ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gem Knight - สงครามอัญมณีครองพิภพ

    ลำดับตอนที่ #8 : ชายพเนจร

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 54


    Chapter VI: The Strider

     

                สายลมแล้งพัดใบต้นซีดาร์[1]ร่วงหล่น ชายในผ้าคลุมสีดำคว้าไว้ก่อนที่มันจะตกต้องใบหน้าหญิงสาว

                เซชิลค่อยๆ ลืมตา และพบตัวเองนอนหนุนตักชายหนุ่มซึ่งนั่งพับเพียบอยู่

                “เลวี!” เธอลุกพรวดขึ้นนั่ง จะสวมกอดอีกฝ่าย แต่กลับต้องชะงัก

                ชายหนุ่มในผ้าคลุมนั้น มีผมและดวงตาที่ดำขลับ แม้มีรูปหน้าคล้ายกันแต่ก็ไม่ใช่เลวี

                หญิงสาวยืนขึ้นทันที

                “ท่านเป็นใคร”

                ชายหนุ่มเงยหน้า เลิกผ้าคลุมออก ปล่อยผมสีดำยาวละบ่า

                “ข้าชื่อแวนดิช เป็นคนพเนจร”

                เสียงนี้มัน เสียงเดียวกับที่ข้าได้ยินตอนประลอง...

                “จริงสิ ยัยองค์หญิงนั่นล่ะ” เธอหันซ้ายหันขวา เห็นแต่ต้นซีดาร์และทุ่งหญ้าโล่งกว้าง ข้างล่างเป็นตัวเมือง เลยออกไปเป็นทะเล แถวนี้คงเป็นเนินสูงทางเหนือของเมืองไซคลาดิส

                “นางไปแล้ว” เขายิ้ม “วางใจเถอะ ทหารธีบีสทั้งสามได้รับการอภัยโทษแล้ว”

                “ดีจริงๆ” หญิงสาวถอนใจโล่งอก ก่อนจะชกฝ่ามือตัวเอง

                “เสียดายที่ไม่ได้ต่อยหน้าหยิ่งๆ นั่นสักหมัด”

                “หึๆ เจ้าน่าจะได้เห็นสีหน้าของนาง ตอนที่รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายแพ้นะ”

                เซชิลนึกถึงใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยโทสะของไอซิส ในตอนสุดท้าย

                “เอาเถอะ” หญิงสาวอมยิ้ม ล้มตัวลงนอนบนฟูกหญ้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอด

                ความสุขใจทำให้เธอลืมความเจ็บกาย กระนั้นหน้าก็ยังบวมเบ่ง ดูไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ชนะ

                แล้วเธอก็ลุกขึ้นนั่งข้างๆ ชายหนุ่ม

                “ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวสินะ ข้าชื่อเซชิลบุตรีแห่งเพริคลิส”

                “ท่านเพริคลิสช่างตีเหล็กผู้นั้นเรอะ”

                “ท่านรู้จักพ่อของข้าเหรอ” เซชิลหันควับ

                ชายหนุ่มทอดสายไปไกล เบื้องล่างเป็นเมืองที่มีผู้คนหลากหลาย แต่งกายหลากสี เดินขวักไขว่ตามถนนที่เหมือนเขาวงกต ไกลออกไปคือท่าเรือ แลเห็นทะเลสีครามที่ทอดยาวบรรจบกับเส้นขอบฟ้า

                “เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยนะ ข้าเคยมาที่นี่หลายครั้ง ไม่รู้มัวแต่มองอะไร จึงไม่เห็นหญิงงามเช่นเจ้า”

                “บ้าแน่ะ นัยน์ตาท่านต้องบอดแน่ ถึงเห็นข้าเป็นหญิงงาม”

                ชายหนุ่มหัวเราะ

                “ไม่มีใครเคยชมเจ้าเลยเหรอ ว่าเรือนผมสีฟ้าครามนั้น ช่างงดงามดุจน้ำทะเล” ว่าแล้วนัยน์ตาสีดำคู่นั้นก็จ้องตาหญิงสาวเขม็ง “แต่สิ่งที่ตรึงใจข้ายิ่งกว่า คือดวงตาสีฟ้าที่มองตรงไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ของเจ้า”

                เซชิลหน้าร้อนผ่าว ต้องเฉมองไปทางอื่น พลางมือก็ลูบไล้ใบหญ้า

                เจ้าคนพเนจรนี่ จะว่าคล้ายก็ไม่ใช่ เหมือนก็ไม่เชิง ทั้งหน้าตา ทั้งนิสัย โดยเฉพาะเรื่องที่พูดชมคนอื่นได้หน้าตาเฉย มีแต่อะไรที่ชวนให้นึกถึงเลวีทั้งนั้น

                จะว่าเป็นเลวีปลอมตัวมาคงไม่ใช่ คะเนจากรูปร่างหน้าตาแล้ว แวนดิชน่าจะแก่กว่าเลวีสักสามปี ให้เป็นพี่ชายเลวีล่ะก็พอไหว

                หญิงสาวหัวเราะกับตัวเอง ข้านี่เพี้ยนไปแล้วหรือไง เลวีจะมีพี่ชายได้ยังไง

                “เสียงที่ข้าได้ยินตอนที่สู้กับไอซิสคือเสียงของท่านสินะ” เซชิลเปลี่ยนเรื่อง “แล้วทับทิมสีแดงบนมงกุฎของไอซิสนั่น ข้าเห็นมันส่องแสงออกมาด้วย”

