คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ให้พี่ครามจีบฟ้าได้มั้ยครับ
Chapter 2
แต่ละวันหมุนผ่านไปกลายเป็นวันธรรมดาๆอีกวันนึงในชีวิตของผม ชีวิตของนิสิตมหาลัยปีหนึ่งที่มาเรียนไกลแสนไกลจากบ้าน ไม่มีแม้กระทั่งเพื่อนหรือคนรู้จักที่นี่ ใช้ชีวิตเหงาๆตื่นเช้าไปเรียน เรียนเสร็จกลับหอ วันไหนว่างๆก็ไปนั่งแช่อยู่หอสมุด ข้าวก็มักจะสั่งมากินที่ห้องมากกว่าไปนั่งกินตามร้านข้างนอก สำหรับผมถ้าไม่อยู่ที่มอก็นอนแอ้งแม้งอยู่ที่หอ นอกจากสองที่นี้ผมก็ไม่รู้จะไปไหนแล้ว ตลาดนัดข้างมอเดือนนึงไปเดินครั้งเห็นจะได้
ถึงแม้จะชอบอยู่ห้องมากกว่าออกไปข้างนอก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่อยากออกไปเที่ยวเหมือนกับคนอื่นๆซะหน่อย บางวันที่เหงาจนแทบทนไม่ไหวก็มี คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ คิดถึงพี่ปุย คิดถึงไอ้จากับไอ้เจนเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมหัวโปก ไอ้พวกนั้นก็เรียนไกลบ้านเหมือนกัน แล้วก็ไกลผมด้วย แม่งเอ้ย! สามหน่อสามมหาลัยเป็นไงล่ะ ไหนสัญญาว่าจะตัวติดกันไปจนจบปริญญา สงสัยฟ้าจะไม่อยากให้พวกผมอยู่ด้วยกัน แต่นี่ก็แยกซะไกลเกิ้น!
สามเดือนแล้วที่ไอ้สีฟ้าใช้ชีวิตอยู่อย่างเหงาๆ ลองโหลดแอพหาคู่มาปัดแถวมอก็ไม่เป็นที่ถูกตาต้องใจของใคร พอมีคนที่แมทช์กันก็เจอแต่คนแปลกๆ หรือบางทีเป็นผมที่แปลกเองก็ไม่รู้
ก็แค่ต้องการใครสักคนที่หัวเราะกับเรื่องไร้สาระไปด้วยกัน ปลอบโยนกันและกันในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ จับมือเดินไปด้วยกันไม่ว่าจะที่ไหนๆโดยไม่อายสายตาคนอื่น คนที่พร้อมจะโอบกอดและรักในความเป็นผมจริงๆ
คิ้วที่ดูไม่ค่อยเท่ากัน ดวงตาสีดำสนิทที่ดูไม่น่ามอง จมูกที่ไม่ได้โด่งเป็นสันเหมือนกับใครเขา ปากใหญ่ๆที่ไม่แม้แต่จะเป็นกระจับเข้ารูป ผิวสีแทนที่โดนล้อมาตั้งแต่เด็ก ทั้งหมดนี้คือตัวตนผม
ตัวตนที่เคยเกลียดแต่ตอนนี้ไม่แล้ว
อาจฟังดูตลกร้าย ที่ผมไม่เกลียดตัวเองแล้วไม่ได้มาจากการรักตัวเองมากขึ้น แต่เพราะปลงแล้วมากกว่าเลยไม่ค่อยได้ใส่ใจเหมือนก่อน จากเดิมที่แค่เห็นคนตัวเล็กน่ารักกว่าตัวเองก็จะเก็บไปคิดมากจนร้องไห้หรืออดข้าวเป็นวันๆเพื่อหวังให้น้ำหนักลดลง ก็เหลือแค่เพียงมองผ่านๆแล้วพูดกับตัวเองว่าคนนั้นน่ารักดี ไม่ได้เก็บมาคิดมากอีกแล้ว ถึงจะอดเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยังดีกว่าเดิมเยอะ
