่ได้

    ตอนที่ชั้นแอบมองด้านข้างของเค้า อยู่ๆเค้าก็หันมา ตาเราสบกันพอดี ชั้นเลยต้องผลักประตูเข้าไป

    “มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” เค้าถามคิ้วย่น

    “เอ่อ... อ้อ เพิ่งมาน่ะ คัตซึคาว่านะ มาเร็วจังเลยนะ”

    “วันนี้ชั้นไม่มีเรียนน่ะ เอ่อ... วันนั้นขอโทษนะ”

    เค้าคงหมายถึงเรื่องที่ชั้นถูกพาตัวไปที่บ้านเค้าแบบสายฟ้าแลบนั่นเอง

    “ออ อ๋อ... ไม่เป็นไรหรอก”

    “คนคนนั้นเค้าชอบทำอะไรไม่คิดแบบนี้แหละ อยากทำอะไรก็ทำ” เสียงเค้าเข้มขึ้น

    “เอ๋?? คนคนนั้น? เธอหมายถึง คุณลุง เอ่อ พ่อของเธอน่ะเหรอ”

    “หมายถึงอย่างนั้นแหละ”

    “เธอเรียกพ่อตัวเองแบบนั้นเหรอ มันไม่แปลกเหรอ”

    จริงๆแล้วชั้นว่ามันแปลกๆตั้งแต่วันที่ชั้นไปบ้านเค้าแล้วล่ะ พ่อบ้านที่ท่าทางเหมือนมาเฟีย คุณลุงที่ดูใจดี

    แต่กลับเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวต่อหน้าลูก แล้วคุณลุงก็ยังพูดแปลกๆเรื่องหมั้นอีก พอคิดถึงตรงนี้แล้วชั้น

    ก็หน้าแดงขั้นมา แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี่ท่าทางจะโมโหไม่น้อยที่ถูกทักว่าแปลก

    “แปลกตรงไหนเหรอ เธอจะรู้อะไร ไม่สิ เธอไม่รู้อะไรเลยต่างหาก ดังนั้นเธอก็ไม่มีสิทธิจะบอกว่า

    อะไรแปลก อะไรไม่แปลก”

    เค้าเริ่มเสียงดังขึ้นอีก ทำไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วยเนี่ย



    “นี่พวกเธอทะเลาะอะไรกัน” เสียงพี่มาริดังขึ้นจากหน้าประตู

    เสียงดุของพี่มาริทำให้ชั้นกับคัตซึคาว่าหยุดเถียงกัน ชั้นแยกไปท่องบทที่มุมห้อง คนอื่นๆกำลังช่วย

    กันจัดสถานที่ ฉากที่ต้องซ้อมวันนี้คือฉากเต้นรำ นึกแล้วก็โมโหนายนั่นชะมัด ทำไมต้องมาชวนทะเลาะ

    ก่อนซ้อมด้วยนะ



    “เอาล่ะ คัตซึคาว่า คาเนโกะจังมาได้แล้วจ้ะ” พี่มาริปรบมือให้สัญญาณ

    คัตซึคาว่าเดินเข้ามาที่กลางห้อง เผชิญหน้ากับชั้นที่ยืนอยู่ก่อน แต่ท่าทางจะอารมณ์ค้าง เพราะนายนี่ยัง

    ทำหน้ากวนประสาทอยู่ แถมยังทำเป็นไม่มองหน้าชั้น

    “ประสาท” ชั้นบ่นเบาๆ กะให้ได้ยินนั่นแหละ

    “เธอว่าอะไรนะ!” หมอนั่นกัดฟัน

    “มีอะไรกันรึเปล่า” พี่มาริที่ยืนคุมน้องปีหนึ่งหันมาทางพวกเรา ตาเธอหรี่ลงเหมือนผู้ใหญ่จะจับผิดเด็กๆ

    “ไม่มีอะไรครับ/ค่ะ” ตอบแทบจะพร้อมกัน



    เสียงเพลงดังขึ้น ชั้นกับคัตซึคาว่าเคยซ้อมฉากนี้มาแล้วครั้งนึง พี่มาริมักบอกให้เรามองตากันตอนที่เต้นรำ

