ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Magic of Now & Here

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter II: Little Canary 08

    • อัปเดตล่าสุด 2 เม.ย. 53



                    คืนวันที่หกในโรงพยาบาลฯ ...

                    สองสามวันมานี้ชลมาเยี่ยมฉันแค่ครั้งเดียว พักนี้เขามีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะจนฉันอึดอัดแทน...

                    และกลางดึกคืนนั้น หลังจากที่ฉันปิดไฟนอนไปแล้ว...

                    ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อได้ยินเสียงแง้มประตูเบาๆ จึงคิดจะลุกจากเตียงไปเปิดไฟ

                    “ชี่... ใจ นี่ฉันเอง”

                    “ชล... นี่นายเข้ามาได้ยังไง”

                    “ฉันรู้จักทุกซอกทุกมุมของโรงพยาบาลดี”

                    ฉันเชื่อ เพราะคุณหมอนอร์แมนบอกว่า เขาเคยแอบพาน้องสาวออกไปกลางดึกโดยไม่ให้ใครรู้มาแล้ว

                    “แล้วมาทำอะไร...”

                    “ก็... มาเซอร์ไพรส์เธอที่พรุ่งนี้ก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วไง”

                    “อ๋อเหรอ...” ฉันลากเสียง

                    “ไม่ใช่ว่าคิดจะแอบใช้เวทย์มนต์ต้องห้ามเพื่อรักษาอาการป่วยของฉันเหรอ...”

                     “ล้อเล่นหรือเปล่า เวทมนต์ต้องห้ามอะไรที่ไหน”

                   
    “Licht”

                     ฉันดีดนิ้วดังเป๊าะ

                    หลอดไฟในห้องทั้งหมดติดพร้อมกันจนสว่างจ้า เผยให้เห็นสีหน้าที่กำลังตื่นตระหนกของชล

                    “ใจ! ใช้เวทมนต์ไม่ได้นะ!”

                    “เพราะฉันเป็นโรคเอออสทราซินโดรมใช่ไหม”

                    เขาอึ้ง

                    “ใจร้ายจัง ที่ไม่ยอมบอกว่าฉันป่วยเป็นอะไร นี่คิดจะฉันให้ตายไปโดยไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนเลยหรือไง”

                    “เธอต้องไม่ตาย”

                    “ด้วยเวทย์มนต์ต้องห้ามงั้นเหรอ...”

                    หัวข้อวิจัยของชลคือ “เวทมนต์ย้อนเวลา” แอลลี่บอกว่าในตอนสอบหัวข้อ ชลสาธิตเวทย์มนต์ของเขาให้ดูด้วยการผ่าลูกแอปเปิ้ลออกเป็นสองซีกก่อนที่จะใช้เวทย์มนต์ทำให้แอปเปิ้ลกลับมาเป็นชิ้นเดียวกันเหมือนก่อนผ่า

                    ฉันไม่รู้ว่าเขาใช้ทฤษฎีอะไรประกอบเวทย์มนต์นั้น แต่เขาอธิบายให้อาจารย์ฟังว่า เวทมนต์ของเขาไม่ได้มีพลังในการรักษาหรือทำให้ผลแอปเปิ้ลเชื่อมติดกัน เขาเพียงแต่ย้อนเวลาของผลแอปเปิ้ลกลับไปเป็นสภาพเดิมก่อนที่จะถูกผ่าเท่านั้นเอง

                    “นายก็รู้นี่ว่า เวทย์มนต์กาลเวลา ทุกชนิด มีอาจผลกระทบที่คาดไม่ถึงต่อมิติเวลา จึงถูกประกาศเป็นเวทย์มนต์ต้องห้ามที่ผู้ใช้จะต้องได้รับอนุญาตจากสภาเวทย์มนต์ เสียก่อน มิเช่นนั้นจะต้องได้รับโทษสูงสุด”

                    “คิดเรอะว่าพวกที่สภาจะยอมให้ฉันใช้เวทย์มนต์ต้องห้ามเพื่อเรื่องส่วนตัว”

                    “นายก็เลยคิดจะแอบใช้มนต์บทนั้น”

                    “ใช่”

                    “โดยไม่ถามความสมัครใจของฉันก่อน”

                    “ก็...”

