NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักนี้สีฟ้าคราม

    ลำดับตอนที่ #1 : ถ้าเป็นเขา ผมขอหวังอีกสักครั้งได้รึเปล่า

    • อัปเดตล่าสุด 27 เม.ย. 66


    Chapter 1

     

    “มองจังเลยนะ ใช่สิ ผมมันเด็กแคระไม่ได้รูปร่างดีเหมือนเขานี่”

    ผมพูดออกแนวประชดคนตรงหน้า คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน เมื่อสองอาทิตย์ก่อนผมยังตัวคนเดียวอยู่เลยแต่ตอนนี้กลับมีคนที่ชอบทำให้ใจเต้นแรงอยู่บ่อยๆมาเดินข้างกันซะแล้ว

    เวลา 18 ปีที่ผ่านมาไอ้สีฟ้าคนนี้เคยได้แต่วิ่งตามร้องขอความรักจากคนอื่น ชอบใครก็ไม่เคยสมหวังกับเขาจนเข้าขั้นปลงกับชีวิต ร้องไห้เป็นงานหลักเสียใจเป็นงานอดิเรก ทิ้งความเป็นตัวเอง พยายามเป็นเหมือนคนอื่นเพื่อหวังให้คนมาชอบก็เคย

    แต่ตอนนี้ผมคงไม่ต้องทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่แบบนั้นอีกแล้ว

    ตั้งแต่วันที่ ‘พี่คราม’ เดินเข้ามาแล้วบอกว่า ‘เราลองมาคบกันดูมั้ย’ ท้องฟ้าในใจที่เคยมืดครึ้มก็เริ่มมีแสงสว่างขึ้นมาทีละนิด แต่มันไม่แปลกไปหน่อยเรอะ!!! คนสติดีที่ไหนคุยกันวันแรกก็ขอคบแล้ว

    นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมยังไม่ค่อยเชื่อใจเขาเท่าไหร่ทั้งๆ ที่เขาก็นิสัยดี ดูไม่มีพิษภัยอะไร แถมยังให้ความรู้สึกเหมือนพี่ปุยโกลเด้นข้างบ้านที่ตอนเด็กผมชอบไปเล่นด้วยบ่อยๆด้วยซ้ำ

    “หือ?” คนโดนประชดเอียงคอเล็กน้อย ทำหน้าเหมือนยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ดวงตาคู่สีน้ำตาลเข้มจ้องมาที่ผมอย่างสงสัย เห็นแบบนี้แล้วก็อดเจ็บใจไม่ได้ คนอะไรแค่ยืนเฉยๆยังหล่อ

    แล้วทำไมคนหล่ออย่างเขาถึงมาชอบผมวะเนี่ย

    “จีบผมอยู่ไม่ใช่หรอ”

    “ใช่” เขาพยักหน้า ภาพของพี่ปุยกระดิกหางรอให้ผมลูบหัวซ้อนทับขึ้นมาทันที

    “จีบผมแล้วไปมองคนอื่นทำไมล่ะ”

    “…”

    “พี่จีบผม พี่ก็มองผมสิ” ถึงตอนพูดจะกระดากปากไปนิดแต่มันก็จริงนี่ ขนาดผมเดินอยู่ข้างๆยังกล้าไปมองคนอื่นเลย แล้วแบบนี้น่ะหรอจะมาขอเป็นแฟน เหอะ! เชื่อก็เด็กน้อยแล้ว

    “พี่ก็มองแค่ฟ้าตลอดนะ” คำพูดที่ชวนให้ใจสั่นออกมาจากปากคนตัวสูงกว่า เขาพูดราวกับว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่กับผมที่ตลอดทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาพูดแบบนี้ด้วยดาเมจของประโยคนี้มันมหาศาล

    “ต…แต่เมื่อกี้พี่มองคนอื่น ไม่สิ จ้องเลย” ผมพูดกับเขาพลางเบี่ยงสายตามองอย่างอื่นแทน เพราะว่าไอ้ประโยคเมื่อกี้แท้ๆเลย

    “ฟ้า” น้ำเสียงทุ้มต่ำนั่นทำเอาเจ้าของชื่ออย่างผมถึงกับไปไม่เป็น มาไม้นี้อีกแล้ว แต่ผมไม่ใจอ่อนหรอก

    “เหอะ แล้วก็บอกชอบผมนักชอบผมหนา” ผมยังคงพูดต่อ

    “ฟ้า”

