littletree
ดู Blog ทั้งหมด

วิกฤตสังคมไทย: จากมุมมองของเม็ดทราย

เขียนโดย littletree
ทุกวันนี้คนไทยเบื่อหน่ายกับวิกฤตการเมืองมากขึ้นทุกที
เพื่อนผมคนหนึ่งถึงกับพูดทำนองว่า

"พวกพลังเงียบที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรแต่ไม่ออกมาแสดงพลังนี่น่าสมเพช"

สิ่งเรกที่ผมสัมผัสได้จากคำพูดของเพื่อนคนนั้นก็คือ
ความรุ่มร้อนในใจของตัวเขาเองที่เกิดจากความไม่พอใจสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ผมไม่เคยคิดว่าปัญหาของบ้านเมืองเราในตอนนี้คือวิกฤตการเมืองเลยสักนิด
“วิกฤตศีลธรรม” ต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่และน่ากลัวกว่า



ทุกวันนี้คนไทยฆ่ากันง่ายดาย ด้วยเหตุผลที่เบาหวิวอย่างกับหนังเกรดบี
(ผมไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ทางการเมืองนะครับ)

แค่มีคนมาหลีแฟนเพื่อน ถึงกับต้องขับปาดหน้าแท็กซี่ ตามไปยิงให้ตาย
ข่าวคนฆ่ากันตายในรูปแบบต่างๆ มีให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน

จะเห็นได้ว่า...
คนไทยส่วนหนึ่งทั้งไม่เกรงกลัวกฎหมายและขาดหิริโอตัปปะ
มาตั้งแต่ก่อนมีการชุมนุมประท้วงเสียอีก
(เป็นที่รู้กันว่าทั้งรถยนต์ ทั้งมอเตอร์ไซค์ไม่ค่อยเคารพกฎจราจรกันเท่าไร
ต้องเห็นตำรวจก่อนถึงจะปฏิบัติตาม)

สังคมที่เป็นแบบนี้ต่างหาก...
ที่ให้กำเนิดวัฒนธรรมการประท้วงที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว ไม่แคร์ว่าใครจะเดือดร้อน

คนเราเริ่มมองว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์น้อยลงทุกที
และคิดจะทำอะไรใครก็ได้ ขอเพียงตัวเองไม่เดือดร้อน



พวกเราอาจคิดว่า...
ตัวเองไม่มีส่วนในการสร้างความเกลียดชังที่ทำให้สถานการณ์ในบ้านเมืองเลวร้ายลง

แต่จากที่ผมเห็นนั้น...
หลายคนมักจะนำคลิป หรือเขียนถ้อยคำ ที่ส่งเสริมให้คนอ่านเกลียดชังฝ่ายตรงข้ามกันมากมาย
ทั้งจากการอัพเฟซบุก ไม่ก็ฟอร์เวิร์ดเมล

เร็วๆ นี้ผมเพิ่งได้คลิปจากฝรั่งซึ่งถ่ายเหตุกาณ์การปะทะกันระหว่างชาวสีลมกับพวกเสื้อแดง
ทีแรกผมตั้งใจจะอัพในยูธูปเพื่อเปิดเผยสิ่งที่ตำรวจทำกับชาวสีลม
แต่พอพิจารณาแล้วผมเห็นว่ามันไม่คุ้มเลย
ถ้าสิ่งที่ผมทำจะเป็นเหตุให้คนกรุงเทพฯจำนวนหนึ่งเกลียดตำรวจ

ที่ว่าไม่คุ้มก็เพราะหากผมเป็นต้นเหตุให้คนเกลียดกันนั้น
ผลของอกุศลกรรมมันจะมาลงที่ผมล้วนๆ
(แถมไม่ได้โล่ห์ หรือใบประกาศอะไรอีกต่างหาก - -)

ผมคิดถึงพ่อของเพื่อนผมที่เป็นตำรวจ
สมัยหนึ่งที่คนเกลียดตำรวจมากจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเสื้อเหลืองกับตำรวจ
เพื่อนผมคนนั้นเขาเป็นห่วงพ่อมากถึงกับพูดกับพ่อว่า
ถ้าามีใครเข้ามาทำร้ายพ่อก็ให้ชักปืนยิงเขาได้เลย