หลังจากกินข้าวเสร็จพี่ครามก็ขับรถมาส่งผมที่หอ นี่เป็นการนัดเจอกันครั้งแรกของผมกับเขาหลังจากคุยกันผ่านทวิตเตอร์มาได้เกือบ 2 อาทิตย์ ใครจะไปคิดล่ะว่าเจ้าของแอคจะหน้าตาระดับลูกรักพระเจ้าขนาดนี้ ผมก็ไม่คิดเหมือนกัน
ตอนที่พี่ครามทักมาครั้งแรกผมแค่รู้สึกประทับใจที่ว่าหลังจากเห็นหน้าเด๋อๆของผมแล้วเขาไม่หนีหายไปไหนเหมือนคนอื่น ตอนมอห้าผมใช้ทวิตเตอร์ในการหาคนคุยด้วยค่อนข้างบ่อย ช่วงตามหารักแท้ก็งี้แหละครับ เจอโลกความเป็นจริงหลังตรอกกลับมาทีหน้าแทบหงาย คนที่คุยกันถูกคอพอแลกรูปเท่านั้นแหละหายเข้ากลีบเมฆกันทุกราย หน้าผมคงจะไม่ได้เป็นเหมือนที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้ล่ะมั้ง พอขึ้นมอหกผมก็ไม่ค่อยได้เล่นแล้วเพิ่งจะกลับมาเล่นช่วงมหาลัยนี้เอง
ถึงจะกลับมาเล่นแต่ผมก็ไม่ได้หาคนคุยบ่อยเท่าแต่ก่อน มีไปทวิตตามแท็กบ้างเวลาเหงา แต่ยิ่งเล่นเหมือนยิ่งเหงากว่าเดิม ไม่มีใครมาคุยกับผมเลยครับ สีน้ำอยากจะร้องไห้
และแล้ววันนึงเหมือนฟ้าที่เคยกลั่นแกล้งผมมาตลอดเริ่มสงสาร กลางดึกเมื่อสองอาทิตย์ก่อนกล่องข้อความที่เคยร้างมานานแสนนานก็มีเลขหนึ่งโผล่ขึ้นมา แอคเคาท์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทักมาหาผม สิ่งที่ผมทำอย่างแรกหลังจากเห็นข้อความไม่ใช่การตอบกลับแต่เป็นการส่อง เขาไม่ได้ล็อคแอคไว้ผมเลยทางสะดวก
ใครกันนะที่ทักผมมา
‘Kramm _x’ รูปโปรไฟล์เป็นภาพทะเลตอนกลางคืนที่ไหนสักแห่ง ไบโอบอกไว้แค่อายุเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่ทวิต ไม่กดรี ที่เฟบไว้ก็มีแต่รูปหมาแมวสัตว์โลกน่ารัก มองเผินๆดูเหมือนแอคทั่วไป ตอนแรกเผลอคิดว่าอาจเป็นแอคเค่อแอดมาโชว์เจ้าหนูน้อยให้ดู แอคนี้เกือบจะเป็นแอคธรรมดาแล้วแต่ว่า
3,780 ผู้ติดตาม แถมคนที่ผมติดตามบางคน(ทั้งหมดเป็นคนที่ชอบผู้ชายเหมือนกับผมแต่หน้าตาน่ารักกว่าเยอะ)ก็ฟอลเขาอยู่ด้วย
‘อะไรวะเนี่ย’ ตอนนั้นเกือบตีหนึ่งแต่ผมไม่ง่วงเลยสักนิด ความง่วงคงหายไปพร้อมกับสติของผมแล้ว ไม่รู้เลยว่าต้องตกใจกับอะไรก่อนดี ระหว่างมีคนปกติทักมาชวนคุยไม่ใช่โชว์กล้วยกับคนที่ทักมามีผู้ติดตามเป็นพัน
ผมที่ส่องๆอยู่ก็ต้องตกใจเป็นครั้งที่สาม
‘อ่านไม่ตอบเลย’
เขาไม่ได้ทักผมซ้ำ แต่มันคือแคปชั่นของภาพที่เขาลงเมื่อกี้ เป็นรูปผู้ชายคนนึงนั่งเท้าคางอยู่ รูปถูกตัดให้เหลือเพียงครึ่งหน้า สิ่งที่เห็นชัดสุดเห็นจะเป็นผิวขาวๆกับแขนที่มีเส้นเลือดปูด นิ้วชี้ข้างขวาสวมแหวนสีดำเสริมให้ดูเท่กว่าเดิมอีก บอกได้คำเดียวว่าโคตรหล่อ!
