ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : อย่าเพิ่งรีบตัดใจสิ!
(ความเดิมตอนที่แล้ว: อัยย์ซึ่งเข้าสิงโจ้อยู่ โผเข้าไปกอดน้ำ)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าตรู่กลางเดือนกรกฎาคมที่อากาศอบอ้าว หนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนกอดกันหน้าร้านม็อคเบอเกอร์จนเสียงเต้นของหัวใจดังไปถึงอีกฝ่าย
ใช่... ผมกำลังยืนกอดน้ำ สาวที่ตัวเองแอบหลงรักมาสามปีอยู่!
“พี่น้ำฝน”
อัยย์พูดผ่านปากของผม
ดวงตาของน้ำเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ยากจะเข้าใจ
“อัยย์จัง...”
เหมือนน้ำจะพูดอะไรออกมา แต่มันเบาเสียจนผมไม่ได้ยิน
แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีสายลมพัดผ่านร่างอีกวูบหนึ่ง เมื่อได้สติจึงผละออกจากน้ำทันที
“ขอโทษครับ!!”
ผมวิ่งเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่หันกลับไปมองน้ำอีกเลย
ปัดโธ่----!! เมื่อเช้าอุตส่าห์ได้ฝันถึงน้ำทั้งที ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!
... ... ...
“อัยย์ เธอเข้าไปกอดน้ำทำไม”
ผมกระซิบคุยกับเธอขณะเรียนหนังสือ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีใจที่ไม่ได้เรียนห้องเดียวกับน้ำ ให้ตายสิ ยังงี้ผมมิต้องหลบหน้าน้ำไปตลอดชาติเลยรึไง
“อ้าว! นึกว่าพี่จิงโจ้จะดีใจซะอีก ได้กอดสาวที่ชอบทั้งที”
“เธอรู้ได้ไง!” ผมเผลอหลุดเสียงดัง จนอาจารย์ซึ่งกำลังเขียนกระดานอยู่หันมามอง
“ก็เห็นเมื่อเช้ายังขอพรอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่า ‘ท่านเทวดาบนฟ้าหรือใครก็ตามที่ได้ยินคำอธิษฐานนี้ ขอให้ผมได้มีโอกาสคุยกับน้ำทีเถอะครับ!’ น่ะ”
เสร็จกัน... ยัยนี่ได้ยินด้วย
“นี่เธอจำอะไรไม่ได้จริงเรอะ ทำไมถึงรู้ว่าฉันเรียนอยู่โรงเรียนนี้ แล้วยังรู้จักน้ำอีก” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ก้อ... พอเห็นหน้าพี่จิงโจ้แล้วมันก็ค่อยๆ นึกขึ้นมาได้” อัยย์ยิ้มหน้าเป็น
“แต่บางเรื่องเธอก็จำผิด เพราะผู้หญิงที่เธอเข้าไปกอดเมื่อเช้า เขาไม่ได้ชื่อน้ำฝน แต่ชื่อน้ำเฉยๆ ต่างหาก”
“ไม่ได้จำผิดสักหน่อย พี่น้ำฝนเขาชื่อ ‘พิรุณ’ ก็ต้องเรียกว่า ‘น้ำฝน’ สิ”
อัยย์สวนทันควัน แล้วก็หน้าเปลี่ยนสีเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรหลุดปากเรื่องนี้
“รู้กระทั่งชื่อจริงของน้ำด้วย...” ผมหันควับไปทางเธอ
“ขนาดนี้แล้วคงไม่บอกอีกนะว่าจำอะไรไม่ได้”
พอถึงพักเที่ยงผมจึงเอ่ยถามน้ำ
“เอาล่ะ บอกมาได้แล้วว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักฉันกับน้ำ”
ตอนนี้เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ลงไปทานข้าวกันแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่อยู่ในห้อง
อัยย์เงียบ นัยน์ตาครุ่นคิดเหมือนจะชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่น้ำฝนเป็นลูกพี่ลูกน้องของอัยย์” เธอทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเริ่มต้นเล่า
“นับตั้งแต่คุณแม่เสียไปตอนอายุเจ็ดขวบ อัยย์ก็มาอยู่กับคุณลุงคุณป้าและพี่น้ำฝน แต่ร่างกายของอัยย์อ่อนแอมาตั้งแต่เกิดจึงไม่ได้เข้าโรงเรียนหรือเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เรื่อย จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้...”