ตำรวจก็มีหัวใจ ทหารก็มีหัวใจ ประชาชนทุกคนก็มีหัวใจ มีพ่อแม่ มีลูกๆ ที่รักและคอยห่วงใย
หากพวกเขาเป็นอะไรไปก็จะมีคนเสียใจร้องไห้

เมื่อผมคิดได้อย่างนี้แล้วผมจึงลบยูธูปที่ตัวเองอุตส่าห์อัพ
เพราะผมไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้คนเกลียดกัน
(ไม่ว่าเขาจะทำชั่วเลวทรามแค่ไหนก็ตาม)
หากมีใครเกลียดตำรวจ พวกตำรวจดีๆ อย่างพ่อของเพื่อนผม
ก็อาจจะซวยไปด้วยทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย



ตอนนี้หลายคนเริ่มเห็นด้วยกับการใช้กำลังยุติปัญหา...

ผมอาจเป็นแค่เม็ดทรายเล็กๆ
ที่ต่อให้พยายามเท่าไรก็ไม่อาจต้านทานคลื่นแห่งความเกลียดชังที่นำไปสู่การห้ำหั่นกัน

แต่ผมไม่ใช่ตัวคนเดียว
ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่สะเทือนใจกับความตายของผู้เคราะห์ร้าย
โดยไม่แบ่งแยกว่าใส่เสื้อสีไหน เช่นเดียวกับผม

คนเหล่านั้นยังมีหัวใจที่ใสสะอาดเหมือนเด็กบริสุทธิ์
ไม่ถูกความเกลียดชังบดบังจนสูญเสียความรักที่มีต่อกันในฐานะเพื่อนมนุษย์

ตราบใดที่ยังมีคนที่คิดเช่นนี้อยู่แม้เพียงคนเดียว
ผมก็รู้สึกว่าประเทศไทยนี้ยังน่าอยู่มาก และยินดีที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนเหล่านั้นต่อไป
ต่อให้กรุงเทพฯ... เมืองไทยจะเข้าสู่มิคสัญญีหรือกลายเป็นสนามรบไปจริงๆ ก็ตาม

ผมเชื่อว่าทุกๆ คนก็น่าจะรู้สึกเช่นเดียวกับผม
ผมเชื่อว่าน้ำตาของพวกเรา
ยังพร้อมหลั่งให้กับเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตายทุกคนในสังสารวัฏ
โดยไม่แบ่งสี แบ่งฝักฝ่าย แบ่งชนชั้น แบ่งชาติ แบ่งศาสนา หรืออะไรทั้งนั้น

--------------------------------------------------------------------------------------------

ปล. ถ้าคนเรายังรักกันยังมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ต่อให้มีความเห็นขัดแย้งกันแค่ไหน ก็จะไม่ลงมือทำร้ายอีกฝ่าย

เมืองใดก็ตามจะสงบร่มเย็นและน่าอยู่หรือไม่
ไม่ใช่เพราะใช้การปกครองแบบไหน แต่เป็นเพราะมีคนแบบไหนอยู่ต่างหาก
เมืองที่มีแต่คนดีอยู่ ไม่ว่าจะปกครองแบบไหน ออกกฎหมายยังไง
ก็สงบเรียบร้อย ร่มเย็น น่าอยู่

ลปล. ในขณะที่คนไทยส่วนหนึ่งกำลังส่งเสริมให้คนอื่นเกลียดชังฝ่ายที่ตัวเองไม่ชอบ
คนไทยอีกส่วนหนึ่งก็กำลังอุทิศเวลาเผยแพร่ข้อคิดคติธรรมดีๆ ให้คนหันมาศรัทธาในความดี
และรู้จักประพฤตปฏิบัติตัวให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น

บางคนรวบรวมเสื้อผ้าอาหาร แล้วขนไปถึงภาคเหนือ ต้องนั่งเรือต่อหลายชั่วโมง
เดินขึ้นเขาอีกหลายชั่วโมงเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นไปมอบให้พวกเด็กๆ บนเขาที่ยากไร้

ผมคิดว่าที่เมืองไทยยังน่าอยู่ และผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้จนถึงทุกวันนี้
ก็เพราะยังมีคนที่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองอย่างซื่อสัตย์สุจริต
และเสียสละเวลาส่วนหนึ่งเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
แม้จะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองอะไรเลยก็ตาม

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น