                “อยากรู้เหรอ” เสียงนั้นทุ้มลึกเคร่งขรึม “ถ้าอยากรู้ เจ้าก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยนะ เพราะมันมีราคาที่ต้องจ่าย เมื่อได้รู้ความลับของดวงดาวแล้ว ย่อมชักนำความวุ่นวายมาสู่ตัว และชีวิตของเจ้าก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป”

                แวนดิชมองตาเซชิลนิ่ง หญิงสาวหยั่งเข้าไปดวงตาสีดำที่ดูพิศวงคู่นั้น แล้วกลืนน้ำลาย

                ทันใดนั้นแวนดิชก็ระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น “ข้าล้อเล่น มันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ก็แค่นิทานปรัมปรา” ชายหนุ่มตบตักตัวเอง “เจ้าเคยได้ยินเรื่องสงครามอัญมณีไหม”

                “ที่ว่าเมื่อสองร้อยปีก่อนเอเลเน่ได้รวบรวมอัญมณีทั้งแปด แล้วช่วยโลกไว้จากสิ่งชั่วร้ายน่ะเหรอ”

                “นั่นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่จริงแล้วเรื่องนี้มีที่มาเก่าแก่กว่านั้น เมื่อหนึ่งพันปีก่อนมีกลุ่มชนซึ่งมีอารยธรรมอันสูงส่งที่เรียกตัวเองว่าชาวอัลทาร์”

                “อัลทาร์ หมายถึงเทพเจ้าที่อาศัยอยู่บนเทือกเขาอัลทาร์เรอะ”

                “นั่นเป็นการเปรียบเปรย แท้จริงชาวอัลทาร์ไม่ได้อาศัยอยู่บนเทือกเขาอะไรนั่นหรอก เมืองของเขาอยู่บนเกาะลอยฟ้า”

                “เกาะลอยฟ้า?”

                “ว่ากันว่าเกาะลอยฟ้าได้จมหายไปในแถบทะเลเอโอเลียนตั้งแต่เมื่อหนึ่งพันปีก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไร แต่วิทยาการของพวกเขาที่ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้ก็คืออัญมณีทั้งแปดซึ่งมีพลังวิเศษนั่นเอง”

                “หรือว่า ทับทิมสีแดงบนมงกุฎของไอซิสนั่นก็...”

                “รูบี้แห่งอัคคี... ไม่ผิดแน่ มันมีพลังทำให้นางอ่านใจคนอื่นได้ด้วยการจ้องตาคน”

                เซชิลพยักหน้า มิน่าล่ะ พอเธอหลับตา ไอซิสถึงเสียจังหวะจนหลบหมัดไม่พ้น

                “งั้นท่านก็มีอัญมณีที่ว่าเหมือนกันสินะ”

                “ของข้าน่ะเรอะ” แวนดิชยกแขนขวาซึ่งสวมกำไลเงินที่ฝังนิลเม็ดใหญ่ขึ้นมาดู “ก็แค่ของเลียนแบบด้อยคุณภาพทีทำขึ้นทีหลัง อย่างดีก็ทำได้แค่สื่อสารกับคนอื่นผ่านเสียงในหัวเท่านั้นเอง”

                “แต่ก็ช่วยให้ข้าชนะไอซิสได้” หญิงสาวรีบแก้

                “ข้าดีใจที่เป็นกำลังให้เจ้าได้” ชายหนุ่มยิ้ม

                เซชิลมองตาแวนดิชแล้วรู้สึกเหมือนว่านัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นมีอำนาจลึกลับที่ดึงดูดเธอ จนเธอไม่อาจขัดขืน

                ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มก็โอบร่างหญิงสาวดึงเข้าหาตัว ก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าของตนเข้าใกล้

                “ช่างเป็นดวงตาที่งดงามจริงๆ” แวนดิชพิศดูดวงตาสีฟ้าใสของเซชิลไม่วางตา

                “เซชิล!” เสียงนั้นดังมาจากโกไลแอต ซึ่งวิ่งมาแต่ไกล

                หญิงสาวรู้สึกตัว พอดีกับที่ชายหนุ่มผละออก

                แวนดิชลุกขึ้นยืน ดึงฮูดผ้าคลุมสีดำคลุมหัว

                “แล้วพบกัน”

                “เดี๋ยวก่อน” เซชิลร้องเรียก

                ชายหนุ่มเหลียวกลับมา เป็นจังหวะเดียวกับที่สายลมพัดทิวหญ้า และกิ่งต้นซีดาร์ลู่ตามแรงลม เกิดเสียงเสียดสีของแมกไม้ หมู่นกโผบินส่งเสียงเจื้อยแจ้ว

                “สายลมเริ่มพัดแล้ว ครั้งต่อไปที่เราได้พบกัน คือเวลาที่ประตูแห่งชะตากรรมของเจ้าจะเปิดออก”

                “หมายความว่ายังไง”

                แวนดิชไม่พูดอะไร เพียงแต่โบกมือให้แล้วเดินลงเนินไปในทิศตรงข้ามกับที่โกไลแอตวิ่งขึ้นมา

                หญิงสาวได้แต่มองชายพเนจรลึกลับเดินจากไป โดยทิ้งไว้แต่ปริศนาให้ครุ่นคิด



    [1] ต้นสนชนิดหนึ่ง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×