ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักวุ่นวิญญาณหลอน (Haunting with Love!)

    ลำดับตอนที่ #7 : รึว่าเทพีแห่งความรักจะเห็นใจเราเสียที! (แก้ไขเล็กน้อย)

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 53



                เรื่องเมื่อคืนทำเอาผมนอนไม่หลับ... ต้องลุกขึ้นมาเปิดเพลงฟังอยู่เป็นชั่วโมงจนผลอยหลับไป

                ในฝันผมเห็นผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง มองด้านหลังแล้วเหมือนน้ำ แต่พอผมเดินเข้าไปทัก ปรากฏว่าคุณเธอหันมาหน้าเละ มีเลือดและน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ผมตกใจจนสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนตีสอง ในที่สุดเลยต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟนอน

                และเช้านี้ผมก็งัวเงียลุกขึ้นมากดนาฬิกาปลุกก่อนที่มันจะดัง แล้วก็รู้สึกผิดสังเกต

                อัยย์ไม่อยู่ในห้อง...

                “อัยย์!”

                จะเหลียวซ้าย แลขวาก็ไม่เห็น หรือว่าเธอจะกลับเข้าร่างแล้ว!

                “พี่จิงโจ้เรียกอัยย์เหรอคะ”

                คุณเธอโผล่มาทันใด

                นั่นสินะ... มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกันล่ะ



                “ไปก่อนนะครับ” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเสร็จ ผมก็ออกจากบ้านไป

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณรุกขเทวดา เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากเลยนะคะ” อัยย์หันไปพูดกับต้นโพธิ์ต้นใหญ่ที่อยู่หน้าบ้าน

                ยัยอัย์ไปทำอะไรมาอีกล่ะ แต่เอ..ไม่ถามดีกว่ามั้ง

    ... ... ...



                เช้านี้อากาศสดใส ขณะที่ผมเดินผ่านต้นหูกวางหน้าอาคารเรียน ก็ได้ยินเสียงห้าวๆ ดังมาจากข้างหลัง

                “ยะโฮ... หวัดดีโจ้” สาวน้อยผมหน้าม้ายิ้มหน้าระรื่นเดินมาหาผม

                ยัยมินท์นั่นเอง...

                “เมื่อคืนหลับสบายป่าวจ๊ะ”

                “เออ... เพราะเธอแท้ๆ เลยได้นอนเปิดไฟทั้งคืน"

                “ฮี่ๆ ไม่เป็นไรมิได้” มินท์ยิ้มยิงฟันจนเห็นเขี้ยวสวยทั้งสองข้าง

                “สวัสดีค่ะพี่มินนี่”

                “ว่าไงจ๊ะสาวน้อย วันนี้ก็ร่าเริงเหมือนเดิมนะ” มินท์หันไปทักอัยย์ ก่อนจะก้มลงดูพวงกุญแจเจ้าโมรอนที่แขวนอยู่ที่กระเป๋านักเรียนของผม

                “ว้าว! พวงกุญแจน่ารักจังเลย”

                “พี่จิงโจ้ซื้อให้อัยย์ค่ะ”

                “เอ๊าะ เหรออออ....” มินท์เหล่มองผมด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ “โจ้นี่ใจดีกับสาวๆ เหมือนกันนิ”

                “ค่ะ พี่จิงโจ้ใจดีมากเลยค่ะ”

                สองสาวคุยกุ๊กกิ๊กข้ามหัวผมเฉย

                คุยกันถูกคอขนาดนี้ ทำไมไม่ไปอยู่ด้วยกันซะเลยล่ะ...

     

                พอพักกลางวันผมก็เจอมินท์อีก เลยต้องฟังสองคนนั้นคุยกันไประหว่างนั่งกินข้าว

                จนกระทั่งช่วงบ่าย หลังจากกินข้าวมาอิ่มๆ ซ้ำเมื่อคืนยังไม่ค่อยได้นอน ผมเลยหลับเป็นตายจนถึงคาบสุดท้าย

                หลังจากเลิกเรียนผมจึงค่อยถามอัยย์

                “ว่าไงอัยย์วันนี้มีการบ้านอะไรบ้าง...”

