ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gem Knight - สงครามอัญมณีครองพิภพ

    ลำดับตอนที่ #4 : หนึ่งปีต่อมา

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 54


    Chapter III: A Year Later

     

                ชายหนุ่มย่ำไปบนพื้นหินขรุขระ สองข้างทางแน่นขนัดด้วยแผงลอยและซุ้มขายของ ถนนจอแจด้วยผู้คนหลากเชื้อชาติทั้งผิวขาวและผิวคล้ำ

                สหพันธรัฐกรีซีเรียอยู่กึ่งกลางระหว่างอาณาจักรทรงอำนาจทั้งสอง คือธีบีสทางตะวันตก และโพลีเซียทางตะวันออก ย่านการค้าในไซคลาดิสจึงเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าจากทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นอัญมณีจากธีบีส ผ้าทอลายวิจิตรจากโพลีเซีย และเครื่องทองสำริดของกรีซีเรีย

                ชายหนุ่มมักเข้ามาในตัวเมืองเพื่อเก็บข้อมูล และสังเกตความเป็นไปของโลก

                ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอึกทึก เป็นเสียงกระทบกันโครมครามของวัตถุประเภทโลหะ

                ชายหนุ่มอาศัยรูปร่างที่สูงใหญ่ แหวกชาวบ้านที่ยืนมุงอยู่จนเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุ

                ซ้ายมือมีชายฉกรรจ์ร่างยักษ์สามคน ทั้งหมดสวมชุดเกราะสีบรอนซ์ ดูจากผิวเหลืองคล้ำคงเป็นทหารของธีบีส หนึ่งในนั้นนอนหงายหลังอยู่ในซุ้มขายเครื่องสำริด ทั้งแหวน กำไล สร้อยคอ เทกระจาดกลาดเกลื่อน

                ขวามือเป็นหญิงสาวผู้มีผมสีฟ้าตัดสั้น นัยน์ตาขวาง ด้านหลังเธอมีเด็กสาวอีกคนยืนกุมมือแนบอก ตัวสั่น ดวงตาเบิกโพลง

                “นังนี่ ทำอะไรของแก!” ชายอีกคนพุ่งเข้าใส่หญิงสาว

                หญิงสาวปราดเข้าหาอย่างรวดเร็ว อาศัยแรงบวกปล่อยฮุคขวาเข้าหน้าชายฉกรรจ์ เพียงพริบตา ชายร่างยักษ์ก็ลงไปนอนกับพื้น

                เมื่อเห็นเพื่อนสองคนถูกผู้หญิงตัวเล็กๆ สอยร่วง ชายคนที่สามก็มีท่าทีหวาดหวั่น

                “นังผู้หญิงกรีซีเรียต่ำต้อย กล้าทำกับทหารธีบีสยังงี้ รู้ไหมว่าจะเป็นยังไง”

                หญิงสาวไม่สนคำขู่ กระโดดเข้าไปเตะเสยไปคางทันที

                ชายคนนั้นทรุดลงกับพื้น หญิงสาวตามเข้าไปเข่าที่ใบหน้า ทหารร่างยักษ์กระอักเลือด หงายหลังล้มตึง

                “ไอ้ปีศาจ...” ชายผู้นอนอยู่ในซุ้มเครื่องสำริด พยายามชันกายขึ้นนั่ง หญิงสาวหันไปตามเสียงเรียก เธอเดินมาหยุดยืนหน้าชายคนนั้น ดวงตาสีฟ้าที่เหี้ยมเกรียมประดุจสัตว์ร้าย มองอีกฝ่ายเหมือนไม่ใช่มนุษย์ เซชิลเงื้อหมัดซัดหน้าอีกฝ่ายเต็มแรง เพียงหมัดเดียวสติของทหารธีบีสก็หลุดลอย แต่หญิงสาวกลับทึ้งหัวขึ้นมากระหน่ำกำปั้นต่อไม่ยั้ง

                “พอได้แล้วเซชิล!” ชายหนุ่มผู้ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตลอด เข้ามาคว้าแขนเธอไว้ เขาสวมกำไลเงินรูปม้าที่ข้อมือขวา

                เขาพอจะเดาเหตุการณ์ได้ ครั้งหนึ่งธีบีสเคยเป็นเมืองขึ้นของกรีซีเรีย แต่จากสงครามอันยาวนานระหว่างกรีซีเรียกับโพลีเซีย ทำให้ธีบีสสะสมกำลังทหารที่เข้มแข็ง และเป็นอิสระจากกรีซีเรีย ปัจจุบันทหารธีบีสจึงชอบทำตัวกร่าง นอกจากนั้นในกรีซีเรีย ผู้หญิงมีสถานะต่ำต้อย หากโดนรังแกก็ไม่มีใครคิดจะช่วย เพราะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

                “ฝ่ายนั้นเขาสลบไปแล้ว ไม่เห็นรึไง” ชายหนุ่มหันไปดูเด็กสาวที่เซชิลช่วยไว้ เธอมองเซชิลอย่างหวาดกลัว ก่อนจะวิ่งหนีไปโดยไม่ขอบคุณ