เพียงไม่กี่นาทีที่ลงรูปก็มีคนกดเฟบไปร้อยกว่าแล้ว ไหนจะคอมเมนท์อีกเป็นสิบ
‘ทักมาหาเค้า เค้าตอบตลอดนะ’
‘DM เค้าว่าง’
‘หมายถึงใครอ่ะ’
‘พี่ตอบผมหน่อยครับ’
‘ครามไม่ทักมาเลย’
‘หล่อมากกก’
นี่แค่ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดนะครับ ผมกดถูกใจรูปนั้นก่อนจะย้อนกลับมาอ่านข้อความที่เขาส่งมาอีกรอบ
‘พี่ตามมาจากในแท็กนะ คุยด้วยได้มั้ย’
พอเห็นรูปที่เพิ่งลงผมนี่ขยี้ตาอ่านใหม่อีกรอบนึงเลย นี่เขาเข้าใจความหมายของคำว่าคุยที่พิมพ์มาใช่มั้ย หน้าอย่างผมอ่ะนะที่อยากคุยด้วย แต่จะพูดว่าไม่รู้ก็คงไม่ได้เพราะในแท็กนั้นผมลงไว้ชัดเจนมาก
หาคนคุยชายชายครับ ขอแค่คุยนะครับไม่ทำอย่างอื่น ผมอยู่ปีหนึ่ง ใครสนใจ dm มาได้เลย #หาคนคุยมอXXX
ขอบอกก่อนว่าแอคผมก็ไม่ได้ล็อคไว้เหมือนกัน แล้วก็เคยลงรูปหน้าตัวเองไว้ด้วย แพลตฟอร์มนี้เป็นเหมือนไดอารี่ออนไลน์ของผม หลักๆก็ทวิตอะไรไปเรื่อยเปื่อย บ่นนั่นโน่นนี่ทวิตถี่ตามอารมณ์ ไม่ต้องแคร์ใครเพราะอย่างไงผู้ติดตามก็เป็นศูนย์อยู่แล้ว
‘จะคุยกับผมจริงหรอครับ’ ผมพิมพ์ตอบ ‘ไม่เห็นรูปที่ผมเคยลงหรอ’
‘เห็นแล้ว’ เห็นแล้วยังทักมาอีกเรอะ! นี่มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ ‘เห็นหมดทุกรูปเลย น่ารักมาก’
จากที่คิดว่าแปลกแล้ว ก็ยังแปลกได้อีก แต่แล้วเรื่องที่ทำให้ตกใจของคืนนั้นก็ยังไม่หมดเท่านี้ หลังจากเขาทักผมมาได้ไม่ถึงสิบนาที แจ้งเตือนผมก็ขึ้นรัวๆ มีคนมาติดตามผมเพิ่มขึ้นทีละ สอง สาม สี่ ห้า เห้ย! เกือบสิบคนแล้วตอนนี้ เล่นเอาไปกดล็อคแอคกับบล็อคผู้ติดตามแทบไม่ทัน ถึงแต่ก่อนจะเคยอยากให้มีคนมาติดตามก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมขอบ่นอะไรเงียบๆของผมคนเดียวในทวิตดีกว่า
สาเหตุที่ทำให้มีคนมาติดตามแอคที่เคยเปิดสาธารณะไว้เป็นปีๆแต่ก็เหงาหงอยกันในวันนี้คงหนีไม่พ้นคนที่ทักผมมา ระหว่างที่ไล่บล็อคคนที่มาติดตามออกผมก็พบว่าเขากำลังติดตามผมอยู่ มันจะไม่อะไรเลยถ้าเขาติดตามคนอื่นเยอะแต่นี่เล่นติดตามอยู่แค่ 6 แอค แอคแมวสอง แอคหมาสาม และแอคผมอีกหนึ่ง!