    ซึ่งมันทำยากซะจริงๆเลย คราวที่แล้วระหว่างที่เต้นรำต้องคอยให้พี่มาริเตือนตลอด เพราะชั้นมักจะเผลอ

    หลบตาเค้าโดยไม่รู้ตัว แต่วันนี้ เรามองตากันตลอดโดยไม่มีใครหลบตาใคร แต่สายตาที่จ้องกันนั้นไม่เหมือน

    การแสดงความรักตามบท แต่คล้ายกับข้าศึกที่คอยจ้องหาลู่ทางเข้าตีมากกว่า

    ชั้นเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว พอเพลงเล่นไปได้ครึ่งเพลง ชั้นก็...



    “โอ๊ย!!” เสียงคัตซึคาว่าร้องลั่นห้อง ผลจากที่ชั้นเผลอ (รึเปล่า) ไปเหยียบเท้าเค้าเข้า

    “เป็นอะไร คัตซึคาว่ามีอะไร” พี่มาริรีบลุกมาดู

    “ก็ยัย... เฮ้อ ช่างมันเถอะ พี่ครับ ผมขอพักแป๊บนึง”

    ไม่ฟ้องแฮะ....แต่ก็ดูเหมือนทุกๆคนจะรู้ เพราะชั้นคงเผลอทำสีหน้าสะใจออกไปน่ะสิ ดีที่พี่มาริไม่ได้ว่าอะไร ^_^

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    ร้านขนมทาร์ตสวีตบัน



    เสร็จจากห้องซ้อม ชั้นต้องไปช่วยพี่นานะเฝ้าร้านเพราะวันนี้พี่นานะต้องไปซื้อวัตถุดิบที่ต่างจังหวัด

    ก่อนไปก็เลยฝากฝังให้ชั้นช่วยดูร้านและปิดร้านให้ เพื่อนๆชั้นทั้งสาม ยูมิโกะ ซาโต้และริวจิก็มา

    อยู่เป็นเพื่อนด้วย ว่าแต่สามคนนั้นมาก็เหมือนกับไม่มา นอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังนั่งจับกลุ่มคุยกันอีก

    ใกล้เวลาปิดร้านแล้ว ชั้นจึงยกน้ำพันช์สีต่างๆสี่แก้วไปบริการเพื่อนบังเกิดเกล้าถึงโต๊ะ

    “นี่... ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่าชั้นไม่ได้เอาตังค์มา” ซาโต้รีบออกปาก

    ในขณะที่ริวจิยกแก้วขึ้นดื่มทีเดียวเกือบหมด

    “ชั้นเลี้ยงเองไงล่ะ มื้อนี้” ชั้นยิ้มกว้าง พร้อมหย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ยังเหลืออยู่

    “เหนื่อยมั้ย” ริวจิถาม

    “อืม....ไม่หรอก ชั้นทำบ่อยแล้วมันเลยชินน่ะ”



    ยูมิโกะซึ่งทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่นาน เอนตัวมาข้างหน้า

    “นี่ๆ วันนี้น่ะ นานะซังไม่อยู่ใช่ไหม” ยูมิโกะพูดค่อยๆที่กลางโต๊ะ ทำให้พวกเราต้องก้มหัวไปรวมกัน

    เหมือนกลัวใครจะได้ยิน ทั้งๆที่ทั้งร้านมีแค่พวกเราสี่คนเท่านั้นเอง

    “อื้อ ทำไมเหรอ”

    “เรื่องที่เธอเล่าให้เราฟังน่ะ เรื่องแฟนพี่นานะน่ะ ไม่คิดว่าพวกเราน่าจะช่วยกันเหรอ” ยูมิโกะออกความเห็น

    ชายหนุ่มทั้งสองก็พยักหน้าตามไปด้วย

    “เรื่องนั้นชั้นก็คิดอยู่นะ แต่ว่าชั้นยังไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนั้นเค้าชื่ออะไรน่ะ วันนั้นก็ลืมถามซะด้วย”

    “เธออย่าไปถามนะ!” อยู่ๆ ยูมีก็ยืนขึ้นพรวดพราด พวกเราที่เหลือมองเธอค้าง ชั้นอยู่ในอารมณ์ตกใจ