                “เอ่อ... วิชาเลขก็ให้ทำแบบฝึกหัดข้อ 4.1กับ 4.2 ส่วนอังกฤษก็ทำหน้า 63-64”

                ขณะที่คุยกับอัยย์อยู่นั่นเอง ผมก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียน

                “พี่น้ำฝน!” อัยย์เอ่ยขึ้น

                หัวใจของผมเต้นโครมครามขึ้นมาทันที

                น้ำสวมชุดเสื้อกระโปรงสีเหลืองอ่อนลายลูกไม้ ดูน่ารักกว่าตอนใส่ชุดนักเรียนเสียอีก เอ..จะว่าไปวันนี้ไม่เห็นเธอที่โรงเรียนนี่นะ
             
                แล้วน้ำเขามาหาใครนะ... รึว่าจะมารอผมด้วยเรื่องเมื่อวานซืนที่โรงพยาบาล!

                มานึกขึ้นได้ก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะดูเหมือนน้ำจะเห็นผมเข้าแล้ว ผมจึงต้องเดินเข้าไปทักอย่างไม่มีทางเลี่ยง

                “ว..ว.. หวัดดีน้ำ”

                ให้ตายสิ ปากตูจะสั่นหาอะไรฟะ

                “หวัดดีจ้ะโจ้” น้ำยิ้มให้ “นายพอมีเวลาไหม มาด้วยกันหน่อยสิ”

    ... ... ...

     

                น้ำพาผมเดินจากโรงเรียนมาประมาณสิบนาที จนมาถึงร้านกาแฟเล็กๆ ในซอยซึ่งเป็นบ้านไม้แบบโบราณทาสีขาวสลับสีฟ้า

                ข้างในร้านตกแต่งด้วยโต๊ะเก้าอี้เรียบง่ายเป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน หอมอบอวลด้วยกลิ่นกาแฟ

                ตอนที่เรามาถึงในร้านนั้นยังไม่ค่อยมีคน น้ำพาผมไปนั่งที่โต๊ะกลมเล็กๆ สีขาวซึ่งอยู่ติดหน้าต่าง มองเห็นถนนหน้าร้าน

                “โจ้เอาอะไรจ๊ะ” น้ำเอ่ยขึ้น

                ผมพลิกดูเมนู เอสเปรสโซ่ คาปูชิโน่ ม็อคค่า ลาเต้... เอ่อ..เคยกินแต่กาแฟเบอร์ดี้ กะโออิชิคอฟฟีโอ มันจะเหมือนกันป่าวหว่า

                “เอสเปรสโซ่ละกัน”

                “พี่แวว ขอเอสเปรสโซ่หนึ่ง คาปูชิโน่หนึ่งค่ะ” น้ำลุกขึ้นพูดกับพี่สาวผมยาวซึ่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ชงกาแฟ

                “ได้จ้ะน้ำ” พี่สาวคนนั้นมองเราสองคนยิ้มๆ ก่อนจะหันไปชงกาแฟ

                ขณะที่พี่แววกำลังชงกาแฟอยู่นั้น ผมก็ได้แต่นั่งเงียบๆ แอบเหลือบมองน้ำสองสามที เมื่อกี้นี้ตอนเดินมาด้วยกัน เราก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันเลย

                น้ำเขามีอะไรจะคุยกับผมกันนะ

                “น้องเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วนะ” ทันใดนั้นน้ำก็พูดขึ้นมา

                "ใครเหรอ"

                "อัยย์จังไง"

                “หา?”