นี่พระเจ้าส่งอะไรมาให้ผมกันนะ แบบทดสอบโรคหัวใจหรอ ขืนมีเรื่องให้ตกใจอีกผมช็อคตายคาห้องแน่ๆ
‘หลับแล้วรึเปล่า หรือตอนนี้ไม่ว่างคุยหรอ’ คงเป็นเพราะผมเว้นช่วงตกใจไปนานเลยยังไม่ได้ตอบเขา
เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนทักผมซ้ำ
‘ขอโทษครับ’
‘ผมว่าง คุยได้’
‘ปกตินอนดึกหรอ’
‘ไม่ดึกมากครับ ถ้าวันไหนไม่อ่านหนังสือก็นอนเร็ว’
‘พี่ล่ะครับ ยังไม่นอนหรอ’
‘ตอนแรกก็ว่าจะนอนแล้ว แต่เห็นทวิตเราก่อน’
‘สีฟ้าง่วงมั้ย’
และก็เป็นครั้งแรกที่อ่านชื่อตัวเองแล้วใจเต้นแรงขนาดนี้ เขาคงรู้ชื่อผมจากชื่อแอคไม่ก็ไปอ่านไอ้ที่เคยบ่นๆไว้มา
‘เรียกแค่ฟ้าก็ได้นะครับ’
‘ผมไม่ง่วงครับ พี่นอนก่อนมั้ย’
‘ตอนนี้ไม่ง่วงเลย’
‘ทำไมถึงทักผมมาหรอครับ’ มันคือคำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุด คนอย่างเขากับคนอย่างผมดูอย่างไงก็ไม่มีทางมาคุยกันได้
‘เพราะอยากคุยด้วย’
‘หรือว่าฟ้าไม่อยากคุยกับพี่’
‘บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ’
‘ก็อยากครับ แต่ผมไม่เข้าใจ’ ไม่เข้าใจอะไรเลยจริงๆ
‘ไม่เข้าใจอะไรหรอ’
‘ผมไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเลยนะ’
‘ถ้าพี่เห็นรูปผมก็ต้องรู้แล้วว่าผมไม่ใช่คนหน้าตาดี’
‘ฟ้าน่ารักนะ’
‘ผิดคนรึเปล่าครับ ผมไม่ได้น่ารักจริงๆ’ ที่พี่เห็นใช่ผมจริงหรอ นอกจากพ่อแม่ ไอ้จา ไอ้เจน กับเพื่อนผู้หญิงร่วมห้องใจดีคนนึงก็ไม่มีใครเคยบอกเลยว่าผมน่ารัก
เขาอ่านแต่ไม่ได้ตอบอะไร
อ่า ผมว่าแล้วน่าจะทักผิดแน่นอน ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งที่เริ่มมีหวัง เริ่มเปิดใจให้กับคนอื่น ไม่ว่าบทสนทนานั้นมันจะดีแค่ไหน แต่พอเห็นหน้าผมเขาก็หายไปกันทุกคน
ผมคงเหมาะกับการอยู่คนเดียวมากกว่าสินะ
เรื่องทั้งหมดกำลังจะกลายเป็นเรื่องเศร้าแล้วเชียวถ้าพี่เขาไม่ส่งรูปหน้าผมมา
หน้าผม แบบว่าหน้าผมจริงๆ ยิ้มแป้นตาหยีมาเลย!
‘ใช่คนนี้มั้ย’
ใต้ข้อความเป็นรูปภาพที่ผมเคยลงไว้ นี่เล่นไปขุดมาเลยเรอะ! พักหลังมานี้ผมเอาแต่ลงรูปวิวทิวทัศน์ ท้องฟ้า ต้นไม้ ใบหญ้า รูปตัวเองไม่มีหรอก ถ้าจะไปเซฟมาก็ต้องใช้เวลาในการเลื่อนลงไปพอสมควร เพราะเข็ดจากการที่คุยกันแล้วก็ทิ้งกันไปดื้อๆ ทำให้ผมตัดสินใจลงหน้าผมไว้ซะเลย ถ้าเห็นหน้าผมแล้วอยากคุยต่อค่อยทักมาแล้วกัน สรุปคือหลังจากนั้นไม่มีคนมาคุยกับผมเลย ฮะฮ่าาา โลกความเป็นจริงนี่มันโหดร้ายจังเลยน้า
‘คนนี้แหละที่พี่อยากคุยด้วย’