    “ใช้สิ้ ผมมันไม่ขาวจั๊วะ ตัวเล็ก น่ารัก สเปคพี่หนิ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมต้องพูดเรื่องพวกนี้ อาจเป็นเพราะตัวผมไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสิ่งที่พูดมาสักนิด ต่างกับคนที่พี่ครามมอง

    เขามีครบทุกข้อเลย

    แล้วผมจะมาน้อยใจทำไมเนี่ย ยอมรับนิดๆก็ได้ว่าชอบพี่คราม แต่ก็ชอบแค่นิดเดียวเท่านั้นแหละ ไม่ได้ชอบมากมายอะไรขนาดนั้นหรอก(มั้ง)

    ว่าแต่ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นหน้าคนนั้นจัง

    “สีฟ้า” คราวนี้มาซะชื่อเต็มเชียว ถึงผมจะเอาแต่พูดไปเรื่อยไม่ยอมหยุด แต่ในน้ำเสียงที่ใช้เรียกชื่อของผมไม่ได้มีความหงุดหงิดหรือรำคาญปนอยู่เลย พ่อโกลเด้นแสนดี

    “ค…ครับ”

    “หวงหรอ”

    “บ๊าาาา! ผมกับพี่รู้จักกันกี่วัน สองอาทิตย์ยังไม่ถึงเลย เอาอะไรมาหวง” จริงๆก็หวงแหละ ตัวเองเป็นฝ่ายบอกชอบก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกของผมด้วยสิ หมาแคระก็มีหัวใจเหมือนกันนะครับ

    “พรุ่งนี้ก็สองอาทิตย์แล้ว” จำเก่งซะด้วยพ่อปฎิทินเคลื่อนที่

    “แล้ว…พี่ชอบใช่มั้ย คนนั้นอ่ะ”

    “…” คนโดนถามเงียบไปทำใจผมตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหนอยู่ตอนนี้ รู้แค่ว่าผมเผลอกำมือตัวเองไว้แน่นมากๆ

    พี่ชอบเขาจริงๆ หรอ

    ไม่สิ ถ้าไม่ชอบก็แปลกแล้ว เขาน่ารักขนาดนั้น

    “ถ้าชอบก็ไปจีบเขาสิ ไม่ต้องมาตามผมแล้ว” ครั้งนี้ไม่ใช่การประชด แต่สิ่งที่พูดมันออกมาจากใจจริง

     

    คนอย่างผมรั้งเขาไว้ได้ด้วยหรอ

    แค่ได้ยืนอยู่ด้วยกันตรงนี้ก็เหมือนฝันแล้ว

     

    “เบะปากแล้ว” น้ำเสียงหยอกล้อของอีกฝ่ายทำให้ผมหันกลับมามอง เจ้าตัวยืนอมยิ้มอย่างพอใจ

    “อะไร ใครเบะปาก”

    “พี่ไม่ได้มองเขา”

    “มองชัดๆ”

    “มองก็จริง แต่ไม่ได้มองเขา” นั่นไงมองอยู่จริงด้วย แล้วบอกผมว่าไม่ได้มอง

    “ไม่เชื่อ”

    “พี่พูดจริง”

    “งั้นมองไรอ่ะ”

    “มองอันนั้น ในถุง” นิ้วชี้เรียวที่สวมแหวนเงินสีดำขลับชี้ให้ผมมองตาม

    ด้วยความที่อยู่ไกลกันไม่มากและเป็นถุงใสทำให้ผมพอมองเห็นของข้างใน และเพราะว่าเป็นของที่ผมคุ้นเคยจึงจำได้ดี

    ภาพโปสการ์ดสีน้ำรูปโลมานั้นเป็นของนักวาดที่ผมชื่นชอบไม่มีผิดแน่ ผมตามงานของเขามาเกือบปีแล้ว พวงกุญแจที่ห้อยกระเป๋าอยู่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในผลงานของเจ้าตัว บอกเลยว่ากว่าจะได้มาช่างยากลำบาก ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังประกอบกับสินค้าในแต่ละรอบนั้นมีน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนคนรอซื้อทำให้ผมมักจะแห้วตอนจองบ่อยๆ

    นี่เขามาตั้งบูธที่งานนี้ด้วยหรอเนี่ย

    งานที่ผมอยู่ตอนนี้คืองานสัปดาห์หนังสือของมหาลัยผม ด้วยความที่เพิ่งเข้ามหาลัยมาได้ไม่ถึงปีทำให้ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับงานนี้เท่าไหร่ รู้แค่ว่าเป็นสัปดาห์ที่จะมีร้านหนังสือมาตั้งบูธขายหนังสือจากสำนักพิมพ์ของตัวเองรวมทั้งร้านขายของจิปาถะอย่างอื่นอีกหลายร้าน โซนข้างนอกก็มีซุ้มของกินเต็มไปหมด เรียกได้ว่างานใหญ่โคตร!