เสียงของเธอเริ่มสั่น
“ตอนนั้นอัยย์นอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วจู่ๆ ก็วูบไป พอขยับตัวลุกขึ้นก็รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว จนอัยย์รู้สึกแปลกๆ เลยหันกลับไป ก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียง”
“แล้วพี่น้ำฝนก็เข้ามาเรียกเพราะใกล้เวลาละครที่อัยย์ชอบจะฉายแล้ว ทีแรกพี่เขาคงนึกว่าอัยย์หลับอยู่ แต่พอเห็นอัยย์นอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ก็เข้ามาใกล้ๆ จับชีพจรดู แล้วก็ออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตกใจ”
“สักพักหนึ่งพี่น้ำฝนก็กลับมาพร้อมคุณลุง คุณป้า ทุกคนเดินไปที่เตียงซึ่งมีร่างของอัยย์นอนนิ่งอยู่ แต่ไม่มีใครมองเห็นอัยย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย อัยย์พยายามเรียกแล้วเรียกอีกก็ไม่มีใครได้ยิน จนกระทั่งพวกคนแปลกหน้าเข้ามาหามร่างอัยย์ออกไป แล้วทุกคนก็ทิ้งอัยย์ไว้ในห้องมืดๆ คนเดียว”
ร่างน้อยๆ นั้นสั่นเทา แววตาของอัยย์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“จากนั้นอัยย์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องพี่จิงโจ้ได้”
“ถ้างั้น...” ผมทำท่าจะลุกขึ้น
“อย่าเลยค่ะพี่จิงโจ้” เธอส่ายหน้า
“ถึงรู้ว่าร่างของอัยย์อยู่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะป่านนี้อัยย์คง...”
เธอก้มหน้าลง หยดน้ำใสๆ ไหลผ่านแก้มสีชมพูระเรื่อที่ดูเปล่งปลั่งเป็นสาย ยังไงผมก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าอัยย์คือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว
ผมคว้ามือของเธอ รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่นจากผิวพรรณอันผ่องใส ผมเชื่อว่าเธอก็ต้องสัมผัสความรู้สึกนี้ได้จากมือของผมเช่นกัน
“ดูสิ ร่างของเธอยังอุ่นอยู่เหมือนกับของฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอตายแล้ว”
อัยย์เงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา สีหน้าหวาดกลัวของเธอดูผ่อนคลายลง
ในตอนนั้นเองก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
น้ำ! ซวยล่ะสิ... หรือว่าเธอจะมาด้วยเรื่องเมื่อเช้า
น้ำเดินตรงมาที่ผม
“โจ้”
ดวงตากลมโตของเธอจ้องผมเหมือนจะคาดคั้นอะไรบางอย่าง
“เอ่อ... ขอโทษนะ คือว่าเมื่อเช้า...”
“นายรู้จักอัยย์จังรึเปล่า”
“!?”
น้ำคงหมายถึงอัยย์ แต่ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมานะ
จะว่ารู้จักดีไหมล่ะ ก็เพิ่งเจอกันวันนี้แหละ
“อัยย์... น้ำพูดถึงใครเหรอ?” ผมแกล้งทำไก๋ให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
จะให้บอกได้ไงว่าตอนนี้อัยย์กำลังยืนอยู่ข้างๆ พวกเรานี่แหละ!
“เผียะ!”
พริบตานั้น... เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มซ้ายจะแผ่ซ่านไปทั่วหน้า เมื่อหันไปจึงเห็นมือขวาของน้ำยกค้างอยู่
เมื่อกี้น้ำตบผมเรอะ...
“แล้วเมื่อเช้านี้มันอะไร...”
เธอพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือ
น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น สีหน้าโศกเศร้าระคนผิดหวังของเธอ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บที่อก
ทันใดนั้นน้ำก็ทำท่าตกใจ เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เธอผลุนผลันออกจากห้องไป ท่ามกลางเสียงอือฮาของเพื่อนๆ ที่เห็นเหตุการณ์
“อัยย์ขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่จิงโจ้เดือดร้อน” อัยย์เอ่ยขึ้น
คนที่เดือดร้อนที่สุดคงไม่ใช่ผมหรอก... ไม่รู้เพื่อนๆ จะเอาไปลือกันยังไงบ้าง เพราะน้ำเขาเป็นคนดังของชั้นปี ด้วยความที่เธอทั้งสวย ฉลาด ร่าเริง และดูเข้มแข็ง เป็นแบบฉบับของผู้หญิงเก่ง
“ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของอัยย์”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าน้ำจะไม่ได้โกรธเรื่องที่ผมไปกอดเธอ หรือต่อให้เธอโกรธผมเรื่องนั้นจริง ผมก็คงไม่ว่าอะไรอัยย์อยู่ดี
“ที่สำคัญกว่าคือเราต้องรู้ให้ได้ว่าร่างของอัยย์อยู่ที่ไหน”
เรื่องนี้ถามน้ำคำเดียวก็จบแล้ว แต่ตอนนี้ผมยังไม่ควรโผล่หน้าไปให้เธอเห็น งั้นก็ต้องถามอัยย์นี่แหละ เพราะเธอเองก็น่าจะรู้ว่าร่างของตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ทำยังไงอัยย์ถึงจะยอมปริปากนี่สิ
ขณะนั้นอัยย์เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ โดยไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด
“อัยย์” ผมเรียก “เธอพอจะรู้ใช่ไหมว่าร่างของเธอน่าจะถูกส่งไปที่ไหน”
“...”
"บอกฉันได้ไหม เพื่อตัวเธอเอง"
"..."
“เชื่อฉันสิ เธอต้องไม่ตาย ฉันจะหาทางช่วยเธอให้ได้”
“...”
“อัยย์... ดูน้ำเขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ เธอไม่ได้โศกเศร้าอยู่เพียงลำพัง ถ้าตอนนี้เธอตายไปจะทำให้ใครอีกหลายคนเสียใจ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบตัดใจสิ!”
“อือ..."
แววตาของอัยย์เปลี่ยนไป
“น่าจะอยู่โรงพยาบาลไมตรีเวช... ที่ๆ อัยย์ไปตรวจบ่อยๆ”
... ... ...
โปรดติดตามตอนต่อไปงับ ^^
---------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าตรู่กลางเดือนกรกฎาคมที่อากาศอบอ้าว หนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนกอดกันหน้าร้านม็อคเบอเกอร์จนเสียงเต้นของหัวใจดังไปถึงอีกฝ่าย
ใช่... ผมกำลังยืนกอดน้ำ สาวที่ตัวเองแอบหลงรักมาสามปีอยู่!
“พี่น้ำฝน”
อัยย์พูดผ่านปากของผม
ดวงตาของน้ำเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างที่ยากจะเข้าใจ
“อัยย์จัง...”
เหมือนน้ำจะพูดอะไรออกมา แต่มันเบาเสียจนผมไม่ได้ยิน
แล้วผมก็รู้สึกเหมือนมีสายลมพัดผ่านร่างอีกวูบหนึ่ง เมื่อได้สติจึงผละออกจากน้ำทันที
“ขอโทษครับ!!”
ผมวิ่งเข้าไปในโรงเรียนโดยไม่หันกลับไปมองน้ำอีกเลย
ปัดโธ่----!! เมื่อเช้าอุตส่าห์ได้ฝันถึงน้ำทั้งที ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!
... ... ...
“อัยย์ เธอเข้าไปกอดน้ำทำไม”
ผมกระซิบคุยกับเธอขณะเรียนหนังสือ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกดีใจที่ไม่ได้เรียนห้องเดียวกับน้ำ ให้ตายสิ ยังงี้ผมมิต้องหลบหน้าน้ำไปตลอดชาติเลยรึไง
“อ้าว! นึกว่าพี่จิงโจ้จะดีใจซะอีก ได้กอดสาวที่ชอบทั้งที”
“เธอรู้ได้ไง!” ผมเผลอหลุดเสียงดัง จนอาจารย์ซึ่งกำลังเขียนกระดานอยู่หันมามอง
“ก็เห็นเมื่อเช้ายังขอพรอยู่เลยไม่ใช่เหรอว่า ‘ท่านเทวดาบนฟ้าหรือใครก็ตามที่ได้ยินคำอธิษฐานนี้ ขอให้ผมได้มีโอกาสคุยกับน้ำทีเถอะครับ!’ น่ะ”
เสร็จกัน... ยัยนี่ได้ยินด้วย
“นี่เธอจำอะไรไม่ได้จริงเรอะ ทำไมถึงรู้ว่าฉันเรียนอยู่โรงเรียนนี้ แล้วยังรู้จักน้ำอีก” ผมเปลี่ยนเรื่อง