‘ใช่ครับ’ ถึงจะรู้ว่าไม่ได้ทักผิดแต่ผมก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงอยากคุยกับผมล่ะ ผมเลือกเก็บคำถามนั้นไว้ในใจ เพราะกลัวคนโดนถามจะรำคาญเอาก่อน ปกติแล้วเขาคุยกันอย่างไงนะ นานมากแล้วที่ผมไม่ได้แชทคุยกับใครแบบนี้
‘พี่ชื่อครามใช่มั้ยครับ’ เริ่มแรกก็คงต้องถามชื่อให้มั่นใจก่อน ตอนพิมพ์มือผมสั่นด้วยแหละ ต้องชวนคุยอย่างไงไม่ให้น่าเบื่อหรอ
‘พี่ชื่อคราม’
‘มาเรียนตั้งไกล เหงามั้ย’
หือ? เขารู้ได้ไงว่าผมมาเรียนไกลบ้าน ‘พี่รู้ได้ไงครับ’
‘จริงๆแล้วพี่มาจากอนาคต’ พี่หล่อ แต่พี่แปลก สเปคผมเลยคนแบบนี้
‘เงียบเลย’
‘ล้อเล่น’
‘พี่ส่องทวิตฟ้าเลยรู้’
‘อ่อ ผมก็ว่าอยู่’
‘แต่ทวิตพี่ไม่มีอะไรเลย แบบนี้ก็มีแค่พี่ที่รู้จักผมฝ่ายเดียวสิ’
‘อันนี้เรียกโกงนะรู้มั้ย’
‘โกงอย่างไงหรอ’
‘พี่รู้จักผมหมดแล้ว หน้าก็เห็น ผมเคยเห็นหน้าพี่นิดเดียวเอง’
‘ถ้าพี่เป็นโรคจิตขึ้นมาทำไง’
‘5555’
‘นี่เห็นพี่เป็นโรคจิตหรอเนี่ย’
‘เดี๋ยวถ่ายบัตรนิสิตให้ดูเลย’
‘ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ’
‘ผมแค่อยากรู้จักพี่บ้าง’
‘ไม่เอาบัตรจริงหรอ’
‘ไม่เอาครับ’
‘ถ้าไม่เอาบัตร เอาเป็นอันนี้แทนโอเคมั้ย’
ได้ส่งรูปภาพให้คุณ
มันคือภาพที่เขาลงไปเมื่อกี้แบบเห็นหน้าทั้งหมด พอดูรูปเต็มจะเห็นรอยยิ้มบางๆบนในหน้าของเขา อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับผมว่าพี่เขาไปเป็นนักแสดงได้เลย
‘พี่ถ่ายเมื่อเช้านี้’
‘ส่วนอันนี้ถ่ายเมื่อกี้เลย’
ได้ส่งรูปภาพให้คุณ
คราวนี้เป็นรูปเซลฟี่ที่เจ้าตัวไม่ได้ยิ้มแต่แค่มองกล้องนิ่งๆ ผมยุ่งๆที่ไม่ได้จัดทรงกับเสื้อยืดสีดำก็เพียงพอแล้วสำหรับคนอย่างเขา ใส่แค่นี้ก็ดูดีกว่าผมเป็นสิบเท่า
‘ผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปตัวเองอ่ะ’
‘เอารูปพี่ปุยแลกก่อนได้มั้ย’
เพราะอย่างเดียวที่รู้คือพี่เขาน่าจะเป็นคนรักสัตว์ ดูจากแอคที่ติดตามและรูปกดเฟบไว้ ผมจึงส่งรูปพี่ปุยไปให้เขา วันที่ต้องย้ายมาอยู่หอผมกอดพี่ปุยแล้วกอดพี่ปุยอีก ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากพาพี่ปุยมาอยู่ด้วยแต่ติดตรงที่เจ้าของหอผมเขาไม่ให้เลี้ยงสัตว์ นึกแล้วก็คิดถึงขึ้นมาเลย
‘พี่ปุยหรอ’
‘น่ารักเหมือนฟ้าเลย’
‘ส่วนนี่พี่โก้’
ได้ส่งรูปภาพให้คุณ
พี่โก้ที่ว่าคือหมาพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ดสีดำตัวใหญ่ ใหญ่กว่าพี่ปุยอีกมั้ง ขนสีดำเงาเป็นประกายนั่นมันอะไรกัน บอกเลยว่าขนพี่โก้ดูสุขภาพดีกว่าผมเป็นหัวผมอีก