    “เห้ย ซื้อมาจากไหนอ่ะ” เมื่อเห็นของที่ชอบผมก็เผลอร้องทักออกมาทันที

    “เดี๋ยวพี่ลองไปถามว่าเขาซื้อตรงไหน”

    “ไม่เอา ไม่ให้ไป” ผมตอบแบบทันควัน คนอายุมากกว่าถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ

    “งานมันใหญ่นะ เข้าไปถามเร็วกว่ามั้ย”

    “โนๆๆๆ” จะให้ผมปล่อยให้พี่ไปคุยกับเขาอ่ะหรอ แค่คิดใจก็ปวดหนึบแล้ว ถ้าผมมีความมั่นใจในตัวเองก็คงไม่เก็บความคิดไร้สาระที่ว่า ‘พี่จะเปลี่ยนใจไปชอบคนที่ดูดีกว่าผม’ อะไรพวกนี้มาคิดมากหรอก 

    ขนาดปากบอกว่าชอบเขานิดหน่อย ยังอาการหนักขนาดนี้ เป็นเอามากแล้วสินะไอ้สีฟ้า

    “ไม่อยากได้หรอ”

    “อยาก” ผมตอบเสียงเบา

    “งั้นเดี๋ยวพี่ไปถามให้”

    “ไม่ให้ไปครับ แล้วก็ไม่ต้องมายิ้มด้วย” สภาพผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยหวงตุ๊กตาตัวโปรด

    ถ้าให้พูดจริงๆ ผมไม่ได้กลัวที่พี่เขาจะไปคุยกับคนนั้น ผมกลัวว่าพอเข้าไปคุยแล้วคนๆนั้นจะมาชอบพี่เขามากกว่า กับคนอื่นผมคงไม่คิดมาก แต่กับผู้ชายตัวเล็กคนนั้น ผมว่าแล้วว่าทำไมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาจัง

    เขาคือคนดังในกลุ่ม 'TALKxG' และใช่ครับมันคือกลุ่มสำหรับชายรักชาย เป็นพื้นที่บนโซเซียลที่เปิดให้กลุ่มคนที่มีอัตลักษณ์ทางเพศเดียวกันได้เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด หาเพื่อน พี่น้อง หรือแม้กระทั่งแฟน

    ผมสิงอยู่ในกลุ่มนั้นเงียบๆ แต่ก่อนเคยไปโพสต์อะไรลงอยู่บ้างแต่ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ ต่างจาก ‘นนิล’ โพสต์ข้อความทีคนกดไลค์เป็นร้อย ส่วนรูปนี่ไม่ต้องพูดถึงระดับพันไลค์กันเลยทีเดียว อืม ถ้าพี่ครามไปลงรูปบ้างผมว่ายอดไลค์ก็คงพอๆกันเนี่ยแหละ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าทำไมผมไม่เชื่อเขา

    มีด้วยหรอคนที่ชอบผม กลับกันถ้าเป็นคนที่ผมเคยแอบชอบแล้วผิดหวังมาอันนี้เยอะสุดๆ

    “อันนี้คือไม่หวง”

    “ไม่ได้หวงเถอะ แค่กลัวพี่ปวดขา อายุมากเดินบ่อยมันไม่ดี” รู้สึกเป็นคนโกหกเก่งขึ้นมาก็วันนี้ พ่อจะต้องภูมิใจในตัวผม

    “ปีนี้พี่ 21” ยังจะมาขำอีก รู้ว่าไม่เนียนแต่ช่วยตามน้ำหน่อยไม่ได้เรอะ

    “เบญจเพสไง เดินไปสะดุดล้มนอนโรงบาลขึ้นมาทำไง”

    “เบญจเพส 25 ไม่ใช่หรอ”

    “แถวบ้านผม 21เพราะงั้นไม่ให้ไป”

