ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : Chapter II: Little Canary 08
คืนวันที่หกในโรงพยาบาลฯ ...
สองสามวันมานี้ชลมาเยี่ยมฉันแค่ครั้งเดียว พักนี้เขามีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะจนฉันอึดอัดแทน...
และกลางดึกคืนนั้น หลังจากที่ฉันปิดไฟนอนไปแล้ว...
ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงแง้มประตูเบาๆ จึงคิดจะลุกจากเตียงไปเปิดไฟ
“ชี่... ใจ นี่ฉันเอง”
“ชล... นี่นายเข้ามาได้ยังไง”
“ฉันรู้จักทุกซอกทุกมุมของโรงพยาบาลดี”
ฉันเชื่อ เพราะคุณหมอนอร์แมนบอกว่า เขาเคยแอบพาน้องสาวออกไปกลางดึกโดยไม่ให้ใครรู้มาแล้ว
“แล้วมาทำอะไร...”
“ก็... มาเซอร์ไพรส์เธอที่พรุ่งนี้ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วไง”
“อ๋อเหรอ...” ฉันลากเสียง
“ไม่ใช่ว่าคิดจะแอบใช้เวทย์มนต์ต้องห้ามเพื่อรักษาอาการป่วยของฉันเหรอ...”
“ล้อเล่นหรือเปล่า เวทมนต์ต้องห้ามอะไรที่ไหน”
“Licht”
ฉันดีดนิ้วดังเป๊าะ
หลอดไฟในห้องทั้งหมดติดพร้อมกันจนสว่างจ้า เผยให้เห็นสีหน้าที่กำลังตื่นตระหนกของชล
“ใจ! ใช้เวทมนต์ไม่ได้นะ!”
“เพราะฉันเป็นโรคเอออสทราซินโดรมใช่ไหม”
เขาอึ้ง
“ใจร้ายจัง ที่ไม่ยอมบอกว่าฉันป่วยเป็นอะไร นี่คิดจะฉันให้ตายไปโดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนเลยหรือไง”
“เธอต้องไม่ตาย”
“ด้วยเวทย์มนต์ต้องห้ามงั้นเหรอ...”
หัวข้อวิจัยของชลคือ “เวทมนต์ย้อนเวลา” แอลลี่บอกว่าในตอนสอบหัวข้อ ชลสาธิตเวทย์มนต์ของเขาให้ดูด้วยการผ่าลูกแอปเปิ้ลออกเป็นสองซีกก่อนที่จะใช้เวทย์มนต์ทำให้แอปเปิ้ลกลับมาเป็นชิ้นเดียวกันเหมือนก่อนผ่า
ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้ทฤษฎีอะไรประกอบเวทย์มนต์นั้น แต่เขาอธิบายให้อาจารย์ฟังว่า เวทมนต์ของเขาไม่ได้มีพลังในการรักษาหรือทำให้ผลแอปเปิ้ลเชื่อมติดกัน เขาเพียงแต่ย้อนเวลาของผลแอปเปิ้ลกลับไปเป็นสภาพเดิมก่อนที่จะถูกผ่าเท่านั้นเอง
“นายก็รู้นี่ว่า เวทย์มนต์กาลเวลา ทุกชนิด มีอาจผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อมิติเวลา จึงถูกประกาศเป็นเวทย์มนต์ต้องห้ามที่ผู้ใช้จะต้องได้รับอนุญาตจากสภาเวทย์มนต์ เสียก่อน มิเช่นนั้นจะต้องได้รับโทษสูงสุด”
“คิดเรอะว่าพวกที่สภาจะยอมให้ฉันใช้เวทย์มนต์ต้องห้ามเพื่อเรื่องส่วนตัว”
“นายก็เลยคิดจะแอบใช้มนต์บทนั้น”
“ใช่”
“โดยไม่ถามความสมัครใจของฉันก่อน”
“ก็...”
“เอาเถอะ นายเข้าใจไม่ผิดหรอก เพราะถ้าถามฉัน ฉันต้องไม่ยอมให้นายใช้แน่ๆ”
“ใจ... ทำไมเธอถึงยังยิ้มได้ทั้งที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคที่จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันใช้เวทย์มนต์รักษา เธอไม่กลัวตายเหรอ!”
“กลัวสิ...” ฉันว่า
“แต่มีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่า นั่นคือการมีชีวิตจมอยู่กับความหวาดกลัว ความโกรธแค้น และความโศกเศร้า...”
ไม่ว่ายุคสมัยใดมนุษย์ก็ปรารถนาจะมีชีวิตที่ยืนยาว ไม่ก็เป็นอมตะ แต่ในคืนแรกที่ฉันได้เผชิญกับความกลัวตายนั้นก็ยาวนานไม่ต่างกับเวลาชั่วนิรันดร์ จนฉันคิดว่าถ้าต้องมีชีวิตเป็นอมตะอยู่กับความทรมานราวกับนรกเช่นนั้น มันคงแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก
“ฉันไม่เข้าใจ... เราควรมีชีวิตอยู่ เพื่อสัมผัสความสุข เพื่อทำสิ่งดีๆ ในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ...”
เสียงของเขาเริ่มสั่น
ชล... ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องจากหัวใจของนาย... เป็นเสียงกรีดร้องเดียวกับตอนที่นายเข้ามายืนขวางงูยักษ์...
วันนั้นนายช่วยฉันไว้ แต่ฉันกลับไม่เคยช่วยอะไรนายเลยสักอย่าง...
