ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักวุ่นวิญญาณหลอน (Haunting with Love!)

    ลำดับตอนที่ #4 : ยินดีด้วยนะ! ลาก่อน!

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 53



                หลังเลิกเรียนผมกับอัยย์ก็ขึ้นรถเมล์ตรงไปที่โรงพยาบาลไมตรีเวชทันที

                โรงพยาบาลไมตรีเวชเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ เมื่อผมเข้าไปในตึกก็ต้องตกใจกับการตกแต่งที่หรูหรา ซึ่งมีทั้งโซฟาหนัง โคมไฟระย้า และน้ำพุ ดูแล้วเหมือนโรงแรมมากกว่าโรงพยาบาล

                คุณพ่อคุณแม่ของน้ำนี่ท่าจะเป็นเศรษฐีแฮะ ถึงได้พาอัยย์มารักษาที่นี่ได้

                ผมเดินไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ซึ่งอยู่ด้านหน้า

                “ขอโทษนะครับ”

                “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ” พี่พยาบาลซึ่งนั่งอยู่ด้านในห้องกระจกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

                “เอ่อ...” ลืมถามชื่ออัยย์

                “อัยย์” ผมกระซิบเรียก

                “หทัยรัตน์ วงศ์ผาสุก”
    เจ้าตัวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมบอก

                “ไม่ทราบว่ามีคนชื่อหทัยรัตน์ วงศ์ผาสุกเข้ามารักษาตัวที่นี่เหรอเปล่าครับ”

                “สักครู่นะคะ” พี่พยาบาลขมวดคิ้วมองผมด้วยแววตาสงสัย ก่อนจะหันไปจิ้มแป้นคอมพิวเตอร์

                “คุณหทัยรัตน์ วงศ์ผาสุกเข้ามารักษาตัวที่นี่ตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้พักอยู่ที่ห้อง 604 ลงจากลิฟท์แล้วจะอยู่ทางขวามือค่ะ”

                “ขอบคุณครับ”

     

                ผมกับอัยย์ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้นหกแล้วเลี้ยวขวา ทันใดนั้นก็มีนางพยาบาลเดินออกมาจากห้องซึ่งมีเสียงสะอื้นของผู้หญิงลอดออกมา

                "อาการของน้องเขาค่อนข้างน่าเป็นห่วง สภาพร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วก็มีส่วนด้วย หมอเกรงว่าถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นเราอาจจะต้องผ่าตัด..."

                เสียงของคุณหมอดังมาจากประตูห้องที่เปิดค้างอยู่

                หัวใจของผมเย็นวาบ


                "ไม่จริงใช่ไหม!"

                ผมพรวดพราดเข้าไปในห้อง แล้วพบว่าคนไข้ที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเด็กผู้ชายซึ่งมีสายระโยงระยางติดอยู่ที่อก

                ผิดห้อง...

                คุณหมอผู้ชายกับน้าผู้หญิงซึ่งยืนในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียวกัน

                “ขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้แล้วรีบออกจากห้อง

                เมื่อเดินออกมาจึงเห็นตัวเลข 603 แปะไว้หน้าประตู ส่วนห้อง 604 นั้นอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าว... แม้จะไม่กี่ก้าวแต่ขาของผมกลับรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีตรวนเหล็กล่ามข้อเท้าอยู่



                ข้างหลังประตูบานนั้นมีความจริงรออยู่ แต่ความจริงที่ว่าจะโหดร้ายเสียจนทำให้คนๆ หนึ่งแทบล้มทั้งยืน หรือน่ายินดีขนาดที่ต้องลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นกันแน่...