    “บ้านอยู่ไหนน่ะ”

    “เหอะ”

    “อันนี้ถามจริงๆ”

    “ถามไปทำไมอ่ะ”

    “เผื่อไปไหว้พ่อกับแม่ด้วยกัน”

    “แอ่ก--“ คำตอบนี้ทำผมถึงกับสำลักอากาศ นอกจากจะหน้าตาเกินต้านแล้ว คำพูดคำจายังเกินต้านอีก “ไม่เป็นไร ผมไหว้คนเดียวได้ เกรงใจ” ถ้าไปจริงผมกลัวคนที่บ้านจะแตกตื่นกันซะก่อน ไม่ใช่เพราะลูกชายพาผู้ชายเข้าบ้านแต่เพราะคนที่พามาหล่อซะขนาดนี้ มีหวังพ่อหาว่าผมไปทำของใส่พี่ครามแน่นอน

    “สรุปไม่ให้ไปถามหรอ”

    “ถ้าพี่อยากไป ผมก็ไม่ห้ามแล้ว”

    “พี่โดนงอนแล้วหรอเนี่ย”

    “เปล่า” ผมก้มหน้ามองพื้น ไม่ได้อยากงอนอะไรหรอก ไม่กล้างอนจริงๆด้วยซ้ำ แค่พี่เขาคุยกับผมอยู่ตอนนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว แต่พอคิดภาพเขาไปคุยกับคนอื่นในใจมันก็รู้สึกไม่ดีแปลกๆขึ้นมา

    “งอนจริงด้วย ตอบสั้นนี่ใช่เลย”

    “หึ”

    “สั้นได้อีก”

    “…”

    “เงียบเลยคราวนี้” เขาพูดพร้อมกับขยับเข้ามาหาผม ระยะห่างของเราลดลงจนผมได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆโชยมา “มองหน้าพี่เร็ว”

    “ไม่เอา”

    “ฟ้ามองหน้าพี่หน่อย”

    “ไม่"

    “สีฟ้าครับ มองพี่ครามหน่อยนะ” น้ำเสียงอ้อนๆ นั่นฆ่าผมได้เลยนะ ตอนได้ยินเผลอกลั้นหายใจไปแล้วด้วย

    “ขี้โกง”

    “โกงหรอ” พี่ครามทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่อง ดูก็รู้ว่ารู้เรื่องชัดๆ

    “โกง”

    “แล้วชอบมั้ย”

    “…”

    “ฟ้าชอบมั้ยครับ”

    “พอเลย”

    “หูแดงแล้ว”

    “แดดมันร้อน” ถ้าให้เดาคงไม่ใช่แค่หู ตอนนี้หน้าผมก็คงแดงไปด้วยแล้ว ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้ยินไอ้ประโยคชวนเขินแบบนี้กับตัวเอง หรือผมอาจจะฝันอยู่ ถ้านี่เป็นฝันจริงก็ได้โปรดอย่าปลุกผมเลย โลกของนอกมันโหดร้ายสำหรับคนอย่างผมเกินไปขอผมอยู่ในฝันเนี่ยแหละ

    “ไม่งอนนะ พี่ไม่ไปแล้ว ไม่ได้อยากไปยุ่งอะไรกับเขาด้วยแค่จำได้ว่าฟ้าชอบ”

    “ไม่ได้งอนสักหน่อย”

    “งั้นไหนยิ้มให้ดูก่อน”

    “ดูๆ” ผมยิ้มแฉ่งให้คนตัวสูง นี่ลงทุนยิ้มจนตาหยีเลยนะ คราวนี้เขาไม่ได้ยิ้มกลับให้ผมแต่มองผมนิ่งๆแทน มองเสร็จก็รีบหันหลังไปเลย

    พี่ครามเป็นคนตัวสูง รูปร่างไม่ได้ผอมเพรียวแต่เป็นคนมีกล้ามเนื้อ ไม่ถึงกับหุ่นนักกีฬาจ๋าแต่ก็ฟิตกว่าคนตัวไปอย่างผมเยอะ กล้ามเนื้อนั่นก็คงจะมาจากการเล่นฟุตบอล ผมเห็นรูปในเฟสอยู่ถ่ายรูปอยู่สนามบอลแต่ละครั้งถอดเสื้อโชว์ซิกแพคซะเด่นหราเชียว คนที่เกลียดการออกกำลังกายเข้าไส้และรักการกินอย่างผมคงไม่มีวันหุ่นแบบนั้นกับเขาได้