“ก้อ... พอเห็นหน้าพี่จิงโจ้แล้วมันก็ค่อยๆ นึกขึ้นมาได้” อัยย์ยิ้มหน้าเป็น
“แต่บางเรื่องเธอก็จำผิด เพราะผู้หญิงที่เธอเข้าไปกอดเมื่อเช้า เขาไม่ได้ชื่อน้ำฝน แต่ชื่อน้ำเฉยๆ ต่างหาก”
“ไม่ได้จำผิดสักหน่อย พี่น้ำฝนเขาชื่อ ‘พิรุณ’ ก็ต้องเรียกว่า ‘น้ำฝน’ สิ”
อัยย์สวนทันควัน แล้วก็หน้าเปลี่ยนสีเหมือนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรหลุดปากเรื่องนี้
“รู้กระทั่งชื่อจริงของน้ำด้วย...” ผมหันควับไปทางเธอ
“ขนาดนี้แล้วคงไม่บอกอีกนะว่าจำอะไรไม่ได้”
พอถึงพักเที่ยงผมจึงเอ่ยถามน้ำ
“เอาล่ะ บอกมาได้แล้วว่าเธอเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักฉันกับน้ำ”
ตอนนี้เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ลงไปทานข้าวกันแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่อยู่ในห้อง
อัยย์เงียบ นัยน์ตาครุ่นคิดเหมือนจะชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
“พี่น้ำฝนเป็นลูกพี่ลูกน้องของอัยย์” เธอทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะเริ่มต้นเล่า
“นับตั้งแต่คุณแม่เสียไปตอนอายุเจ็ดขวบ อัยย์ก็มาอยู่กับคุณลุงคุณป้าและพี่น้ำฝน แต่ร่างกายของอัยย์อ่อนแอมาตั้งแต่เกิดจึงไม่ได้เข้าโรงเรียนหรือเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นๆ ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เรื่อย จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้...”
เสียงของเธอเริ่มสั่น
“ตอนนั้นอัยย์นอนเล่นอยู่บนเตียงแล้วจู่ๆ ก็วูบไป พอขยับตัวลุกขึ้นก็รู้สึกว่าร่างกายเบาหวิว จนอัยย์รู้สึกแปลกๆ เลยหันกลับไป ก็เห็นร่างตัวเองนอนอยู่บนเตียง”
“แล้วพี่น้ำฝนก็เข้ามาเรียกเพราะใกล้เวลาละครที่อัยย์ชอบจะฉายแล้ว ทีแรกพี่เขาคงนึกว่าอัยย์หลับอยู่ แต่พอเห็นอัยย์นอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก ก็เข้ามาใกล้ๆ จับชีพจรดู แล้วก็ออกจากห้องไปด้วยสีหน้าตกใจ”
“สักพักหนึ่งพี่น้ำฝนก็กลับมาพร้อมคุณลุง คุณป้า ทุกคนเดินไปที่เตียงซึ่งมีร่างของอัยย์นอนนิ่งอยู่ แต่ไม่มีใครมองเห็นอัยย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย อัยย์พยายามเรียกแล้วเรียกอีกก็ไม่มีใครได้ยิน จนกระทั่งพวกคนแปลกหน้าเข้ามาหามร่างอัยย์ออกไป แล้วทุกคนก็ทิ้งอัยย์ไว้ในห้องมืดๆ คนเดียว”
ร่างน้อยๆ นั้นสั่นเทา แววตาของอัยย์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“จากนั้นอัยย์ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องพี่จิงโจ้ได้”
“ถ้างั้น...” ผมทำท่าจะลุกขึ้น
“อย่าเลยค่ะพี่จิงโจ้” เธอส่ายหน้า
“ถึงรู้ว่าร่างของอัยย์อยู่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะป่านนี้อัยย์คง...”
เธอก้มหน้าลง หยดน้ำใสๆ ไหลผ่านแก้มสีชมพูระเรื่อที่ดูเปล่งปลั่งเป็นสาย ยังไงผมก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าอัยย์คือวิญญาณของคนที่ตายไปแล้ว
ผมคว้ามือของเธอ รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและอบอุ่นจากผิวพรรณอันผ่องใส ผมเชื่อว่าเธอก็ต้องสัมผัสความรู้สึกนี้ได้จากมือของผมเช่นกัน
“ดูสิ ร่างของเธอยังอุ่นอยู่เหมือนกับของฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอตายแล้ว”
อัยย์เงยหน้าขึ้นมองผมทั้งน้ำตา สีหน้าหวาดกลัวของเธอดูผ่อนคลายลง
ในตอนนั้นเองก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
น้ำ! ซวยล่ะสิ... หรือว่าเธอจะมาด้วยเรื่องเมื่อเช้า
น้ำเดินตรงมาที่ผม
“โจ้”
ดวงตากลมโตของเธอจ้องผมเหมือนจะคาดคั้นอะไรบางอย่าง
“เอ่อ... ขอโทษนะ คือว่าเมื่อเช้า...”
