ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Gem Knight - สงครามอัญมณีครองพิภพ

    ลำดับตอนที่ #10 : ที่ท่าเรือ

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 54


    Chapter VIII: At Pier

     

                ซีแมนหนุ่มคลี่ดูใบประกาศอีกครั้ง เนื้อหาในนั้นกล่าวถึง งูยักษ์ที่ออกอาละวาดในแถบทะเลลีเดียนมานานนับร้อยปี จมเรือต่างๆ ทั้งเรือรบและเรือสินค้าไปมากกว่าสองร้อยลำ มีคนตายและหายสาบสูญกว่าหนึ่งหมื่นคน แต่เฉพาะช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาดูเหมือนมันจะอาละวาดหนักกว่าเดิม เพียงปีเดียวก็จมเรือไปถึงห้าสิบลำ

                ทางอาณาจักรโพลีเซียจึงยื่นข้อเสนอมายังสหพันธรัฐกรีซีเรียให้ผนึกกำลังล่างูยักษ์ ใครที่สังหารมันได้ ทางโพลีเซียจะมอบรางวัลให้อย่างงาม

                ชายหนุ่มขยำใบประกาศ

                “นี่มันบ้าชัดๆ ไม่มีใครฆ่ามันได้หรอก” เขานึกถึงขนาดอันใหญ่โตของมัน ที่สามารถกลืนเรือสำเภาทั้งลำเข้าไปได้สบายๆ

                ตัวเลขในใบประกาศนั้นดูจะกล่าวเกินจริง โกไลแอตไม่เคยได้ยินว่างูยักษ์ตัวนี้คอยรังควาญนักเดินเรือ เดิมทีมันเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดในเทพนิยาย น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆ

                ไม่มีใครรู้ว่าทำไมปีนี้ จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวออกมาเข่นฆ่าผู้คนมากมาย จนทำให้ทะเลลีเดียนกลายเป็นทะเลมรณะ

                “มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง” โกไลแอตหันไปถามฟามิเดส

                “ก็มีท่านอกาเมนติส ข้า แล้วก็เจ้านี่แหละ” ฟามิเดสหมายถึงพ่อของโกไลแอต ผู้เป็นหัวหน้าสมาคมซีแมนแห่งไซคลาดิส

                “ดี ข้าจะไปคุยกับพ่อเดี๋ยวนี้”

                อกาเมนติสเองก็รอดชีวิตจากการโจมตีของงูยักษ์อย่างปาฏิหาริย์ โกไลแอตเชื่อว่าพ่อจะต้องเข้าใจแน่ ใบประกาศนี้ไม่ต่างอะไรจากสาสน์มรณะ ที่เอารางวัลล่อ ชักชวนให้คนแห่กันไปตาย

                “พ่อ” โกไลแอตวิ่งไปหาอกาเมนติส ซึ่งนั่งอยู่ที่เพิงเล็กๆ หน้าเรือนสมาคมซีแมน เป็นเพิงที่มีไม้สองต้นค้ำเฉียงอยู่กับตัวเรือน หลังคาคลุมด้วยผ้าใบ

                เรือนของสมาคมซีแมน ก่อขึ้นจากดินโคลน ข้างหน้าเรือนไม่มีใครนอกจากอกาเมนติส

                “ข้านึกแล้วว่าเจ้าต้องมา” ชายวัยกลางคนมองหน้าลูกชาย เคราและผมที่ยาวหยักศกของเขาเป็นสีเทา ใบหน้าหยาบกร้านด้วยลมทะเล บัดนี้ร่างอันกำยำของเขาเล็กกว่าโกไลแอตเสียแล้ว

                “เราไม่ควรประกาศเรื่องนี้ออกไป ยิ่งมีคนรู้เยอะเท่าไร ก็ยิ่งเพิ่มศพถมทะเลมากเท่านั้น”

                ซีแมนวัยกลางคนยิ้ม

                “เจ้าเป็นห่วงคนอื่นๆ หรือเป็นห่วงแม่หนูนั่นล่ะ”

                หน้าคล้ำแดดของโกไลแอตเปลี่ยนเป็นสีแดง

                “ข้าก็เป็นห่วงทุกคนนั่นแหละ พ่อเองก็รู้ไม่ใช่เรอะว่ามันอันตรายแค่ไหน”

                อกาเมนติสหัวเราะ “เอาเถอะข้าเองก็คิดเหมือนเจ้านั่นแหละ จัดการตามที่เจ้าชอบเถอะ”

                แต่ละเมืองในสหพันธรัฐกรีซีเรียเป็นอิสระต่อกัน โดยทุกเมืองจะร่วมมือกันก็เฉพาะเวลาที่มีศัตรูรุกรานจากภายนอก ดังนั้นซีแมนแห่งไซคลาดิสจึงมีเสรีภาพที่จะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับใบประกาศนี้ โดยไม่ต้องสนใจท่าทีของเมืองอื่นๆ ในสหพันธรัฐกรีซีเรีย