‘พี่โก้อย่างหล่อเลย’
‘อยากไปเล่นด้วยจัง’
‘มาได้นะ แม่พี่ใจดี’
‘ชวนใครไปเล่นกับพี่โป้มาบ้างแล้วเนี่ย5555’ เติมเลขห้าลงไปหน่อย ถึงแม้ผมจะไม่ได้หัวเราะจริงๆก็เถอะ
‘ยังไม่เคยชวนใครเลย’
‘ฟ้าคนแรก’ วลีเด็ด ‘คนแรก’ ก็มา ถ้าไม่ใช่พ่อหนุ่มเพลย์บอยคุยเยอะก็คงจะเป็นพ่อหนุ่มแสนดีระดับตัวพ่อ
‘ไม่เชื่อหรอก’ นอกจากจะหล่อแล้วพี่เขายังคุยดีอีกต่างหาก ไม่ปล่อยให้บทสนทนาฝืด หรือปล่อยให้อีกฝ่ายถามอยู่ฝ่ายเดียว มาทรงนี้ประสบการณ์โชกโชนแน่ๆ
‘ไม่เชื่อหรอ’
‘พี่พูดจริงนะ(อีโมจิร้องไห้)’
‘พี่ชวนคุยเก่งขนาดนี้’
‘เชื่อยากกก’
‘ต้องเป็นแฟนก่อนรึเปล่าถึงจะเชื่อ’
‘ผมถามจริง’
‘เล่นมุกนี้กับผมเนี่ยนะ’
‘ใจดีจังเลยนะครับ’
‘ใจดีตรงไหน’
‘พี่พูดจริงนะ’
‘เดี๋ยวผมคิดจริงขึ้นมาพี่จะลำบากเอานะ’ ผมพิมพ์ไปเล่นๆ รู้ดีอยู่แล้วว่าในท้ายที่สุดมันจะจบลงอย่างไง ทักมาชวนคุย พิมพ์หยอดกันไปมา เริ่มคุยกันมากขึ้น กล้าเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง เริ่มสนิทกันมากกว่าเดิมจนมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มคิดจริงจัง จากนั้นก็ไม่มีบทสนทนาใดๆอีก
‘คิดจริงเปล่า’
‘อย่าหลอกกันนะ’
‘ผู้ใดหลอกให้ผู้อื่นมีหวัง ผู้นั้นมีบาป’
‘แม่พี่บอกมา’
‘มีใครบอกให้พี่ทักผมมารึเปล่าครับ’
‘แกล้งกันหรอ’
‘คิดมากอยู่ใช่มั้ยเนี่ย’
‘ทำไมไม่คิดว่าพี่อยากคุยด้วยจริงๆบ้างล่ะ’
‘หรือว่าพี่ดูเหมือนคนไม่อยากคุย’
เพราะว่าพี่ดูอยากคุยสุดๆจนเหลือเชื่อต่างหาก
‘อันนี้ไม่ได้จะดึงดราม่านะ’
‘แต่ที่ผ่านมา’
‘ไม่เคยมีใครอยากคุยกับผมเลย’
‘เศร้ารึเปล่า’
‘ถ้าพี่ทักฟ้ามาไวกว่านี้ก็คงดี’
‘มีคนที่อยากคุยกับฟ้าอยู่ตรงนี้นะ’
‘ตอนนี้ไม่เศร้าแล้วครับ’
‘สบายมาก’
‘ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ใช่ความผิดพี่สักหน่อย’
‘ฟ้า’
‘ครับ’
‘ถ้าเราคุยกันไปเรื่อยๆฟ้าจะเชื่อพี่มั้ย’
‘แบบว่าคุยกันไปนานมากๆ’
คำว่านานมากๆนี่มันนานขนาดไหนกัน คำว่านานของเรามันเท่ากันรึเปล่า
ผมเคยคุยกับคนๆนึงเราทั้งคู่เข้ากันได้ดีมาก เขาบอกกับผมว่าเขาเป็นคนน่าเบื่อ วันนึงผมจะรู้สึกเบื่อเขาแล้วก็ทิ้งเขาไป เขาขอร้องให้ผมอย่าหายไปได้มั้ย หรือถ้าอยากเลิกคุยก็ให้มาบอกกันก่อน ตลกดีที่วันนี้ผมก็ยังอยู่ที่เดิมไม่เคยหายไปไหน ส่วนเเขาหายไปจากชีวิตผมนานมากๆแล้ว
หายไปไม่มีแม้แต่คำบอกลาอะไร