                    “เอาเถอะ นายเข้าใจไม่ผิดหรอก เพราะถ้าถามฉัน ฉันต้องไม่ยอมให้นายใช้แน่ๆ”

                    “ใจ... ทำไมเธอถึงยังยิ้มได้ทั้งที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคที่จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ ทำไมเธอถึงไม่ยอมให้ฉันใช้เวทย์มนต์รักษา เธอไม่กลัวตายเหรอ!”

                    “กลัวสิ...” ฉันว่า

                     “แต่มีบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่า นั่นคือการมีชีวิตจมอยู่กับความหวาดกลัว ความโกรธแค้น และความโศกเศร้า...”

                     ไม่ว่ายุคสมัยใดมนุษย์ก็ปรารถนาจะมีชีวิตที่ยืนยาว ไม่ก็เป็นอมตะ แต่ในคืนแรกที่ฉันได้เผชิญกับความกลัวตายนั้นก็ยาวนานไม่ต่างกับเวลาชั่วนิรันดร์ จนฉันคิดว่าถ้าต้องมีชีวิตเป็นอมตะอยู่กับความทรมานราวกับนรกเช่นนั้น มันคงแย่ยิ่งกว่าตายเสียอีก

                    “ฉันไม่เข้าใจ... เราควรมีชีวิตอยู่ เพื่อสัมผัสความสุข เพื่อทำสิ่งดีๆ ในวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอ...”

                    เสียงของเขาเริ่มสั่น

                    ชล... ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องจากหัวใจของนาย... เป็นเสียงกรีดร้องเดียวกับตอนที่นายเข้ามายืนขวางงูยักษ์...


                    วันนั้นนายช่วยฉันไว้ แต่ฉันกลับไม่เคยช่วยอะไรนายเลยสักอย่าง...

                    ฉันรู้เรื่องของนายจากคุณหมอนอร์แมนหมดแล้ว...

                    ฉันรู้แล้วว่านายต้องทนทรมานกับความรู้สึกผิดที่คิดว่าตัวเองเป็นคนฆ่าน้องสาวมาตลอด

                    และที่นายค้นคว้าเวทย์มนต์ย้อนเวลาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ก็เพื่อหาทางกลับไปแก้ไขความผิดของตนเองใช่ไหม...

                    “นายพูดไม่ผิดหรอก เราควรทำวันพรุ่งนี้ให้ดียิ่งขึ้นไป แต่ทุกอย่างต้องเริ่มต้นที่วันนี้เสมอ ถ้าเราไมีความยินดีในตอนนี้แล้วเมื่อไรเราถึงจะมีความสุข”

                    “ไม่! ฉันจะไม่ยอมให้เธอตายเด็ดขาด! ฉันจะย้อนเวลาในร่างกายของเธอกลับไปเป็นช่วงก่อนที่จะติดเชื้อเอออสทรานี้!”

                   
    Zeit Umkehren!”   

                    ทันทีที่ชลร่ายเวทย์ บรรยากาศในห้องก็มืดมัวลง หลอดไฟในห้องกระพริบติดๆ ดับๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะดับสนิท ทิวทัศน์รอบๆ เริ่มบิดเบี้ยว เสียงลม ใบไม้และแมลงที่เจื้อยแจ้วอยู่นอกหน้าตาเงียบหายไป ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้กลายเป็นอีกมิติหนึ่งที่ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

                    เวทย์มนต์เกิดจากอำนาจจิต... พลังเวทย์จึงผกผันกับสภาพจิตใจและนิสัยของผู้ใช้ ชลเป็นคนเด็ดเดี่ยว มั่นคงและมีสัญชาตญาณเฉียบคมจึงมีพลังเวทย์ที่ล้ำหน้าเพื่อนๆ ในรุ่นเดียวกันเสมอ

                    แม้แต่ฉันก็ตาม...

                    วินาทีนั้นฉันโผเข้าหาชล แล้วประกบริมฝีปากกับเขา...