“นายรู้จักอัยย์จังรึเปล่า”
“!?”
น้ำคงหมายถึงอัยย์ แต่ทำไมจู่ๆ ถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมานะ
จะว่ารู้จักดีไหมล่ะ ก็เพิ่งเจอกันวันนี้แหละ
“อัยย์... น้ำพูดถึงใครเหรอ?” ผมแกล้งทำไก๋ให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด
จะให้บอกได้ไงว่าตอนนี้อัยย์กำลังยืนอยู่ข้างๆ พวกเรานี่แหละ!
“เผียะ!”
พริบตานั้น... เหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่งไปชั่วขณะ ผมมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ความรู้สึกร้อนผ่าวที่แก้มซ้ายจะแผ่ซ่านไปทั่วหน้า เมื่อหันไปจึงเห็นมือขวาของน้ำยกค้างอยู่
เมื่อกี้น้ำตบผมเรอะ...
“แล้วเมื่อเช้านี้มันอะไร...”
เธอพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงสั่นเครือ
น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ในดวงตากลมโตคู่นั้น สีหน้าโศกเศร้าระคนผิดหวังของเธอ ทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บที่อก
ทันใดนั้นน้ำก็ทำท่าตกใจ เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป เธอผลุนผลันออกจากห้องไป ท่ามกลางเสียงอือฮาของเพื่อนๆ ที่เห็นเหตุการณ์
“อัยย์ขอโทษนะคะ ที่ทำให้พี่จิงโจ้เดือดร้อน” อัยย์เอ่ยขึ้น
คนที่เดือดร้อนที่สุดคงไม่ใช่ผมหรอก... ไม่รู้เพื่อนๆ จะเอาไปลือกันยังไงบ้าง เพราะน้ำเขาเป็นคนดังของชั้นปี ด้วยความที่เธอทั้งสวย ฉลาด ร่าเริง และดูเข้มแข็ง เป็นแบบฉบับของผู้หญิงเก่ง
“ไม่หรอก มันไม่ใช่ความผิดของอัยย์”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกว่าน้ำจะไม่ได้โกรธเรื่องที่ผมไปกอดเธอ หรือต่อให้เธอโกรธผมเรื่องนั้นจริง ผมก็คงไม่ว่าอะไรอัยย์อยู่ดี
“ที่สำคัญกว่าคือเราต้องรู้ให้ได้ว่าร่างของอัยย์อยู่ที่ไหน”
เรื่องนี้ถามน้ำคำเดียวก็จบแล้ว แต่ตอนนี้ผมยังไม่ควรโผล่หน้าไปให้เธอเห็น งั้นก็ต้องถามอัยย์นี่แหละ เพราะเธอเองก็น่าจะรู้ว่าร่างของตัวเองอยู่ที่ไหน แต่ทำยังไงอัยย์ถึงจะยอมปริปากนี่สิ
ขณะนั้นอัยย์เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ โดยไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด
“อัยย์” ผมเรียก “เธอพอจะรู้ใช่ไหมว่าร่างของเธอน่าจะถูกส่งไปที่ไหน”
“...”
"บอกฉันได้ไหม เพื่อตัวเธอเอง"
"..."
“เชื่อฉันสิ เธอต้องไม่ตาย ฉันจะหาทางช่วยเธอให้ได้”
“...”
“อัยย์... ดูน้ำเขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ เธอไม่ได้โศกเศร้าอยู่เพียงลำพัง ถ้าตอนนี้เธอตายไปจะทำให้ใครอีกหลายคนเสียใจ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งรีบตัดใจสิ!”
“อือ..."
แววตาของอัยย์เปลี่ยนไป
“น่าจะอยู่โรงพยาบาลไมตรีเวช... ที่ๆ อัยย์ไปตรวจบ่อยๆ”
... ... ...
โปรดติดตามตอนต่อไปงับ ^^
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น