หรือบางทีเขาอาจจะบอกลาผมผ่านการกระทำแทนคำพูด เขาไม่ตอบแชทผม ไม่แม้แต่จะเปิดอ่านทั้งๆที่ออนไลน์อยู่ พอทักซ้ำไปเขาก็อ่านแต่ไม่ตอบอะไร ผ่านไปไม่กี่วันสถานะที่ขึ้นว่าโสดก็เปลี่ยนเป็นมีแฟนแล้วพร้อมกับลงรูปที่ถ่ายคู่กับผู้ชายตัวเล็กน่ารักคนนึง ไม่ถึงครึ่งวันหลังจากนั้นผมก็ไม่เห็นอะไรแล้วเพราะเขาบล็อคผม
‘นานมากๆเลยหรอครับ’
‘นานมากๆเลย’
‘นานจนกว่าฟ้าจะเบื่อพี่เอง’
ถ้างั้นคงจะต้องคุยกับผมไปตลอดชีวิตแล้วล่ะเพราะผมไม่เคยเบื่อใครก่อน
‘ถ้าผมไม่เบื่อล่ะ’
‘ถ้าอย่างงั้นพี่คงดีใจมาก’
‘ถึงพี่จะมาคุยกับผมเล่นๆแค่คืนนี้คืนเดียวผมก็ไม่โกรธนะ’
‘คุยกันเฉพาะตอนเหงาก็ได้’
‘ไม่เหงาคุยด้วยไม่ได้หรอ’
‘ถ้าพี่ไม่เหงาแล้วยังอยากคุยกับผมอยู่ก็คุยได้’ ถึงแม้ส่วนใหญ่ทุกคนที่เข้ามาจะใช้ผมเป็นคนคุยแก้เหงา แต่ถ้ามีใครสักคนที่อยากคุยกับผมจริงๆ อยากให้ผมอยู่ด้วยในทุกช่วงเวลาทั้งสุขและเศร้าผมก็ยินดี
‘ไม่เหงาหรอก’
‘พี่อยากคุยด้วยจริงๆ’
‘แล้วฟ้าอยากคุยกับพี่แบบไหนหรอ’
‘แบบไหนนี่คืออย่างไงหรอครับ’
‘คุยกันเฉยๆ’
‘คุยเฉพาะตอนเหงา’
‘หรือคุยแล้วคบกัน’
คุยแล้วได้คบมีอยู่จริงหรอสีฟ้าไม่เคยพบเจอ ยิ่งกับคนแบบผมยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้
แต่ถ้ามันเป็นไปได้ล่ะ…
‘ถ้าเป็นไปได้’
‘ก็อยากคุยแล้วคบเหมือนกันครับ’ ไม่รู้ทำไมตอนพิมพ์ผมต้องกลั้นหายใจด้วย อ่า มือสั่นมากกว่เดิมอีก
‘พี่ก็เหมือนกัน’
คำนั้นมันอ่านว่าเหมือนกันใช่มั้ย ผมไม่ได้อ่านผิดหรือนฝากใช่รึเปล่า
‘บอกไว้ก่อนว่า’
‘นอกจากหน้าผมจะไม่ดีแล้ว’
‘นิสัยผมก็ไม่ดีเหมือนกัน’
‘คุยไปเรื่อยๆพี่อาจจะอยากเลิกคุยกับผมก็ได้’ เพราะผมนิสัยไม่ดีเลยไม่เคยมีใครอยู่กับผมได้นาน นั่นคือสิ่งที่ผมคิดมาตลอด
‘วิธีโปรโมทตัวเองแบบใหม่หรอ’
‘ปกติเขามีแต่บอกข้อดีตัวเองกันนะ’
‘ถ้าพี่อยากคุยกับผมจริงๆก็คงไม่ต้องปิดบังอะไรกันแล้ว’
‘พี่ก็นิสัยไม่ดีเหมือนกัน’
‘นิสัยไม่ดีอย่างไงครับ’
‘พี่ขี้หวง’
‘ขี้หวงมากเลยหรอ’
‘สุดๆเลย’
แล้วจะหวงผมด้วยรึเปล่า อ๊ากกก! นี่ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย
‘ผมก็เหมือนกัน’
‘แต่ขอถามก่อน’
‘พี่ไม่มีแฟนใช่มั้ยครับ’
ถึงแม้เรื่องความรักในอดีตจะทำผมเจ็บหนักปางตาย แต่ตอนนี้ไอ้สีฟ้าเป็นคนใหม่แล้วครับ จิตใจแข็งแกร่งดั่งหินผา ถึงจะเจอแต่เรื่องร้ายๆมาก็ไม่ได้ความหมายว่าจะเจอแต่เรื่องร้ายๆตลอดไป ฟ้าหลังฝนยังคงงดงามเสมอ(มั้งนะ)
ถ้าเขาอยากคุยกับผมจริงๆผมก็จะคุยด้วย การคุยครั้งนี้เป็นการคุยที่ผมไม่มั่นใจอะไรเลยสักอย่าง และก็ไม่คาดหวังอะไรสักอย่างเหมือนกัน มีคนมาคุยด้วยก็ดี วันไหนโดนทิ้งก็แค่กลับมาอยู่ตัวคนเดียวเหมือนเดิม