                “เมื่อคืนฉันฝันถึงอัยย์จัง... เห็นคุณพ่อคุณแม่ก็บอกว่าฝันแบบเดียวกัน อัยย์จังบอกว่าตอนนี้เธอสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราเลยตกลงกันว่าจะย้ายอัยย์จังกลับไปที่บ้าน ซึ่งหมอก็อนุญาต” น้ำเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

                “ในฝันนั้นอัยย์จังดูมีความสุขมาก”

                “แล้วทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังล่ะ" ผมถาม จะแกล้งทำไม่รู้อีกก็คงไม่ได้ เพราะบอกแม่ของน้ำไปแล้วว่า ผมรู้จักกับน้ำและอัยย์

                “เจ้าโมรอน... เป็นตุ๊กตาตัวโปรดของอัยย์จัง” น้ำมองกระเป๋านักเรียนของผม "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่เวลาที่อยู่กับนายฉันรู้สึกเหมือนมีอัยย์จังอยู่ใกล้ๆ"

                นี่อย่าบอกนะว่า คุณยายของน้ำก็เป็นคนทรงอีกคน...

                เอาไงดี... จะเล่าความจริงให้น้ำฟังดีไหม

                ในตอนนั้นเองพี่แววก็ยกกาแฟมาเสิร์ฟ

                “เอสเปรสโซ่กับคาปูชิโน่ได้แล้วค่ะ”

                ยังไงก็ขอจิบกาแฟก่อนแล้วกัน...

                ผมยกกาแฟขึ้นจิบ แล้วทันใดนั้นเอง...!

                “อุ๊บ...! แค่กๆ ข..ขมปี๋เลย”

                น้ำหัวเราะเล็กๆ

                “กาแฟที่นี่เขาให้เติมนมกับน้ำตาลเอง นี่ไง เมื่อกี้พี่แววเขายกที่ใส่นมกับน้ำตาลมาด้วย”

                “เออ... จริงด้วย ไม่ทันดู”

                “โจ้นี่ตลกจัง” เธอยิ้มแล้วก็หัวเราะร่วน


                แสงแดดยามเย็นส่องเข้ามาทางหน้าต่าง กระทบกับใบหน้าของน้ำ ทำให้ดวงตาของเธอที่ยิ้มอยู่นั้นส่องประกาย คล้ายแสงระยิบระยับที่จับอยู่บนเป็นผิวคลื่น

                วินาทีนั้นหัวใจของผมแทบจะละลาย จนลืมเรื่องที่คิดจะคุยไปเสียสิ้น

                แต่แล้วจู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงแว้นของมอเตอร์ไซค์ค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา เมื่อมองออกไปนอกร้านก็เห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ กำลังเล่นเตะบอลอยู่ริมทางเดิน ทันใดนั้นบอลก็กระฉอกไปอยู่กลางถนน

                ความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังงี้มัน...!

                “ขอโทษนะน้ำ”

                ผมลุกพรวดจากเก้าอี้ออกมาหน้าร้าน เด็กคนนั้นวิ่งออกมาเก็บบอลที่กลางถนนในขณะที่มอเตอร์ไซค์พุ่งเข้ามาอย่างเร็ว ไม่ทันแล้ว!

                พริบตานั้น! อัยย์ก็โผล่มาขวางมอเตอร์ไซค์ เธอก้มลงกอดเด็กน้อยเอาไว้

                “อัยย์!”

                ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์ซึ่งเบรกไม่ทันนั้นแฉลบออกด้านข้างไปครูดกับกำแพง

                ผมวิ่งไปหาอัยย์และเด็กคนนั้นทันที

                "ไม่เป็นไรใช่ไหม!"

                “แหะๆ” อัยย์มีสีหน้าตื่นเต้นระคนตกใจ “ไม่เป็นไรค่ะ... น้องเขาปลอดภัยดี”

                “ยัยบ้า! ฉันหมายถึงเธอต่างหาก!”