                “โกไลแอต” ในตอนนั้นเอง หญิงสาวก็โผล่มา

                “เซชิล!” ชายหนุ่มร้องเสียงดัง

                “อ๊ะ สวัสดีค่ะท่านหัวหน้าสมาคม สบายดีไหมค่ะ” เซชิลหันไปทักอกาเมนติส

                “หึๆ ข้ายังแข็งแรงดีเหมือนเดิม จะให้ออกเรือไปโพลีเซียหรือธีบีสก็ได้ทั้งนั้น เจ้าสิหายไปไหนมา ไม่เห็นหน้าเสียนาน”

                “แหะๆ ข้ามัวแต่เดินหลงทาง เสียเวลาอยู่นานเหมือนกันกว่าจะหาทางกลับมาที่ท่าเรือได้ แต่ต่อไปนี้คงไม่หลงทางอีกแล้วล่ะ” เซชิลใช้นิ้วเขี่ยแก้มตัวเอง

                “งั้นเหรอๆ ไม่เป็นไรหรอก เจ้ายังสาว ยังมีเวลาอีกเยอะ”

                “ขอโทษนะคะ ข้าขอตัวโกไลแอตแป๊บนึงค่ะ” ว่าแล้วเซชิลก็คล้องแขนเล็กๆ ของตนกับแขนอันใหญ่โตของชายหนุ่ม แล้วลากไปทางซุ้มเก็บสิ้นค้าที่มีลังไม้กองเรียงราย

                “เซชิล มีอะไรเหรอ” โกไลแอตถามเมื่อทั้งสองอยู่กันตามลำพัง

                เซชิลจ้องตาอีกฝ่ายเขม็ง

                “โกไลแอต เจ้าปิดบังอะไรข้าอยู่หรือเปล่า”

                ชายหนุ่มสะดุ้ง

                “ทำไมคนอย่างข้าต้องมีเรื่องปิดบังเจ้าด้วย”

                “เห... ท่าทางแบบนี้เจ้าต้องมีเรื่องปิดบังข้าแน่” ตาสีฟ้าคู่นั้นกลอกไปมา

                หัวใจของโกไลแอตก็พลอยตุ้มๆ ต่อมๆ ไปด้วย หรือว่าเซชิลจะรู้แล้ว จะเป็นไปได้ยังไง

                แล้วหญิงสาวก็โพล่งขึ้นมา

                “เจ้ากำลังมีความรักใช่ไหม”

                “หา?”

                “ไม่ผิดแน่ ที่พักนี้เจ้าดูอ่อนโยนขึ้น ก็เพราะกำลังหลงรักใครสักคนอยู่นั่นเอง”

                “จะบ้าเรอะ” ชายหนุ่มเริ่มโวยวาย

                “ร้อนตัวอย่างงี้ แสดงว่าใช่น่ะสิ ยอมรับมาซะดีๆ เถอะน่า แล้วข้าจะช่วยเจ้าเอง” เซชิลขันอาสา เห็นเป็นเรื่องสนุก

                “เออ ยอมรับก็ได้ ข้าแอบหลงรักผู้หญิงคนนึงอยู่”

                “อ่ะฮ่า นั่นไงล่ะ” เซชิลดีดนิ้วเป๊าะ “แล้วนางรู้หรือยัง”

                “ข้าว่ายังไม่รู้หรอก คงไม่รู้ไปจนตายนั่นแหละ” โกไลแอตเบ้ปาก

                “พูดยังงี้ก็ไม่ถูกนา เจ้าไม่ลองสารภาพรักดูล่ะ บางทีนางอาจจะคิดเหมือนเจ้าก็ได้นะ”

                “พอๆ ข้ากำลังยุ่งอยู่ เจ้ามีธุระแค่นี้ใช่ไหม ไว้ข้าจะไปปรึกษาทีหลัง” โกไลแอตโบกไม้โบกมือไล่

                “โธ่เอ๊ย ก็ได้ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” เซชิลทำหน้าผิดหวัง

                “พรุ่งนี้ก็ไม่ได้” โกไลแอตเอ่ยทันที “สามวันนี้ข้าคงยุ่งตลอด หลังจากนั้นค่อยมาละกัน”

                หญิงสาวทำหน้าฉงน ก่อนจะพยักหน้าหงึกๆ แล้วยอมกลับไปแต่โดยดี

                เมื่อเซชิลจากไปโกไลแอตก็ถอนหายใจยาว

                เท่านี้ก็โล่งใจไปเปาะหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าข่าวการล่างูยักษ์จะกระจายมาจากทางอื่นหรือเปล่า บางทีนางอาจจะได้ยินคนในตลาดคุยกันก็ได้