                “ปล่อยข้า โกไลแอต” เซชิลสะบัดมือออก

                หลังจากวันนั้น เซชิลก็ไปเฝ้ารอเลวีที่ท่าเรือทุกวัน นานสามเดือน พอถึงเดือนที่สี่เธอก็แทบไม่ย่างกรายไปที่นั่นอีกเลย ในขณะที่โกไลแอตหวาดกลัวการเดินเรืออยู่ครึ่งปี ครั้นทำใจได้ จึงตั้งอกตั้งใจฝึกฝนจนกลายเป็นกำลังสำคัญของเหล่านักเดินเรือ

                ชายหนุ่มไม่ได้พบหญิงสาวนานเก้าเดือน ระยะหลังชื่อเสียงด้านชกต่อยของเซชิลเลื่องลือในย่านการค้า โชคดีที่เธอมีเรื่องแต่กับพวกอันธพาล จึงไม่ค่อยมีใครถือสา

                หญิงสาวตัดผมสั้นประบ่า แววตาที่เคยสดใสไร้เดียงสา กลับกลายเป็นแววตาของหมาบ้าที่พร้อมหันเขี้ยวใส่คนรอบข้าง

                ส่วนโกไลแอตไว้ผมสั้นสีน้ำตาลหยิกรับกับใบหน้าที่คมสัน มัดกล้ามบึกบึน ผิวกร้านแดด แววตาเด็ดเดี่ยวสมชายชาตรี เป็นที่หมายปองของสาวๆ ในเมือง

                “ทำไม...” ไหล่บอบบางของเซชิลไหวสั่น “ทำไมไอ้พวกกักขฬะพรรค์นี้ถึงยังมีชีวิตอยู่ แต่เลวีกลับต้อง...” น้ำเสียงเธอแผ่วเบาคล้ายพูดกับตัวเอง

                “เฮอะ ไอ้คนอ่อนแอนั่น ตายๆ ซะได้ก็ดี” โกไลแอตยักไหล่

                หญิงสาวจ้องคู่สนทนากร้าว

                “ต่อให้เป็นเจ้า ก็ห้ามพูดถึงเลวีอย่างงี้นะ!

                “อะไรกัน โกรธเรอะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ไม่จริงรึไง ไอ้ลูกแหง่นั่น ก่อนตายมันร้องอย่างกับผู้หญิง”

                “โกไลแอต!” เซชิลเหวี่ยงหมัดเข้าหน้าโกไลแอต ชายหนุ่มรออยู่แล้ว จึงใช้หน้าผากรับ

                กำปั้นของเซชิลเด้งกลับ หญิงสาวเจ็บแปล๊บไปถึงกระดูก จังหวะนั้นโกไลแอตก็เกร็งคอ โถมกำลังทั้งตัวโขกศีรษะใส่เซชิลที่มีน้ำหนักตัวเพียงครึ่งหนึ่งของตน

                หญิงสาวกระเด็นไปชนตะกร้าผลไม้ที่วางขายกับพื้น ทั้งมะกอก องุ่น แอปเปิล หล่นกระจัดกระจาย

                “ถ้าอยากได้คนทะเลาะวิวาทด้วยละก็ ข้าจะเป็นคู่มือให้ แต่ถึงเจ้าจะอาละวาดยังไง เลวีก็ไม่กลับมาหรอก”

                “...ข้ารู้อยู่แล้วนา” เซชิลลุกขึ้น เลือดจากหน้าผากหยดลงพื้นหินเป็นรอยด่าง

                “เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าถ้าเลวียังมีชีวิตอยู่ แล้วได้มาเห็นสภาพเจ้าตอนนี้ เขาจะคิดยังไง”

                หญิงสาวหลบตา ยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร

                ความกล้าหาญถือเป็นข้อดีของเซชิลอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้ให้พอดี หากไร้ความกล้าก็เป็นคนขี้ขลาด กล้ามากไปก็เป็นคนบ้าบิ่น ผู้กล้าคือผู้รู้เวลาที่ควรและไม่ควรกล้า

                ใบหน้าของเลวีผุดขึ้นในมโนสำนึก ภาพวันวานยังเด่นชัดในความทรงจำ

                หมายความว่าการใช้กำลังไม่ช่วยแก้ปัญหาเสมอไปไง

                หนวกหู! คิดว่าข้าชอบใช้กำลังนักเหรอไง!

                หญิงสาวยกแขนเสื้อขึ้นซับเลือด

                “ข้าไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจนะโกไลแอต” เธอตบบ่าเพื่อน ก่อนจะเดินจากไป

                ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังที่ดูเศร้าสร้อย จนกระทั่งร่างนั้นกลืนหายไปกับฝูงชน...

     

                ทหารธีบีสทั้งสามคุกเข่าเบื้องหน้าหญิงสาว ผู้สวมชุดกระโปรงไหมสีขาวเนื้อละเอียด มีเครื่องประดับแวววาวทั้งตัว

                “จำคนที่เล่นงานพวกเจ้าได้ใช่ไหม”

                “พะยะค่ะ” พวกเขาตอบโดยไม่เงยหน้า

                ริมฝีปากแดงระเรื่อผุดยิ้ม

                “พาข้าไปหามันซิ ข้าอยากเห็นหน้าเจ้าคนที่สามารถจัดการกับเหล่าทหารกล้าแห่งธีบีสซักหน่อย”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×