                แต่ดูจากสีหน้าท่าทางแล้วอัยย์คงไม่เป็นไรมั้ง...

                “โจ้...” เสียงนั้นดังมาจากข้างหลัง

                น้ำซึ่งวิ่งตามออกมามองผมด้วยแววตางงๆ

    ... ... ...

     

                แล้วเรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยดี เด็กน้อยคนนั้นไม่มีบาดแผลอะไร ส่วนพี่ชายที่ขับมอเตอร์ไซค์ก็แค่มีแผลถลอกนิดหน่อย เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่เห็นเด็กวิ่งออกมากลางถนนยังนึกอยู่เลยว่าต้องชนแน่ๆ ไม่รู้ทำไมถึงแฉลบหลบออกมาได้ราวกับปาฏิหาริย์

                เมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันผ่านพ้นไป จึงเหลือผมกับน้ำยืนอยู่สองคนหน้าร้านกาแฟ

                "เอ่อ..คือ..." เสียงใสๆ เอ่ยขึ้น

                "จริงๆ แล้ว ที่ฉันพาโจ้มาที่นี่เพราะตั้งใจจะขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อน" น้ำหันมาพูดกับผม "ขอโทษนะ ตอนนั้นฉันสับสนไปหมด เลยเผลอตบนาย ทั้งที่นายไม่ผิดอะไรเลยแท้ๆ" น้ำก้มหน้า ดวงตาที่ส่องประกายอยู่เมื่อครู่นี้ดูซึมลง

                ผมไม่อยากเห็นเธอเป็นแบบนี้เลย...

                "เอ๋...! มีคนที่โชคดีขนาดนั้นอยู่ในโลกด้วยเรอะเนี่ย!! ไหนๆ มันอยู่ที่ไหน!" ผมทำตาโต

                "พรืด"

                น้ำตีผม

                "บ้า! คนเขาพูดจริงจังแท้ๆ"

                "นี่ฉันก็จริงจังนะ ใครเรอะ..เจ้าคนน่าอิจฉาคนนั้นน่ะ"

                "พอแล้ว! ไม่พูดกับโจ้แล้ว" คุณเธอยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ก่อนจะเฉมองไปทางอื่น "งั้นถ้าเจอหนุ่มผู้โชคดีคนนั้น ฝากบอกด้วยละกัน ว่าน้ำขอเลี้ยงกาแฟเขาเป็นการขอโทษ"

                "เยสแมม!" ผมตะเบ๊ะ

                ขณะนั้นท้องฟ้าเริ่มมืดลง น้ำชวนผมเข้าไปดื่มกาแฟต่อจนหมด แล้วจึงเช็คบิลออกจากร้าน

                “นี่ก็เย็นแล้ว ฉันไปก่อนนะ" น้ำพูดขึ้น

                ในที่สุดเธอก็ยังไม่ได้ถามผมเรื่องอัยย์...

                “ฝากบอกอัยย์จังด้วยนะว่า เถลไถลจนพอใจเมื่อไรก็กลับมาละกัน” คุณเธอพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

                ผมสะดุ้ง... น้ำนี่ต้องมีพลังอ่านใจคนได้แหงๆ

                “บ๊ายบายโจ้ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียนน้า” น้ำหันมาโบกมือให้ผม ก่อนจะเดินนำไปก่อน

                “อื้ม.. พรุ่งนี้เจอกัน!” ผมโบกมือตอบ

                ใจเต้นตึกตัก แทบจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว... ต้องตบแก้มตัวเองอยู่สองสามที เพื่อย้ำกับตัวเองให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป

                จู่ๆ น้ำก็เป็นฝ่ายมาหาผมเอง ซ้ำยังไม่ติดใจเรื่องวันก่อนด้วย... รึว่าหลังจากที่โชคร้ายมานาน ในที่สุดเทพีแห่งความรักก็เริ่มเห็นใจผมเสียที!

    ... ... ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×