    ส่วนชายหนุ่มทั้งสองแววหน้างุนงง ยูมีท่าทางจะรู้ตัวเลยพูดเสียงค่อยลง

    “เอ่อ.. คือชั้นกำลังคิดว่าเราน่าจะไม่บอกให้พี่เค้ารู้น่ะ”



    “อ๋อ เข้าใจแล้ว” ซาโต้พูดขึ้นบ้าง “ยูมี เธอหมายถึงว่าพวกเราน่าจะปิดทองงานวัด ใช่มั้ย ปิดทองน่ะ”

    “เค้าเรียกว่าปิดทองหลังพระ”-_-‘ ริวจิช่วยแก้ให้

    “ใช่แล้วๆ นั่นแหละที่ชั้นจะพูด ก่อนอื่นๆต้องเริ่มจากหาเบาะแสกันก่อน คาเนจัง เธอรู้อะไรอีกบ้าง

    ที่พอจะโยงถึงคนคนนั้นได้น่ะ” ยูมิหันมาถามชั้น



    เบาะแสเหรอ อืม... ถ้าไม่ถามจากพี่นานะเอง ชั้นก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปหาเบาะแสนั่นมาจากไหน

    เพราะถ้าพี่นานะไม่เล่าให้ชั้นฟังแล้ว ชั้นก็คงไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย จริงๆแล้วถ้าวันนั้นไม่ได้ไปเห็นพี่นานะ

    ร้องไห้อยู่ล่ะก็ พี่นานะก็คงไม่เล่าเหมือนกัน  ชั้นคิดย้อนกลับไปวันที่เห็นพี่นานะนั่งร้องไห้อยู่หน้าร้าน

    เธอนั่งก้มหน้าร้องไห้ เธอคงไม่ได้ยินเสียงชั้นที่เปิดประตูออกไปเพราะเธอคงกำลังฟังเพลงอยู่ ชั้นสังเกตว่า

    เธอสวมหูฟังอันใหญ่ไว้ด้วย  ....จริงสิ!

    “เพลงไง” ชั้นร้องออกมา

    “เพลงอะไร” ยูมิโกะถาม “เธอมีเบาะแสแล้วใช่ไหม”

    “อื้ม” ชั้นตอบ ก่อนเล่าเรื่องที่ชั้นเพิ่งคิดได้ให้เพื่อนๆฟัง จากนั้นเราทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปหา

    เครื่องเล่นเพลงของพี่นานะตามจุดต่างๆของร้าน ถ้าโชคดีพี่นานะไม่ได้เอาไปด้วย เราต้องได้เบาะแส

    อะไรบางอย่างแน่ๆ ชั้นคิดอย่างมีความหวัง



    “อันนี้รึเปล่า” ซาโต้ตะโกนจากห้องครัว “ชั้นเจอมาจากในตู้ในห้องครัวน่ะ”

    “ใช่จริงๆด้วย อันนี้ล่ะ” ชั้นยืนยัน

    พวกเราย้ายกลับมานั่งโต๊ะเดิม ชั้นเดินไปปิดประตูหน้าร้าน ปิดไฟในร้าน เหลือไว้เพียงดวงเดียวก่อนจะ

    กลับมานั่ง กลางโต๊ะมีเครื่องเล่นซีดีที่พี่นานะใช้อยู่ทุกวัน ซาโต้เอาแผ่นซีดีที่ค้างอยู่ข้างในออกมา ที่แผ่นซีดี

    มีรอยปากกาเขียนไว้ว่า “โตเกียว อิน ดรีม”

    “ชั้นจะเปิดล่ะนะ” ชั้นมองไปที่เพื่อนๆแต่ละคนเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนกดปุ่ม เปิดลำโพง และปุ่มเล่นเพลง

    เสียงซีดีหมุนตอนต้น จากนั้นตามมาด้วยเสียงผู้ชายคนนึง



    ‘นานะจัง ชั้นต้องไปจริงๆนะ ชั้นขอโทษ เพลงนี้ชั้นแต่งให้เธอ เธอฟังแล้วเมื่อไหร่ให้คิดถึงชั้นด้วยนะ’