                   
    “Jetzt und Hier”

                    ฉันไม่ได้ร่ายเวทย์บทนี้เพื่อต้านเวทย์มนต์ของเขา แต่ฉันใส่คำภาวนาไว้ในนั้น...

                    ใช่... ฉันภาวนาขอให้เขาเข้าใจความรู้สึกที่ฉันต้องการถ่ายทอด...

                    ฉันเชื่อว่าเขาเองก็รู้จักความรู้สึกนี้ดี...

                    บางขณะที่เขานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊คหรือใน ”ป่า” เขาเคยเปิดใจสัมผัสกับบรรยากาศรอบตัว ด้วยจิตใจที่เป็นปกติ สบายๆ

                    เขาเคยปล่อยวางอดีต แล้วชื่นชมความงดงามของสิ่งต่างๆ รอบตัวจากหัวใจ...

                    ฉันภาวนา... ขอให้เขากลับมาเป็นชลคนเดิม ชลที่เป็นเหมือนต้นไม้ที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกผ่อนคลายและเกิดความสบายใจ

                    กลับมาเป็นชลในอดีตที่เป็นสถานที่พักใจของฉัน ไม่ใช่เขาในตอนนี้ที่ยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะรักษาฉัน...

                    ฉันถอนริมฝีปากออก ทันใดก็ปรากฏแสงสีขาวเล็กๆ ตรงกลางระหว่างเรา แสงนั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น ขับไล่บรรยากาศที่มืดมัวออกไป แล้วห้องทั้งห้องก็กลับสู่สภาพปรกติ หลอดไฟกลับมาสว่างเหมือนเดิม และได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของกิ่งไม้และแมลงจากนอกหน้าต่าง...

     

                    “ใจ...”

                    น้ำใสๆ ปริ่มอยู่ที่ขอบตาของชล

                    “...ตอนนั้นรุณก็บอกว่า "ขอบคุณ" แล้วจากไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มนี่นะ...”

                    เขาพึมพัมกับตัวเองเบาๆ

                    ฉันไม่รู้ว่าเมื่อครู่นี้เขาได้เห็นอะไรบ้าง แต่ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีกละก็ คงเหลือทางเดียวคือจับเขาโยนออกนอกหน้าต่างเท่านั้น...

                    ชลมองหน้าฉันตาไม่กะพริบ

                    “จ้องไรยะ”

                    “เอ้อ... ไม่มีอะไร”

                    เขาเบ้หน้าไปทางอื่นแล้วใช้นิ้วเขี่ยแก้มตัวเอง

                    “เพิ่งเห็นว่าหมู่นี้เธอดูน่ารักเป็นพิเศษจนรู้สึกเสียดาย ที่ไม่ได้มาเยี่ยมเธอทุกวันเท่านั้นเอง”

                    “หมายความว่าก่อนหน้านี้ ฉันไม่เคยน่ารักเลยใช่ไหม”

                    “เปล่าๆ ไม่ได้หมายความอย่างนั้น...”

                    “พอเลย ไม่ต้องมาเยี่ยมทุกวันก็ได้ ด้วยจะพาลเบื่อหน้ากันเปล่าๆ ...”

                    ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย แค่อยากให้เขาอยู่ข้างๆ ในเวลาที่ฉันต้องการเท่านั้นเอง

                    ทีเรื่องยากๆ อย่างอื่นล่ะทำเป็นรู้ดี ทีกับเรื่องง่ายๆ แค่นี้กว่าจะเข้าใจได้ ทำไมต้องให้เหนื่อยขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้...

     

                    “มีอะไรหรือเปล่า หนูเอริซ่า!”

                    ทันใดนั้นคุณหมอนอร์แมนก็ผลักประตูเข้ามา

                    “อ้าว... คุณหมอมาก็ดีแล้วล่ะค่ะ ช่วยจับอีตาโรคจิตที่คิดจะแอบย่องเข้ามาขืนใจหนูกลางดึกออกไปทีค่ะ”

    ... ... ...

    โปรดติดตามตอนต่อไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×