                “พี่จิงโจ้...” เสียงของอัยย์สั่นเครือ สีหน้าลังเล เหมือนไม่อยากให้ผมขยับเข้าใกล้ไปมากกว่านี้

                ก็น่าอยู่หรอก ยิ่งได้ยินเรื่องที่ชวนให้ใจเสียแบบเมื่อกี้เข้า

                แต่ความหวาดกลัวของเธอกลับกลายเป็นพลัง ที่ปลดความกังวลทั้งหมดออกไปจากใจของผม

                ยิ่งอัยย์อ่อนแอ ผมยิ่งต้องเข้มแข็ง เพราะตอนนี้เธอไม่มีที่พึ่งอื่นนอกจากผม ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องก้าวออกไป

                เมื่อมาถึงหน้าห้อง 604 ผมก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วสลัดความลังเลทิ้งไป
    ก่อนที่จะเอื้อมมือไปกดออด

                สักพักหนึ่งก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างใน ก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เปิดออก

                คนที่เดินมาเปิดประตูเป็นผู้หญิงอายุสี่สิบกว่าที่ดูสวยและใจดี ผมมองเห็นเค้าหน้าของน้ำจากเธอ

                “สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ “ผมชื่อโจ้ เป็นเพื่อนของน้ำกับอัยย์ครับ”

                เธอมองผมแล้วยิ้มให้

                “มาเยี่ยมหนูอัยย์สินะ... เข้ามาก่อนสิ”

                ห้องคนไข้นี้มีทั้งโต๊ะ เก้าอี้ยาว ทีวี ตู้เย็น  แถมยังมีห้องน้ำในตัว เทียบกันแล้วใหญ่กว่าห้องของผมเกือบเท่าตัว

                เมื่อเข้าไปข้างใน ผมก็เห็นเด็กผู้หญิงที่ผมรู้จักหน้านอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูสงบเหมือนคนที่กำลังนอนหลับ

                “ขอโทษนะจ๊ะ อุตส่าห์มาเยี่ยมทั้งที แต่หนูอัยย์เขาสลบไปตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่รู้เลยว่าจะตื่นขึ้นมาเมื่อไร”

                “เธอเป็นอะไรเหรอครับ”

                “น้าเองก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก เห็นคุณหมอเขาบอกว่าร่างกายของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ ผลการตรวจคลื่นสมองก็เหมือนคนนอนหลับ จะมีที่น่าเป็นห่วงอย่างเดียวก็คือหัวใจของเธอเต้นช้ามากแค่ 40-50 ครั้งต่อนาที"

                “หัวใจของหนูอัยย์อ่อนแอมาตั้งแต่เล็กแล้ว บางครั้งอยู่ๆ ก็วูบไปเลยก็มี เล่นเอาคนรอบข้างใจหายใจคว่ำมาหลายครั้งแล้วล่ะ ”

                น้ำเสียงของคุณน้าเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย ไม่ได้นึกรังเกียจว่าอัยย์เป็นภาระเลยแม้แต่นิดเดียว ผมเชื่อว่าเธอต้องรักอัยย์เหมือนลูกสาวคนหนึ่งอย่างแน่นอน

                “มีคนที่รักและห่วงใยเธอถึงขนาดนี้ ยังไงอัยย์ก็ต้องตื่นขึ้นมาแน่นอนครับ” ผมพูดกับคุณแม่ แต่ก็ตั้งใจให้อัยย์ได้ยินด้วย

                คุณแม่ของน้ำมองผมครู่หนึ่ง ก่อนที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยน

                “จ้ะ... น้าก็เชื่ออย่างนั้น”

                ได้ยินไหมอัยย์... มีคนคอยเป็นห่วงอย่างนี้แล้ว เธอจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้ยังไง

                ผมหันไปทางอัยย์ ก่อนจะเหล่ตาไปทางเตียง เป็นสัญญาณบอกให้เธอกลับเข้าร่างได้แล้ว

                อัยย์ทำตาม เธอขยับตัวลงนอนซ้อนทับร่างที่อยู่บนเตียง



                เท่านี้ทุกคนจะได้สบายใจเสียที



                แต่เรื่องกลับไม่ง่ายอย่างงั้น เมื่ออัยย์(ในร่างวิญญาณ)ลุกขึ้นมา โดยที่ร่างบนเตียงไม่กระดิกแม้แต่นิดเดียว