    คนอะไรแค่ไหล่กว้างๆก็ทำผมเขินได้แล้ว

    พี่คิดอย่างไงถึงมาชอบผมนะ หน้ามืดหรอ

    “ยิ้มผมมันไม่น่ามองขนาดนั้นเลยหรอ” มองแล้วหันหนีหมายความว่าไงเนี่ย หรือรอยยิ้มผมมันจะสยองเกินไปจริงๆ

    “ไม่ใช่” คนที่หันหลังอยู่รีบหันหน้ากลับมา “น่ามอง…แล้วก็น่ารักด้วย”

    คราวนี้เขาไม่ยอมมองหน้าผมเลย แก้มขาวๆของพี่เขาเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ นี่พี่เขากำลังเขินอยู่ใช่มั้ย ตัวเองพูดจาสยิวกิ้วมาตั้งนานไม่เขิน มาเขินที่ผมยิ้มอ่ะนะ ผมก็เขินเหมือนกันแต่ขอตกใจก่อน

    คุณพระ!

    คนหล่อเขินผม ไอ้ฟ้าไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง นี่ถ้าเอาไปเล่าคนอื่นฟังเขาต้องบอกว่าผมเพ้อเจ้อแน่นอน

    “พี่ให้ผมมองหน้าพี่นี่ พ…พี่ก็ต้องมองหน้าผมด้วย”

    “ขอโทษ ฟ้าน่ารักมาก พี่เขิน”

    หน้ามืดของจริงด้วยคนๆนี้ ผมเนี่ยนะน่ารัก

    “พอแล้ว ไม่ต้องมาปากหวานเลย” ผมกลั้นใจสลัดความเขินอายทิ้งไป สติจงมา สติจงมา ไอ้สีฟ้าอย่าไปหลงกล!

    พอตั้งสติได้ผมก็มองหน้าเจ้าของร่างสูง

    เหงื่ออกเต็มเลยแฮะ

    “พี่ร้อนหรอ”

    เหงื่อเม็ดน้อยใหญ่บนใบหน้าขาวนั่นบ่งบอกให้รู้ว่าคงจะร้อนแย่แล้ว ไม่แปลกใจเลย ขนาดผมที่หนังหนาทนแดดทนฝนยังคิดว่าโคตรร้อน ถึงจะอยู่ในร่มแต่ด้วยอากาศประเทศไทยอย่างไงก็ร้อนอยู่ดี อีกอย่างเราเดินกันมาตั้งแต่เช้าแล้วด้วย

    “นิดนึง แต่ไม่เป็นไร” พี่ครามตอบ ตลอดเวลาที่เดินด้วยกันมาเขาไม่เคยแสดงออกว่าร้อนหรืออยากรีบกลับเลยผมอยากไปซุ้มไหน บูธไหน ใกล้ไกลพาไปหมด นี่ถ้าไม่ทักก็คงทนร้อนต่อไปสินะ

    “ไม่เป็นไรได้ไง พี่ร้อนขนาดนี้ กลับกัน” ทำไมผมถึงไม่ใส่ใจเขาให้มากกว่านี้นะ ไม่แน่อาจผมโดนมองว่าเป็นพวกสนใจแต่ตัวเองไปแล้วก็ได้ 

    “ไม่เป็นไรจริงๆ” ชายเสื้อสีขาวถูกยกขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ผุดบนใบหน้าคม เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกผิดกว่าเดิมอีก

    “พี่เอาไปเช็ดก่อน” จำได้ว่ามีทิชชู่ติดกระเป๋าอยู่ ผมรีบค้นแล้วส่งมันให้คนที่เหงื่อออกอยู่ทันที พี่ครามไม่ได้รับทิชชู่ที่ผมยื่นให้ แต่เลือกย่อตัวลงแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆผมแทน

    “เช็ดให้หน่อย” แววตาหมาน้อยมาแล้ว ชอบทำให้ใจสั่นอยู่เรื่อยเลย “เหงื่อจะเข้าตาพี่แล้ว” เขาย้ำเหมือนรู้ว่าผมกำลังลังเล ด้วยความรู้สึกผิดก่อนหน้าทำให้ตัดสินใจเป็นฝ่ายเช็ดให้ตามคำขอ นอกจากจะอันตรายกับหัวใจผมอย่างสุดๆแล้วยังร้ายกาจอีกเจ้าหมาตัวนี้ คนอายุมากกว่าหลับตาพริ้มให้ผมเช็ดเหงื่อให้