                ชายหนุ่มส่ายหน้า ท่าทางสามวันนี้ คงเป็นสามวันที่ยาวนาน

                ทันใดนั้นเองชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างบน

                 ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปจึงเห็นชายในผ้าคลุมสีดำ นั่งหัวเราะอยู่บนลังไม้กองพะเนินสูง

                “จะดีเหรอที่ไม่บอกความจริงแก่นาง” ชายในผ้าคลุมเอ่ยขึ้นก่อน

                “เจ้าพูดเรื่องอะไร” โกไลแอตจำได้ เขาคือคนที่อยู่กับเซชิลเมื่อวาน

                “ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ ทั้งเรื่องหัวใจของเจ้า และอีกเรื่องที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับเซชิล”

                คำตอบนั้น ทำให้สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยน

                “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ข่าวยังไม่น่าจะแพร่เร็วขนาดนั้น”

                ชายในผ้าคลุมเชิดหน้า ยิ้มมุมปาก

                “โลกนี้ยังมีเรื่องอีกมากนัก ที่เจ้าไม่รู้”

                “เจ้าเป็นใครกันแน่” โกไลแอตจ้องอีกฝ่ายนิ่ง ขณะนั้นก็มีลมทะเลพัดฮูดเสื้อคลุมถลกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าของคู่สนทนา

                “เลวี...” ซีแมนหนุ่มตะลึง “ไม่สิ ไม่ใช่เลวี”

                “นามของข้าคือแวนดิช” ชายพเนจรดึงฮูดออก เส้นผมสีดำสยายตามแรงลม “ตลกดีนะ ข้าแค่บอกกับเซชิลว่า โกไลแอตมีเรื่องปิดบังเจ้าอยู่ เท่านั้นเอง ไม่นึกว่านางจะเข้าใจไปทางนี้ซะได้” ว่าแล้วเขาก็หัวเราะร่วน

                “เจ้าต้องการอะไรกันแน่” คิ้วของโกไลแอตขมวดเข้าหากัน

                ต่อหน้าข้าจะไม่มีการเข่นฆ่าใดๆ ทั้งนั้น เซชิลพูดไว้ยังงี้สินะ ข้าแค่อยากรู้ว่า เมื่อได้ออกไปเผชิญโลกภายนอกแล้ว ดวงตาสีฟ้าของนางจะยังสามารถมองไปข้างหน้าอย่างสดใสซื่อตรงต่อไปจนถึงเมื่อไร”

                “อย่าหวังเลย ข้าไม่ยอมให้นางไปแน่”

                “มันเป็นชะตากรรมของนาง เจ้าทำอะไรไม่ได้หรอก” แวนดิชยิ้มเยือกเย็น ขณะเหลือบตามองโกไลแอตที่อยู่ข้างล่าง

                “เจ้าไม่ใช่เลวีจริงๆ” ซีแมนหนุ่มว่า “เลวีไม่มีวันยิ้มเลือดเย็นแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์เช่นไร เจ้านั่นก็จะมีรอยยิ้มที่อบอุ่นเสมอ”

                แวนดิชฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมจนเห็นเขี้ยว เขาส่งเสียงหัวเราะทุ้มลึกในลำคอ

                “เจ้ารักเซชิลสินะ”

                “อะไรน่ะ จู่ๆ ก็...”

                “เพื่อปกป้องสิ่งหนึ่ง เราอาจต้องทำลายอีกสิ่ง เพื่อปกป้องคนๆ หนึ่ง เราอาจต้องทำร้ายใครสักคน ถึงที่สุดถ้าเรายังคิดจะปกป้องสิ่งสำคัญไว้ให้ได้ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัวเท่านั้นเอง” แวนดิชลุกขึ้นยืน “ถ้าเจ้ายังยืนกรานว่าจะไม่ยอมให้เซชิลไปล่ะก็ จงมัดมือมัดเท้านางแล้วขังไว้ซะ หากข้าเป็นเจ้า ข้าก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน” ดวงตาสีดำคู่นั้นฉายแววอำมหิต บ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่น

                โกไลแอตรู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง ขณะมองตาอีกฝ่าย

                “แต่อย่างเจ้าคงทำไม่ได้หรอก” แวนดิชดึงฮูดคลุมศีรษะ ทำท่าจะกลับหลังหัน

                “นั่นเจ้าจะไปไหน”

                “เวทีต่อไปของเซชิล ไม่มีที่สำหรับข้า ยังไงก็ฝากเจ้าดูแลนางด้วยล่ะ” พูดเสร็จ ชายพเนจรก็กระโดดลงจากลังไม้หายไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×