                หญิงสาวทำหน้างง

                ผมในตอนนี้คงทำหน้างงไม่แพ้กัน

                ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของคุณน้าก็ดังขึ้น

                "น้ำมาถึงแล้วเรอะ" เธอยกโทรศัพท์ขึ้นพูด

                "เอาเสื้อผ้าของแม่มาแล้วใช่ไหม ไม่เป็นไร... เดี๋ยวแม่ลงไปช่วย" พูดเสร็จก็วางหู

                “น้าฝากดูหนูอัยย์แป๊ปนึงได้ไหม”

                คุณแม่ของน้ำหันมาบอกผมก่อนจะเดินออกจากห้องไป




                “พี่จิงโจ้ทำยังไงดี อัยย์กลับเข้าร่างไม่ได้” สีหน้าของอัยย์ตื่นตระหนก

                ทำยังไงดี... นั่นสิ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน

                “แล้วตอนนั้นเธอเข้าสิงฉันได้ยังไง”

                “อัยย์ไม่รู้... ตอนนั้นคิดแต่จะกินไอติม”

                ไอติมเรอะ... คุณน้าเขาฝากให้เราดูร่างของอัยย์ จะให้ออกไปซื้อตอนนี้คงไม่ได้

                ผมเดินไปเปิดตู้เย็น เผื่อจะมีของกินที่เธอชอบ

                “ว้าว! นั่นมันเอแคลร์ร้านนากามูระเบเกอรี่นี่”

                อัยย์อุทานเสียงดัง เมื่อเห็นกล่องขนมในตู้เย็น สงสัยคุณน้าคงซื้อเตรียมไว้ให้

                ได้การล่ะ!

                “โอเค ถ้าเธออยากกินก็รีบๆ กลับเข้าร่างซะ” ผมหยิบกล่องเอแคลร์ออกมาจากตู้เย็นแล้วเดินไปที่เตียง

                “อ๋า! อยากกินอ่า”

                อัยย์ทำหน้านิ่ว

                ผมค่อยๆ บรรจงหยิบเอแคลร์ลูกอ้วนกลมออกมายั่วน้ำลาย พลางยักคิ้วเหล่ตาให้อัยย์

                หึๆ อยากกินล่ะซี่

                “จากินเอแคลร์----!!!”

                ทันใดนั้นก็มีสายลมพัดผ่านร่างผมวูบหนึ่ง ความรู้สึกคุ้นๆ นี่มัน...!

                เฮ่ยอัยย์! ผิดแล้ว!

                ทันทีที่เข้าสิงผม คุณเธอก็ไม่รอช้ายัดเอแคลร์ที่อยู่ในมือใส่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย เท่านั้นไม่พอ ยังสวาปามเอแคลร์ที่เหลือในกล่องอีกสามชิ้นหมดเกลี้ยงในพริบตา

                “อืม... อาหย่อยยย” อัยย์ว่าขณะเคี้ยวเอแคลร์ตุ้ยๆ

                สำเนียงงุงิแบบนั้น ถ้าไม่ได้ออกจากปากผู้ชายอกสามศอกก็คงฟังดูน่ารักอยู่หรอก...

                แต่นั่นใช่ปัญหาซะที่ไหนล่ะ!

                เอาไงดี... ผมเป็นแค่นักเรียนม.ปลายธรรมดาๆ ไม่ใช่หมอผีหรือคนทรงที่มีพลังแบบในการ์ตูน เกิดมาก็ไม่เคยสนใจเรื่องยังงี้เลย นอกจากได้ดูหนังผีบ้างเป็นครั้งคราวเหมือนคนทั่วไป แล้วนี่ผมจะทำยังไงต่อดี...

                โธ่เว้ย... อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว!

                “สโนไวท์” อัยย์เอ่ยขึ้น

                หือ

                “เจ้าหญิงนิทราก็ด้วย ตอนอัยย์เด็กๆ แม่เคยอ่านให้ฟังบ่อยๆ”

                แล้วยังไง

                “ก้อ...เวลาเจ้าหญิงนอนหลับ เจ้าชายต้องจุมพิตปลุกใช่ไหมล่ะ”

                อืมใช่...