    “เช็ดแรงๆก็ได้พี่ไม่เจ็บ” รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นมาให้เห็นบนใบหน้าอีกฝ่าย ถึงจะบอกให้เช็ดแรงๆ แต่ผมก็ไม่กล้าอยู่ดี ได้แต่ค่อยๆ ซับเหงื่อจนหมด

    “เสร็จแล้ว”

    “พยายามชินหน่อยนะ ตอนพี่ไปเตะบอลเหงื่อออกยิ่งกว่านี้อีก”

    “พี่ไปเตะบอลเหงื่อออกแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”

    “ก็ถ้าเราเป็นแฟนกันแล้ว คงได้มาเช็ดให้พี่บ่อยๆ”

    ผมว่านี่ไม่น่าใช่หมาโกลเด้นละ

    ห้ามเขิน นิ่งไว้ไอ้ฟ้า อย่าไปเขิน

    “พูดจริงนะ” พี่ครามย้ำ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เป็นสิ่งที่ผมไม่ค่อยจะได้เห็นนัก หรือเจ้าตัวจงใจไม่แสดงให้เห็นก็ไม่รู้ ดูท่าเจ้าหมาโกลเด้นจะกลายเป็นหมาจิ้งจอกไปซะแล้ว

    “เรากลับกันดีกว่า” ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากรบกวนพี่เขาไปมากกว่านี้ ตัวผมที่ชอบอ่านหนังสือเป็นชีวิตจิตใจการได้มาเดินในที่ที่เต็มไปด้วยหนังสือคือนี่สวรรค์เลย แม้จะเดินเยอะขนาดไหนก็ไม่มีคำว่าเหนื่อยอยู่ในหัว เรื่องเดินผมไม่ห่วงหรอก คนเล่นกีฬาบ่อยคงเดินได้เยอะกว่าผมหลายเท่า แต่สำหรับคนที่ไม่มีความสนใจอะไรแล้วต้องมาอยู่ที่นี่นานคงจะรู้สึกเบื่อน่าดู ผมถามก่อนมาแล้วว่าชอบพวกหนังสือรึเปล่า เขาบอกว่าอ่านได้แต่ก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ

    “กลับแล้วหรอ ยังซื้อไม่ครบเลย” หนังสือที่ผมอยากได้มีอยู่เจ็ดเล่ม ซื้อมาแล้วสี่ยังขาดอีกสาม

    “เดี๋ยวไว้วันหลังผมมาซื้อก็ได้” ยังเหลือเวลาอีกตั้งหนึ่งสัปดาห์กว่างานจะหมด อย่างไงผมก็ซื้อครบ

    “งั้นเดี๋ยวมาด้วยกันใหม่” ยังจะมาอีกเรอะ!

    “ไม่ต้องแล้ว ผมมาคนเดียวได้” อย่าให้ผมรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย

    “พี่อยากมาด้วย”

    “จะอยากมาได้ไง พี่ไม่ได้ชอบหนังสือนี่”

    “ต้องบอกด้วยหรอว่าทำไมอยากมา ไม่ใช่ว่ารู้เหตุผลอยู่แล้วหรอ” เราสองคนสบตากัน สายตานิ่งๆที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักทำเอาเดาไม่ออกเลยว่าพี่ครามคิดอะไรอยู่

    “ผมโง่นะ ไม่บอกก็ไม่รู้หรอก”

    “อยากมาเพราะชอบฟ้าไง”

    ผมก็ชอบพี่ครับ เพราะงั้นพอสมรสเท่าเทียมผ่านแล้วเราสองคนมาจดทะเบียนกันเถอะ

    ไม่ใช่แล้วโว้ย!

    พี่ครามชอบผมจริงๆรึเปล่ายังไม่รู้เลย ตอนเดินๆอยู่ผมเผลอทำสติกับสมองหายเรอะ!