‘ฟ้าเห็นพี่เป็นคนไม่ดีจริงๆด้วย(อีโมจิร้องไห้สองตัว)’
‘ไม่มีครับ’
‘พี่โสดมาก’
แค่รู้ว่าเขาโสดผมก็สบายใจขึ้นมาเปราะนึง ถึงแม้ในใจจะคิดว่าโกหกกันรึเปล่าแต่ผมไม่อยากมองพี่ครามแง่ร้ายไปกว่านี้แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเขาเป็นโรคจิตแล้วทีนึง ครั้งนี้จะยอมเชื่อก็แล้วกัน
‘งั้นก็’
‘ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่คราม’
‘พี่ครามก็ยินดีที่ได้รู้จักฟ้าเหมือนกันครับ’
‘ฟ้าก็โสดใช่มั้ย’
‘โสดครับ’
‘โสดมาก’ หน้าอย่างผมนอกจากพี่ก็ไม่มีใครอยากคุยด้วยแล้ว
‘ถ้าพี่ก็โสด’
‘ฟ้าก็โสด’
‘เราลองมาคบกันดูมั้ย’
โทรศัพท์ที่อยู่ในมือผมแทบล่วง มือไม้อ่อนปวกเปียกขึ้นมากะทันหัน แบบนี้แค่ขยี้คงไม่พอสงสัยต้องควักลูกตาออกมาล้างแล้ว
‘คบหรอครับ’
‘หมายถึงคบเป็นแฟนอ่ะหรอ’
‘อื้อ คบเป็นแฟน’
‘ไม่ได้หรอ’
‘ไม่ได้ครับ’ ได้ก็แย่แล้ว!
‘ผมกับพี่เพิ่งคุยกันวันแรกเอง’
‘ลองคุยกันไปเรื่อยๆก่อนมั้ย’
‘เอางั้นหรอ’
‘ก็’
‘พี่ยังไม่ได้จีบผมเลย’
กดส่งเสร็จผมรีบโยนโทรศัพท์ไปไวข้างๆอย่างเร็ว ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะพิมพ์อะไรน่าอายแบบนั้นออกไป
ผมส่งไปแล้ว ผมส่งไปแล้ว ผมส่งไปแล้ว
‘ครืด ครืด’ เสียงโทรศัพท์ผมสั่นเป็นอันรู้กันว่าเขาตอบกลับมาแล้ว ไม่กล้าหยิบมากดอ่านเลย ทำไงดี ทำไงดี ผมควรทำไงดี ทำไมตอนพิมพ์ไม่คิดเยอะๆวะไอ้ฟ้า
ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด เป็นไงเป็นกันวะ จะโดนหาว่ามั่นหน้า โดนด่าอะไรก็ช่าง ผมพร้อมละ
‘ลืมเลย’
‘พี่ขอโทษ’
ผิดคาดแฮะ นึกว่าจะพิมพ์แนวๆ ทั้งชีวิตนี้มีแต่คนมาจีบพี่ก่อนทั้งนั้น จะให้คนอย่างพี่ไปจีบน้องก่อนอ่ะหรอ แค่ทักมาคุยด้วยก็บุญแค่ไหนแล้ว อะไรประมาณนี้ เอ้ะ หรือผมมองโลกแง่ร้ายเกินไป เขาตอบกลับมาดีจนผมอยากไปกราบขอโทษเลยที่คิดแบบนั้น ไอ้นิสัยมองโลกในแง่ร้ายนี่ผมก็อยากแก้มันเหมือน แต่พอคิดในแง่ดีขึ้นมาสถานการณ์ก็บีบบังคับให้กลับไปคิดอะไรลบๆอยู่เรื่อย เพราะถ้าคิดแบบนั้นไว้ก่อนผมจะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง
‘อย่าขอโทษสิครับ’
‘ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย’
‘พี่อยากขอโทษไว้ก่อน’
‘กลัวฟ้ารู้สึกไม่ดี’
‘ฟ้าครับ’
‘ว่าไงครับ’
‘ถ้างั้น’
‘ให้พี่ครามจีบฟ้าได้มั้ยครับ’
ใครไหวไปก่อนเลยครับ ผมจะวูบแล้ว
ความคิดเห็น