ฉันรู้เรื่องของนายจากคุณหมอนอร์แมนหมดแล้ว...
ฉันรู้แล้วว่านายต้องทนทรมานกับความรู้สึกผิดที่คิดว่าตัวเองเป็นคนฆ่าน้องสาวมาตลอด
และที่นายค้นคว้าเวทย์มนต์ย้อนเวลาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ก็เพื่อหาทางกลับไปแก้ไขความผิดของตนเองใช่ไหม...
“นายพูดไม่ผิดหรอก เราควรทำวันพรุ่งนี้ให้ดียิ่งขึ้นไป แต่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่วันนี้เสมอ ถ้าเราไมีความยินดีในตอนนี้แล้วเมื่อไรเราถึงจะมีความสุข”
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายเด็ดขาด! ฉันจะย้อนเวลาในร่างกายของเธอกลับไปเป็นช่วงก่อนที่จะติดเชื้อเอออสทรานี้!”
“Zeit Umkehren!”
ทันทีที่ชลร่ายเวทย์ บรรยากาศในห้องก็มืดมัวลง หลอดไฟในห้องกระพริบติดๆ ดับๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดับสนิท ทิวทัศน์รอบๆ เริ่มบิดเบี้ยว เสียงลม ใบไม้และแมลงที่เจื้อยแจ้วอยู่นอกหน้าตาเงียบหายไป ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้กลายเป็นอีกมิติหนึ่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
เวทย์มนต์เกิดจากอำนาจจิต... พลังเวทย์จึงผกผันกับสภาพจิตใจและนิสัยของผู้ใช้ ชลเป็นคนเด็ดเดี่ยว มั่นคงและมีสัญชาตญาณเฉียบคมจึงมีพลังเวทย์ที่ล้ำหน้าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันเสมอ
แม้แต่ฉันก็ตาม...
วินาทีนั้นฉันโผเข้าหาชล แล้วประกบริมฝีปากกับเขา...
“Jetzt und Hier”
ฉันไม่ได้ร่ายเวทย์บทนี้เพื่อต้านเวทย์มนต์ของเขา แต่ฉันใส่คำภาวนาไว้ในนั้น...
ใช่... ฉันภาวนาขอให้เขาเข้าใจความรู้สึกที่ฉันต้องการถ่ายทอด...
ฉันเชื่อว่าเขาเองก็รู้จักความรู้สึกนี้ดี...
บางขณะที่เขานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊คหรือใน ”ป่า” เขาเคยเปิดใจสัมผัสกับบรรยากาศรอบตัว ด้วยจิตใจที่เป็นปกติ สบายๆ
เขาเคยปล่อยวางอดีต แล้วชื่นชมความงดงามของสิ่งต่างๆ รอบตัวจากหัวใจ...
ฉันภาวนา... ขอให้เขากลับมาเป็นชลคนเดิม ชลที่เป็นเหมือนต้นไม้ที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกผ่อนคลายและเกิดความสบายใจ
กลับมาเป็นชลในอดีตที่เป็นสถานที่พักใจของฉัน ไม่ใช่เขาในตอนนี้ที่ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะรักษาฉัน...
ฉันถอนริมฝีปากออก ทันใดก็ปรากฏแสงสีขาวเล็กๆ ตรงกลางระหว่างเรา แสงนั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ขับไล่บรรยากาศที่มืดมัวออกไป แล้วห้องทั้งห้องก็กลับสู่สภาพปรกติ หลอดไฟกลับมาสว่างเหมือนเดิม และได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของกิ่งไม้และแมลงจากนอกหน้าต่าง...
“ใจ...”
น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ที่ขอบตาของชล
“...ตอนนั้นรุณก็บอกว่า "ขอบคุณ" แล้วจากไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มนี่นะ...”
เขาพึมพัมกับตัวเองเบาๆ
ฉันไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาได้เห็นอะไรบ้าง แต่ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกละก็ คงเหลือทางเดียวคือจับเขาโยนออกนอกหน้าต่างเท่านั้น...
ชลมองหน้าฉันตาไม่กะพริบ
“จ้องไรยะ”
“เอ้อ... ไม่มีอะไร”
เขาเบ้หน้าไปทางอื่นแล้วใช้นิ้วเขี่ยแก้มตัวเอง
“เพิ่งเห็นว่าหมู่นี้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษจนรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอทุกวันเท่านั้นเอง”
“หมายความว่าก่อนหน้านี้ ฉันไม่เคยน่ารักเลยใช่ไหม”
“เปล่าๆ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”
“พอเลย ไม่ต้องมาเยี่ยมทุกวันก็ได้ ด้วยจะพาลเบื่อหน้ากันเปล่าๆ ...”
ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่อยากให้เขาอยู่ข้างๆ ในเวลาที่ฉันต้องการเท่านั้นเอง
ทีเรื่องยากๆ อย่างอื่นล่ะทำเป็นรู้ดี ทีกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้กว่าจะเข้าใจได้ ทำไมต้องให้เหนื่อยขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้...
“มีอะไรหรือเปล่า หนูเอริซ่า!”
ทันใดนั้นคุณหมอนอร์แมนก็ผลักประตูเข้ามา
“อ้าว... คุณหมอมาก็ดีแล้วล่ะค่ะ ช่วยจับอีตาโรคจิตที่คิดจะแอบย่องเข้ามาขืนใจหนูกลางดึกออกไปทีค่ะ”
... ... ...
โปรดติดตามตอนต่อไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น