    “ที่บอกว่าชอบผม พี่ชอบจริงหรอ”

    “ยังไม่เชื่ออีกหรอ”

    ผมส่ายหน้า “ถ้าผมหน้าตาดีเหมือนคนอื่นก็จะเชื่ออยู่”

    “ฟ้าไม่ชอบหน้าตัวเองหรอ”

     

    ถึงขั้นเกลียดก็เคยมาแล้ว 

    ผมนึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ ไม่เคยมีสักครั้งที่มองกระจกแล้วรู้สึกชอบภาพที่สะท้อนอยู่บนนั้น

     

    ถ้าผมหน้าตาดีกว่านี้โลกจะใจดีกับผมมากขึ้นรึเปล่า

    ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วแต่จะทำอะไรได้ล่ะ

     

    “ไม่ชอบเลย” ผมตอบตามความจริง ถึงแม้ตอนนี้จะพยายามอย่างหนักในการรักตัวเองและสนใจเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกให้น้อยลง แต่บางทีมันก็ยากซะเหลือเกินโดยเฉพาะเวลาไปเห็นคนที่น่ารักๆ

    “แต่พี่ชอบนะ ชอบหมดทุกอย่างเลย ตา คิ้ว จมูก ปาก แก้มฟ้าพี่ยิ่งชอบ”


    คำพูดที่ว่าชอบทุกอย่างนั้นสวนทางกับสิ่งที่ได้ยินมาตลอดตั้งแต่เด็กอย่างสิ้นเชิง เพราะว่ามีคิ้วแบบนี้ ตาแบบนี้ สีผิวแบบนี้ ก็เลยมักจะโดนคำพูดเสียดสีอยู่บ่อยๆ ความั่นในใจตัวเองก็ถดถอยลงเรื่อยๆตามสิ่งที่ได้ยินจนหลงลืมไปเลยว่าก่อนจะโดนคำพูดพวกนี้กรอกหูผมเคยมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเป็น

     

    ชอบหรอ

    ไม่ได้ยินคำนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ

     

    ถึงผมจะไม่ปักใจเชื่อเท่าไหร่ บางทีเรื่องที่มาจีบผมเขาอาจจะพนันกับเพื่อนไว้ก็ได้ อ้างอิงจากนิยายที่ผมชอบอ่าน ต้องใช่แน่ๆถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็

    “ขอบคุณนะครับ”

     

    ขอบคุณที่พูดประโยคแสนอ่อนโยนนั้นออกมา

     

    “เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นอย่างอื่นแทนได้มั้ย”

    “บ้านพร้อมที่ดินอะไรแบบนั้นผมให้ไม่ได้หรอกนะ”

    “แล้วถ้ากินข้าวด้วยกันล่ะ ได้ใช่มั้ย”

    “อันนี้ก็ได้อยู่”

    “วันนี้เลยมั้ย” ตาเป็นประกายเชียวพ่อคุณ อะไรจะดูตื่นเต้นขนาดนั้น

    “พี่รีบหรอ”

    “พี่หิว” คนตัวโตตอบเสียงเล็กเสียงน้อยแลดูเหมือนเด็ก ประกอบกับท่าทีเขินอายทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ขนาดหิวยังไม่ค่อยกล้าบอกเลยหรอ เห็นผมเป็นยักษ์เป็นมารรึเปล่าเนี่ย

    ผมมองหน้าพี่เขาชัดๆอีกครั้งแล้วเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว

    “งั้นเราไปกินข้าวกัน”

    หลังจากนั้นเราสองคนก็ไปกินข้าวด้วยกัน มันเป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดาๆที่ตั้งอยู่หน้ามอ อาจเป็นเพราะเลยตอนเที่ยงมาได้พักใหญ่แล้วคนเลยดูบางตาลง อากาศยังคงร้อนเหมือนเดิม มีลมอ่อนๆพัดมาเป็นระลอกให้ชื่นใจบ้าง โชคดีที่ในร้านมีแอร์เลยพอคลายร้อนไปได้ ในแก้วสแตนเลสทั้งสองใบมีน้ำอัดลมอยู่ เมนูบนโต๊ะก็เป็นเมนูทั่วไปอย่างผัดกระเพราหมูกรอบกับสุกี้ทะเล คงเดาได้ว่าใครสั่งหมูกรอบใครสั่งสุกี้

    ทั้งที่มันควรจะเป็นแค่วันธรรมดาๆวันนึงแต่วันนี้มันช่างพิเศษสำหรับผมเหลือเกิน แม้จะละทิ้งความหวังเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ถ้าเป็นเขา

     

    เป็นเขาคนนี้

     

    ผมขอหวังอีกสักครั้งได้รึเปล่าครับ
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×