                . . .

                เฮ่ย! อย่า!

                ทันใดนั้นร่างของผมก็โค้งลงไปหาร่างของอัยย์ ใบหน้าของผมค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้จนมองเห็นเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้เปลือกตาของเธอ ขณะที่ระยะห่างของริมฝีปากเราสองคนค่อยๆ หดสั้นลง



                อัยย์ สต๊อปปปปปปปป----------!!!!!



                พริบตานั้น ก็มีสายลมพัดผ่านอีกวูบหนึ่ง ร่างกายของผมกลับมาเป็นอิสระในขณะที่กำลังจะก้มลงจูบอัยย์ จึงเสียการทรงตัวเล็กน้อยจนเกือบล้มไปทับเธอ

                ในตอนนั้นเองผมก็รู้สึกถึงแรงบีบที่มือขวา

                มือของอัยย์... มือน้อยๆ ที่ทั้งนุ่มและอุ่นนั้น กำลังบีบมือของผมเบาๆ เป็นสัมผัสที่ทำให้รู้สึกถึง "ชีวิต"

                ตอนที่อัยย์พยายามจะให้ผมจุมพิตร่างของเธอ มือของเราคงสัมผัสกันโดยไม่รู้ตัว

               

                “โจ้”

                ใครคนหนึ่งเรียกผม...

                เสียงนั้นไม่ได้มาจากร่างเล็กๆ บนเตียง ผมรู้จักเจ้าของเสียงนี้!

                เมื่อหันไปทางประตูจึงเห็นน้ำกับคุณแม่ของเธอกำลังยืนมองผมด้วยแววตาตื่นตกใจ

                ซวยแล้ว! เข้ามาตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!!

                “ขอโทษที่มารบกวนครับ!!” ผมจ้ำพรวดออกจากห้องไปทันที

     

                อัยย์... ยินดีด้วยนะ

                น้ำ... ลาก่อนรักแรกของผม


     

                และแล้วหนึ่งวันที่ยาวนานของผมก็จบลง กลับบ้านไปคืนนั้น หลังจากที่อาบน้ำกินข้าวเสร็จ ผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง

                เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นความจริงหรือความฝันกันแน่...

                รู้สึกเบลอๆ จนชักไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้ตัวเองกินข้าวเย็นไปแล้วหรือยัง

                ผมนอนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่จู่ๆ อัยย์ก็โผล่เข้ามาในห้อง... เหตุการณ์หน้าร้านม็อคเบอร์เกอร์ที่ผมเข้าไปกอดน้ำ... และเหตุการณ์ในโรงพยาบาลที่ผมเกือบได้จูบอัยย์... จากนั้นก็วูบหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ รู้สึกตัวอีกทีนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตีห้าครึ่งก็ดังขึ้น

                ผมมองไปที่หน้าต่าง ฟ้าข้างนอกเริ่มสว่างแล้ว แต่ยังรู้สึกเพลียๆ ไม่ต่างอะไรกับคนอดนอน

                “อัยย์... ป่านนี้ยัยนั่นจะเป็นไงบ้างนะ”

                ถึงแม้เธอจะทำให้ชีวิตของผมวุ่นวาย แต่พอไม่อยู่แล้ว ก็อดคิดถึงเสียงใสๆ และใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ไร้เดียงสานั้นไม่ได้



                “อรุณสวัสดิ์พี่จิงโจ้!”



                หัวใจผมเกือบหลุดออกจากร่าง เมื่อจู่ๆ สาวน้อยที่ว่าก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

                ตายยากจริงแฮะ...

                “อัยย์ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่!”

                “อัยย์ก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่อีกแล้ว” เธอยิ้มร่า

                ลางสังหรณ์บอกผมว่า ความวุ่นวายระลอกสองกำลังจะมาเยือน...

    ... ... ...

    ยังไม่จบจ้า!


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×