    จากนั้นก็เป็นเสียงกีต้าร์ ทำนองเพลงช้าๆ และก็ได้ยินเสียงเด็กคนเดิมนั้นอีก



    ‘ชีวิตของฉันที่มันว่างเปล่า

    ฉันรอวันที่จะมีโอกาส

    ก้าวไปในทางที่สว่างไสว

    ทำตามที่ใจฉันหวัง

    ในทางที่ฉันเดินไป

    เมืองหลวงยิ่งใหญ่ ที่ฉันใฝ่หา

    ขอบคุณพระเจ้าที่ชี้นำพา

    ความฝัน ที่ฉันเคยหามานาน’




    เนื้อเพลงมีอยู่เท่านี้เอง แล้วเสียงในซีดีก็หายไป ไม่มีต่อทั้งเนื้อร้องและทำนอง พวกเราลอง

    เล่นเพลงดูใหม่อีกเที่ยวก็เหมือนเดิม ริวจิกับซาโต้จดเนื้อร้องสั้นๆนั้นไว้บนกระดาษรองแก้ว

    “มีเท่านี้เองเหรอ” ชั้นพึมพัม

    “เนื้อเพลงสั้นนิดเดียวเอง”  ยูมิโกะแย่งปากกาและกระดาษรองแก้วมาจากซาโต้

    “ส่วน ‘โตเกียว อิน ดรีม’ นี่ก็น่าจะเป็นชื่อเพลงนี้” เธอเขียนคำว่า โตเกียว อิน ดรีม เพิ่มไปที่บรรทัดบนสุด

    “มันหมายความว่ายังไงกันนะ อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าคนที่นานะซังตามหาอยู่เป็นผู้ชาย” ซาโต้สรุป

    “ขอบใจนะ เป็นการตีความที่มีประโยชน์มากเลย ซาโต้” ชั้นประชด

    “ผู้ชายคนนี้มีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด เค้าเลือกที่จะมาโตเกียวนะ เป็นความใฝ่ฝันของเค้า

    ถึงเค้าต้องทิ้งแฟนของตัวเองไปเค้าก็ยอม นั่นคงเป็นเหตุผลให้นานะซังเสียใจอยู่ทุกวันนี้”

    ริวจิพูดประโยคยาวๆนี้ขึ้นมา

    “รู้ได้ไงวะ” ซาโต้ไม่ยอมถูกขโมยซีน

    โป๊ก เสียงหัวซาโต้กระทบมะเหงกของริวจิ

    “ไอ้โง่ ชั้นก็อ่านจากเนื้อเพลงโว้ย ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆล่ะก็.... ชั้นว่ามันคงไม่มีประโยชน์ที่จะช่วยให้เค้า

    ได้เจอกันหรอก นานะซังก็คงรู้ในข้อนี้เหมือนกันก็เลยไม่ได้ขวนขวายหาตัวเค้าไงล่ะ เพราะถ้าพบเค้าแล้วแต่

    เค้าไม่ได้คิดอะไรกับนานะซังแล้ว ก็คงจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่งกว่าใช่ไหม นานะซังน่ะ คงจะรอให้ผู้ชายที่

    อยู่ในเทปนี่ตามหานานะซังให้เจอเองมากกว่า เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วล่ะก็”

    “แสดงว่าผู้ชายคนนี้ยังมีใจให้พี่นานะอยู่ใช่ไหม” ชั้นพูดต่อ

    “เออ แกมันเก่ง...” ซาโต้ลูบหัวตรงที่ถูกเขก คงจะเจ็บไม่น้อยนะนั่น



    เมื่อได้ข้อสรุปแบบนั้น พวกเราก็เลยแยกย้ายกันกลับบ้าน ชั้นหยิบที่รองแก้วที่มีเนื้อเพลงนั่นกลับมาด้วย

    ถ้าเป็นอย่างที่ริวจิบอก ชั้นก็คงจะช่วยอะไรพี่นานะไม่ได้ คงได้แต่อธิษฐานให้คนคนนั้นยังคิดถึงพี่นานะอยู่

    ขอให้เค้าตามหาพี่นานะให้เจอด้วยเถ้อ... โอมเพี้ยง  ^_^--@



    *************************************************

    -จบตอน-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×